ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 12 มนตรามหาเสน่ห์

กระทู้สนทนา

ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


****************************************



ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า นะคะ

ขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจ

จากหัวกระทู้ที่แล้ว
คุณ แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ซึ้ง, Psycho man ถูกใจ
จากคคห.ที่1กระทู้ที่แล้ว
คุณ Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ซึ้ง, Psycho man ถูกใจ

ขอบคุณพิเศษสำหรับสองความคิดเห็น
ขอยกมาตอบในกระทู้นี้เลยนะคะ
http://ppantip.com/topic/34285232

ตอบความคิดเห็นคุณ Psycho man
บทที่กำลังจะได้อ่านนี้... เรมี ยังมีบทเด่นอยู่นะคะ ลองติดตามได้เลยค่ะ

ตอบความคิดเห็นคุณ สมาชิกหมายเลข 1182478
ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าจริงๆ นะคะ แม้จะต้องทิ้งอะไรไว้ข้างหลัง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องบังคับใจให้ลืม
และการเดินไปข้างหน้านั้น อย่างน้อย หากมีหลักการอะไรยึดไว้สักข้อ...ก็ยังคงมั่นใจได้ว่า จะมีความเป็นตัวของตัวเองหลงเหลืออยู่บ้าง
นายราอูลล์ของเรา ก็น่าจะเป็นประมาณนั้นนะคะ ^_^

ขอบคุณทุกท่านจากใจจริงๆ ค่ะ

*****************************





ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
012
มนตรามหาเสน่ห์




ราอูลล์โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับมาที่โรงแรม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้และบ้านเขากับสีมาร์มาตั้งแต่แรก ภายในเงียบเชียบเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน เพราะพวกลัทธิเทพรัตติกาลพากันจากไปแล้ว

เสียงสรรเสริญ ส่งเสริมและยินดีกับงานแต่งของเขากับซีรินซ์ ยังดังก้องเต็มสองหู แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร จะไปมัดมือชกหล่อนได้อย่างไร...

น่าจะเป็นหล่อนต่างหากไม่ใช่หรือที่ ความจำไม่ดี ความทรงจำอาจได้รับความกระทบกระเทือน จึงเชื่อเป็นตุเป็นตะว่า เขาเคยแต่งงานกับหล่อน เคยเข้าหอกับหล่อนมาแล้วจริงๆ

ส่วนตัวเขาเอง ไม่ใช่จะรังเกียจเดียดฉันท์ หญิงสาวรูปร่างงดงามถูกใจและแสนจะใสซื่อคนนั้น แต่ตอนนี้ตนเองก็รู้แน่อยู่เต็มอกว่า หัวใจไม่อาจแบ่งให้ใครได้อีกแล้ว... แม้จะนึกเท่าไรก็ยังนึกไม่ออกก็ตาม ว่าคนที่เขารักนั้น... เป็นใคร...

เขากระแทกนั่งลงบนโต๊ะในห้องโถง มือปัดแก้วน้ำดีบุกทั้งถาด กระเด็นไปด้วยความอัดอั้น แล้วก็ตบโต๊ะแรงๆ เพราะไม่รู้จะระบายออกอย่างไรได้อีก

ซีรินซ์เดินอุ้มโถบรรจุเถ้ากระดูกแม่เฒ่าโอราลล์ตามเข้ามา หล่อนมีสีหน้าสลด ไม่คิดเหมือนกันว่า กำหนดการแต่งงานที่ป้าสีมาร์จัดการ จะทำให้เขาหัวเสียได้ถึงเพียงนี้

แต่หล่อนก็ทำได้แค่นิ่งไว้ ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใด ให้มากไปกว่าที่เคยมาก่อนอีกแล้ว...

ทว่าพอเห็นราอูลล์หันมาตาขวางใส่ ซีรินซ์ก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจ

“พี่... พี่ราอูลล์... พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม...”

เป็นตอนที่สีมาร์ผ่านประตูเข้ามาพอดี เห็นสองหนุ่มสาวกำลังจะปรับความเข้าใจ นางก็ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ

ราอูลล์รีบตามให้ทันอารมณ์ตัวเอง เผลอสบตากับแววตาหวานชื่น ที่เวลานี้กลับโศกสลดนักหนา แล้วก็นึกโกรธตัวเอง ที่น่าจะควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ได้ดีกว่านี้

ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วเอ่ยเบาๆ

“ไม่มีอะไรหรอก... เจ้าไม่ต้องคิดมาก...”

“อ้าวๆๆๆ!!!”

เป็นสีมาร์ที่แหวขึ้นมา เพราะอยากฟังเหมือนกันว่า ที่จริงเขากำลังคิดอะไร

“ทำไมล่ะ! นี้ผีเข้าหรือท้องผูก มีอะไรก็พูดมาซียะ! จะบอกไม่มีอะไรๆ ทำไมกัน!”

นางถึงกับเดินมาตบไหล่หลานชายแรงๆ หวังจะให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมาอีกครั้ง

แต่แทนที่ชายหนุ่มจะหันมาโวยกลับ แล้วต่อล้อต่อเถียงอย่างที่เคย เขากลับแค่ผุดลุก แล้วผลุนผลันวิ่งขึ้นชั้นบน

สีมาร์จะตามขึ้นไปราวี แต่ซีรินซ์ห้ามเอาไว้เสียก่อน

นางเห็นหญิงสาวยังควบคุมอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี ก็ยิ่งนึกนิยมชมชอบ เลิกสนใจชายหนุ่ม หันมาเอาใจใส่ทำความรู้จักกันหล่อนแทน

“คืออย่างนี้...”

สีมาร์เริ่มบทสนทนากับซีรินซ์ หลังเก็บแก้วดีบุกกลับขึ้นมาวางที่

“...เจ้าราอูลล์คนนี้ ข้าเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ถึงมันจะดูเป็นอันธพาลไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนไร้สาระ  เรื่องแต่งงานคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เขาต้องไม่ทำเป็นเรื่องเล่นๆ แน่ๆ”

แล้วระหว่างที่ซีรินซ์ เริ่มช่วยหยิบผ้ามาเช็ด ทำความสะอาดส่วนรับรองแขก สีมาร์ก็เหมือนนึกอะไรได้ พูดขึ้นอีกว่า

“จริงสิ นึกแล้วก็แปลกๆ นะ จะว่าไป เจ้าราอูลล์มันก็ไม่เคย นำพาเป็นธุระกับเรื่องของใคร เท่ากับเรื่องของเจ้า มาก่อนเลย”

นางยิ้มรื่นชื่นใจด้วยซ้ำ ตอนที่พูดต่อไป

“จะว่าไปแล้ว เท่าที่ข้ามีประสบการณ์ หลานชายข้าต้องชอบเจ้าแน่ๆ”

ระหว่างที่สีมาร์พูดมาทั้งหมด ซีรินซ์ได้แค่ฟังไปพลาง ช่วยหยิบจับ จัดแจงนั่นนี่ไปพลาง กระทั่งได้ยินป้าของราอูลล์พูดมาถึงประโยคสุดท้าย จึงจำต้องเอ่ยออกมาบ้าง

“คงไม่หรอกจ้ะ...”

“เชื่อสายตาข้าเถอะ ข้าดูคนไม่ผิดหรอกน่ะ แล้วนี้ก็หลานชายข้าแท้ๆ...เจ้าน่ะเป็นหญิงสาวที่ดี ที่หาได้ยากยิ่ง ผิดตรงไหนที่ข้าจะให้ราอูลล์แต่งงานด้วย จะให้มันดูแลเจ้าไปตลอดชีวิตนั่นน่ะ”

ซีรินซ์รับฟังยิ้มๆ เวลานี้ หล่อนแทบคิดจะยอมแพ้ แก่โชคชะตาของตน ไม่ว่าเทพาอารักษ์จะชักพาอย่างไร ก็ไม่อยากจะใส่ใจอีกแล้ว เห็นสีมาร์จ้องมา ราวอยากจะได้ความคิดเห็นจากหล่อนบ้าง ก็เลยต้องพูด

“ข้าว่า... ท่านป้าอาจต้องพูดจากับเขาดีๆ เคารพในความคิดเห็นของเขาบ้างกระมังคะ  เมื่อครู่ที่ท่าน้ำ พี่ราอูลล์ถูกผู้หญิงสองคนนั่นตบเอาคนละที... เวลานี้อาจกำลังคิดมาก...”

พอนึกถึงบรีเซียร์กับปรารีส สีมาร์ก็ส่งเสียงฮึเบาๆ นางขัดใจมาตลอด ที่หลานชายคล้ายไม่เคยใฝ่สูงไปกว่านั้น แม้แค่เพียงนิดเดียว

“...พี่ราอูลล์คงชอบผู้หญิงสองคนนั้นมาก”

“เฮอะ!” สีมาร์กระแทกเสียงให้สมกับอารมณ์ร้อนๆ ของตนเอง “แต่ข้าไม่ชอบ! ข้าชอบเจ้า ข้าเลี้ยงดูไอ้หน้าลิงนั่นมาตั้งแต่เล็กๆ ข้ามีสิทธิ์ตัดสินใจ และข้าก็เลือกเจ้า!”

น้ำเสียงของสีมาร์มั่งคงจริงจัง ประกาศชัดว่า จะยอมฝืนใจหลานชายหากเขาไม่เต็มใจ แต่เห็นว่าซีรินซ์มีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นอีกมาก ก็จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม

“คืออย่างนี้นะแม่หนู... ตอนที่น้องชายของป้า พ่อของเจ้าราอูลล์นั่นก็หนหนึ่งแล้ว เขาไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ในตระกูล ขืนจะแต่งงานกับหญิงสาวที่ตนเองรัก จะแต่งกับแม่ของราอูลล์ให้ได้ แต่พอแต่งไปแล้ว คลอดราอูลล์ได้ไม่กี่ปี ก็พากันหายลับไป...”

คิดถึงตรงนี้ สีมาร์อดเป็นเดือดเป็นแค้นไม่ได้ กับการที่ตนต้องเลี้ยงดูหลานชายคนนี้มาโดยลำพัง

“ไม่รู้มันหายหัวกันไปทางไหน... แล้วก็นะ ...พูดไปแล้ว... เจ้าราอูลล์คนนี้ มันก็ น่าสงสารไม่น้อย”

ซีรินซ์เหลือบสายตาขึ้นไปชั้นบน อยากให้เขาได้รับรู้เหตุผลเช่นนี้ด้วยกัน

“พี่ราอูลล์กับข้าคงไม่ต่างกัน... กับเรื่องต้องพลัดพรากจากพ่อแม่...”

“นั่นซี แล้วเจ้าราอูลล์นี้น่ะ มันคือทายาทคนเดียว ของตระกูลนักรบผู้กล้าเซเรสส์ ดังนั้นก็เป็นภาระของข้านี้ละ ที่จะต้องหาผู้หญิงดีๆ เข้ามาเป็นภรรยาให้เขา”

คนฟังถึงกับอมยิ้ม ก็ที่นางพยายามจะให้หล่อนแต่งกับหลานชาย นั่นไม่ได้หมายความว่า เห็นหล่อนเป็น ‘ผู้หญิงดีๆ’ ตามรสนิยมของนางหรอกหรือ

“ข้า...” ซีรินซ์หยุดนิดหนึ่ง เพราะอยู่ๆ ความเก้อเขินก็แล่นปราดขึ้นมา

“ข้ามีคุณสมบัตินั้นหรือคะ”

คนถูกถามจ้องหน้าหล่อน เบิกตากว้าง อย่างพยายามให้อีกฝ่ายรู้ว่า ทุกถ้อยคำของนางนั้น จริงจังขนาดไหน

“คุณสมบัติเรอะ! มากเกิน ล้นเหลือ กว่าที่มันจะนึก หรือนับได้ถ้วนเสียอีก... หรือว่า... ทำไมล่ะ หรือว่าเจ้าไม่ชอบหลานชายข้า”

คำถามประโยคท้าย ทำซีรินซ์อึ้งไปเหมือนกัน แต่หล่อนก็ไม่เคยโกหกหัวใจตนเอง ตอบชัดเจนเลยว่า

“ชอบสิ... ที่จริง ข้าชอบเขามาตั้งแต่สิบปีที่แล้วด้วยซ้ำ”

“เจ้าว่าอะไรนะ!”

คราวนี้สีมาร์ไม่เชื่อหูตนเอง เพราะสิ่งที่หล่อนพูดย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“ตั้งแต่สิบปีก่อน เจ้าก็เจอกับไอ้ลิงทโมนนี้แล้วเรอะ”

คนถูกถามแววตาเป็นประกาย หวนนึกความสุขและความอบอุ่นยามมีพี่ราอูลล์คนนั้นโอบอุ้มอีกครั้ง หล่อนรีบพยักหน้ารับรองกับผู้มากวัยตรงหน้า

ภาพความทรงจำเมื่อครั้งแรกเมื่อได้เจอกับพี่ชาย หวนกลับเข้ามาในห้วงคำนึง เขาลูบปลายจมูกหล่อนเล่นเบาๆ แล้วบอกว่าจะพาไปสถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง เป็นที่ที่หล่อนจะได้อยู่อย่างปลอดภัย ปลอดโปร่งจากสรรพสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด

คราวนั้นเขายังทิ้งก้อนศิลาเล็กๆ ไว้ให้ หล่อนในเยาว์วัยยังเห็นว่ามันเป็นเพียงก้อนหินเล็กๆ จึงต้องเอ่ยถาม

“นี้อะไรหรือจ๊ะพี่ราอูลล์”

เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่หล่อนไม่มีวันลืม และ... มันก็เป็นรอยยิ้มของหลานชายป้าสีมาร์ชัดๆ หล่อนจำได้ทุกคำ ก่อนที่เขาจะจากไปในวันนั้น

“นี้เป็นเมล็ดพันธุ์ชนิดหนึ่ง รอจนมันออกดอกเมื่อไร แล้วพี่จะกลับมาเยี่ยมเจ้า”

ชายผู้ช่วยชีวิตหล่อน เกี่ยวก้อยให้สัญญา ซึ่งซีรินซ์ก็เชื่อและเฝ้ารอตลอดมา

“หรือว่านี้คือพระเจ้าดลบันดาล แสดงว่าเจ้าลิงทโมนอาจมีวาสนากับเจ้า”

เสียงรำพึงดังๆ ของสีมาร์ ฉุดซีรินซ์ให้กลับมาจากภาพฝันที่ล่วงเลยมาแสนนาน

“แล้วนี้เขามีโอกาสไปเจอเจ้า แสดงว่าเป็นเพราะชะตากำหนด ถือเป็นโชคดีของหลานชายข้า”

“แต่เพราะยานั่น ทำให้เขาลืมทุกอย่างไปหมดแล้วนะคะ...”

ซีรินซ์ยังกังวลใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่วาย

“ก็ช่างประไร หลังแต่งงานจัดพิธี เจ้าหายามารักษาเขา ก็สิ้นเรื่องไปเอง”

“แม่เฒ่าบอกว่า มันเป็นตัวยาพิเศษจากบ้านเกิดของพวกเรา... จากที่นครแห่งแสง มันไม่มีตัวยาใดจะรักษาหรือเยียวยาใดๆ ได้”

“ไม่มียาแก้งั้นซีนะ!” เสียงท้ายๆ ตวัดอย่างไม่ยี่หระกับสิ่งที่ได้ยิน

“ไม่มียาแก้ แล้วยังไงล่ะ! ถ้าจะหมายถึง บรีเซียร์กับปรารีสเป็นคู่แข่ง... ข้าหมายถึงผู้หญิงสองคนที่ตบหน้าไอ้หน้าลิงทะโมนที่ท่าเรือน่ะนะ... ถ้าเจ้าหมายถึงสองคนนั้น ก็... ถ้าแย่งชิงมาเลยจะเป็นไร เรื่องนี้ข้าสนับสนุน ข้าจะอยู่ทีมเจ้า”

คำแรกๆ คนฟังเพียงแค่ส่งยิ้มหมองหม่นมาให้กับความคิดอันนั้น  แต่พอประโยคท้ายๆ หล่อนก็ต้องถึงกับทวนคำ

“แย่ง... จะให้แย่งหรือคะ”

“ก็ใช่น่ะซี... ความสุขของเรา เราก็ต้องแย่งกลับคืนมา นี้ไม่เรียกว่าทำร้ายใคร เพียงแค่เราทวงสิทธิ นำความสุขของตัวเรากลับคืน”

ผู้เป็นป้าของราอูลล์มีท่าหมายมั่นปั้นมือ อยากให้หล่อนทำอย่างนั้นจริงๆ และพร้อมสนับสนุนเต็มที่

แต่ซีรินซ์ยังยากจะปักใจว่า ความคิดเช่นนั้นจะถูกต้อง...


(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่