ไดอารี่ความคิดถึง (ตอนลงอ่าง)

กระทู้สนทนา

.


            วันนี้วันเสาร์ยายกับตาไม่อยู่บ้านอีกเช่นเคย ตาไปเลี้ยงวัวเป็นกิจวัตรประจำวัน ส่วนยายไปร้องสรภัญญะที่ต่างอำเภอ ที่หมู่บ้านหนองฮี เดือนนี้ยังไม่ออกพรรษา ยายจึงให้พวกเธออยู่บ้านกันเอง เย็น ๆ ยายถึงจะกลับ พร้อมควักเงินให้ห้าสิบบาทสำหรับหกคน ไว้ซื้อส้มตำกินมื้อเที่ยงด้วยกัน

                    คราวนี้พี่ปาวก็ชวนพวกเธอปั่นจักรยานไปเล่นที่บ้านคุ้มใต้ พวกเธอก็ตกลงไปด้วยกัน เป็นอีกสัปดาห์ของวันหยุด ที่บอสไม่ได้ไปหาสองฝาแฝด ไม่ได้ไปเล่นด้วยเลย เว้นก็แต่พี่ชายทั้งสองคนที่ขอปลีกตัวไปหาเพื่อน ๆ ของตน พี่ปาวก็ไม่ว่า มีข้อแม้ว่าตอนเที่ยงให้กลับมากินข้าวด้วยกันก็พอ

                    เมื่อมาถึงบ้านคุ้มใต้ พวกเธอก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเช่นทุกครั้ง ปัดกวาดดายหญ้าหน้าบ้าน พี่ขมกับชมพู่เมื่อเห็นพวกเธอก็มาเล่นด้วยเหมือนเดิม บ้านพี่ปาวกับพี่แป้งอยู่ติดถนน จึงทำให้ไม่เงียบเหงาเท่าไหร่ มีรถวิ่งผ่านไปผ่านมาให้ชะเง้อมองไม่หยุดหย่อน

                  รถสองแถวเข้าเมืองวิ่งผ่านทีไร บอสก็ได้แค่มองตามด้วยสายตาละห้อย ในใจอยากเข้าไปในเมือง ไปเดินพลาซ่าเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ หรือไม่ก็ไปซื้อเสื้อผ้า รองเท้า ขนมก็ได้ แต่ยายก็ไม่เคยพาไป อ้อนขอทีไรก็บอกแต่ว่ารอพ่อแม่ของเธอกลับมาก่อน

                  “อี่จ๋อมไปหยัง!” บอสตะโกนตามเพื่อน ขณะที่บอสกำลังดายหญ้าหน้าบ้าน รถสองแถววิ่งผ่านหน้ามาพอดีด้วยความเร็วที่ไม่เร็วนัก ทำให้บอสมองเห็นจ๋อมกับแม่และพี่ชายนั่งอยู่ในรถ กำลังหันหน้ามามองตนเองพอดี

                  “ไปเมือง!” จ๋อมตะโกนบอก พวกเธอยิ้มให้กัน นอกจากนั้นยังมีผู้โดยสารคนอื่นหันมองตามด้วย บอสมองรถสองแถวคันนั้นวิ่งไปจนสุดสายตา ก่อนจะกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ เมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย พวกเธอก็เข้าไปเปิดโทรทัศน์ดู นอนพักผ่อนในบ้าน

                 “เด็กน้อย พากันลงมาเมี่ยนเฮือนบ่นาง” ยายดีคนข้างบ้านร้องตะโกนถาม

                  บอสได้ยินเสียงคนเรียกจึงเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าไปดู “ใหญ่ดีเอื้อยปาว” บอสหันไปบอกพี่สาว เมื่อทราบแล้วว่าใครมายืนร้องเรียก

                  พอทราบว่าเป็นใคร พี่ปาวจึงเดินออกไปข้างนอกเพื่อคุยกับเพื่อนบ้านต่างวัย ส่วนเธอยืนมองและฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่ริมหน้าต่าง “ใหญ่ดีไปหยัง” พี่ปาวถาม

                 “ยายกะมาหนิแหล่ว ว่าสิมาขอบักพร้าวไปกินจักนวยแน่สั่นเด๊” ยายดีไม่อ้อมค้อม พี่ขมกับชมพู่มองหน้ากันแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กัน

                   “มาทำท่าขอคือแถะว่ะ คนบ่อยู่กะลักมาต๊อยเอาคือเก่า” พี่ขมกระซิบกระซาบพวกเธอเบา ๆ อยู่ในบ้าน เธอหันไปยิ้มให้กับคำพูดของพี่ขม

                   “เอาไปกินโลดแม่ใหญ่ หลายโพดกินบ่เมิด” พี่ปาวอนุญาต

                     “แม่ใหญ่มืงไปฮ้องสาระพันอยู่บ้านหนองฮีนำเพิ่นบ่มื้อหนิ ยายบ่ได้ไปไสมาไสนำเพิ่นหรอก คาหลานน้อย” ยายดียืนสนทนากับพี่ปาวอยู่ด้านนอก

                    “ไปอยู่แม่ใหญ่ ไปกับซุมหมู่ใหญ่อ้วนกับใหญ่สวย ใหญ่ปุ่นกะไป” พี่ปาวตอบ

                    “ปานหนิคือสิพากันฮ้อง สาระพันบ้านหนองฮี มาวันนี้มาสี่คน อยู่พุ่นน้อ ฮ่า” ยายดีพูดเป็นทำนองเพลงทั้งหัวเราะไปด้วย พี่ปาวก็หัวเราะไปด้วย แม้กระทั่งเธอที่ยืนดูทั้งสองคุยกันก็หัวเราะตามไปด้วย “ยายเคี่ยมเสียงดีกว่ามูคือสิฮ้องดังกว่ามูหวา” ทั้งสองยืนคุยกันสักพัก พี่ปาวก็ขอตัวกลับเข้าบ้าน ปล่อยให้ยายดียืนสอยมะพร้าวได้ตามใจชอบ

                   “บอส น้องบีม ไปเล่นเฮือนเฮาปะ” ชมพู่ชวนเพราะเบื่อดูโทรทัศน์เต็มทน บอสเผยยิ้มเห็นด้วย จึงขออนุญาตพี่ปาว และพี่ปาวก็อนุญาตแต่โดยง่าย พวกเธอสามคนจึงเดินข้ามถนนมายังบ้านของชมพู่ ขณะนี้พ่อแม่ของชมพู่ไม่อยู่บ้านสักคน มีเพียงยายกับตาของชมพู่ที่อยู่บ้านอีกหลังติด ๆ กัน

                 บอสกับน้องบีมตามชมพู่เข้ามาเล่นในบ้าน ก็ไม่พ้นเปิดโทรทัศน์ดูอีก แต่อารมณ์และความรู้สึกสนุกกว่าอยู่ที่บ้านพี่ปาวเป็นไหน ๆ ชมพู่เปิดซีดีให้พวกเธอดู ก็ไม่มีใครดูสักคน เพราะพวกเธอกำลังเล่นขายของกันอยู่ สมมุติเรื่องราวเล่นแม่ลูกกัน โดยการนำเอาผ้าขนหนูและเสื้อผ้าของพ่อแม่ชมพู่มาใส่เล่น นาทีนี้โลกทั้งใบเป็นของพวกเธอ โดยที่ตายายของชมพู่ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

                 พอเบื่อเล่นขายของกันแล้วก็หันมาเล่นตบแปะ การเล่นตบแปะต้องมีเพลงประกอบด้วยถึงจะสนุก พวกเธอนั่งขัดสมาธิล้อมวงกันสามคน จากนั้นก็ร้องเพลงพร้อมเอื้อมมือไปแตะกัน แล้วร้องเพลงประกอบการเล่นไปด้วย โดยเพลงที่พวกเธอนิยมร้องเมื่อเล่นตบแปะ คือ เพลงผู้ใหญ่ลี

                 …พ.ศ สองพันห้าร้อยสี่ ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม ชาวบ้านก็มาชุมนุม มาประชุมที่บ้านผู้ใหญ่ลี ต่อไปนี้ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าว ถึงเรื่องราวที่ได้ประชุมมา ฯ…

                 พวกเธอสามคนร้องไปแตะมือกันไป ร้องเร็วก็แตะแล้ว ร้องช้าก็แตะช้า เล่นกันอยู่ดี ๆ นึกอย่างเล่นตลกก็พากันร้องรัว ๆ ทำให้แตะมือเป็นประวิง รีบแตะกันรัว ๆ จนแตะไม่ทัน ก็พากันหัวเราะชอบใจอยู่อย่างนั้น เล่นกันไม่กี่นาทีก็เบื่ออีก จึงคิดหาอะไรเล่นแก้เบื่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดวัน

                  “อยากไปเล่นน้ำน้อคือสิมวน เอื้อยบอสว่าบ่” จู่ ๆ น้องบีมก็พูดขึ้นมาลอย ๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

                   “เล่นน้ำไสว่ะน้องบีม เล่นน้ำห้วยบ่ นาเอื้อยอยู่บักไกล” ชมพู่พูดกับน้องสาวของเธออย่างเอ็นดู เพราะชมพูไม่มีน้องสาว มีแต่พี่ชายที่ตอนนี้ไม่รู้ไปเล่นซนที่ไหน

                     “เอื้อยบอสน้ำห้วยนาเฮากะมีน้อ ตอนนั่นเฮากะเล่นกับเอื้อยปาว กับเอื้อยแป้ง กับอ้ายบอม กับอ้ายบอลน้อ” น้องบีมได้ทีอวดใหญ่ บอสยักคิ้วให้น้องสาว ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในช่วงหน้าแล้ง พวกเธอมักจะชวนกันเล่นน้ำในลำห้วยเสมอ ที่ยายพาไปนา “นาเอื้อยพู่มีห้วยบ่” น้องบีมถามต่ออีก

                    “บ่มี… นาเอื้อยมีตะหนองสา พ่อเอื้อยขุดไว้”

                     “นาน้องบีมบ่มีสา ตะว่ามีห้วย ยาว ๆ เลย ยาวจนฮอดในเมืองพุ่น” น้องบีมก็ยังอวดไม่หยุด พูดไปตามความคิดของตน “เอ้อมีส่างน้ำพร้อม อี่ตาขุด” เธอกับชมพู่หัวเราะกับความขี้อวดของน้องบีม

                  “ฮือ… อี่บีมมืงคือฮู้ว่าห้วยยาวฮอดในเมือง” บอสแย้งน้องสาว แต่เป็นการแย้งด้วยรอยยิ้มมากกว่าจะถามเอาชนะ

                   น้องบีมทำตาโตท่าทางจริงจัง “กะแม่นนั่นตั้ว อี่ยายบอกว่ามันยาวฮอดห้วยสีทนพุ่น ฮอดในเมืองเลย”

                 “ห้วยสีทนอยู่ไสว่ะ” ชมพู่ถามกลับอีก แต่เป็นคำถามที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มอีกเช่นเดิม ไม่ได้เชื่อที่น้องบีมบอกสักนิด แต่ก็พูดตามน้ำไปอย่างนั้น

                  “เอ้า ห้วยสีทนกะอยู่เขื่อนลำปาวนั่นเด้” น้องบีมตอบหน้าตาย ก็ยังสาธยายไปได้เรื่อย ๆ เธอกับชมพู่หันมองหน้ากัน หัวเราะให้กันกับความพูดมั่ว ๆ ของน้องบีม  

                    “ฮือ… ห้วยสีทนคือจะอยู่เขื่อนลำปาว วังใดคือว่าอยู่ในเมืองฮั่น คือสิอยู่เขื่อนลำปาวบาดหนิเอ้า เขื่อนลำปาวกับในเมืองอยู่คนละฟากเด้อ” บอสก็ยังเถียงน้องสาวคำไม่ตกฟาก แม้รู้ว่าน้องสาวพูดมั่ว ๆ แต่ก็ยังเถียงขาดใจ ชมพู่หัวเราะคิกคัก เธอก็ขำไปด้วยกับการสอบสวนน้องบีม

                 “เอ้า! เอื้อยบอสกะไปถามอี่ยายเบิ่งกะได้ถ้าบ่เชื่อ” น้องบีมก็ยืนยันขาดใจ ไม่ยอมล่าถอยง่าย ๆ

                   “เหรอ!!! ฮ่า” ทั้งเธอและชมพู่ต่างพร้อมใจกันอุทาน ทั้งหัวเราะเยาะน้องบีมไปด้วย

                  “ปะเฮาไปเล่นน้ำกัน” ชมพู่พูด รอยยิ้มและแววตาดูมีเลศนัย เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ “เล่นน้ำในห้องน้ำกูกะได้ เล่นนำกันสามคนเลย” จู่ ๆ ชมพู่ก็ชวนเล่นน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว

                 “อิหลิบ่” บอสย้ำ “พวกกูบ่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนำเด้”

                  “อือ กะใส่ชุดเก่า บ่ต้องอาบทั้งชุด แก้ผ้าออก” สิ้นคำพูดชมพู่ก็ถอดเสื้อและกางเกงออกหมดเป็นตัวอย่าง เหลือเพียงตัวเปล่าล่อนจ้อน จากนั้นพวกเธอก็ถอดตาม ไม่มีใครอายใครทั้งนั้น พอทุกคนพร้อมชมพู่ก็พาวิ่งเข้าห้องน้ำทันที

               ห้องน้ำบ้านของชมพู่กว้างมาก มีอ่างน้ำที่ก่อจากอิฐบล็อกสองอ่าง ก่อเป็นอ่างเล็กและอ่างใหญ่ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งอ่างใหญ่นี้ไว้ใช้สำหรับตักน้ำอาบอย่างเดียว อ่างน้ำบ้านของชมพู่กว้างและยาวมาก อย่างกับสระน้ำก็มิปาน

                 พวกเธอสามคนตัวเปลือยเปล่าเดินเข้ามาในห้องน้ำ เปิดประตูห้องน้ำเอาไว้โดยไม่เกรงกลัวใครจะมาเห็น “บ่ต้องตักอาบ ลงอ่างเลยเฮา” ชมพู่พูดอย่างตื่นเต้น

                 “เดี๋ยวน้องบีมลองมายืนเทียบอ่างก่อนน่ะ ท่วมหัวบ่ น้ำคือหลายแถะ” บอสพูดอย่างเป็นห่วงน้องสาว ถ้าจะลงไปด้วยกัน เพราะน้องบีมตัวเตี้ย ลำพังพวกเธอสบายมาก น้ำในอ่างก็เกือบเต็มอ่าง

                   “บ่เป็นหยัง อี่น้องบีมลงอ่างน้อย” ซึ่งถูกก่อติดกับอ่างใบใหญ่นี้ แต่มันก็ตื้นเขินมาก เพราะเอาไว้ใช้เวลานั่งส้วม

                  น้องบีมมองไปยังอ่างใบเล็ก คงเห็นว่ามันน่าจะเล่นไม่สนุกก็ปฏิเสธที่จะเล่น “บ่ น้องบีมอยากลงอ่างนำเอื้อยบอสกับเอื้อยพู่” น้องบีมทำหน้ามุ่ย

                 “เอาจังสิ ตักน้ำออกก่อนบ่ จังลง ตักออกจักหน่อยกะได้” บอสเสนอแนวทางแก้ไข ชมพู่เห็นด้วย จากนั้นพวกเธอก็ช่วยกันตักน้ำออกจากอ่างพอประมาณ พอที่น้องบีมสามารถลงเล่นด้วยได้ พอเตรียมการเสร็จเรียบร้อย พวกเธอทั้งสามคนก็โดดลงอ่างน้ำทันที แม้ว่ายไม่ได้ พวกเธอก็ทำเสมือนว่ายน้ำกันได้อย่างสนุก

                    วินาทีนี้ราวกับว่าพวกเธออยู่ในสระว่ายน้ำ ของคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งดั่งในละคร เสียงหัวเราะของพวกเธอดังไปไกลถึงไหนก็มิทราบ กว่าพ่อแม่ของชมพู่จะกลับมาก็ตอนเย็นนู่น เพราะฉะนั้นพวกเธอมีเวลาเล่นน้ำที่นี่ได้อย่างสบายใจ

                 พวกเธอใช้มือเกาะขอบอ่าง ใช้เท้าตีน้ำเล่นป๋อมแป๋ม ๆ อย่างสนุก น้ำกระฟัดกระเฟียด กระเด็นเข้าตาเข้าปากก็ไม่เป็นปัญหา

                  “น้องบีม บอส เบิ่งกูจะมุดน้ำให้เบิ่ง กูมุดน้ำเป็นเด้อมืง” ชมพูพูดอวดแล้วก็ทำให้ดูด้วย ชมพู่นับหนึ่งถึงสาม เอามือปิดจมูกตัวเอง กลั้นหายใจ พร้อมหลับตาแล้วก็มุดลงไปใต้น้ำ ไม่กี่วินาทีก็โผล่ขึ้นมา “ฮ่า มืงเฮ็ดได้บ่บอส”

                   “เฮ็ดได้!” บอสพูดเสียงสูง “ล่ะปะสามุดน้ำซำหนินึง” บอสรับคำท้า “เบิ่งกูจะมุดแบบมืนตาในน้ำให้มืงกับอี่บีมเบิ่งเป็นบุญตา” จากนั้นบอสก็กลั้นหายใจ มุดลงไปใต้น้ำแบบลืมตา ไม่กี่วินาทีก็โผล่พรวดขึ้นจากน้ำ น้ำเข้าตาทำให้แสบตานิดหน่อย ทำเอาขอบตาแดงก่ำ ทว่าก็ไม่สะทกสะท้านใด ๆ ทั้งสิ้น “ปานใด มืงกล้ามืนตาคือกูบ่” บอสเย้ยหยัน ท้าชมพู่ไปอีก

                 “น้องบีมกล้ามุดบ่” ชมพู่ไม่รับคำท้า แต่หันไปท้าน้องบีมแทน

                  “น้องบีมลองมุดเบิ่งคือมูเอื้อย มุดเป็นบ่ หัดไว้เทือไปเล่นน้ำอยู่ห้วยนาเฮา จะได้มุดน้ำเป็น” บอสสนับสนุนคำท้าของชมพู่ “มุดเบิ่ง มุดแป๊บเดียวกะเงยหน้าขึ้นกะได้”

                   พอบอสแนะนำให้น้องบีมทำ น้องบีมก็ทำตาม ก้มหน้ามุดน้ำครู่เดียวก็เงยขึ้น “กรี๊ดดดด ฮ่า น้องบีมมุดเป็นบ่เอื้อยบอส”

                  “เป็น!” เธอกับชมพู่ประสานเสียงตอบ จากนั้นก็เล่นน้ำกันต่อ เกาะขอบอ่างใช้เท้าตีน้ำเล่นฟุ้งกระจายทั่วห้องน้ำ เสียงหัวเราะเสียงพูดคุยของพวกเธอ มันดังทะลุผนังห้องน้ำออกไปข้างนอก ทำให้ยายของชมพู่ได้ยินจนได้

                  “แมนหยังน้อ!!!! ไผบอกสูพากันลงไปเล่นในอ่างอาบน้ำอี่ชมพู่ หนีฟ้าวขึ้นมาแหมะ แม่มืงฮ่ายหัวตายบาดหนิ” ยายของชมพู่เอ็ดพวกเธอ ยืนมือเท้าสะเอวอยู่ขอบประตูห้องน้ำ มองพวกเธอที่แช่อยู่ในอ่างในขณะนี้ บอสหน้าเจื่อน หัวใจหล่นตุบไปก้นอ่าง ต้องโดนยายของชมพู่ด่าแน่ ๆ เข้ามาเจอจัง ๆ ขนาดนี้ ส่วนชมพู่หัวเราะใหญ่ที่โดนยายจับได้ ไม่เกรงกลัวเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่