ราอูลล์เลือกคนแปลกถิ่น เพื่อมอบหมายงาน เป็นคนโซสองคนที่มีท่าทางเป็นอันธพาลเต็มร้อย กระนั้นเมื่อชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ ทั้งสองคนกลับมีสีหน้าไม่แน่ใจ
หลังให้เวลาตัดสินใจกันอีกครู่หนึ่ง เขาก็ต้องย้ำถาม
“ตกลงใจได้หรือยังล่ะพี่ชาย”
“แต่เมื่อวานขบวนต้อนรับก็เอิกเกริก นั่นจะเป็นท่านมหาปราชญ์ตัวปลอมได้ไงล่ะ”
ชายหน้าบาก อายุมากกว่าอีกคนเล็กน้อย ตั้งคำถามซ้ำ
“ก็แน่ละซี บอกแล้ว...ข้านี้ละที่เป็นตัวจริง”
ราอูลล์ทำเป็นเอ่ยวาจาหนักแน่น แต่รีบหันหลบสายตา รู้ตัวดีว่า ตนไม่ถูกกับการโกหกเลยสักนิด ไม่อาจทำเป็นโกหกตาใสได้เลยสักครั้งเดียว
ระหว่างที่เขาเจรจาต่อรองกับสองคนโซนั่น ภายในร้านที่ปล่อยให้ซีรินซ์นั่งรอ เดบริสก็บอกให้ผู้คนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีใครคอยเป็นก้างขวางคอ เขาจึงได้โอกาสเข้ามาสนทนากับหล่อนอีกครั้ง
“เช่นนี้ค่อยสบายขึ้นหน่อยนะขอรับ”
เขาหมายถึงบรรยากาศที่ปลอดโปร่งขึ้น เพราะไม่มีใครคอยห้อมล้อม
ซีรินซ์ยิ้มตอบ นึกนิยมความสุภาพอ่อนโยนของชายตรงหน้า
“คิดว่าท่านชอบ แบบที่มีคนเยอะๆ เสียอีก”
คนถูกถาม อมยิ้มพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนบอกว่า
“กระผมไม่ได้เกณฑ์ให้พวกเขามาขอรับ แต่ก็ช่างเถิด เห็นว่าคุณผู้หญิงไม่ค่อยสบาย อย่างไรก็ดูแลตัวเองให้มากๆ นะขอรับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้ามีพี่ราอูลล์ช่วยดูแลอยู่แล้วละ”
ซีรินซ์ก็ตอบกลับไมตรีของเขา ด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน และคำตอบนั้นเดบริสคงเข้าใจได้ไม่ยาก เขานิ่งไปอึดใจหนึ่ง จึงกล่าวว่า
“อย่างนั้นกระผมขอตัวก่อน”
เขารีบหันกลับออกนอกร้าน ก้าวยาวๆ คล้ายเสียหน้ากับอะไรสักอย่าง จนต้องรีบจากไป ซีรินซ์มองตาม นึกขันว่าเหตุไร ชายผู้มีกิริยาอาการองอาจผ่าเผย ไม่น่ารีบจากไปเช่นนี้
เดบริสเลี้ยวไปทางขวา ก่อนหญิงสาวจะละสายตา ก็เห็นสองคนโซ ท่าทางมุ่งร้าย ชี้ชวน ให้รีบตามชายชาวเผ่านักปราชญ์ ไปอย่างกระชั้นชิด
ซีรินซ์ผิดสังเกต นึกเป็นห่วงเดบริสขึ้นมาจริงๆ
“หรือว่าท่านมหาปราชญ์จะมีอันตราย!”
ด้วยความเป็นห่วง และคิดจะตอบแทน ที่เขาช่วยเรื่องจะถูกทหารคุมตัวเมื่อวาน หล่อนจึงรีบตามออกมา
แต่เดบริสยังคงสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวหมายตาได้แค่ตรงลิบๆ และยังเห็นสองคนโซนั่นติดตามไปจริงๆ
“บอกให้รออยู่ที่ร้าน ออกมาเดินอย่างนี้ เกิดพลัดหลง เกิดมีอันตราย ข้าจะทำอย่างไร”
อยู่ๆ ราอูลล์ก็ก้าวออกมาขวางหน้า ไม่รู้เขาโผล่มาจากไหน พูดใส่หล่อนเป็นชุด ซึ่งล้วนแต่ฟังดูมีเหตุผลทั้งนั้น
“ข้าขอโทษ แต่นี้เพราะเห็นชาวปราชญ์ผู้นั้น เหมือนจะมีอันตราย เลยจำเป็นต้องตามออกมา”
ชายหนุ่มชะเง้อมองตามสายตาของหญิงสาว เห็นคนที่ถูกพูดถึงเพิ่งเลี้ยวลับมุมตึกนั่นไป ก็ชำเลืองดูหล่อนอีกครั้ง สีหน้าซีรินซ์เป็นห่วงจริงจัง แต่ราอูลล์รู้ดีว่า ตนวางแผนไว้เช่นไร จึงทำเป็นพูดไปว่า
“ไม่หรอกมั้ง...”
“แต่ข้าเห็นจริงๆ นะ เมื่อกี้ เห็นมีชายท่าทางน่ากลัวสองคน เดินตามเขาไปด้วยละ”
“แต่ข้าว่าสองคนนั้น อาจเป็นลูกน้องไอ้คนท่ามากนั่นก็ได้”
“แต่ข้าว่าไม่ใช่...”
“เอาน่าๆ เรารีบไปกันเถอะ”
ราอูลล์ทำเป็นตัดบทด้วยความรำคาญ แต่ซีรินซ์ยังเป็นกังวลกับเรื่องที่หวั่นใจอยู่ไม่วาย
“ไปดูกับข้าหน่อยเถอะพี่ราอูลล์ จะดีจะร้าย ข้าจะได้สบายใจขึ้น”
“เรื่องของคนอื่น อย่าไปยุ่งดีกว่า เรามันคนแปลกถิ่นนะซีรินซ์”
“นะจ๊ะ ยังไงๆ เมื่อวานตอนน้องหกล้มตัดขบวนของหลวง ถ้าเขาไม่ช่วยไว้ ป่านนี้ไม่รู้เราจะถูกจับไปคุมขังไว้ที่ไหนแล้ว”
ราอูลล์มองตาหญิงสาว เห็นหล่อนมุ่งมั่นจริงจัง ก่อนรับปากช่วยจึงต้องแน่ใจบางอย่าง ถามหล่อนว่า
“เหมือนแบบ... จะได้ไม่ต้องมีบุญคุณอะไรติดค้างกันต่อไป อย่างนั้นใช่ไหม”
“หมายความว่าพี่จะช่วย ใช่จ้ะ... แน่นอนเลยละ”
หล่อนยิ้มออกมาได้แล้ว ซึ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ราอูลล์รู้สึกว่า โลกใบนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
“งั้นก็... ได้... ได้ซีน่ะ ข้าจะรีบตามไปดูให้เอง เจ้ากลับไปรอที่ร้านนั้นก่อนเถอะ แล้วไม่ว่าใครชวนไปไหนๆ หรือบอกว่าข้านัดไปพบเจอที่ไหน ก็ห้ามตามเขาไปเด็ดขาด”
ชายหนุ่มกำชับกับหญิงสาว ก่อนรีบตามเดบริส มาจนถึงด้านหลังเขตชุมชน เป็นที่เปลี่ยวของตรอก ซึ่งถูกขนาบไว้ด้วยหลังอาคาร ที่เรียงรายทั้งสองฟากฝั่ง
ราอูลล์หยุด ซุ่มดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่า ทั้งสามคนเริ่มเผชิญหน้ากันแล้ว
คนโซผู้พี่อ้อมไปดักหน้าเดบริสไว้เมื่อไรไม่รู้ เขากำลังยืนจังก้า ขวางหน้ามหาปราชญ์ ขณะคนโซผู้น้อง ค่อยก้าวไปประชิดด้านหลัง
เดบริสเข้าใจทันทีว่า มีเรื่องร้าย แต่ไม่แน่ใจว่า ตนไปสร้างความเดือดร้อนไว้ให้ใคร ด้วยไม่อยากมีเรื่องมีราว จึงทำท่าจะหันหลังกลับ
โดยกะทันหันนั่น ทำให้เกือบปะทะกับคนที่ยืนรออยู่ เดบริสมั่นใจว่า ตนไม่ได้กระทบถูกตัวเขาแน่นอน แต่คนยืนเงียบอยู่ก่อน กลับมีอาการเซถลา เอาหางคิ้วไปโขกกดๆ กับเสาต้นหนึ่งจนได้เลือดออกมาจริงๆ
เดบริสไม่ชอบใจเท่าไร ว่าทำไมยังมีพวกหากิน ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร คนที่ขวางหน้าเมื่อครู่ ก็กระชากไหล่เขาให้หันกลับ
“เจ้าทำร้ายคน!”
เขาข่มขู่ทันที สายตาเลยไปที่คนเจ็บ ที่พอเห็นสัญญากระตุกคิ้วสองครั้งจากผู้เป็นลูกพี่ ก็รีบร้องโอดโอย ชี้มาที่เดบริส ยืนยันว่าเป็นเขา ตั้งใจทำร้ายคนจริงๆ
“ใจเย็นๆ พี่ชาย คือว่า...”
“อย่ามาบ่ายเบี่ยง ข้าก็เห็นกับตา นั่นก็คนเจ็บ เลือดออกขนาดนั้น ไม่ต้องแก้ตัว”
“ข้าเนี่ยนะ อยู่ดีๆ จะทำร้ายใคร”
“แต่หลักฐานก็ชัดๆ อยู่อย่างนี้ บอกมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไง”
คนโซผู้เป็นลูกพี่ ท่องประโยคเหล่านี้มาเป็นอย่างดี มั่นใจว่าต้องไม่ผิดพลาด เห็นหน้าซีดๆ ท่าทางกำลังชั่งใจของเดบริส ก็ต้องรีบย้ำ
“จ่ายมาซี จ่ายค่าเสียหายมาเลย!”
คนถูกข่มขู่ค่อยคลายใจ เมื่อได้ยินประโยคนนี้ ที่แท้ก็เป็นพวกขู่กรรโชกอดโซแค่นั้น
“จะให้ข้าจ่ายเท่าไร ก็บอกมา”
“สิบเหรียญเงิน!”
“ใช่ๆ หรือจะสิบห้าเหรียญเงินก็ได้ จะได้แบ่งกันง่ายๆ”
อีกคนซึ่งลงทุนเอาหัวโขกเสาจนคิ้วแตก รีบเดินมาสมทบ
เดบริสอยากรีบไปให้พ้นๆ จากคนพวกนี้ เลยไม่ทันสังเกตความผิดปกติ ในถ้อยคำของคนที่ทำร้ายตัวเอง เพื่อกรรโชกทรัพย์
“เอาเถอะๆ ในถุงนี้...” เขาล้วงถุงเงินออกมา “...ในนี้มีสักร้อยกว่าเหรียญทอง พวกเจ้ารีบไป ไปหาหมอ ให้ท่านรีบดูอาการ”
พูดจบก็เปิดปากถุงให้ดู ในนั้นบรรจุไปด้วยเหรียญทองคำแท้จริงๆ
สองคนโซมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะนี้ไม่ใช่ตามแผนการที่ถูกจ้างวานมา
“รีบไปเถอะนะ บาดเจ็บที่หัวอย่างนี้ อาจมีอาการอื่นแทรกซ้อน หากรักษาไม่ทัน”
คนย้ำแสดงความห่วงใย ทำให้สองคนโซยิ่งผิดคาด ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อซุบซิบปรึกษา
“ตอนแรกว่าจะได้คนละสี่เหรียญเงิน พอเอ็งว่าสิบห้า เราได้คนละห้า ก็เยอะแล้ว นี้เงินเป็นร้อยเหรียญ แถมยังเป็นทองคำแท้ๆ”
ลูกพี่กระซิบกระซาบ ใช้ฟันขบดูว่า โลหะนั้นเป็นเนื้อทองคำแท้จริงๆ
“อย่างนั้น ก็ต้องจัดการให้สมราคาน่ะซี”
คนยังมีเลือดอาบหางคิ้ว ให้ความเห็นในแบบของตัวเองอีกครั้ง และน่าจะเป็นการตกลงปลงใจอันแสนง่ายดาย เพราะจบคำ สองคนก็หันมา แล้วย่างสามขุมใส่เดบริสอีกครั้ง
จังหวะนี้เอง ที่ราอูลล์รีบโดดเข้ามาขวาง เขาเหวี่ยงฟืนสองท่อน กระทุ้งเข้าที่ลิ้นปี่สองคนโซได้พอดิบพอดี ขยับให้ตัวเองกำบังชาวเผ่านักปราชญ์เอาไว้
สองคนทั้งเจ็บทั้งจุก เห็นคนวางแผนการ กลับมาทำร้ายกันดังนั้น ก็ชี้หน้าโวยวาย
“แต่นี้ ไม่ใช่ที่สั่ง...”
“สั่งอะไรกัน!”
ราอูลล์ตวาดตัดบท แน่ใจว่า เดบริสไม่เห็นหน้าตนแน่นอน ก็ยกคิ้วพยักเพยิด ให้สองคนรีบไปๆ พร้อมกับลาภก้อนโตถุงนั้น ไม่ต้องพูดอะไรมากอีกแล้ว
“นี้พวกเอ็งเจอกับราอูลล์ผู้ผดุงความยุติธรรม ยังไม่รีบหนีไปอีกงั้นเรอะ!”
เขาสำทับ และสองคนก็รับมุกทันที หลังจากพยุงกันลุก ยังช่วยเสริมแผนการต่อไปว่า
“เออๆ เอ็งระวังให้ดี ที่หัวหน้าข้าสั่งมายังไม่สำเร็จ ระวังตัวไว้แล้วกัน!”
ไม่ทันจบคำท้ายด้วยซ้ำ ตอนสองคนกลับหลังหัน แล้วเปิดแน่บไป
“ขอบคุณท่าน ราอูลล์ ที่ช่วยเหลือข้าในคับขันครั้งนี้”
แต่คนได้รับคำขอบคุณ ทำเป็นไม่สนใจ จะเดินหนี จนเดบริสต้องรั้งเอาไว้
“ประเดี๋ยวซีท่านผู้มีคุณ...”
ราอูลล์แค่หันข้างให้ เหลือบมองชาวนักปราชญ์ด้วยหางตา ที่หมั่นไส้อยู่นั้น ได้ระบายไปส่วนหนึ่ง จากการที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ถูกตบทรัพย์ไปไม่ใช่น้อยๆ
“ทำไมอีกล่ะ ถ้าไม่พูดเรื่องจะตอบแทนกัน ก็ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรอื่น”
เขาทำท่าจะก้าวเท้าอีกครั้ง แต่ต้องชะงัก เพราะคำต่อมาของเดบริส
“ได้พบชาวนักรบผู้เก่งกาจขนาดนี้ช่วยเหลือ มีหรือข้าจะไม่คิดตอบแทน”
(มีต่อ)
ราอูลล์ สุภาพบุรุษสุดป่วน ตอนที่ 18 : ศัตรูในคราบมิตรหรือมิตรในคราบศัตรู
ความเดิม ปฐมภาค มหาเวทย์ป่วนฟ้า 1-16
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทุติยภาค สุภาพบุรุษป่วนปฐพี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
************************
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
ขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจ
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
lovereason ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1182478 ทึ่ง, Psycho man ทึ่ง, มาอ่านเขียนกลอน ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
จากความคิดเห็นที่ 1
สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, Inverness ถูกใจ, GTW ทึ่ง, มาอ่านเขียนกลอน ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
ตอบความคิดเห็นกระทู้ที่แล้วตรงนี้เลยนะคะ
http://ppantip.com/topic/34369739
ตอบคุณ ออมอำพัน
เรื่องหนอนตะกราม คงต้องได้ใช้ประโยชน์ในตอนต่อๆไป ลองติดตามดูนะคะ
ตอบคุณ Psycho man
ภาคการเดินทางนี้ มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาเพื่ออรรถรสที่เพิ่มขึ้น(มั้ง)นะคะ ที่เห็นชัดๆ ก็ เดบริส กับอีกคนที่น่าสนใจ ติดตามอ่านได้เลยค่ะ
ตอบคุณ สมาชิกหมายเลข 1182478
จริงๆ ค่ะ เดบริสเกิดในเผ่ามหาปราชญ์ แต่เรื่องปาดหน้าเค้กนี้อาจเก่งกว่าพวกตำรายุทธศัตราพิชัยสงครามสามเหล่าทัพก็เป็นได้... นิสัยอย่างนี้ น่าชวนเป็นที่ปรึกษาคณะคืนความสุข (ฮา) นิคะ
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับความคิดเห็น ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ผ่านเข้ามา และอาจเผลอติดตาม ราอูลล์ ซีรินซ์ และผองเพื่อนด้วยนะคะ
ติดตามตอนต่อไปได้เลยค่ะ
*****************************
ราอูลล์ สุภาพบุรุษป่วนปฐพี
018
ศัตรูในคราบมิตร หรือ มิตรในคราบศัตรู
ราอูลล์เลือกคนแปลกถิ่น เพื่อมอบหมายงาน เป็นคนโซสองคนที่มีท่าทางเป็นอันธพาลเต็มร้อย กระนั้นเมื่อชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ ทั้งสองคนกลับมีสีหน้าไม่แน่ใจ
หลังให้เวลาตัดสินใจกันอีกครู่หนึ่ง เขาก็ต้องย้ำถาม
“ตกลงใจได้หรือยังล่ะพี่ชาย”
“แต่เมื่อวานขบวนต้อนรับก็เอิกเกริก นั่นจะเป็นท่านมหาปราชญ์ตัวปลอมได้ไงล่ะ”
ชายหน้าบาก อายุมากกว่าอีกคนเล็กน้อย ตั้งคำถามซ้ำ
“ก็แน่ละซี บอกแล้ว...ข้านี้ละที่เป็นตัวจริง”
ราอูลล์ทำเป็นเอ่ยวาจาหนักแน่น แต่รีบหันหลบสายตา รู้ตัวดีว่า ตนไม่ถูกกับการโกหกเลยสักนิด ไม่อาจทำเป็นโกหกตาใสได้เลยสักครั้งเดียว
ระหว่างที่เขาเจรจาต่อรองกับสองคนโซนั่น ภายในร้านที่ปล่อยให้ซีรินซ์นั่งรอ เดบริสก็บอกให้ผู้คนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เมื่อไม่มีใครคอยเป็นก้างขวางคอ เขาจึงได้โอกาสเข้ามาสนทนากับหล่อนอีกครั้ง
“เช่นนี้ค่อยสบายขึ้นหน่อยนะขอรับ”
เขาหมายถึงบรรยากาศที่ปลอดโปร่งขึ้น เพราะไม่มีใครคอยห้อมล้อม
ซีรินซ์ยิ้มตอบ นึกนิยมความสุภาพอ่อนโยนของชายตรงหน้า
“คิดว่าท่านชอบ แบบที่มีคนเยอะๆ เสียอีก”
คนถูกถาม อมยิ้มพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนบอกว่า
“กระผมไม่ได้เกณฑ์ให้พวกเขามาขอรับ แต่ก็ช่างเถิด เห็นว่าคุณผู้หญิงไม่ค่อยสบาย อย่างไรก็ดูแลตัวเองให้มากๆ นะขอรับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้ามีพี่ราอูลล์ช่วยดูแลอยู่แล้วละ”
ซีรินซ์ก็ตอบกลับไมตรีของเขา ด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน และคำตอบนั้นเดบริสคงเข้าใจได้ไม่ยาก เขานิ่งไปอึดใจหนึ่ง จึงกล่าวว่า
“อย่างนั้นกระผมขอตัวก่อน”
เขารีบหันกลับออกนอกร้าน ก้าวยาวๆ คล้ายเสียหน้ากับอะไรสักอย่าง จนต้องรีบจากไป ซีรินซ์มองตาม นึกขันว่าเหตุไร ชายผู้มีกิริยาอาการองอาจผ่าเผย ไม่น่ารีบจากไปเช่นนี้
เดบริสเลี้ยวไปทางขวา ก่อนหญิงสาวจะละสายตา ก็เห็นสองคนโซ ท่าทางมุ่งร้าย ชี้ชวน ให้รีบตามชายชาวเผ่านักปราชญ์ ไปอย่างกระชั้นชิด
ซีรินซ์ผิดสังเกต นึกเป็นห่วงเดบริสขึ้นมาจริงๆ
“หรือว่าท่านมหาปราชญ์จะมีอันตราย!”
ด้วยความเป็นห่วง และคิดจะตอบแทน ที่เขาช่วยเรื่องจะถูกทหารคุมตัวเมื่อวาน หล่อนจึงรีบตามออกมา
แต่เดบริสยังคงสาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวหมายตาได้แค่ตรงลิบๆ และยังเห็นสองคนโซนั่นติดตามไปจริงๆ
“บอกให้รออยู่ที่ร้าน ออกมาเดินอย่างนี้ เกิดพลัดหลง เกิดมีอันตราย ข้าจะทำอย่างไร”
อยู่ๆ ราอูลล์ก็ก้าวออกมาขวางหน้า ไม่รู้เขาโผล่มาจากไหน พูดใส่หล่อนเป็นชุด ซึ่งล้วนแต่ฟังดูมีเหตุผลทั้งนั้น
“ข้าขอโทษ แต่นี้เพราะเห็นชาวปราชญ์ผู้นั้น เหมือนจะมีอันตราย เลยจำเป็นต้องตามออกมา”
ชายหนุ่มชะเง้อมองตามสายตาของหญิงสาว เห็นคนที่ถูกพูดถึงเพิ่งเลี้ยวลับมุมตึกนั่นไป ก็ชำเลืองดูหล่อนอีกครั้ง สีหน้าซีรินซ์เป็นห่วงจริงจัง แต่ราอูลล์รู้ดีว่า ตนวางแผนไว้เช่นไร จึงทำเป็นพูดไปว่า
“ไม่หรอกมั้ง...”
“แต่ข้าเห็นจริงๆ นะ เมื่อกี้ เห็นมีชายท่าทางน่ากลัวสองคน เดินตามเขาไปด้วยละ”
“แต่ข้าว่าสองคนนั้น อาจเป็นลูกน้องไอ้คนท่ามากนั่นก็ได้”
“แต่ข้าว่าไม่ใช่...”
“เอาน่าๆ เรารีบไปกันเถอะ”
ราอูลล์ทำเป็นตัดบทด้วยความรำคาญ แต่ซีรินซ์ยังเป็นกังวลกับเรื่องที่หวั่นใจอยู่ไม่วาย
“ไปดูกับข้าหน่อยเถอะพี่ราอูลล์ จะดีจะร้าย ข้าจะได้สบายใจขึ้น”
“เรื่องของคนอื่น อย่าไปยุ่งดีกว่า เรามันคนแปลกถิ่นนะซีรินซ์”
“นะจ๊ะ ยังไงๆ เมื่อวานตอนน้องหกล้มตัดขบวนของหลวง ถ้าเขาไม่ช่วยไว้ ป่านนี้ไม่รู้เราจะถูกจับไปคุมขังไว้ที่ไหนแล้ว”
ราอูลล์มองตาหญิงสาว เห็นหล่อนมุ่งมั่นจริงจัง ก่อนรับปากช่วยจึงต้องแน่ใจบางอย่าง ถามหล่อนว่า
“เหมือนแบบ... จะได้ไม่ต้องมีบุญคุณอะไรติดค้างกันต่อไป อย่างนั้นใช่ไหม”
“หมายความว่าพี่จะช่วย ใช่จ้ะ... แน่นอนเลยละ”
หล่อนยิ้มออกมาได้แล้ว ซึ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ราอูลล์รู้สึกว่า โลกใบนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม
“งั้นก็... ได้... ได้ซีน่ะ ข้าจะรีบตามไปดูให้เอง เจ้ากลับไปรอที่ร้านนั้นก่อนเถอะ แล้วไม่ว่าใครชวนไปไหนๆ หรือบอกว่าข้านัดไปพบเจอที่ไหน ก็ห้ามตามเขาไปเด็ดขาด”
ชายหนุ่มกำชับกับหญิงสาว ก่อนรีบตามเดบริส มาจนถึงด้านหลังเขตชุมชน เป็นที่เปลี่ยวของตรอก ซึ่งถูกขนาบไว้ด้วยหลังอาคาร ที่เรียงรายทั้งสองฟากฝั่ง
ราอูลล์หยุด ซุ่มดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่า ทั้งสามคนเริ่มเผชิญหน้ากันแล้ว
คนโซผู้พี่อ้อมไปดักหน้าเดบริสไว้เมื่อไรไม่รู้ เขากำลังยืนจังก้า ขวางหน้ามหาปราชญ์ ขณะคนโซผู้น้อง ค่อยก้าวไปประชิดด้านหลัง
เดบริสเข้าใจทันทีว่า มีเรื่องร้าย แต่ไม่แน่ใจว่า ตนไปสร้างความเดือดร้อนไว้ให้ใคร ด้วยไม่อยากมีเรื่องมีราว จึงทำท่าจะหันหลังกลับ
โดยกะทันหันนั่น ทำให้เกือบปะทะกับคนที่ยืนรออยู่ เดบริสมั่นใจว่า ตนไม่ได้กระทบถูกตัวเขาแน่นอน แต่คนยืนเงียบอยู่ก่อน กลับมีอาการเซถลา เอาหางคิ้วไปโขกกดๆ กับเสาต้นหนึ่งจนได้เลือดออกมาจริงๆ
เดบริสไม่ชอบใจเท่าไร ว่าทำไมยังมีพวกหากิน ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร คนที่ขวางหน้าเมื่อครู่ ก็กระชากไหล่เขาให้หันกลับ
“เจ้าทำร้ายคน!”
เขาข่มขู่ทันที สายตาเลยไปที่คนเจ็บ ที่พอเห็นสัญญากระตุกคิ้วสองครั้งจากผู้เป็นลูกพี่ ก็รีบร้องโอดโอย ชี้มาที่เดบริส ยืนยันว่าเป็นเขา ตั้งใจทำร้ายคนจริงๆ
“ใจเย็นๆ พี่ชาย คือว่า...”
“อย่ามาบ่ายเบี่ยง ข้าก็เห็นกับตา นั่นก็คนเจ็บ เลือดออกขนาดนั้น ไม่ต้องแก้ตัว”
“ข้าเนี่ยนะ อยู่ดีๆ จะทำร้ายใคร”
“แต่หลักฐานก็ชัดๆ อยู่อย่างนี้ บอกมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไง”
คนโซผู้เป็นลูกพี่ ท่องประโยคเหล่านี้มาเป็นอย่างดี มั่นใจว่าต้องไม่ผิดพลาด เห็นหน้าซีดๆ ท่าทางกำลังชั่งใจของเดบริส ก็ต้องรีบย้ำ
“จ่ายมาซี จ่ายค่าเสียหายมาเลย!”
คนถูกข่มขู่ค่อยคลายใจ เมื่อได้ยินประโยคนนี้ ที่แท้ก็เป็นพวกขู่กรรโชกอดโซแค่นั้น
“จะให้ข้าจ่ายเท่าไร ก็บอกมา”
“สิบเหรียญเงิน!”
“ใช่ๆ หรือจะสิบห้าเหรียญเงินก็ได้ จะได้แบ่งกันง่ายๆ”
อีกคนซึ่งลงทุนเอาหัวโขกเสาจนคิ้วแตก รีบเดินมาสมทบ
เดบริสอยากรีบไปให้พ้นๆ จากคนพวกนี้ เลยไม่ทันสังเกตความผิดปกติ ในถ้อยคำของคนที่ทำร้ายตัวเอง เพื่อกรรโชกทรัพย์
“เอาเถอะๆ ในถุงนี้...” เขาล้วงถุงเงินออกมา “...ในนี้มีสักร้อยกว่าเหรียญทอง พวกเจ้ารีบไป ไปหาหมอ ให้ท่านรีบดูอาการ”
พูดจบก็เปิดปากถุงให้ดู ในนั้นบรรจุไปด้วยเหรียญทองคำแท้จริงๆ
สองคนโซมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะนี้ไม่ใช่ตามแผนการที่ถูกจ้างวานมา
“รีบไปเถอะนะ บาดเจ็บที่หัวอย่างนี้ อาจมีอาการอื่นแทรกซ้อน หากรักษาไม่ทัน”
คนย้ำแสดงความห่วงใย ทำให้สองคนโซยิ่งผิดคาด ถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อซุบซิบปรึกษา
“ตอนแรกว่าจะได้คนละสี่เหรียญเงิน พอเอ็งว่าสิบห้า เราได้คนละห้า ก็เยอะแล้ว นี้เงินเป็นร้อยเหรียญ แถมยังเป็นทองคำแท้ๆ”
ลูกพี่กระซิบกระซาบ ใช้ฟันขบดูว่า โลหะนั้นเป็นเนื้อทองคำแท้จริงๆ
“อย่างนั้น ก็ต้องจัดการให้สมราคาน่ะซี”
คนยังมีเลือดอาบหางคิ้ว ให้ความเห็นในแบบของตัวเองอีกครั้ง และน่าจะเป็นการตกลงปลงใจอันแสนง่ายดาย เพราะจบคำ สองคนก็หันมา แล้วย่างสามขุมใส่เดบริสอีกครั้ง
จังหวะนี้เอง ที่ราอูลล์รีบโดดเข้ามาขวาง เขาเหวี่ยงฟืนสองท่อน กระทุ้งเข้าที่ลิ้นปี่สองคนโซได้พอดิบพอดี ขยับให้ตัวเองกำบังชาวเผ่านักปราชญ์เอาไว้
สองคนทั้งเจ็บทั้งจุก เห็นคนวางแผนการ กลับมาทำร้ายกันดังนั้น ก็ชี้หน้าโวยวาย
“แต่นี้ ไม่ใช่ที่สั่ง...”
“สั่งอะไรกัน!”
ราอูลล์ตวาดตัดบท แน่ใจว่า เดบริสไม่เห็นหน้าตนแน่นอน ก็ยกคิ้วพยักเพยิด ให้สองคนรีบไปๆ พร้อมกับลาภก้อนโตถุงนั้น ไม่ต้องพูดอะไรมากอีกแล้ว
“นี้พวกเอ็งเจอกับราอูลล์ผู้ผดุงความยุติธรรม ยังไม่รีบหนีไปอีกงั้นเรอะ!”
เขาสำทับ และสองคนก็รับมุกทันที หลังจากพยุงกันลุก ยังช่วยเสริมแผนการต่อไปว่า
“เออๆ เอ็งระวังให้ดี ที่หัวหน้าข้าสั่งมายังไม่สำเร็จ ระวังตัวไว้แล้วกัน!”
ไม่ทันจบคำท้ายด้วยซ้ำ ตอนสองคนกลับหลังหัน แล้วเปิดแน่บไป
“ขอบคุณท่าน ราอูลล์ ที่ช่วยเหลือข้าในคับขันครั้งนี้”
แต่คนได้รับคำขอบคุณ ทำเป็นไม่สนใจ จะเดินหนี จนเดบริสต้องรั้งเอาไว้
“ประเดี๋ยวซีท่านผู้มีคุณ...”
ราอูลล์แค่หันข้างให้ เหลือบมองชาวนักปราชญ์ด้วยหางตา ที่หมั่นไส้อยู่นั้น ได้ระบายไปส่วนหนึ่ง จากการที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็ถูกตบทรัพย์ไปไม่ใช่น้อยๆ
“ทำไมอีกล่ะ ถ้าไม่พูดเรื่องจะตอบแทนกัน ก็ไม่ต้องพูดเรื่องอะไรอื่น”
เขาทำท่าจะก้าวเท้าอีกครั้ง แต่ต้องชะงัก เพราะคำต่อมาของเดบริส
“ได้พบชาวนักรบผู้เก่งกาจขนาดนี้ช่วยเหลือ มีหรือข้าจะไม่คิดตอบแทน”
(มีต่อ)