บทที่ 6
เสียงไก่ขันดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ กว่าผมจะยอมลุกขึ้นจากที่นอน อาการปวดเมื่อยตามเข้งขา หลังและไหล่ ทำเอาไม่อยากลุกเสียเลย
ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เปิดเทอมวันแรก และผมจะได้เจอแอมที่โรงเรียน คงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆหรอก
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่ เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ผมหันไปมอง แสงแดดสีสดใหม่ราวกับต้องการเชิญชวนให้ผมมาแนบชิดขอบหน้าต่าง
ผมจึงไม่อาจต่อต้านการเชื้อเชิญได้ ใช้มือยันร่างตัวเองลุกขึ้น เดินเอื่อยเฉื่อยมายังหน้าต่าง หลับตากะพริบถี่ เพื่อปรับภาพการมองเห็น
และผมได้เห็นเธอตรงหน้าบ้าน กำลังเปิดประตูบ้านออกมา เธออยู่ในชุดนักเรียน ผมสีดำมันขลับซึ่งยาวเลยบ่ามาเล็กน้อย ถูกมัดรวบดึงไว้ โดยมีโบว์สีน้ำเงินติดที่ผม มองดูแล้วน่ารักทีเดียว
เธอเดินขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ ไม่นานรถคันนั้นจึงค่อยๆแล่นออกไป
ผมรีบพุ่งตัวมาดูนาฬิกาตั้งโต๊ะรูปไอรอนแมนซึ่งล้มตะแคงอยู่ข้างที่นอน หกโมงเช้า แอมไปโรงเรียนเร็วจัง ผมนึกว่าตัวเองตื่นสายซะแล้ว อยากล้มตัวลงนอนต่ออีกสักหน่อย
หวนคิดขึ้นว่า แอมไปโรงเรียนแล้ว หัวใจของผมจึงโบยบินตามไปด้วย ผมรีบพับเก็บผ้าห่ม แล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัววิ่งลงชั้นล่าง
แม่เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ผมเรียบแล้ว ผมรีบกินอย่างรวดเร็ว
"ให้ไปส่งที่โรงเรียนไหมจ๊ะ"
พี่มินเดินมานั่งข้างๆผม แล้วลงมือกินข้าวทั้งๆที่หน้ายังไม่ล้างผมไม่หวี เฮ้อ สภาพแทบดูไม่ได้ จนผมต้องเบือนหน้าหนี
"ไม่ดีกว่า ไปเองได้" ผมตอบพี่มิน สภาพแบบนี้นี่นะจะไปส่งน้องที่โรงเรียน ไม่เสี่ยงต่อการถูกนักเรียนคนอื่นมองตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกหรอกนะ
"ไปแล้วนะครับ" ผมสะพายเป้นักเรียนยกมือไหว้แม่แล้วเดินออกจากบ้าน เช้านี้พ่อไม่อยู่บ้าน แม่บอกว่าพ่อออกไปทำธุระ และคงแวะสั่งซื้อปูน ทรายสำหรับเอามาเทพื้นที่ร้าน
ผมเดินออกมาจากซอย ผ่านบ้านลุงสันต์ซึ่งประตูรั้วเหล็กเปิดอ้าไว้ เห็นลุงสันต์กำลังรดน้ำดอกไม้
"สวัสดีครับลุงสันต์ ผมไปโรงเรียนแล้วนะครับ" ผมยกมือไหว้ และทำท่าจะเดินต่อ แต่ลุงสันต์กวักมือเรียก ผมจึงต้องเดินเข้าไปหาลุงสันต์ในบ้าน
"ฝ้ายบอกว่าต่อชอบวาดรูปดอกไม้ บ้านลุงมีดอกไม้หลายชนิด ถ้าอยากได้แบบวาดก็เข้ามาดูได้ทุกเมื่อเลยนะ"
ลุงสันต์พาผมเดินดูดอกไม้ที่อยู่ในกระถาง และที่ปลูกลงดินตรงส่วนหลังบ้าน มีดอกไม้หลากหลายจริงๆ
ทั้งดอกกุหลาบที่มีเกือบครบทุกสี ดอกกล้วยไม้ ดอกเยอบิร่า ดอกหงอนไก่ ดอกมะลิ ดอกปีบ ดอกรัก เยอะแยะละลานตาไปหมด ผมดูจนเพลิน
"จริงๆ ลุงปลูกแค่ไม่อีกอย่างหรอก แต่ว่างๆ ทำไปทำมา มีดอกไม้เต็มบ้านไปหมด "
"สวยๆทั้งนั้นเลยครับ ผมต้องแวะมาดูอีกแน่ๆ"
"มาเลย มาเลย อยากมาตอนไหนก็มานะ....เอ้าๆดูแล้วก็ไปๆรีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวไปสายจะได้โดนกระโดดตบหน้าโรงเรียนแน่"
ผมยกมือไหว้ลุงสันต์ แล้วรีบวิ่งไปยังป้ายรถประจำทาง ซึ่งอยู่ห่างจากร้านป้าเจี๊ยบไม่ไกลมากนัก จุดนี้มีศาลารอรถไว้นั่งหลบแดดฝน มีนักเรียน คนวัยทำงานยืนออเต็มศาลา
ผมถามนักเรียนที่ปักชื่อโรงเรียนเดียวกับผม ว่าต้องขึ้นรถสายไหน เขาจึงบอกให้ขึ้นตามเขาเลย
และผมก็ได้มานั่งบนรถสองแถว ซึ่งเป็นรถกระบะที่ถูกดัดแปลงให้นำมาใช้ขนส่งผู้โดยสาร มีหลังคาและเบาะที่นั่งสองแถวยาว
รถขับผ่านตลาดสด ซึ่งค่อนข้างแออัดไปด้วยผู้คนและรถรา รถสองแถวที่ผมนั่งเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จะเรียกตามวลีที่ว่าช้ายังกะเต่าคลานก็ใช้ได้เลยละ
ชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ ต่างคนต่างหิ้วของพะรุงพะรังวิ่งข้ามถนนไปมา เด็กส่งของเข็นรถขนผักซึ่งมีต้นหอม แตงกวา กะหล่ำปลีปะปนกันอยู่ในตะกร้า เขาเข็นอยู่บนทางเท้า
ปากตะโกนถามคนที่เดินนำหน้า
"เอาไปไว้คันไหนเจ๊"
"โน่น ฝั่งโน้นเลย รถกระบะสีดำ 5963 เอาไปไว้หลังกระบะให้เลยนะ เดี๋ยวเจ๊ซื้อของอีกนิดหน่อย"
"ต้องข้ามถนนอีกแล้ว รถยิ่งเยอะอยู่ด้วย เซ็ง"
ผมได้ยินเด็กส่งของบ่นเสียงดัง แต่เจ๊แกคงไม่ได้ยิน เพราะกำลังยืนโม้กับเพื่อนที่เพิ่งเดินมาเจอกัน
ภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดสด ทำผมยิ้ม ดูแล้วเพลินตาไม่น้อย
รถสองแถวเคลื่อนตัวเร็วขึ้น เมื่อหลุดออกมาจากตลาดสด มีคนโบกเรียกรถตลอดทาง และกว่าผมจะถึงโรงเรียนผู้โดยสารก็ขึ้นมาเต็มที่นั่ง
ผมเลยต้องยืนให้นักเรียนหญิงที่กำลังก้าวเท้าขึ้นมาบนรถ ผมเรียกให้เธอมานั่งที่ของผม และผมก็ยืนเกาะราวเหล็กด้านท้าย ตรงที่เป็นบันไดให้ผู้โดยสารเหยียบขึ้นมาบนรถ
ผมจ่ายเงินค่ารถสิบบาท ระยะเวลาที่ใช้เดินทางมาโรงเรียนประมาณยี่สิบนาที ถือว่าไม่นานมาก และเช้านี้ไม่สาย
ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงเรียนสิ่งแรกที่มองหาคือแอม
ผมเดินไปเรื่อย แบบจับทิศทางไม่ถูก เคยมาแล้วครั้งหนึ่งตอนแม่พามาสมัครเรียนและมาสอบเข้า แต่ตอนนี้มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียนเต็มไปหมด
นักเรียนใหม่อย่างผมและยังไม่รู้จักใครสักคน จึงยืนงงเป็นกระต่ายหลงทิศ ลอบมองหาที่นั่งตรงไหนสักที่ แต่แล้วสายตาพลันหันไปมองประสานตากับแอมพอดี
หัวใจผมเต้นแรง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างไร ผมประหม่าและพยายามกลบเกลื่อนอาการนี้ ด้วยการพูดทักทายเธอ
แต่แอมดูจะไม่ยินดียินร้ายกับคำทักทายจากผมสักเท่าไร ดีหน่อยที่เพื่อนสองคนซึ่งนั่งอยู่กับแอม ท่าทางเป็นมิตร กล่าวทักทายและถามชื่อผมทำให้ความประหม่าลดลงไปบ้าง
ผมรีบขอตัวทันทีที่เห็นผู้ชายคนนั้น คนที่เดินคุยกับแอมเมื่อวานตอนเย็น เขากำลังเดินมาหาแอม เพราะไม่อยากรับรู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกัน ถ้าเป็นแฟนกัน ผมคงทนดูพวกเขาสวีทกันไม่ได้แน่
ถามทางไปห้องน้ำทั้งๆที่ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำเลย
ผมเดินไปตามทางที่แป้งชี้บอก และบังเอิญมาเจอน้องฝ้าย เมื่อคืนผมเจอที่บ้านลุงสันต์ เช้านี้ผมเจอเธอที่โรงเรียน โลกมันกลมตามที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสว่าไว้จริงๆ
"ดีใจจังค่ะ ที่พี่ต่อเรียนที่นี่" ฝ้ายทักทายผม ใบหน้ายิ้มใส ผมมองดูจุดบนเสื้อจึงได้รู้ว่าเธอเรียนอยู่ม.2
"ครับ ดีใจที่ได้เจอน้องฝ้ายเช่นกัน"
"พี่ต่อจะไปไหนคะ"
"อ่อ..หาที่นั่งหน่อยน่ะ" ผมบอกส่งๆไป แต่ใจก็อยากนั่งพักสักหน่อย ยืนบนรถนานชักเมื่อยขา
"งั้นไปนั่งกับฝ้ายได้นะคะ ฝ้ายจะได้แนะนำพี่ต่อให้เพื่อนๆได้รู้จักด้วย"
ทันทีที่ฝ้ายพูดจบเสียงออดพลันดังขึ้น
"หว่า..ต้องไปเข้าแถวหน้เสาธงแล้วค่ะ ฝ้ายไปก่อนนะคะ"
เธอโบกมือลาแล้ววิ่งไปทางกลุ่มเพื่อนสี่คน ที่นั่งอยู่บนพื้นอิฐหนอน ใต้ต้นไทร โรงเรียนปูพื้นอิฐหนอนสีเขียวสลับส้ม ทั่วบริเวณ ทำให้ทุกที่นักเรียนสามารถนั่งลงได้หมด
ยิ่งสายแดดยิ่งร้อน การยืนหน้าเสาธงฟังคุณครูคนแล้วคนเล่าขึ้นมาพูด ทำผมอ้าปากหาวไปหลายรอบ
สักพักรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดไหล่ จึงหันไปดู ผมเห็นอาร์ตเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ม.ต้น ผมทักทายเพื่อนให้พอได้ยินกันสองคน
"เห้ย..โคตรดีใจเลยวะที่เจอเอ็งที่นี่"
แต่ดูเหมือนครูไพโรจน์ ซึ่งเป็นครูประจำชั้นจะได้ยินด้วย แกยืนอยู่หน้าแถวนักเรียนแต่หันมามองผมตลอด
"อืมม์ เหมือนกัน ที่ไลน์กลุ่มเพื่อนๆเขาบอกกันหมดว่าใครไปเรียนต่อที่ไหนกัน เหลือแต่เอ็งเงียบหายไปเลย โทร.ติดต่อก็ไม่ได้"
อาร์ตร่ายยาว และหยุดพูดเมื่อถูกครูไพโรจน์จ้องมอง แล้วเราจึงพูดกันต่อเมื่อครูไพโรจน์หันหน้าไปทางอื่น
"โทรศัพท์พังวะ แถมต้องย้ายบ้านใหม่อีก ยุ่งโคตรไม่ได้ติดต่อใครเลย"
และเราสองคนก็ต้องหยุดพูด เมื่อครูไพโรจน์เดินมาตรวจเครื่องแต่งกายนักเรียน ครูส่องดูคนนั้นคนนี้พอลวกๆ แล้วกลับไปยืนหน้าแถวเหมือนเดิม
การพูดต้อนรับนักเรียนใหม่ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียนก็ยังดำเนินต่อไป กว่าจะปล่อยนักเรียนเข้าห้องเรียน เล่นเอาเสื้อนักเรียนหลายคนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
ผมคิดว่าสวรรค์คงมีตา ถึงได้รับรู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อแอม จึงดลบันดาลให้ผมได้มานั่งโต๊ะเรียนด้านหลังเธอ
ตลอดเทอมผมจะได้นั่งมองเธออยู่ตรงนี้แค่คิด หัวใจผมก็เต้นแรงอย่างมีความสุข
กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ โชยออกมามองจากตัวเธอ ยามเธอขยับตัว ทำผมแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โอ้..ให้ตายเถอะผมอยู่ใกล้เธอเกินไป ใกล้จนผมเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย มือสั่น ใจสั่นไปหมด
ในวันนั้นทั้งวันผมขออนุญาตคุณครูเข้าห้องน้ำหลายรอบมาก ไม่ใช่เพราะผมปวดฉี่หรืออะไรหรอกนะ แต่ผมต้องขอปลีกตัวมารวบรวมสติเสียก่อน
บ่อยครั้งที่ผมเฝ้ามองเธอพูดคุย หัวเราะหยอกเล่นกับแป้ง ผมเผลอมองแล้วอมยิ้ม อาร์ตจึงจับได้ว่าผมแอบชอบแอม
ไอ้เพื่อนตัวดี เกือบแหกปากพูดเสียงดัง ถ้าผมไม่รีบยกมือปิดปากมันไว้นะ ป่านนี้รู้กันทั้งห้องแล้ว
แอมคงรู้สึกว่าโต๊ะด้านหลังมีอะไรแปลกๆ เธอทำท่าจะเอี้ยวตัวหันมามอง
ผมไหวตัวทันจึงรีบฟุบหน้าลงบนโต๊ะ แกล้งนอนเป็นไอ้ขี้เซาซะเลย แล้วไอ้เพื่อนตัวดีก็สะกิดขาผมเป็นประวิง ก่อนที่จะก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
"เธอหันมามองนายด้วย"
แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ ที่ทำเอาผมประสาทเสีย
ถึงเวลาพักเที่ยง แป้งชวนผมไปกินข้าวด้วย ผมอยากไปด้วยใจจะขาด ถ้าไม่ติดที่ว่าไปกินข้าวครั้งนี้ นายนนท์ก็ดันไปด้วยนะสิ
ถ้าผมต้องไปนั่งกินข้าวแล้วมองดูแอมกับนนท์คุยกันอย่างสนุกสนาน ผมขอดูอยู่ห่างๆดีกว่า ผมจึงบอกขอตัวเข้าห้องน้ำ รีบวิ่งออกจากห้องเรียนมาแบบไม่หันไปมอง
ผมเดินลงมาชั้นล่าง เดินสำรวจห้องชั้นหนึ่งดูเล่นๆ ไม่ใช่ห้องเรียนทั้งชั้น สองห้องแรกฝั่งซ้ายมือ เป็นห้องพยาบาล ห้องที่สองเป็นห้องแนะแนว
นักเรียนชายหญิงชั้นม.หนึ่งวิ่งผ่านหน้าผมไปสามคน คงรีบไปโรงอาหาร
ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงคุณครูประกาศขอพบหัวหน้าห้องทุกชั้นเรียน
ผมจึงย้อนกลับมาที่ทางลงบันได รอไปกินข้าวพร้อมแอม เพราะนนท์ต้องไปพบครู
ผมเห็นนนท์เดินลงมาก่อน เขายิ้มให้ผม
"เซ็งเลย คนยิ่งกำลังหิวข้าวอยู่ด้วย" นนท์หยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วพูดขึ้น
"เดี๋ยวกินเผื่อ" ผมตอบไป
"เออนะ ถ้างั้น เราฝากต่อสั่งข้าวไว้ให้เราด้วย ข้าวผัดทะเลไข่ดาว ส่งไว้เลยนะ ประชุมเสร็จเดี๋ยวรีบไปกิน หิวข้าวไส้จะขาดแล้ว"
"โอเค ได้อยู่แล้ว นายรีบไปรีบมาก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าวจะเย็นหมด"
นนท์ตบไหล่ผม แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวไปห้องประชุม
สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับแอม หมอนี่นิสัยดีทีเดียว บางทีสองคนนี้เขาอาจเหมาะสมกันจริงๆ ถ้าแอมกับนนท์เขาทั้งสองรักกัน ผมจะยอมหลีกทางไม่คิดสู้ไม่คิดแย่งแอมมาจากนนท์แน่ๆ
แต่เท่าที่ผมรู้ในตอนนี้คือพวกเขาแค่เป็นเพื่อนกันไม่ได้เป็นแฟนกัน เรื่องนี้ทำให้ผมใจชื้นเดินหน้าจีบแอมได้อย่างสบายใจ
.
หัวใจซ่อนรัก บทที่ 6
ถ้าไม่ติดว่าวันนี้เปิดเทอมวันแรก และผมจะได้เจอแอมที่โรงเรียน คงไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆหรอก
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่ เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ผมหันไปมอง แสงแดดสีสดใหม่ราวกับต้องการเชิญชวนให้ผมมาแนบชิดขอบหน้าต่าง
ผมจึงไม่อาจต่อต้านการเชื้อเชิญได้ ใช้มือยันร่างตัวเองลุกขึ้น เดินเอื่อยเฉื่อยมายังหน้าต่าง หลับตากะพริบถี่ เพื่อปรับภาพการมองเห็น
และผมได้เห็นเธอตรงหน้าบ้าน กำลังเปิดประตูบ้านออกมา เธออยู่ในชุดนักเรียน ผมสีดำมันขลับซึ่งยาวเลยบ่ามาเล็กน้อย ถูกมัดรวบดึงไว้ โดยมีโบว์สีน้ำเงินติดที่ผม มองดูแล้วน่ารักทีเดียว
เธอเดินขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ ไม่นานรถคันนั้นจึงค่อยๆแล่นออกไป
ผมรีบพุ่งตัวมาดูนาฬิกาตั้งโต๊ะรูปไอรอนแมนซึ่งล้มตะแคงอยู่ข้างที่นอน หกโมงเช้า แอมไปโรงเรียนเร็วจัง ผมนึกว่าตัวเองตื่นสายซะแล้ว อยากล้มตัวลงนอนต่ออีกสักหน่อย
หวนคิดขึ้นว่า แอมไปโรงเรียนแล้ว หัวใจของผมจึงโบยบินตามไปด้วย ผมรีบพับเก็บผ้าห่ม แล้วคว้าเอาผ้าเช็ดตัววิ่งลงชั้นล่าง
แม่เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ผมเรียบแล้ว ผมรีบกินอย่างรวดเร็ว
"ให้ไปส่งที่โรงเรียนไหมจ๊ะ"
พี่มินเดินมานั่งข้างๆผม แล้วลงมือกินข้าวทั้งๆที่หน้ายังไม่ล้างผมไม่หวี เฮ้อ สภาพแทบดูไม่ได้ จนผมต้องเบือนหน้าหนี
"ไม่ดีกว่า ไปเองได้" ผมตอบพี่มิน สภาพแบบนี้นี่นะจะไปส่งน้องที่โรงเรียน ไม่เสี่ยงต่อการถูกนักเรียนคนอื่นมองตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกหรอกนะ
"ไปแล้วนะครับ" ผมสะพายเป้นักเรียนยกมือไหว้แม่แล้วเดินออกจากบ้าน เช้านี้พ่อไม่อยู่บ้าน แม่บอกว่าพ่อออกไปทำธุระ และคงแวะสั่งซื้อปูน ทรายสำหรับเอามาเทพื้นที่ร้าน
ผมเดินออกมาจากซอย ผ่านบ้านลุงสันต์ซึ่งประตูรั้วเหล็กเปิดอ้าไว้ เห็นลุงสันต์กำลังรดน้ำดอกไม้
"สวัสดีครับลุงสันต์ ผมไปโรงเรียนแล้วนะครับ" ผมยกมือไหว้ และทำท่าจะเดินต่อ แต่ลุงสันต์กวักมือเรียก ผมจึงต้องเดินเข้าไปหาลุงสันต์ในบ้าน
"ฝ้ายบอกว่าต่อชอบวาดรูปดอกไม้ บ้านลุงมีดอกไม้หลายชนิด ถ้าอยากได้แบบวาดก็เข้ามาดูได้ทุกเมื่อเลยนะ"
ลุงสันต์พาผมเดินดูดอกไม้ที่อยู่ในกระถาง และที่ปลูกลงดินตรงส่วนหลังบ้าน มีดอกไม้หลากหลายจริงๆ
ทั้งดอกกุหลาบที่มีเกือบครบทุกสี ดอกกล้วยไม้ ดอกเยอบิร่า ดอกหงอนไก่ ดอกมะลิ ดอกปีบ ดอกรัก เยอะแยะละลานตาไปหมด ผมดูจนเพลิน
"จริงๆ ลุงปลูกแค่ไม่อีกอย่างหรอก แต่ว่างๆ ทำไปทำมา มีดอกไม้เต็มบ้านไปหมด "
"สวยๆทั้งนั้นเลยครับ ผมต้องแวะมาดูอีกแน่ๆ"
"มาเลย มาเลย อยากมาตอนไหนก็มานะ....เอ้าๆดูแล้วก็ไปๆรีบไปโรงเรียนเถอะ เดี๋ยวไปสายจะได้โดนกระโดดตบหน้าโรงเรียนแน่"
ผมยกมือไหว้ลุงสันต์ แล้วรีบวิ่งไปยังป้ายรถประจำทาง ซึ่งอยู่ห่างจากร้านป้าเจี๊ยบไม่ไกลมากนัก จุดนี้มีศาลารอรถไว้นั่งหลบแดดฝน มีนักเรียน คนวัยทำงานยืนออเต็มศาลา
ผมถามนักเรียนที่ปักชื่อโรงเรียนเดียวกับผม ว่าต้องขึ้นรถสายไหน เขาจึงบอกให้ขึ้นตามเขาเลย
และผมก็ได้มานั่งบนรถสองแถว ซึ่งเป็นรถกระบะที่ถูกดัดแปลงให้นำมาใช้ขนส่งผู้โดยสาร มีหลังคาและเบาะที่นั่งสองแถวยาว
รถขับผ่านตลาดสด ซึ่งค่อนข้างแออัดไปด้วยผู้คนและรถรา รถสองแถวที่ผมนั่งเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ จะเรียกตามวลีที่ว่าช้ายังกะเต่าคลานก็ใช้ได้เลยละ
ชาวบ้านที่มาจับจ่ายซื้อของ ต่างคนต่างหิ้วของพะรุงพะรังวิ่งข้ามถนนไปมา เด็กส่งของเข็นรถขนผักซึ่งมีต้นหอม แตงกวา กะหล่ำปลีปะปนกันอยู่ในตะกร้า เขาเข็นอยู่บนทางเท้า
ปากตะโกนถามคนที่เดินนำหน้า
"เอาไปไว้คันไหนเจ๊"
"โน่น ฝั่งโน้นเลย รถกระบะสีดำ 5963 เอาไปไว้หลังกระบะให้เลยนะ เดี๋ยวเจ๊ซื้อของอีกนิดหน่อย"
"ต้องข้ามถนนอีกแล้ว รถยิ่งเยอะอยู่ด้วย เซ็ง"
ผมได้ยินเด็กส่งของบ่นเสียงดัง แต่เจ๊แกคงไม่ได้ยิน เพราะกำลังยืนโม้กับเพื่อนที่เพิ่งเดินมาเจอกัน
ภาพความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดสด ทำผมยิ้ม ดูแล้วเพลินตาไม่น้อย
รถสองแถวเคลื่อนตัวเร็วขึ้น เมื่อหลุดออกมาจากตลาดสด มีคนโบกเรียกรถตลอดทาง และกว่าผมจะถึงโรงเรียนผู้โดยสารก็ขึ้นมาเต็มที่นั่ง
ผมเลยต้องยืนให้นักเรียนหญิงที่กำลังก้าวเท้าขึ้นมาบนรถ ผมเรียกให้เธอมานั่งที่ของผม และผมก็ยืนเกาะราวเหล็กด้านท้าย ตรงที่เป็นบันไดให้ผู้โดยสารเหยียบขึ้นมาบนรถ
ผมจ่ายเงินค่ารถสิบบาท ระยะเวลาที่ใช้เดินทางมาโรงเรียนประมาณยี่สิบนาที ถือว่าไม่นานมาก และเช้านี้ไม่สาย
ทันทีที่เดินเข้ามาในโรงเรียนสิ่งแรกที่มองหาคือแอม
ผมเดินไปเรื่อย แบบจับทิศทางไม่ถูก เคยมาแล้วครั้งหนึ่งตอนแม่พามาสมัครเรียนและมาสอบเข้า แต่ตอนนี้มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียนเต็มไปหมด
นักเรียนใหม่อย่างผมและยังไม่รู้จักใครสักคน จึงยืนงงเป็นกระต่ายหลงทิศ ลอบมองหาที่นั่งตรงไหนสักที่ แต่แล้วสายตาพลันหันไปมองประสานตากับแอมพอดี
หัวใจผมเต้นแรง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพาตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างไร ผมประหม่าและพยายามกลบเกลื่อนอาการนี้ ด้วยการพูดทักทายเธอ
แต่แอมดูจะไม่ยินดียินร้ายกับคำทักทายจากผมสักเท่าไร ดีหน่อยที่เพื่อนสองคนซึ่งนั่งอยู่กับแอม ท่าทางเป็นมิตร กล่าวทักทายและถามชื่อผมทำให้ความประหม่าลดลงไปบ้าง
ผมรีบขอตัวทันทีที่เห็นผู้ชายคนนั้น คนที่เดินคุยกับแอมเมื่อวานตอนเย็น เขากำลังเดินมาหาแอม เพราะไม่อยากรับรู้ว่าสองคนนี้เป็นอะไรกัน ถ้าเป็นแฟนกัน ผมคงทนดูพวกเขาสวีทกันไม่ได้แน่
ถามทางไปห้องน้ำทั้งๆที่ไม่ได้อยากเข้าห้องน้ำเลย
ผมเดินไปตามทางที่แป้งชี้บอก และบังเอิญมาเจอน้องฝ้าย เมื่อคืนผมเจอที่บ้านลุงสันต์ เช้านี้ผมเจอเธอที่โรงเรียน โลกมันกลมตามที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสว่าไว้จริงๆ
"ดีใจจังค่ะ ที่พี่ต่อเรียนที่นี่" ฝ้ายทักทายผม ใบหน้ายิ้มใส ผมมองดูจุดบนเสื้อจึงได้รู้ว่าเธอเรียนอยู่ม.2
"ครับ ดีใจที่ได้เจอน้องฝ้ายเช่นกัน"
"พี่ต่อจะไปไหนคะ"
"อ่อ..หาที่นั่งหน่อยน่ะ" ผมบอกส่งๆไป แต่ใจก็อยากนั่งพักสักหน่อย ยืนบนรถนานชักเมื่อยขา
"งั้นไปนั่งกับฝ้ายได้นะคะ ฝ้ายจะได้แนะนำพี่ต่อให้เพื่อนๆได้รู้จักด้วย"
ทันทีที่ฝ้ายพูดจบเสียงออดพลันดังขึ้น
"หว่า..ต้องไปเข้าแถวหน้เสาธงแล้วค่ะ ฝ้ายไปก่อนนะคะ"
เธอโบกมือลาแล้ววิ่งไปทางกลุ่มเพื่อนสี่คน ที่นั่งอยู่บนพื้นอิฐหนอน ใต้ต้นไทร โรงเรียนปูพื้นอิฐหนอนสีเขียวสลับส้ม ทั่วบริเวณ ทำให้ทุกที่นักเรียนสามารถนั่งลงได้หมด
ยิ่งสายแดดยิ่งร้อน การยืนหน้าเสาธงฟังคุณครูคนแล้วคนเล่าขึ้นมาพูด ทำผมอ้าปากหาวไปหลายรอบ
สักพักรู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิดไหล่ จึงหันไปดู ผมเห็นอาร์ตเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันมาตั้งแต่ม.ต้น ผมทักทายเพื่อนให้พอได้ยินกันสองคน
"เห้ย..โคตรดีใจเลยวะที่เจอเอ็งที่นี่"
แต่ดูเหมือนครูไพโรจน์ ซึ่งเป็นครูประจำชั้นจะได้ยินด้วย แกยืนอยู่หน้าแถวนักเรียนแต่หันมามองผมตลอด
"อืมม์ เหมือนกัน ที่ไลน์กลุ่มเพื่อนๆเขาบอกกันหมดว่าใครไปเรียนต่อที่ไหนกัน เหลือแต่เอ็งเงียบหายไปเลย โทร.ติดต่อก็ไม่ได้"
อาร์ตร่ายยาว และหยุดพูดเมื่อถูกครูไพโรจน์จ้องมอง แล้วเราจึงพูดกันต่อเมื่อครูไพโรจน์หันหน้าไปทางอื่น
"โทรศัพท์พังวะ แถมต้องย้ายบ้านใหม่อีก ยุ่งโคตรไม่ได้ติดต่อใครเลย"
และเราสองคนก็ต้องหยุดพูด เมื่อครูไพโรจน์เดินมาตรวจเครื่องแต่งกายนักเรียน ครูส่องดูคนนั้นคนนี้พอลวกๆ แล้วกลับไปยืนหน้าแถวเหมือนเดิม
การพูดต้อนรับนักเรียนใหม่ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียนก็ยังดำเนินต่อไป กว่าจะปล่อยนักเรียนเข้าห้องเรียน เล่นเอาเสื้อนักเรียนหลายคนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
ผมคิดว่าสวรรค์คงมีตา ถึงได้รับรู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อแอม จึงดลบันดาลให้ผมได้มานั่งโต๊ะเรียนด้านหลังเธอ
ตลอดเทอมผมจะได้นั่งมองเธออยู่ตรงนี้แค่คิด หัวใจผมก็เต้นแรงอย่างมีความสุข
กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ โชยออกมามองจากตัวเธอ ยามเธอขยับตัว ทำผมแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ โอ้..ให้ตายเถอะผมอยู่ใกล้เธอเกินไป ใกล้จนผมเองรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย มือสั่น ใจสั่นไปหมด
ในวันนั้นทั้งวันผมขออนุญาตคุณครูเข้าห้องน้ำหลายรอบมาก ไม่ใช่เพราะผมปวดฉี่หรืออะไรหรอกนะ แต่ผมต้องขอปลีกตัวมารวบรวมสติเสียก่อน
บ่อยครั้งที่ผมเฝ้ามองเธอพูดคุย หัวเราะหยอกเล่นกับแป้ง ผมเผลอมองแล้วอมยิ้ม อาร์ตจึงจับได้ว่าผมแอบชอบแอม
ไอ้เพื่อนตัวดี เกือบแหกปากพูดเสียงดัง ถ้าผมไม่รีบยกมือปิดปากมันไว้นะ ป่านนี้รู้กันทั้งห้องแล้ว
แอมคงรู้สึกว่าโต๊ะด้านหลังมีอะไรแปลกๆ เธอทำท่าจะเอี้ยวตัวหันมามอง
ผมไหวตัวทันจึงรีบฟุบหน้าลงบนโต๊ะ แกล้งนอนเป็นไอ้ขี้เซาซะเลย แล้วไอ้เพื่อนตัวดีก็สะกิดขาผมเป็นประวิง ก่อนที่จะก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
"เธอหันมามองนายด้วย"
แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ ที่ทำเอาผมประสาทเสีย
ถึงเวลาพักเที่ยง แป้งชวนผมไปกินข้าวด้วย ผมอยากไปด้วยใจจะขาด ถ้าไม่ติดที่ว่าไปกินข้าวครั้งนี้ นายนนท์ก็ดันไปด้วยนะสิ
ถ้าผมต้องไปนั่งกินข้าวแล้วมองดูแอมกับนนท์คุยกันอย่างสนุกสนาน ผมขอดูอยู่ห่างๆดีกว่า ผมจึงบอกขอตัวเข้าห้องน้ำ รีบวิ่งออกจากห้องเรียนมาแบบไม่หันไปมอง
ผมเดินลงมาชั้นล่าง เดินสำรวจห้องชั้นหนึ่งดูเล่นๆ ไม่ใช่ห้องเรียนทั้งชั้น สองห้องแรกฝั่งซ้ายมือ เป็นห้องพยาบาล ห้องที่สองเป็นห้องแนะแนว
นักเรียนชายหญิงชั้นม.หนึ่งวิ่งผ่านหน้าผมไปสามคน คงรีบไปโรงอาหาร
ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงคุณครูประกาศขอพบหัวหน้าห้องทุกชั้นเรียน
ผมจึงย้อนกลับมาที่ทางลงบันได รอไปกินข้าวพร้อมแอม เพราะนนท์ต้องไปพบครู
ผมเห็นนนท์เดินลงมาก่อน เขายิ้มให้ผม
"เซ็งเลย คนยิ่งกำลังหิวข้าวอยู่ด้วย" นนท์หยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วพูดขึ้น
"เดี๋ยวกินเผื่อ" ผมตอบไป
"เออนะ ถ้างั้น เราฝากต่อสั่งข้าวไว้ให้เราด้วย ข้าวผัดทะเลไข่ดาว ส่งไว้เลยนะ ประชุมเสร็จเดี๋ยวรีบไปกิน หิวข้าวไส้จะขาดแล้ว"
"โอเค ได้อยู่แล้ว นายรีบไปรีบมาก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าวจะเย็นหมด"
นนท์ตบไหล่ผม แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวไปห้องประชุม
สมแล้วที่เป็นเพื่อนกับแอม หมอนี่นิสัยดีทีเดียว บางทีสองคนนี้เขาอาจเหมาะสมกันจริงๆ ถ้าแอมกับนนท์เขาทั้งสองรักกัน ผมจะยอมหลีกทางไม่คิดสู้ไม่คิดแย่งแอมมาจากนนท์แน่ๆ
แต่เท่าที่ผมรู้ในตอนนี้คือพวกเขาแค่เป็นเพื่อนกันไม่ได้เป็นแฟนกัน เรื่องนี้ทำให้ผมใจชื้นเดินหน้าจีบแอมได้อย่างสบายใจ
.