จิตตสังขาร
จิต ส่วนที่หมายถึงจิตตสังขาร
มีความหมายถึง สิ่งปรุงแต่งอันเกิดแต่จิต
ท่านได้ให้คำจำกัดความไว้ดังนี้
1. ปัจจัยปรุงแต่งจิต ได้แก่ สัญญาและเวทนา
(จขกท-ถ้าจิตตสังขารเป็นจิตแสดงว่าจิตเป็นขันธ์5เพราะมีสัญญาและเวทนาและสังขาร)
2. สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ ได้แก่
เจตนาที่ก่อให้เกิดมโนกรรม คือมโนสังขาร (การกระทำทางใจเช่นความคิด)
ดังนั้น จิตตสังขารหรือจิตสังขาร(จขกท-สังขารคือเจตสิค52)
จึงมีความหมายครอบคลุมถึงทั้งเวทนา,สัญญาและมโนสังขาร
และมักเรียกกันย่อๆว่า
จิตบ้าง ดังคำว่า เห็นจิต ดูจิต จิตเห็นจิต สติเห็นจิต
ต่างล้วนหมายถึงการมีสติระลึกรู้เท่าทันจิตตสังขาร
ที่ครอบคลุมทั้งเวทนา,สัญญา และมโนสังขาร
(จขกท-จิตเห็นขันธ์5 ฉนั้นจิตคือขันธ์5)
คือความคิดนึกที่ประกอบด้วยอาการของจิต
เช่นโทสะ โมหะ ราคะ ฟุ้งซ่าน หดหู่ ฯลฯ.เหล่านี้นี่เอง
บางครั้งบางท่านจึงมีความสับสนในการสื่อ
ไปพยายามหาจิต ดูจิต ไปหมายมั่นเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดว่าเป็นจิตขึ้น
สังขาร หมายถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น
หรือสิ่งที่เกิดแต่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยปรุงแต่งกันขึ้นมาทั้งหลายทั้งปวง
จึงมีความหมายที่กว้างขวางครอบคลุมแทบทุกสรรพสิ่ง
ยกเว้นแต่เพียงอสังขตธรรมอันเป็นเพียงสภาวะ
กล่าวคือสภาวธรรมหรือสภาวะของธรรมชาติ ดังเช่น
พระนิพพานหรือนิพพานธรรม
สังขารในขันธ์ ๕ ที่หมายถึง สังขารขันธ์ จึงมีความหมายว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเหตุ อันคือขันธ์ต่างๆมาเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งกัน
จึงยังให้เกิดผลอันคือสังขารขันธ์ที่หมายถึงการกระทำต่างๆ
ดังนั้นจิตตสังขารจึงหมายถึง สิ่งปรุงแต่งทางจิตหรือใจ
แล้วแสดงออกมาทางการกระทำต่างๆ
ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ พวกใหญ่ๆ คือ
การกระทำทางกาย(กายสังขาร) ๑.
ทางวาจา(วจีสังขาร) ๑.
และทางใจ(จิตสังขาร,จิตตสังขาร,มโนสังขาร) ๑.
(อย่าไปสับสน กับที่มีผู้ใช้คำว่า สังขารในภาษาไทยหรือโลกิยะ ที่ใช้กันโดยทั่วไป
หมายถึงสังขารกายหรือสังขารของกายคือร่างกายคือรูปหรือรูปขันธ์ก็มี
เมื่อพิจารณาธรรมจึงมักสับสนเอนเอียงฝักใฝ่ไปคอยเข้าใจอยู่ในทีโดยไม่รู้ตัวว่า
เป็นสังขารร่างกายแต่ฝ่ายเดียวตามความเห็นความเข้าใจอันคือทิฏฐิทางโลก จึงไม่สามารถเห็นธรรม)
จิตตสังขารคือจิตหรือ?
จิต ส่วนที่หมายถึงจิตตสังขาร
มีความหมายถึง สิ่งปรุงแต่งอันเกิดแต่จิต
ท่านได้ให้คำจำกัดความไว้ดังนี้
1. ปัจจัยปรุงแต่งจิต ได้แก่ สัญญาและเวทนา
(จขกท-ถ้าจิตตสังขารเป็นจิตแสดงว่าจิตเป็นขันธ์5เพราะมีสัญญาและเวทนาและสังขาร)
2. สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ ได้แก่
เจตนาที่ก่อให้เกิดมโนกรรม คือมโนสังขาร (การกระทำทางใจเช่นความคิด)
ดังนั้น จิตตสังขารหรือจิตสังขาร(จขกท-สังขารคือเจตสิค52)
จึงมีความหมายครอบคลุมถึงทั้งเวทนา,สัญญาและมโนสังขาร
และมักเรียกกันย่อๆว่า
จิตบ้าง ดังคำว่า เห็นจิต ดูจิต จิตเห็นจิต สติเห็นจิต
ต่างล้วนหมายถึงการมีสติระลึกรู้เท่าทันจิตตสังขาร
ที่ครอบคลุมทั้งเวทนา,สัญญา และมโนสังขาร
(จขกท-จิตเห็นขันธ์5 ฉนั้นจิตคือขันธ์5)
คือความคิดนึกที่ประกอบด้วยอาการของจิต
เช่นโทสะ โมหะ ราคะ ฟุ้งซ่าน หดหู่ ฯลฯ.เหล่านี้นี่เอง
บางครั้งบางท่านจึงมีความสับสนในการสื่อ
ไปพยายามหาจิต ดูจิต ไปหมายมั่นเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดว่าเป็นจิตขึ้น
สังขาร หมายถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น
หรือสิ่งที่เกิดแต่มีเหตุต่างๆมาเป็นปัจจัยปรุงแต่งกันขึ้นมาทั้งหลายทั้งปวง
จึงมีความหมายที่กว้างขวางครอบคลุมแทบทุกสรรพสิ่ง
ยกเว้นแต่เพียงอสังขตธรรมอันเป็นเพียงสภาวะ
กล่าวคือสภาวธรรมหรือสภาวะของธรรมชาติ ดังเช่น
พระนิพพานหรือนิพพานธรรม
สังขารในขันธ์ ๕ ที่หมายถึง สังขารขันธ์ จึงมีความหมายว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเหตุ อันคือขันธ์ต่างๆมาเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งกัน
จึงยังให้เกิดผลอันคือสังขารขันธ์ที่หมายถึงการกระทำต่างๆ
ดังนั้นจิตตสังขารจึงหมายถึง สิ่งปรุงแต่งทางจิตหรือใจ
แล้วแสดงออกมาทางการกระทำต่างๆ
ซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ พวกใหญ่ๆ คือ
การกระทำทางกาย(กายสังขาร) ๑.
ทางวาจา(วจีสังขาร) ๑.
และทางใจ(จิตสังขาร,จิตตสังขาร,มโนสังขาร) ๑.
(อย่าไปสับสน กับที่มีผู้ใช้คำว่า สังขารในภาษาไทยหรือโลกิยะ ที่ใช้กันโดยทั่วไป
หมายถึงสังขารกายหรือสังขารของกายคือร่างกายคือรูปหรือรูปขันธ์ก็มี
เมื่อพิจารณาธรรมจึงมักสับสนเอนเอียงฝักใฝ่ไปคอยเข้าใจอยู่ในทีโดยไม่รู้ตัวว่า
เป็นสังขารร่างกายแต่ฝ่ายเดียวตามความเห็นความเข้าใจอันคือทิฏฐิทางโลก จึงไม่สามารถเห็นธรรม)