(เล่นกิงก่องแก้วบ้านบอส)
ปล. หารูปดึกเกิบแทนไม่ได้ ใช้รูปนี้แทนเพราะมีเกิบ^^
ปล.2 เรื่องสั้นเรื่องนี้มีภาษาถิ่น ไม่เข้าใจประโยคไหนถามได้จ้า^^
________________________
“ยายบอสไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” สาย ๆ ของวันเสาร์บอสขอยายไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วยายจึงไม่ห้าม อนุญาตแต่โดยดี “ขอเงินนำแน่สิบบาท” ก่อนไปมิวายขอตังค์ไว้กินขนมด้วย
“พุ่นไปเล่นยังขอเงินอยู่ วันหยุดกะขอเงินยาย ขึ้น ป.2 ล่ะยังกินขนมคือเด็กน้อย เด็กน้อยคืออี่บีมไค๊บ่” ยายบ่น ทว่าก็ไม่ได้หันมามองเธอ ยายง่วนอยู่กับการทอผ้าซิ่นของยาย
“ฮือ… บอสบ่ทันใหญ่! กินขนมได้ อ้ายบอมพุ่นใหญ่ล่ะบ่ต้องกินขนม” บอสสังเกตว่ายายหัวเราะอึกอักกับคำพูดของตนเองด้วย “กะเผื่อบอสอยากกินขนมนั่นเด้ยาย วันบ่ได้ไปโรงเรียนกะอยากกินขนมคือเก่า” บอสค่อนขอดให้ยาย จะให้บอสกินขนมแค่จันทร์ถึงวันศุกร์หรืออย่างไร “ห้าบาทกะได้”
“ห้าบาทพอ! แม่กับพ่อกะฝากขนมมาให้บักหลายกินบ่ทันเมิดอยู่ ยังขอเงินไปซื้อขนมเพิ่นอีกอยู่ ไปโรงเรียนเอาสิบบาท วันเสาร์ห้าบาทพอ” ยายบ่นก่อนจะหยุดทอผ้า จากนั้นก็รูดซิบกระเป๋าเสื้อแขนกุดควักเหรียญห้าบาทให้กับเธอ “ต่อไปสิให้มันมื้อละห้าบาทอยู่ เสาร์อาทิตย์มันกะขอ เอายางมาฮัดใส่เสื้อไว้มันสิเสียหนิ” ยายยังไม่หยุดบ่น ยื่นเงินให้เธอเสร็จก็หันมากลับทอผ้าต่อ
บอสดีใจมากที่ได้เงิน รับเงินจากยายพร้อมมัดเงินไว้กับเสื้อของตนเองเสร็จสรรพ เนื่องจากเสื้อกับกางเกงที่บอสใส่ไม่มีถุงเลย “บ่อ! บอสเอามื้อละสิบบาทคือเก่าดิ๊อี่ยาย” พูดปนหัวเราะด้วยความพอใจ”ไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” พูดจบก็รีบวิ่งไปเลย ขืนอยู่นานน้องสาวของเธอได้ร้องตามไปแน่
บอสกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาพิมพ์กับแพรวที่บ้าน ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านของเธอนัก บ้านลุงวิทย์ที่เธอพูดถึงก็คือบ้านของสองฝาแฝดนั่นเอง “แฝดเฮ็ดหยัง” บอสตะโกนถามอยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้านหาพี่สาวทั้งสองคน ซึ่งทั้งสองคนกำลังดูละครจักร ๆ วงค์ ๆ กันอยู่
“มาเล่นตะเช้าแถะน้องไปไสคือบ่เอาน้องมานำ” ลุงวิทย์ถาม ลุงวิทย์ก็กำลังง่วนอยู่กับรถไถของตนเอง กำลังเช็ดถูดูแลความสะอาดอยู่
“อยู่เฮือน บ่อดิ๊บอสบ่ให้มันมานำ” ตอบผู้เป็นลุงไป ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้าง ๆ พิมพ์ดูทีวีด้วยคน พวกเธอสามคนนอนดูละครจบแล้วจึงชวนกันไปเล่นข้างนอกดีกว่า พวกเธอปรุงพริกเกลือมากินกับมะยม ข้างบ้านของแพรวปลูกต้นมะยมเอาไว้ลูกดกมาก
“อยากเล่นดึกเกิบน้อสู” แพรวพูดลอย ๆ ขณะจิ้มมะยมกับพริกก่อนจะเอาเข้าปากไปแล้วเคี้ยว น้ำของมะยมกระเซ็นออกจากปากของแพรว กระเด็นมาโดนหน้าเธอ
“อี่แพรวอี่ฮาหนิมากัดแฮงแถะ ถืกกู! “ บอสพูดปนหัวเราะพร้อมเช็ดหน้าออก เจ้าตัวกับพิมพ์ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย “อยากเล่นคือกันตะว่าเฮาสิเล่นสามคนหนิบ่ คือสิมวน” บอสเห็นด้วย
พิมพ์ครุ่นคิด “ไปชวนอี่จ๋อมไปเล่นโรงเรียนปะเฮา ชวนพวกอี่จอยอี่อุ้มนำ น้ำ ทราย นินกับอี่แพทนำปะ เล่นหลาย ๆ คนจังสิมวน” พิมพ์เสนอแนวทางบรรเจิดมาก บอสกับแพรวมองหน้ากันเห็นด้วย จากนั้นก็เก็บมะยมใส่ถุงหูหิ้วพร้อมพริกเกลือไปด้วย พวกเธอสามคนจะเดินไปชวนเพื่อน ๆ ไปเล่นที่โรงเรียนกัน
อันดับแรกเดินไปชวนเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดคือนิน “มืงบ่ต้องยางผ่านเฮือนกูเด้อ อี่บีมสิเห็น อี่บีมสิไห้ตามมา” เพราะบ้านของนินอยู่คุ้มเดียวกันกับเธอ บ้านใกล้ ๆ กัน แต่ ถ้าหากลัดเลาะไปอีกทางก็จะไม่ผ่านบ้านของเธอ เพียงแค่ต้องเดินอ้อมไกลนิดหน่อยเท่านั้น
“กะได้!” แพรวตอบ พวกเธอสามคนเดินไปชวนนินที่บ้าน แล้วนินก็ตกลงไปด้วย ลำดับต่อไปเดินไปชวนแพท ปรากฎว่าแพทก็ไปด้วย “แพทตี้ศรีอีสานไปเล่นโรงเรียนปะ ไปเล่นบักดึกเกิบกัน” แพรวชวน
“ปะ! ยางไปบ่” แพทถาม
“แมน! “ บอสตอบ จากนั้นพวกเธอทั้งห้าคน ก็เดินไปชวนจ๋อมตามลำดับเส้นทางไปโรงเรียน “อี่จ๋อมอยู่เฮือนบ่อ” พวกเธอยืนตะโกนเรียกเพื่อนตรงหน้าบ้าน ไม่ยอมเข้าไป
“อยู่! “ จ๋อมตะโกนตอบแล้วรีบวิ่งออกมาหาพวกเธอ “พวกสูสิไปไสกัน”
“มาหามืง! ไปเล่นโรงเรียนปะ ชวนอี่จอยไปนำแน มันไปบ่” บอสตอบ จ๋อมตกลงไปด้วย จากนั้นพวกเธอหกคนก็เดินไปชวนจอย เสร็จจากจอยก็ไปหาน้ำกับทราย และ มุ่งหน้าไปยังบ้านของอุ้มหลังสุดท้าย หมดแล้วเพื่อน ๆ คุ้มเหนือหรือหมู่ 2 ที่เป็นรุ่นเดียวกัน บ้านของอุ้มอยู่ติดกับโรงเรียน กั้นเพียงถนนพาดผ่านเท่านั้น
“ยายอ่อนอี่อุ้มอยู่เฮือนบ่” พวกเธอตะโกนถามยายของอุ้ม พวกเธอทั้งเก้าคนยืนหน้าสลอนเรียงกันที่หน้าบ้านของอุ้ม
“อยู่! มันกะอยู่หนิล่ะ สูสิพากันไปไสเด็กน้อย” ยายอ่อนถาม กำลังนั่งย้อมสีต้นกกเพื่อจะนำไปทอเป็นเสื่อ
“มาหาอี่อุ้ม ชวนมันไปเล่นโรงเรียน” จ๋อมตอบ
“พากันเล่นอยู่เลาะหน้าโรงเรียนหนิเด้อ อยู่ฮมต้นบักขามหนิ อย่าไปไกล ครูสมพงษ์จับหักแขนหักขาเด๊” ยายอ่อนพูด เพราะบริเวณที่ยายอ่อนพูดถึงมันอยู่ติดถนนหน้าโรงเรียน ยายอ่อนจะได้มองเห็นนั่นเอง แถมยังพูดถึงครูผู้ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนบ้านพักที่ครูสมพงษ์เคยอยู่ก็ไม่มีครูคนไหนเข้ามาพักเลย ปล่อยทิ้งร้างพุพังไปตามกาลเวลา และ ทางโรงเรียนได้ทำเป็นที่เก็บอุปกรณ์กีฬาไปเรียบร้อยสำหรับชั้นล่าง ส่วนข้างบนปิดตาย ไม่ให้ใครเข้าไป นอกจากครูใหญ่จุมพลที่อยู่อีกหลังใกล้ ๆ กัน ก็ไม่มีครูคนไหนพักบ้านพักครูสักคน
“จ้า” พวกเธอรับปาก ไม่นานอุ้มก็เดินมาหาจากนั้นพวกเธอสิบคนก็เดินเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียน
ตรงหน้าโรงเรียนจะมีต้นมะขามขนาดสิบคนโอบได้ ไม่รู้มีอายุเท่าไหร่ ต้นสูงและใหญ่มาก บอสเคยได้ยินแม่บอกว่าต้นมะขามต้นนี้อยู่ตั้งแต่แม่ยังเรียนอยู่เลย เกิดก่อนแม่อีก แม่เข้าโรงเรียนก็เห็นมันมีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกมามัดอะไร เป็นเพียงต้นมะขามธรรมดา ๆ ต้นหนึ่ง บรรยากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ทำให้ไม่ร้อน
พวกเธอมีกันครบสิบคนพอดี ไม่ต้องห่วงเรื่องการแบ่งทีม “มาเฮามาซอยกันขีดเส้น” บอสพูด เริ่มเล่นกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา นี่ก็จะสิบเอ็ดโมงเข้าทุกที เที่ยงก็ต้องกลับบ้านไปทานข้าวแล้ว
พวกเธอทั้งสิบคนช่วยกันขีดเส้นตีตารางเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ให้พอดีกับผู้เล่นได้วิ่งหลบรองเท้า พวกเธอจะเล่นเขวี้ยงรองเท้ากัน หรือ เรียกว่า ‘เล่นบักดึกเกิบ’ พวกเธอทุกคนใช้เท้าขีดเส้นต่อแถวกันมา เมื่อขีดบรรจบกันแล้วก็เป็นอันเสร็จเท่านี้ “ขีด ๆ พุใดบ่ขีดบ่ให้เล่นนำ” ระหว่างใช้เท้าขีดก็ร้องเพลงประกอบไปด้วย
การเล่นดึกเกิบมีกติกาว่า ผู้เล่นจะต้องแบ่งออกเป็นสองทีมเท่า ๆ กัน หากมีตัวเศษก็ให้เลือกกันเอาเองว่าจะให้ใครเป็นตัวเศษ หรือ ตัวอิสระ ตัวอิสระสามารถเล่นได้ทั้งสองทีม และจะต้องไม่ลำเอียง จะต้องพาลูกทีมแต่ละทีมชนะให้ได้ หากเหลือตัวเศษเพียงคนเดียว ห้ามล้มมวยเด็ดขาด
การแบ่งทีมคือการโอน้อยออก คนไหนคว่ำมือก็อยู่ทีมเดียวกัน คนไหนหงายมือก็อยู่ทีมเดียวกัน โอน้อยออกจนกว่าจะได้ทีมละเท่า ๆ กัน สมมุติหากมีผู้เล่นสิบคน หงายมือสี่ คว่ำมือหก ก็ต้องโอใหม่ จนกว่าจะได้เท่า ๆ กัน เมื่อแบ่งทีมแล้วก็เป่ายิงฉุบว่าทีมไหนจะได้เล่นก่อน
เมื่อแบ่งทีมเรียบร้อย ทราบแล้วว่าทีมไหนได้เล่นก่อน ‘ผู้ล่า’ คือ ทีมที่ต้องปารองเท้าใส่ผู้เล่น หรือ ‘เหยื่อ’ ผู้ล่าจะต้องกระจายกันอยู่ ประกบเหยื่อแต่ละคน ส่วนเหยื่อก็กระจายกันอยู่เช่นกัน เพราะจะต้องหลบรองเท้าให้แม่น ๆ ขืนเกาะกันอยู่มีหวังโดนรองเท้าแน่นอน และ โดนง่ายด้วย
เหยื่อนอกจากจะต้องวิ่งหลบรองเท้าแล้ว ข้อสำคัญก็คือ
‘ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด!’ เหยื่อคนไหนก็ตามที่วิ่งหลบรองเท้าแล้ว
‘ล้ำเส้น’ กรอบที่ตีตารางเอาไว้ออกไปนอกกรอบถือว่าตาย หรือ แพ้นั่นเอง
‘ล้ำเส้น’ ออกไปแม้แต่ขาเดียวก็ไม่ได้ กระโดดหลบ
‘ล้ำเส้น’ ทางอากาศก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องระวังในส่วนตรงนี้ดี ๆ ด้วย ดังนั้นผู้ล่าก็ต้องสายตาดี ๆ เช่นกัน ต้องคอยมองว่า เหยื่อคนไหน
‘ล้ำเส้น’ บ้างให้แจ้งได้เลย
ผู้ล่าต้องกำจัดเหยื่อให้หมดทุกคน เมื่อเหยื่อเหลือเพียงคนเดียว ก็ต้องมีการนับ! นับสิบครั้ง หากผู้ล่าปารองเท้าครบสิบครั้งแล้ว เหยื่อคนสุดท้ายไม่ตาย ทีมนั้นก็จะต้องได้กลับมาเล่นใหม่ เพราะฉะนั้นผู้ล่าต้องปาให้แม่น ๆ โดยเฉพาะกับเหยื่อคนสุดท้ายนั่นเอง
“มาเฮาโออาร์คู่กัน” บอสจัดแจง ในใจหวังอยากอยู่ทีมกับแพรว เพราะแพรวหลบรองเท้าเก่ง แต่ว่าได้อยู่ทีมไหนก็เอา โออาร์คู่ก็คือโอน้อยออกนั่นแหละ
พวกเธอทั้งสิบคนต่างโออาร์คู่กันอย่างจริงจัง ในใจก็หวังอยากให้ตนเองได้อยู่กับคนที่ชอบ “เย้! กูได้อยู่ทีมกับอี่แพรว” จ๋อมดีใจมาก บอสได้อยู่ทีมกับพิมพ์ อิจฉาจ๋อมมากเลย ใคร ๆ ก็ทราบว่าแพรวมีฝีมือด้านการหลบรองเท้ามาก เล่นกิงก่องแก้วก็เก่ง หรือเรียกอีกชื่อว่า ‘กระโดดยางนั่นเอง’ เล่นเตยก็เก่ง เล่นตานาก็เก่ง เพื่อน ๆ จึงอยากอยู่ทีมกับแพรวทั้งนั้น
“ให้อี่แฝดเป่ายิงฉุบกันเลย เอื้อยน้องมันไผสิชนะ ฮา “ ทรายพูดกลั้วหัวเราะ จากนั้นพิมพ์กับแพรวก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เป่ายิงฉุบกัน ปรากฎว่าพิมพ์ชนะ ทีมพวกเธอได้เล่นก่อน
“เอาเกิบไผดึก เอาเกิบเบา ๆ แป ๆ แน ยามถืกมันจังบ่เจ็บ” น้ำออกความคิดเห็น
“เอาเกิบอี่จ๋อมกะได้แปสุด” รองเท้าของจ๋อมผ่านการใส่มานานเริ่มสึกบ้างแล้ว แบนกว่ารองเท้าของคนอื่น ๆ
“เอาเกิบกูกะได้!” จ๋อมตกลง
ทีมของเธอมีพิมพ์ ทราย แพท อุ้ม และ เธอ ส่วนทีมของแพรวมี น้ำ จ๋อม จอย นิน พวกเธอคือเหยื่อ ส่วนทีมของแพรวเป็นผู้ล่า พวกเธอกระจัดกระจายกันอยู่คนละมุมของตาราง ต้องคอยเดาว่าผู้ล่าจะปารองเท้ามาใส่ใคร ใส่ตนเองหรือเปล่า ต้องเดาทิศทางให้แม่น และ ที่สำคัญขาก็ห้าม
‘ล้ำเส้น’ ออกไปข้างนอกด้วย ถ้าเกิดเลยออกไปแล้วผู้ล่าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ถ้าเห็นจบแน่ชีวิต ทั้งที่ยังไม่ได้หลบรองเท้าเลย
“โอ้ยอี่พิมพ์อย่าแลนมาหากู พุ่นไปทางพุ่น” บอสพูดด้วยความลนลาน กลัวว่านินจะปารองเท้ามาทางนี้ เนื่องจากพิมพ์พึ่งวิ่งหลบรองเท้ามาหมาด ๆ วิ่งมาหาตนเอง สายตาคอยจ้องว่านินจะปาไปที่ใคร
“อย่าพึ่ง ๆ ดึก! ถ่ากูก่อน” จ๋อมพูดพร้อมวิ่งมาหาพวกเธอสองคน “เอาพวกมันสองคนก่อน” จ๋อมบอกนิน แล้วจ๋อมก็วิ่งมาประกบด้านหลังพวกเธอ คอยรับรองเท้าจากนิน
บอสกระโดดไปกระโดดมา ทำตัวไม่ให้เป็นเป้านิ่ง เตรียมพร้อมกระโดดหลบรองเท้าจากนินอย่างสุดกำลัง “นินดึกเลย” จ๋อมให้สัญญาณ
นินเขวี้ยงรองเท้ามาทันทีหลังสิ้นคำพูดของจ๋อม กรี๊ดดดดด พวกเธอกรี๊ดพร้อมกระโดดแยกจากกัน รองเท้าฝ่ากลางไปหาจ๋อม ๆ รับได้พอดี เขวี้ยงไปใส่พิมพ์ในเวลาอันรวดเร็ว พิมพ์กระโดดหลบไม่ทัน ‘แปะ’ เข้าจัง ๆ ที่ก้น สุดท้ายพิมพ์ก็ตายออกไปนั่งรอคนที่เหลือ
“อี่บอสกะตายแล้ว!” แพรวตะโกนบอกเพื่อน ๆ ในทีม ไม่มีคำว่าพี่น้องในการเล่นดึกเกิบ “อี่บอส
ล้ำเส้นออกไปขานึงเมื่อกี้หนิกูเห็น”
“ฮืออี่แพรว! บ่อแมน กูบ่ได้
ล้ำเส้น กูอยู่ในเส้น” บอสเถียงคอเป็นเอ็น นึกว่าไม่มีใครเห็นแล้วเชียว เมื่อสักครู่กระโดดหลบรองเท้าขาดันเลยเส้นออกไปซะอย่างนั้น
“ฮูขี้กูหนิ! อย่าว่ากูแนมบ่ทัน มืงกระโดดวังหั่นขาขวามืง
ล้ำเส้นออกไป” แพรวก็เถียงหน้าตั้งเช่นกัน “ออกไปเลยอี่บอส อย่ามาขี้โกงพวกกู ๆ แนมทันมืง ฮือ… เพิ่นสิจอบหลอยเด้หนิน้อ เพิ่นกะสิวากูแนมบ่ทันจะของ” แพรวพูด ไม่มีคำว่าปรานีในการเล่นดึกเกิบ ไม่มีคำว่าพี่น้องด้วย มีแต่ศัตรูอย่างเดียว
เชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง ตอน ‘ล้ำเส้น’
(เล่นกิงก่องแก้วบ้านบอส)
ปล. หารูปดึกเกิบแทนไม่ได้ ใช้รูปนี้แทนเพราะมีเกิบ^^
ปล.2 เรื่องสั้นเรื่องนี้มีภาษาถิ่น ไม่เข้าใจประโยคไหนถามได้จ้า^^
________________________
“ยายบอสไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” สาย ๆ ของวันเสาร์บอสขอยายไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วยายจึงไม่ห้าม อนุญาตแต่โดยดี “ขอเงินนำแน่สิบบาท” ก่อนไปมิวายขอตังค์ไว้กินขนมด้วย
“พุ่นไปเล่นยังขอเงินอยู่ วันหยุดกะขอเงินยาย ขึ้น ป.2 ล่ะยังกินขนมคือเด็กน้อย เด็กน้อยคืออี่บีมไค๊บ่” ยายบ่น ทว่าก็ไม่ได้หันมามองเธอ ยายง่วนอยู่กับการทอผ้าซิ่นของยาย
“ฮือ… บอสบ่ทันใหญ่! กินขนมได้ อ้ายบอมพุ่นใหญ่ล่ะบ่ต้องกินขนม” บอสสังเกตว่ายายหัวเราะอึกอักกับคำพูดของตนเองด้วย “กะเผื่อบอสอยากกินขนมนั่นเด้ยาย วันบ่ได้ไปโรงเรียนกะอยากกินขนมคือเก่า” บอสค่อนขอดให้ยาย จะให้บอสกินขนมแค่จันทร์ถึงวันศุกร์หรืออย่างไร “ห้าบาทกะได้”
“ห้าบาทพอ! แม่กับพ่อกะฝากขนมมาให้บักหลายกินบ่ทันเมิดอยู่ ยังขอเงินไปซื้อขนมเพิ่นอีกอยู่ ไปโรงเรียนเอาสิบบาท วันเสาร์ห้าบาทพอ” ยายบ่นก่อนจะหยุดทอผ้า จากนั้นก็รูดซิบกระเป๋าเสื้อแขนกุดควักเหรียญห้าบาทให้กับเธอ “ต่อไปสิให้มันมื้อละห้าบาทอยู่ เสาร์อาทิตย์มันกะขอ เอายางมาฮัดใส่เสื้อไว้มันสิเสียหนิ” ยายยังไม่หยุดบ่น ยื่นเงินให้เธอเสร็จก็หันมากลับทอผ้าต่อ
บอสดีใจมากที่ได้เงิน รับเงินจากยายพร้อมมัดเงินไว้กับเสื้อของตนเองเสร็จสรรพ เนื่องจากเสื้อกับกางเกงที่บอสใส่ไม่มีถุงเลย “บ่อ! บอสเอามื้อละสิบบาทคือเก่าดิ๊อี่ยาย” พูดปนหัวเราะด้วยความพอใจ”ไปเล่นเฮือนลุงวิทย์ก่อนเด้อ” พูดจบก็รีบวิ่งไปเลย ขืนอยู่นานน้องสาวของเธอได้ร้องตามไปแน่
บอสกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาพิมพ์กับแพรวที่บ้าน ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากบ้านของเธอนัก บ้านลุงวิทย์ที่เธอพูดถึงก็คือบ้านของสองฝาแฝดนั่นเอง “แฝดเฮ็ดหยัง” บอสตะโกนถามอยู่ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าไปภายในบ้านหาพี่สาวทั้งสองคน ซึ่งทั้งสองคนกำลังดูละครจักร ๆ วงค์ ๆ กันอยู่
“มาเล่นตะเช้าแถะน้องไปไสคือบ่เอาน้องมานำ” ลุงวิทย์ถาม ลุงวิทย์ก็กำลังง่วนอยู่กับรถไถของตนเอง กำลังเช็ดถูดูแลความสะอาดอยู่
“อยู่เฮือน บ่อดิ๊บอสบ่ให้มันมานำ” ตอบผู้เป็นลุงไป ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้าง ๆ พิมพ์ดูทีวีด้วยคน พวกเธอสามคนนอนดูละครจบแล้วจึงชวนกันไปเล่นข้างนอกดีกว่า พวกเธอปรุงพริกเกลือมากินกับมะยม ข้างบ้านของแพรวปลูกต้นมะยมเอาไว้ลูกดกมาก
“อยากเล่นดึกเกิบน้อสู” แพรวพูดลอย ๆ ขณะจิ้มมะยมกับพริกก่อนจะเอาเข้าปากไปแล้วเคี้ยว น้ำของมะยมกระเซ็นออกจากปากของแพรว กระเด็นมาโดนหน้าเธอ
“อี่แพรวอี่ฮาหนิมากัดแฮงแถะ ถืกกู! “ บอสพูดปนหัวเราะพร้อมเช็ดหน้าออก เจ้าตัวกับพิมพ์ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย “อยากเล่นคือกันตะว่าเฮาสิเล่นสามคนหนิบ่ คือสิมวน” บอสเห็นด้วย
พิมพ์ครุ่นคิด “ไปชวนอี่จ๋อมไปเล่นโรงเรียนปะเฮา ชวนพวกอี่จอยอี่อุ้มนำ น้ำ ทราย นินกับอี่แพทนำปะ เล่นหลาย ๆ คนจังสิมวน” พิมพ์เสนอแนวทางบรรเจิดมาก บอสกับแพรวมองหน้ากันเห็นด้วย จากนั้นก็เก็บมะยมใส่ถุงหูหิ้วพร้อมพริกเกลือไปด้วย พวกเธอสามคนจะเดินไปชวนเพื่อน ๆ ไปเล่นที่โรงเรียนกัน
อันดับแรกเดินไปชวนเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดคือนิน “มืงบ่ต้องยางผ่านเฮือนกูเด้อ อี่บีมสิเห็น อี่บีมสิไห้ตามมา” เพราะบ้านของนินอยู่คุ้มเดียวกันกับเธอ บ้านใกล้ ๆ กัน แต่ ถ้าหากลัดเลาะไปอีกทางก็จะไม่ผ่านบ้านของเธอ เพียงแค่ต้องเดินอ้อมไกลนิดหน่อยเท่านั้น
“กะได้!” แพรวตอบ พวกเธอสามคนเดินไปชวนนินที่บ้าน แล้วนินก็ตกลงไปด้วย ลำดับต่อไปเดินไปชวนแพท ปรากฎว่าแพทก็ไปด้วย “แพทตี้ศรีอีสานไปเล่นโรงเรียนปะ ไปเล่นบักดึกเกิบกัน” แพรวชวน
“ปะ! ยางไปบ่” แพทถาม
“แมน! “ บอสตอบ จากนั้นพวกเธอทั้งห้าคน ก็เดินไปชวนจ๋อมตามลำดับเส้นทางไปโรงเรียน “อี่จ๋อมอยู่เฮือนบ่อ” พวกเธอยืนตะโกนเรียกเพื่อนตรงหน้าบ้าน ไม่ยอมเข้าไป
“อยู่! “ จ๋อมตะโกนตอบแล้วรีบวิ่งออกมาหาพวกเธอ “พวกสูสิไปไสกัน”
“มาหามืง! ไปเล่นโรงเรียนปะ ชวนอี่จอยไปนำแน มันไปบ่” บอสตอบ จ๋อมตกลงไปด้วย จากนั้นพวกเธอหกคนก็เดินไปชวนจอย เสร็จจากจอยก็ไปหาน้ำกับทราย และ มุ่งหน้าไปยังบ้านของอุ้มหลังสุดท้าย หมดแล้วเพื่อน ๆ คุ้มเหนือหรือหมู่ 2 ที่เป็นรุ่นเดียวกัน บ้านของอุ้มอยู่ติดกับโรงเรียน กั้นเพียงถนนพาดผ่านเท่านั้น
“ยายอ่อนอี่อุ้มอยู่เฮือนบ่” พวกเธอตะโกนถามยายของอุ้ม พวกเธอทั้งเก้าคนยืนหน้าสลอนเรียงกันที่หน้าบ้านของอุ้ม
“อยู่! มันกะอยู่หนิล่ะ สูสิพากันไปไสเด็กน้อย” ยายอ่อนถาม กำลังนั่งย้อมสีต้นกกเพื่อจะนำไปทอเป็นเสื่อ
“มาหาอี่อุ้ม ชวนมันไปเล่นโรงเรียน” จ๋อมตอบ
“พากันเล่นอยู่เลาะหน้าโรงเรียนหนิเด้อ อยู่ฮมต้นบักขามหนิ อย่าไปไกล ครูสมพงษ์จับหักแขนหักขาเด๊” ยายอ่อนพูด เพราะบริเวณที่ยายอ่อนพูดถึงมันอยู่ติดถนนหน้าโรงเรียน ยายอ่อนจะได้มองเห็นนั่นเอง แถมยังพูดถึงครูผู้ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนบ้านพักที่ครูสมพงษ์เคยอยู่ก็ไม่มีครูคนไหนเข้ามาพักเลย ปล่อยทิ้งร้างพุพังไปตามกาลเวลา และ ทางโรงเรียนได้ทำเป็นที่เก็บอุปกรณ์กีฬาไปเรียบร้อยสำหรับชั้นล่าง ส่วนข้างบนปิดตาย ไม่ให้ใครเข้าไป นอกจากครูใหญ่จุมพลที่อยู่อีกหลังใกล้ ๆ กัน ก็ไม่มีครูคนไหนพักบ้านพักครูสักคน
“จ้า” พวกเธอรับปาก ไม่นานอุ้มก็เดินมาหาจากนั้นพวกเธอสิบคนก็เดินเข้าไปภายในบริเวณโรงเรียน
ตรงหน้าโรงเรียนจะมีต้นมะขามขนาดสิบคนโอบได้ ไม่รู้มีอายุเท่าไหร่ ต้นสูงและใหญ่มาก บอสเคยได้ยินแม่บอกว่าต้นมะขามต้นนี้อยู่ตั้งแต่แม่ยังเรียนอยู่เลย เกิดก่อนแม่อีก แม่เข้าโรงเรียนก็เห็นมันมีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกมามัดอะไร เป็นเพียงต้นมะขามธรรมดา ๆ ต้นหนึ่ง บรรยากาศเย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ทำให้ไม่ร้อน
พวกเธอมีกันครบสิบคนพอดี ไม่ต้องห่วงเรื่องการแบ่งทีม “มาเฮามาซอยกันขีดเส้น” บอสพูด เริ่มเล่นกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา นี่ก็จะสิบเอ็ดโมงเข้าทุกที เที่ยงก็ต้องกลับบ้านไปทานข้าวแล้ว
พวกเธอทั้งสิบคนช่วยกันขีดเส้นตีตารางเป็นกรอบสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ให้พอดีกับผู้เล่นได้วิ่งหลบรองเท้า พวกเธอจะเล่นเขวี้ยงรองเท้ากัน หรือ เรียกว่า ‘เล่นบักดึกเกิบ’ พวกเธอทุกคนใช้เท้าขีดเส้นต่อแถวกันมา เมื่อขีดบรรจบกันแล้วก็เป็นอันเสร็จเท่านี้ “ขีด ๆ พุใดบ่ขีดบ่ให้เล่นนำ” ระหว่างใช้เท้าขีดก็ร้องเพลงประกอบไปด้วย
การเล่นดึกเกิบมีกติกาว่า ผู้เล่นจะต้องแบ่งออกเป็นสองทีมเท่า ๆ กัน หากมีตัวเศษก็ให้เลือกกันเอาเองว่าจะให้ใครเป็นตัวเศษ หรือ ตัวอิสระ ตัวอิสระสามารถเล่นได้ทั้งสองทีม และจะต้องไม่ลำเอียง จะต้องพาลูกทีมแต่ละทีมชนะให้ได้ หากเหลือตัวเศษเพียงคนเดียว ห้ามล้มมวยเด็ดขาด
การแบ่งทีมคือการโอน้อยออก คนไหนคว่ำมือก็อยู่ทีมเดียวกัน คนไหนหงายมือก็อยู่ทีมเดียวกัน โอน้อยออกจนกว่าจะได้ทีมละเท่า ๆ กัน สมมุติหากมีผู้เล่นสิบคน หงายมือสี่ คว่ำมือหก ก็ต้องโอใหม่ จนกว่าจะได้เท่า ๆ กัน เมื่อแบ่งทีมแล้วก็เป่ายิงฉุบว่าทีมไหนจะได้เล่นก่อน
เมื่อแบ่งทีมเรียบร้อย ทราบแล้วว่าทีมไหนได้เล่นก่อน ‘ผู้ล่า’ คือ ทีมที่ต้องปารองเท้าใส่ผู้เล่น หรือ ‘เหยื่อ’ ผู้ล่าจะต้องกระจายกันอยู่ ประกบเหยื่อแต่ละคน ส่วนเหยื่อก็กระจายกันอยู่เช่นกัน เพราะจะต้องหลบรองเท้าให้แม่น ๆ ขืนเกาะกันอยู่มีหวังโดนรองเท้าแน่นอน และ โดนง่ายด้วย
เหยื่อนอกจากจะต้องวิ่งหลบรองเท้าแล้ว ข้อสำคัญก็คือ ‘ห้ามล้ำเส้นเด็ดขาด!’ เหยื่อคนไหนก็ตามที่วิ่งหลบรองเท้าแล้ว ‘ล้ำเส้น’ กรอบที่ตีตารางเอาไว้ออกไปนอกกรอบถือว่าตาย หรือ แพ้นั่นเอง ‘ล้ำเส้น’ ออกไปแม้แต่ขาเดียวก็ไม่ได้ กระโดดหลบ ‘ล้ำเส้น’ ทางอากาศก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นต้องระวังในส่วนตรงนี้ดี ๆ ด้วย ดังนั้นผู้ล่าก็ต้องสายตาดี ๆ เช่นกัน ต้องคอยมองว่า เหยื่อคนไหน ‘ล้ำเส้น’ บ้างให้แจ้งได้เลย
ผู้ล่าต้องกำจัดเหยื่อให้หมดทุกคน เมื่อเหยื่อเหลือเพียงคนเดียว ก็ต้องมีการนับ! นับสิบครั้ง หากผู้ล่าปารองเท้าครบสิบครั้งแล้ว เหยื่อคนสุดท้ายไม่ตาย ทีมนั้นก็จะต้องได้กลับมาเล่นใหม่ เพราะฉะนั้นผู้ล่าต้องปาให้แม่น ๆ โดยเฉพาะกับเหยื่อคนสุดท้ายนั่นเอง
“มาเฮาโออาร์คู่กัน” บอสจัดแจง ในใจหวังอยากอยู่ทีมกับแพรว เพราะแพรวหลบรองเท้าเก่ง แต่ว่าได้อยู่ทีมไหนก็เอา โออาร์คู่ก็คือโอน้อยออกนั่นแหละ
พวกเธอทั้งสิบคนต่างโออาร์คู่กันอย่างจริงจัง ในใจก็หวังอยากให้ตนเองได้อยู่กับคนที่ชอบ “เย้! กูได้อยู่ทีมกับอี่แพรว” จ๋อมดีใจมาก บอสได้อยู่ทีมกับพิมพ์ อิจฉาจ๋อมมากเลย ใคร ๆ ก็ทราบว่าแพรวมีฝีมือด้านการหลบรองเท้ามาก เล่นกิงก่องแก้วก็เก่ง หรือเรียกอีกชื่อว่า ‘กระโดดยางนั่นเอง’ เล่นเตยก็เก่ง เล่นตานาก็เก่ง เพื่อน ๆ จึงอยากอยู่ทีมกับแพรวทั้งนั้น
“ให้อี่แฝดเป่ายิงฉุบกันเลย เอื้อยน้องมันไผสิชนะ ฮา “ ทรายพูดกลั้วหัวเราะ จากนั้นพิมพ์กับแพรวก็ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เป่ายิงฉุบกัน ปรากฎว่าพิมพ์ชนะ ทีมพวกเธอได้เล่นก่อน
“เอาเกิบไผดึก เอาเกิบเบา ๆ แป ๆ แน ยามถืกมันจังบ่เจ็บ” น้ำออกความคิดเห็น
“เอาเกิบอี่จ๋อมกะได้แปสุด” รองเท้าของจ๋อมผ่านการใส่มานานเริ่มสึกบ้างแล้ว แบนกว่ารองเท้าของคนอื่น ๆ
“เอาเกิบกูกะได้!” จ๋อมตกลง
ทีมของเธอมีพิมพ์ ทราย แพท อุ้ม และ เธอ ส่วนทีมของแพรวมี น้ำ จ๋อม จอย นิน พวกเธอคือเหยื่อ ส่วนทีมของแพรวเป็นผู้ล่า พวกเธอกระจัดกระจายกันอยู่คนละมุมของตาราง ต้องคอยเดาว่าผู้ล่าจะปารองเท้ามาใส่ใคร ใส่ตนเองหรือเปล่า ต้องเดาทิศทางให้แม่น และ ที่สำคัญขาก็ห้าม ‘ล้ำเส้น’ ออกไปข้างนอกด้วย ถ้าเกิดเลยออกไปแล้วผู้ล่าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ถ้าเห็นจบแน่ชีวิต ทั้งที่ยังไม่ได้หลบรองเท้าเลย
“โอ้ยอี่พิมพ์อย่าแลนมาหากู พุ่นไปทางพุ่น” บอสพูดด้วยความลนลาน กลัวว่านินจะปารองเท้ามาทางนี้ เนื่องจากพิมพ์พึ่งวิ่งหลบรองเท้ามาหมาด ๆ วิ่งมาหาตนเอง สายตาคอยจ้องว่านินจะปาไปที่ใคร
“อย่าพึ่ง ๆ ดึก! ถ่ากูก่อน” จ๋อมพูดพร้อมวิ่งมาหาพวกเธอสองคน “เอาพวกมันสองคนก่อน” จ๋อมบอกนิน แล้วจ๋อมก็วิ่งมาประกบด้านหลังพวกเธอ คอยรับรองเท้าจากนิน
บอสกระโดดไปกระโดดมา ทำตัวไม่ให้เป็นเป้านิ่ง เตรียมพร้อมกระโดดหลบรองเท้าจากนินอย่างสุดกำลัง “นินดึกเลย” จ๋อมให้สัญญาณ
นินเขวี้ยงรองเท้ามาทันทีหลังสิ้นคำพูดของจ๋อม กรี๊ดดดดด พวกเธอกรี๊ดพร้อมกระโดดแยกจากกัน รองเท้าฝ่ากลางไปหาจ๋อม ๆ รับได้พอดี เขวี้ยงไปใส่พิมพ์ในเวลาอันรวดเร็ว พิมพ์กระโดดหลบไม่ทัน ‘แปะ’ เข้าจัง ๆ ที่ก้น สุดท้ายพิมพ์ก็ตายออกไปนั่งรอคนที่เหลือ
“อี่บอสกะตายแล้ว!” แพรวตะโกนบอกเพื่อน ๆ ในทีม ไม่มีคำว่าพี่น้องในการเล่นดึกเกิบ “อี่บอสล้ำเส้นออกไปขานึงเมื่อกี้หนิกูเห็น”
“ฮืออี่แพรว! บ่อแมน กูบ่ได้ล้ำเส้น กูอยู่ในเส้น” บอสเถียงคอเป็นเอ็น นึกว่าไม่มีใครเห็นแล้วเชียว เมื่อสักครู่กระโดดหลบรองเท้าขาดันเลยเส้นออกไปซะอย่างนั้น
“ฮูขี้กูหนิ! อย่าว่ากูแนมบ่ทัน มืงกระโดดวังหั่นขาขวามืงล้ำเส้นออกไป” แพรวก็เถียงหน้าตั้งเช่นกัน “ออกไปเลยอี่บอส อย่ามาขี้โกงพวกกู ๆ แนมทันมืง ฮือ… เพิ่นสิจอบหลอยเด้หนิน้อ เพิ่นกะสิวากูแนมบ่ทันจะของ” แพรวพูด ไม่มีคำว่าปรานีในการเล่นดึกเกิบ ไม่มีคำว่าพี่น้องด้วย มีแต่ศัตรูอย่างเดียว