วันวาน 1

กระทู้สนทนา

.

             ตอนเด็ก ๆ คุณเคยสั่งแค็ตตาล็อกไหม สมัยตอนฉันเป็นเด็ก ๆ มันเป็นที่นิยมมากเลย ฉันจำได้! นอกจากฉันจะเป็นผู้ซื้อแล้ว ฉันยังเคยเป็นแม่ค้าด้วย คือ เป็นคนขายแค็ตตาล็อกเองด้วย โดยการร่วมหุ้นกับเพื่อน ๆ

              แล้วสมัยที่ฉันอยู่ประถม การอ่านการ์ตูนเป็นอะไรที่ฮ็อตและฮิตมาก ช่วงนั้นการ์ตูนเป็นที่นิยมมากเหมือนกัน ที่ฉันจำได้ที่ฉันมักซื้อมาอ่าน คือ ขายหัวเราะบ้าง หนูหิ่นบ้าง สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่บ้าง และ อื่น ๆ ที่ฉันจำไม่ได้เยอะแยะ

                 การ์ตูนญี่ปุ่นต้องพี่ปาว รายนั้นเข้าในเมืองทีไรไม่เคยพลาด ซื้อมาอ่านเก็บไว้ได้เป็นตู้ ๆ แทบจะจัดนิทรรศการโชว์ได้เลย ตอนนี้ก็ยังอยู่ในตู้ที่บ้าน ไม่ได้เก็บขาย

                ทว่าไฮไลต์อยู่ที่ในหนังสือการ์ตูนเลย มันจะมีให้สมัครขายแค็ตตาล็อกด้วย พวกฉันก็สมัครไป ออกเงินกัน ภาษาเด็ก ๆ บ้าน ๆ ของฉันเรียกว่า ‘หุ้นกันขาย’ ตามประสาเด็ก ๆ

               เด็ก ๆ ขายกันเองมันจึงมักจะเกิดความผิดพลาดง่าย เรื่องมีอยู่ว่า บทนี้ฉันจะเล่าตอนที่พวกฉันเป็นลูกค้าสั่งแค็ตตาล็อก เดี๋ยวมีเวลาฉันจะมาเล่าตอนที่พวกเราเป็นแม่ค้าบ้าง

                เรื่องมีอยู่ว่า…..

                ขณะนี้ในโรงเรียนของพวกเธอกำลังมีการระบาดหนักในเรื่องขายแค็ตตาล็อก มีหลายเจ้ามาก ๆ พวกพี่ ป.5 และ ป.6 เป็นคนนำมาขาย แต่ละอย่างดูน่าสนใจทั้งนั้น

              พี่อบพี่ ป.5 นำมาเสนอขายให้พวกเธออยู่หลายรอบพวกเธอก็ไม่สนใจ ความจริงสนใจ ทว่าได้เงินมาวันละสิบบาทเอง จะเอาเงินที่ไหนจ่าย! นี่คือปัญหาต่างหาก

                ขณะนั้นก็ยังมีนักเรียนคนอื่น ๆ สั่งซื้อสินค้าด้วย ราคาก็ไม่กี่บาท เป็นพวกของเด็ก ๆ ราคาไม่แพงมาก แต่พวกเธอก็ไม่มีตังค์จ่ายอยู่ดี คล้าย ๆ กับขายมิสทีนเลย

               “น้องพิมพ์น้องแพรวน้องบอสน้องจ๋อมมาสั่งแค็ตตาล็อกนำเอื้อยแน” หลังเลิกเรียนรอเวลากลับบ้าน พี่อบเดินมาทักทายพวกเธอที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นเสี้ยว บอสแอบถอนหายใจพี่อบมาตื้ออีกแล้ว เคยปฏิเสธไปแล้วก็ยังตามมาตื้ออยู่ได้ บอสนึกในใจ

               “ไสเบิ่งแน พวกแพรวบ่มีเงินหรอกเอื้อยอบ เบิ่งซือ ๆ” แพรวตอบ พร้อมรับสมุดแค็ตตาล็อกจากพี่อบมาเปิดดู มีจำนวนด้วยกันสองเล่ม พวกเธอสี่คนก็จับคู่แบ่งกันดูคนละเล่ม

                 “หยอดคังเอา! อาทิตย์นึงเอื้อยจังสิส่ง อาทิตย์นึงได้ของมา” พี่อบหลอกล่อ บอสเปิดสมุดแค็ตตาล็อกคู่กับพิมพ์ แพรวดูคู่กับจ๋อม ของแต่ละอย่างในนั้นช่างบาดตาบาดใจเหลือเกิน

                ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้าลายการ์ตูน มีแต่ผืนสวย ๆ กำไรแขน กล่องดินสอ กิ๊บติดผม ยางมัดผม สีไม้ ดินสอต่อไส้ ปากกา ที่คาดผม โบว์ สร้อย แหวน และ อื่น ๆ อีกมากมาย มันสวยล่อตาล่อใจมาก แต่พอดูราคาก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะขอยายซื้อโดนบ่นแน่ ๆ

                 “อุ้ยดินสอต่อไส้คืองามแถะ กิ๊บกะงาม” บอสท้วงเสียงดังกับพิมพ์

                 “งามกะสั่งแหมะน้องบอส ยี่สิบบาทนึง หยอดออมสินมื้อละห้าบาทกะได้แล้ว ของมาเอื้อยจังเก็บเงินเด้” พี่อบคะยั้นคะยอ บอสแอบยิ้มไม่น่าท้วงเสียงดังให้ได้ยินเลย

                “บอสคิดเบิ่งก่อนเด้อเอื้อยอบ บอสได้เงินมามื้อละสิบบาทนึง ให้บอสกินห้าบาทบ่อ บอสกินบ่ออิ่ม” เธอก็ยังหาทางปฏิเสธได้

                “มืง! กิ๊บคืองามแถะวะ อยากได้กิ๊บ สั่งบ่อเฮา เก็บเงินเอาคู่ละยี่สิบบาทนึง” จ๋อมชวน พร้อมนำกิ๊บที่สมุดแค็ตตาล็อกที่ตนเองดูยื่นมาให้เธอกับพิมพ์ดูด้วย “สั่งบ่อเฮา ใส่นำกันมันจังคือกันสี่คนเฮา”

                 “ว่าจังใดแพรว!” พิมพ์ถามพี่สาวฝาแฝดของตน

                 “เดี๋ยวพวกแพรวขอแม่ก่อนได้บ่อ มื้ออื่นเอื้อยอบมาใหม่เด้อ” แพรวตอบ พี่อบตกลงทว่าก็ยังไม่จากไปในทันที ยังนั่งคุยกับพวกเธอต่อ ปล่อยให้พวกเธอเปิดดูสินค้าเรื่อย ๆ เผื่อมีอะไรจะล่อตาล่อใจอยากได้อีก

                เลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน บอสคุยโทรศัพท์กับแม่ตอนเย็นเช่นทุกวัน บอสขอแม่ซื้อกิ๊บยี่สิบบาท ใช้ลูกอ้อนสุดฤทธิ์ แม่จึงยอมให้ซื้อ แต่บอกว่าให้ไปขอเงินที่ยาย เพราะแม่ส่งเงินกลับมาให้ยายอยู่แล้ว บอสทำหน้าเบื่อโลก! ขอยายแล้วแต่ยายไม่อนุญาต

                “บอสขออี่ยายแล้ว อี่ยายเราบ่ให้บอสซื้อ” บอสงอแงกับแม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ

                “เป็นหยังยายคือสิบ่ให้ซื้อ แม่บอกให้ยายเอาเงินให้บอสซื้อแล้ว ขอนำยายเลย!” แม่ตอบ

                “สั่นแม่บอกยายให้บอส!” พูดจบบอสก็ตะโกนเรียกยายให้มาคุยกับแม่อีกรอบ ทั้งที่ยายคุยจบไปแล้ว ลงไปดูทีวีอยู่ข้างล่างแล้ว

                “เว้าอีหยังอีกเดี๋ยวหนิ!” ยายบ่นพร้อมเดินขึ้นบันไดบ้านมายังชั้นสอง

                 “อี่แม่บอกให้ยายเอาเงินให้บอสยี่สิบบาทซื้อกิ๊บในแค็ตตาล็อกนำเอื้อยอบ” บอสพูดปนยิ้มอย่างคนชนะ เพราะเคยขอยายซื้อแล้ว ยายไม่อนุญาตแถมยังโดนบ่นด้วย

               คราวนี้ขอแม่และแม่ก็อนุญาตด้วย แต่ให้ขอเงินกับยายแทน เพราะความอยากให้ชัวร์บอสจึงเรียกยายมาฟังคำสั่งของแม่ ที่ว่าแม่อนุญาตให้ซื้อแล้ว “บอสขออี่แม่แล้ว อี่แม่บอกให้เอาเงินนำยาย เอายายเว้านำเรา ขั้นยายบ่อเชื่อ” บอสยื่นโทรศัพท์ให้ยายคุยกับแม่อีกรอบ

                  “มันอยากได้กิ๊บอิหยังแม” บอสได้ยินเสียงแม่ถามยาย มันดังออกมาจากในเครื่องโทรศัพท์ เพราะบอสกดเปิดลำโพงให้ยายคุย

                  “จักนำมันแล้ว!” ยายตอบแม่ “กิ๊บอิหยังบอส อันล่ะจักบาท” ยายหันมาถามเธอ

                  “กิ๊บหนีบผมแหมะ อันละยี่สิบบาทได้สองอัน สั่งในแค็ตตาล็อกนำเอื้อยอบ” บอสรีบตอบทันควัน กลัวแม่ไม่ขอยายให้ตนเอง

                 “เอาให้มันซื้อโลด มันอยากได้ มีตะแนวอยากได้ ใช้เงินเป็นล่ะอายุซำหนิ เทือใหญ่ขึ้นมาสิบ่อเปลืองเงินบักคักบ่อ” แม่บ่นกับยาย ทว่าบอสทำหูทวนลมไม่ได้ยิน อยากบ่นก็บ่นไป แค่ให้เงินมาซื้อกิ๊บก็พอ จากนั้นยายก็ขอตัว ยื่นโทรศัพท์ให้น้องบีมคุยกับแม่เป็นลำดับถัดไป

                ขอแม่ซื้อกิ๊บได้แล้วบอสดีใจมาก ๆ จะได้ติดกิ๊บเหมือนสองฝาแฝดกับจ๋อม ทว่าใจของบอสมันดันไม่จบที่กิ๊บ ยังมีอีกอย่างที่อยากได้ เมื่อวานเปิดสมุดแค็ตตาล็อกดู เห็นดินสอต่อไส้มีลวดลายสวยงามมาก มันจะเป็นข้อ ๆ แต่ละข้อก็เป็นสี ๆ ซึ่งมันสวยมาก มีห้าข้อ ยี่สิบบาทได้สี่แท่งเหมือนกัน

               บอสนอนคิดไปคิดมาว่า จะเอาเงินที่แม่ให้เก็บไว้ซื้อกิ๊บแน่นอนอยู่แล้ว และ จะสั่งดินสอต่อไส้อีกยี่สิบบาท โดยการเก็บเงินค่าขนมวันละห้าบาทสี่วันก็ได้แล้ว ไม่พอขอยายเพิ่มก็ได้

                พอคิดได้แบบนั้นก็กระตุกยิ้มเบา ๆ จากนั้นก็นอนหลับตารอพรุ่งนี้เช้าไปโรงเรียน จะไปสั่งแค็ตตาล็อกกับพี่อบ จะสั่งทั้งสองอย่างเลย ทั้งกิ๊บทั้งดินสอต่อไส้

                เช้าวันใหม่

              บอสกับสองฝาแฝดกับจ๋อมไปโรงเรียนตามปกติ ผลปรากฏว่าพวกเธอทั้งสี่คนได้รับการอนุมัติให้ซื้อกิ๊บได้ จากการกลับไปขอแม่ของแต่ละคนเป็นอันสำเร็จ ทุกคนได้ซื้อกิ๊บมาติดผม

              พักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ บอสกับสองฝาแฝดกับจ๋อมไม่รอให้พี่อบเดินมาหา พวกเธอทั้งสี่คนเดินไปหาพี่อบกันเลย ตามหาอยู่นานก็เจอ พี่อบมาขายของให้เพื่อน ๆ ที่ต้นมะม่วงหลังโรงเรียนนี่เอง

                “เอื้อยอบสั่งกิ๊บแน” จ๋อมร้องทักพี่อบแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ยังเดินไปไม่ถึงเลย

              “มา ๆ! มาสั่งเลย” พี่อบตอบหน้าระรื่น ยิ้มแก้มจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้วที่จู่ ๆ ลูกค้าก็เดินมาหาถึงที่

                “สั่งกิ๊บอันเมื่อวานหนิแหมะเอื้อยอบ” แพรวพูดเมื่อเดินมาถึงต้นมะม่วงหลังโรงเรียน พวกพี่อบและคนอื่น ๆ นั่งลงพื้นดินกันเลย โดยที่ไม่กลัวกระโปรงนักเรียนเปื้อน

                 พี่อบเปิดหน้าสมุดแค็ตตาล็อกที่มีกิ๊บหนีบผมที่พวกเธอจองเอาไว้ พิมพ์กับแพรวเอาสีชมพู “กูกับอี่แพรวเอาสีชมพูเด้อบอส” พิมพ์พูด

                 “กูกะมักสีชมพูคือกันนั่นเด้สู” บอสค่อนขอดพี่สาว “กูเอานำ อี่จ๋อมมืงเอาสีหยัง” บอสหันไปถามจ๋อม

                 “เอาสีน้ำเงิน” จ๋อมตอบ

                  “อือ… เอาสีชมพูสาม เอาสีน้ำเงินนึง” แพรวบอกกับพี่อบ พร้อมเขียนชื่อของแพรวกำกับลงในสมุดด้วย และ ชื่อของจ๋อมลงในกิ๊บหนีบผมสีน้ำเงิน

                  “ถ้าสีชมพูกับสีน้ำเงินบ่อมีสีหยังกะเอาน้อ ตะเอื้อยสิสั่งสีชมพูกับสีน้ำเงินก่อน” พี่อบชี้แจงข้อตกลง พวกเธอพยักหน้าตกลงเช่นกัน

                “เอ้อ! เอื้อยอบ บอสขอสั่งดินสอต่อไส้นำแน  จักมื้อได้บอสถามก่อน” บอสถามเพื่อความแน่ใจ จะได้คำนวนวันเก็บเงินได้ถูก

                  “อาทิตย์นึง เจ็ดมื้อได้ สั่งมื้อหนิได้พร้อมกิ๊บ” พี่อบตอบ

                  “จากนั้นบอสก็จัดการเซ็นชื่อตัวเองลงในรูปดินสอต่อไส้ที่ดูเอาไว้เมื่อวาน สี่แท่งยี่สิบบาทเท่านั้นเอง เพื่อน ๆ งงกันใหญ่ บอสจึงอธิบายว่าขอแม่ได้ยี่สิบบาท ส่วนเงินที่ซื้อดินสอจะเก็บเอง จากนั้นพวกเธอก็ขอตัว

               3 วันผ่านไป

                พี่ปิมญาติของจ๋อมนำแค็ตตาล็อกมาเสนอขายให้พวกเธออีก เพราะว่าช่วงนี้ในโรงเรียนของพวกเธอ พี่ ๆ ป.5 และ ป.6 กำลังนิยมสั่งแค็ตตาล็อกมาขายกัน ซึ่งสมัครสมาชิกขายไม่ยาก สมัครผ่านหนังสือการ์ตูนแล้วส่งไปทางไปรษณีย์ จากนั้นบริษัทก็จะส่งสมุดแค็ตตาล็อกมาให้ พอมีคนสั่งของด้วยก็จะมีหน้าให้เขียนรายการ จากนั้นก็ส่งกลับไป บริษัทก็จะส่งของมาให้ คล้าย ๆ กับการขายมิสทีน

                  “เอื้อยปิมมาขายช้าเกินไป พวกบอสสั่งนำเอื้อยอบไปแล้ว” บอสพูดกับญาติของจ๋อมด้วยความเสียดาย ถ้าเลือกข้างก็อยากจะซื้อหรืออุดหนุนคนกันเองมากกว่า

                  “บอส! คือดินสอต่อไส้ที่มืงสั่งเลย ของเอื้อยปิมสิบห้าบาทสี่แท่ง ของเอื้อยอบยี่สิบบาทอี่ห่า” แพรวพูดด้วยท่าทางตกใจ เพราะของพี่ปิมญาติจ๋อมได้ราคาถูกกว่า

                  “ฮือ… เสียดาย! เอื้อยปิมคือบ่มาขายเร็วกว่าหนิน้อ นำเอื้อยอบยี่สิบพุ่น” บอสเองก็เสียดาย ทั้งรายละเอียด ทั้งรูปทรงเหมือนกันเลย แถมยังราคาถูกกว่า

                   “เอาจังสิบอสกูพาไปถามเอื้อยอบ กูพาไปยกเลิกเอาบ่! ถ้าเรายังบ่ส่งรายการเฮากะยกเลิกได้” จ๋อมเสนอ ทุกคนเห็นด้วย เพราะเห็นว่ากับพี่ปิมถูกกว่านั่นแหละ อยากให้เธอมาสั่งซื้อกับพี่ปิมมากกว่า ส่วนกิ๊บหนีบผมราคาเท่ากัน

                  “เอื้อยอบสิบ่อด่ากูบ่อ! สั่งแล้วยกเลิก” บอสตอบแบบกังวลใจมาก กลัวพี่อบหาว่าพูดไม่เป็นคำพูด

                   “บ่ด่าหรอก! ขั้นอี่อบมันด่ามาบอกเอื้อย เอื้อยสิช่วย!” พี่ปิมพูด เพราะพี่ปิมอยู่ ป.6 เป็นรุ่นพี่ ๆ อบ จึงพูดโดยไม่เกรงกลัว และ อยากได้เธอเป็นลูกค้าด้วย

                   “กะได้! สั่นพากูไปหาเอื้อยอยแน อี่แพรว! มืงเว้าให้กูเด้อ กูบ่อกล้าเว้า” บอสขอให้พี่สาวช่วยพูด ภายในใจไม่อยากมีปัญหา ยี่สิบบาทก็ยี่สิบบาท แต่ถ้าได้ถูกกว่าก็อยากได้ แต่ถ้าพี่อบไม่ตกลงบอสก็ยอม ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สองจิตสองใจ!

                   “เอ้อ! เดี๋ยวกูเว้าให้เอง” แพรวรับปาก จากนั้นพวกเธอทั้งสี่คนก็เดินตามหาพี่อบ ได้ความว่าพี่อบขาดเรียน ไม่มาโรงเรียนในวันนี้ ภายในใจของบอสร้อนรุ่ม กลัวพี่อบส่งรายการไปแล้ว เพราะหากพี่อบส่งรายการไปแล้ว นั่นแปลว่าบอสต้องได้จ่ายในราคาที่แพง

                   “เฮ็ดจังใดสูเอื้อยอบกะบ่อมาเรียนเด้มื้อหนิ กูล่ะหน่าย” บอสบ่นอย่างคนเสียดาย หรือจะต้องได้จ่ายค่าดินสอในราคายี่สิบบาทจริง ๆ “แฝดเลิกเรียนพากูไปหาเอื้อยอบได้บ่อ กูอยากสั่งนำเอื้อยปิมมันจังถืก” บอสขอให้พี่สาวฝาแฝดพาไปหาพี่อบที่บ้าน ทั้งสองคนก็ตกลง ยกเว้นจ๋อมที่ไม่ให้ตามไปด้วย เนื่องจากบ้านไกล บ้านจ๋อมอยู่คุ้มโรงเรียน ส่วนบ้านพี่อบอยู่หมู่ 1 คุ้มใต้นู่น

                    พอเลิกเรียนมาถึงบ้าน บอสรีบทำงานบ้านให้เสร็จโดยเร็ว รีบวิ่งแจ้นไปหาพี่สาวฝาแฝดที่บ้านเลย พวกเธอสามคนพี่น้องเดินเท้ากันไปยังคุ้มใต้ เพื่อไปหาพี่อบที่บ้าน มาถึงพวกเธอก็โล่งใจที่เห็นพี่อบอยู่บ้านพอดี ที่แท้พี่อบก็ไม่สบาย ป่วยเป็นไข้จึงไม่ได้ไปโรงเรียน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่