สุขสันต์วันเด็ก

กระทู้สนทนา

.

            คิดถึงอีกแล้ว มันคิดถึงเสมอเมื่อเจออะไรที่ตนเองเคยผ่านมา…

             เสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเวียนมาถึง มันอดนึกถึงเรื่องราวดี ๆ ในวันเด็กไม่ได้เลยจริง ๆ มันก็นึกคุ้นบ้าง จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทว่ากลิ่นอายแห่งความหลังมันยังคงอบอวลไปด้วยความสุข ที่มันเคยผ่านมา ทำให้มองย้อนกลับไปคราใด มันก็พบความสุขยังอยู่ดีเสมอ แค่รอเวลาให้หวนนึกถึง

             วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมเป็นวันเด็กแห่งชาติ ทว่าที่โรงเรียนของบอสจัดงานวันเด็กขึ้นในวันศุกร์ที่สองของเดือนมกราคมทุกปี

             บอสจำได้ว่าตนเองอยู่ชั้นประถมชั้นไหนบอสก็ลืมแล้ว แต่จำรสชาติของความสนุกได้ โรงเรียนจัดงานวันเด็กทุกปี ในวันเสาร์มีบางครอบครัวที่พาลูกหลานเข้าไปเที่ยวงานวันเด็กในตัวเมือง แต่บอสกับพี่ ๆ กับน้องบีม แม้แต่สองฝาแฝดไม่เคยได้เข้าไปเที่ยวงานวันเด็กในเมือง ที่ศาลากลางจังหวัดเลย ‘ครั้งเดียวก็ไม่เคย’ จึงไม่รู้ว่าที่นั่นเขาสนุกกันมากขนาดไหน

             แต่ถึงในเมืองจะสนุกแค่ไหนก็ตาม ที่โรงเรียนของบอสก็สนุกเช่นกัน ตอนนั้นมันไม่นึกอยากไปในเมืองหรอก บอสพึ่งมานึกเอาตอนโตนี่แหละ เพราะที่โรงเรียนก็จัดกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานเช่นกัน ตามวิถีแห่งโรงเรียนในชนบท

             ……………………………………

             ตอนเช้าของวันศุกร์บอสรีบตื่นแต่เช้าล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวให้แล้วเสร็จ รีบทานข้าวเช้าให้เร็ว ๆ เนื่องจากวันนี้มีนัดกับสองฝาแฝดกับจ๋อม วันนี้ไม่ได้เรียน ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ

             “น้องบีมแล้วยัง ปะเร็ว ๆ มันสวยแล้ว สิบ่อทันครูแจกขนม” บอสยืนเท้าสะเอวเรียกน้องสาว น้องบีมกำลังสวมรองเท้าอยู่ พวกเธอไม่ได้สวมรองเท้าหนังนักเรียนหนังสีดำ แต่พวกเธอสวมรองเท้าแตะไปโรงเรียน

             “แล้ว ๆ เอื้อยบอส ปะ!”น้องบีมตอบ น้องบีมอยู่เพียงชั้นอนุบาลเท่านั้น ผมสั้นเป็นลอนเพราะน้องบีมผมหยักศก ผมงอ ส่วนเธอผมตรง

             “อ่ะนี่ถุงหูหิ้ว เอาไปใส่ขนมหลาย ๆ เด้อ เอามาซูยายกินนำ” ยายยื่นถุงหูหิ้วให้เธอใบเล็ก ๆ ทั้งที่กระเป๋านักเรียนก็สะพายไปด้วย ยายยังจะให้พกถุงไปอีก “เอาเงินไปผู้ละห้าบาทพอ เพราะว่ามื้อหนิครูกะแจกขนมแล้ว กินอิ่มคักพอปานหยัง”

             “บ่อ! บอสสิเอาสิบบาทคือเก่า อี่ยายอย่ามาขี้โกง ขนมครูกะอย่า บอสกะอยากซื้อขนมกินนั่นเด้” บอสงอแง จะเอาสิบบาทเหมือนเดิม

             “ขี้โกงแม่มืงหยัง ครูกะแจกขนมอยู่ ยังสิเอาซำเก่าอยู่บ่อ” ยายเอ็ดเธอ ทว่าแอบเม้มปากหัวเราะเธอเห็น “เอาสิบบาทกะสิบบาท ให้พากันซื้อเมิดเด้อ ขนมครูกะสิแจก เหลือเงินมาหยอดคังพร้อมมื้อแลงน่ะ” ยายจำต้องควักเงินสิบบาทให้พวกเธอเช่นเดิม

             “จ้า!” บอสกับน้องบีมตอบพร้อมกัน พร้อมไหว้รับเงินไปโรงเรียนกับยาย จากนั้นบอสก็ขึ้นคร่อมจักรยานรับหน้าที่เป็นคนปั่น ส่วนน้องบีมเป็นคนซ้อนด้านหลัง

             “น้องบีมเอื้อยสิปั่นแล้ว กางขาออกดี ๆ เด้อ ขาสิเข้าซี่รถ” บอสเตือนน้องสาวก่อนออกตัว น้องบีมตอบตกลงจากนั้นบอสก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปบ้านสองฝาแฝดทันที

             มาถึงบ้านพิมพ์กับแพรวทั้งสองคนก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวออกเดินทางไปโรงเรียนกัน ป่านนี้ที่โรงเรียนคงมีนักเรียนมาถึงมากมายกันแล้ว “แฝดเอาถุงไปนำ เอาไปใส่ขนมอี่ฮา” บอสพูดพร้อมอวดถึงพลาสติกหูหิ้วด้วย แล้วพิมพ์ก็เห็นด้วย รีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปหยิบถุงพลาสติกพกไปด้วย คนละถุงกับแพรว ทั้งที่ก็พากันสะพายกระเป๋าไปด้วยอยู่แล้ว ยังจะพกถุงไปอีก

             ทุกคนพร้อมกันแล้วจึงปั่นจักรยานออกเดินทางกันได้ มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนทันที มาถึงโรงเรียนก็พบว่าในโรงเรียนครึกครื้นกันอย่างมาก ทุกคนแต่งกายด้วยชุดนักเรียน ที่บริเวณสนามฟุตบอลมีซุ้มกิจกรรมอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นเกมอะไรสักเกมไว้ให้พวกเธอเล่นแน่นอน

             ที่กองอำนวยการข้างเสาธงในเต็นท์ผ้าใบมีโต๊ะวางขนมปิ๊บ และ ของรางวัลมากมาย ล่อตาล่อใจพวกเธอมาก ยิ่งพวกเธอเป็นนักกิจกรรมอยู่แล้ว มีเกมอะไรให้เล่นบอสกับสองฝาแฝดกับจ๋อมจะฟาดให้เรียบให้หมดเลย บอสปรายตามองขนมและรางวัลในเต็นท์กองอำนวยการอย่างมีความสุข

             ครูใหญ่ตีระฆังให้นักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติกันก่อน “น้องบีมไปเข้าแถวเด้อ เลิกแถวเอื้อยบอสกับเอื้อยแฝดกับเอื้อยจ๋อมจะมาหา” บอสบอกกับน้องสาว

             “บ่อ! น้องบีมจะไปกับแจนกับเก” น้องบีมปฏิเสธเธอ

             “แล้วแต่! ยามเมือน้องบีมมาหาเอื้อยเด้อ บ่อต้องย่างเมือเข้าใจบ่อ” บอสกำชับ

             “อือ…” จากนั้นพวกเธอก็แยกจากน้องบีมไปเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้า

             ครูใหญ่พูดถึงกำหนดการงานวันเด็กวันนี้ว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง ใครจะเข้าร่วมสนุกก็ได้ ไม่มีแพ้ไม่มีชนะ แค่เพียงใครเข้าร่วมเล่นกิจกรรมก็ได้ของรางวัลได้ขนมกลับไปแน่นอน ไม่นานกิจกรรมหน้าเสาธงก็เสร็จสิ้น นอกจากคุณครูแล้วยังมีพี่ ๆ ชั้น ป.6 ด้วยที่ช่วยเป็นคณะกรรมการดูแลกิจกรรมในวันนี้

             บอส จ๋อม และ สองฝาแฝดต่างเดินชมงานกันอย่างตื่นเต้น ที่โรงเรียนคุณครูเปิดเพลงเสียงดังสนุกสนาน พร้อมประกาศกิจกรรมเป็นระยะ ๆ กิจกรรมหรือเกมให้เล่นก็ไม่มีอะไรมากมายมี กินวิบาก เหยียบลูกโป่ง เล่านิทาน ร้องเพลง เก้าอี้ดนตรีแค่นั้น ทว่ากิจกรรมแต่ละกิจกรรมช่างใช้เวลานานเสียเหลือเกิน ดังนั้นกิจกรรมแค่นี้ก็กินเวลาได้จนถึงเวลาเลิกเรียน เล่นเรื่อย ๆ ให้นักเรียนทุกคนได้ร่วมสนุก

             “สูเฮาสิไปเล่นหยังเฮา กูอยากได้ขนม เฮาบ่อทันได้ขนมนำมูอยู่” จ๋อมพูด ขณะที่พวกเธอกำลังยืนดูยืนเชียร์กินวิบากของคนอื่น ๆ อยู่

             “กูอยากเล่นกินวิบากเล่นเป็นมูกูแน” พิมพ์อ้อนพวกเธอทั้งสามคน

             “เอาบ่อจ๋อม บอส” แพรวหันมาถามพวกเธอสองคน เพราะอยากเล่นเป็นเพื่อนน้องสาวฝาแฝด

             “เอากะเอา! รอบต่อไปน้อเฮา ให้ซุมหนิเล่นแล้วก่อน” บอสเอาด้วย เพราะอยากได้ขนม ครูใหญ่บอกว่าใครเล่นแพ้เล่นชนะไม่เกี่ยว แค่เข้าร่วมเล่นเกมก็ได้ขนมแล้ว แต่คนชนะจะได้รางวัลใหญ่เท่านั้น

             “เย้!!!! เราได้คนชนะแล้ว เขาคือผู้กินแหลก กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ฮะฮ่า!” ครูวัฒนาถือไมค์เดินไปหาผู้เข้าแข่งขันกินวิบาก ที่เป็นผู้ชนะในรอบนี้ ถึงเส้นชัยก่อนใคร

             “อ้าวยืนตัวตรง แนะนำชื่อหน่อยชื่ออะไรเรียนชั้นไหน” ครูวัฒนากล่าว

             นักเรียนหญิงคนนั้นรับไมค์จากครูวัฒนาไปตอบ “ดิฉันชื่อเด็กหญิงจริยาเรียนอยู่ชั้น ป.5 ค่ะ ครูประจำชั้นชื่อครูสหรัฐค่ะ” ผู้ชนะตอบ แล้วครูวัฒนาก็บุ้ยหน้าไปยิ้มให้ครูสหรัฐที่นั่งอยู่ในเต็นท์

             “รางวัลของผู้ชนะคือตุ๊กตาหมีและขนมหนึ่งกระสอบ! ปรบมือให้กับผู้ชนะกินวิบากของเราหน่อย เย้!” ครูวัฒนากล่าวพร้อมมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะ นักเรียนทุกคนที่เข้ามาชมเกมต่างปรบมือให้เสียงดังกระหึ่ม

             ใกล้ ๆ กัน ภายในบริเวณเดียวกัน กิจกรรมแต่ละกิจกรรมกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ แล้วแต่นักเรียนคนไหนสะดวกเล่นกิจกรรมอะไรได้เลย พักเที่ยงก็มีก๋วยจั๊บฟรีจากทางแม่บ้านภารโรงทำแจก นับว่าวันนี้ได้ทั้งความสนุกและความอิ่มท้องกันเลย

             “ใครจะเข้ามาเล่นแข่งกินวิบากลำดับต่อไปเข้ามาเลย เรารับจำนวนจำกัดนะ ห้าคนเท่านั้น ห้าคนเท่านั้นรีบมาเลย มีไหมใครอยากเป็นผู้กินแหลก ฮ่ะฮ่า!” ครูวัฒนาถือไมค์ป่าวประกาศหาผู้ลงสมัครเล่นเกม

             กินวิบากจะมีสี่ฐานด้วยกันที่ครูวัฒนากำหนดขึ้น ฐานแรกคือกินขนมปิ๊บไส้สัปปะรดห้าก้อน จากนั้นก็วิ่งไปฐานที่สองคือดื่มน้ำล้างปากล้างหน้าด้วย จากนั้นก็วิ่งไปฐานที่สาม คือ การเป่าแป้งเพื่อเอาลูกโป่งอยู่ในแป้ง พอได้ลูกโป่งมาแล้วก็เป่า ๆ จนลูกโป่งแตก พอลูกโป่งแตกแล้วก็วิ่งไปฐานที่สี่ คือ กินลูกแอปเปิลหนึ่งลูกพอ พอกินหมดลูกแล้วก็เป็นอันเสร็จภารกิจ ใครทำสำเร็จก่อนคนนั้นเป็นผู้ชนะ

             บอสและจ๋อมและสองฝาแฝดต่างก้าวขาออกไปยืนด้านหน้า เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะเล่นเกมนี้ “อ่า! เราได้ผู้ลงสมัครแล้วสี่คน เหลืออีกหนึ่งคนใครจะเป็นผู้เข้ามาเล่น แพ้ชนะไม่เป็นไร ครูวัฒนาแจกขนมเหมียนเดิม ฮ่ะฮ่า” ไม่นานเอี้ยงก็ก้าวขาออกมาเล่น ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเธอเอง

             “อ้าว! ได้แล้ว ผู้เล่นคนสุดท้ายครบห้าคนพอดี สุภาพบุรุษหนึ่งเดียวในนารีสี่สาว ฮา! เขาจะเอาชนะสาว ๆ ทั้งสี่คนได้หรือไม่มาดูกันในรอบนี้ ให้เกียรติผู้ชายคนเดียวก่อน ขอถามชื่อเสียงเรียงนามสักหน่อย ชื่ออะไรครับ” ครูวัฒนาถามเอี้ยง พร้อมเอาไมค์ไปจ่อปาก

             “ผมชื่อเด็กชายวรเชษฐ์ เรียนอยู่ชั้น ป.3 ครูประจำชั้นชื่อครูเสนีย์ครับ” เอี้ยงกล่าวยาว ๆ กันเลย ซึ่งก็เป็นครูประจำชั้นของพวกเธอด้วย เพราะเรียนชั้นเดียวกัน ห้องเดียวกัน ครูวัฒนาหัวเราะชอบใจใหญ่

             “โอ้ว! รอบนี้มีฝาแฝดด้วย ศึกแห่งสายเลือดครับท่านผู้ชม อม… อม… ฮา” ครูวัฒนาเล่นมุกเองหัวเราะเองเลย “สี่นารีนี้ท่านชื่ออะไรกันบ้าง” ครูวัฒนาถาม

             จ๋อมรับไมค์มาตอบคนแรก “ดิฉันเด็กหญิงชฎาพรค่ะ”

             แพรวรับไมค์ต่อจากจ๋อม “ดิฉันเด็กหญิงดาราพรค่ะ” จากนั้นแพรวก็ยื่นไมค์ให้เธอ

             “ดิฉันเด็กหญิงชลันดาค่ะ” จากนั้นบอสก็ยื่นไมค์ให้พิมพ์คนสุดท้าย

             “ดิฉันเด็กหญิงศรณาราย์ค่ะ” แล้วพิมพ์ก็ยื่นไมค์คืนให้ครูวัฒนา

             “อ่า…ศึกแห่งสายเลือดกำลังจะเริ่มขึ้น ทุกคนเข้าเตรียมจุดประจำที่เลย เอ่อสองฝาแฝดห้ามอยู่ใกล้กัน อยู่คนละฝั่งเลย ศรณาราย์มาอยู่ฝั่งนี้ ถัดไปเป็นชฎาพร ตรงกลางชายชาตรีหนึ่งเดียวท่ามกลางสี่นารี วรเชษฐอยู่ตรงกลาง ถัดไปชลันดา และ คนสุดท้ายดาราพร” ครูวัฒนาจัดที่ให้พวกเธอประจำที่กัน

             ครูวัฒนาอธิบายขั้นตอนการเล่นให้พวกเธอเข้าใจ พวกเธอพยักหน้า แต่ละคนสายตามุ่งมั่นที่จะเอาชนะมาก ศึกกินวิบากครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ไม่มีคำว่าเพื่อนพี่น้องในศึกนี้ วันนี้!

             “เข้าใจนะ ผู้ชนะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น มาดูกันว่าศึกแห่งสายเลือดใครจะเป็นผู้ชนะ หรือ จะเป็นชายชาตรีเพียงหนึ่งเดียว! ฮะฮ่า!” ครูวัฒนาพูดเรียกบรรยากาศ และ เสียงหัวเราะของผู้ชมที่ยืนชม “เข้าที่ ระวัง ไป!”

             พอสิ้นเสียงสัญญาณบอสก็รีบวิ่งไปฐานแรกคือกินขนมปิ๊บห้าก้อนให้หมดอย่างรวดเร็ว เสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ เสียงหัวเราะและปรบมือดังกระหึ่มไม่ขาดระยะ ถึงไม่ใช่ผู้เล่นเป็นผู้เชียร์ก็สนุกไปด้วย บางคนก็ร้องเชียร์เอี้ยงผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวให้ได้ยิน ทว่านาทีนี้บอสไม่ได้ยินเสียงใครทั้งนั้น บอสต้องชนะ! ตุ๊กตาและขนมรออยู่

             ฐานแรกจ๋อมนำไปก่อน บอสรีบกินรีบกลืนขนมแล้ววิ่งไปฐานสอง คือ ดื่มน้ำ จากนั้นก็ล้างปากออก เสียงครูวัฒนาสั่งให้ล้างหน้าด้วย ไม่อย่างนั้นผิดกติกาถ้าใครไม่ทำ บอสเทน้ำล้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงเชียร์ที่ดังไม่ขาดระยะ

             จากนั้นก็วิ่งไปฐานที่สาม โดยมีเอี้ยงกับแพรวกับจ๋อมนำไปเป่าแป้งก่อนแล้ว บอสไม่รีรอรีบวิ่งไปเป่าแป้งฐานที่สามทันที ป่ะ ๆ ๆ อยู่หลายรอบใบหน้าที่เปียกแฉะจากการล้างหน้ามาหมาด ๆ เป่าแป้งในจานฟุ้งกระจาย ทำให้แป้งติดเต็มหน้าเต็มตาทุกคน ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะให้กับท่านผู้ชมที่ขอบสนามมาก

             ฐานที่สามฐานเป่าแป้งเป่าลูกโป่งให้แตกเป็นฐานที่ปราบเซียนมาก เป่าแป้งไม่ใช่ปัญหา ทว่าการเป่าลูกโป่งให้แตกต่างหากคือปัญหาใหญ่ พวกเธอทั้งห้าคนต่างรีบเป่าลูกโป่งกันหน้าดำหน้าแดง เป่าเอาเป็นเอาตาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่