วันวาน 20

กระทู้สนทนา

.


             เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วโรงเรียน เป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง และ เตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย บอสกับเพื่อนอีกสามคนหยุดกระโดดยางด้วยความเสียดาย ทำไมเวลาช่างเดินเร็วนัก

             “ปะพิมพ์เก็บยาง” แพรวบอกกับน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงระฆัง พวกเธอต่างปัดฝุ่นออกจากตัว จากนั้นก็สวมกระโปรงที่ถอดออกระหว่างกระโดดยางให้เรียบร้อย

               “บอสอะเอายางไว้นำมืงแน” พิมพ์ยื่นหนังยางที่ถักเป็นเส้นยาวให้เธอ แล้วเธอก็รับเอาอย่างว่าง่ายก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเสื้อ “ปะเฮาเข้าห้อง”

               “ปะ” จ๋อมพูด  

              พอพวกเธอจัดการตัวเองเรียบร้อย จึงพากันเดินเข้าห้องเพื่อเรียนในช่วงบ่าย ระหว่างที่รอคุณครูเข้ามาสอน พวกเธอต่างจับกลุ่มใครกลุ่มมันคุยกันจ้าละหวั่น ไม่นานครูเสนีย์ก็เข้ามาสอน

                พอคุณครูมาถึงพวกเธอต่างเงียบกริบสลายตัวกลับโต๊ะของใครของมันโดยอัตโนมัติ วันนี้คุณครูไม่ได้ถือไม้เรียวและกองสมุดหนังสือมาสอนเหมือนทุกวัน แต่ครูถือกล่องที่ทำมาจากลังอะไรสักอย่างมาหนึ่งใบ พร้อมกระดาษเอสี่ในมือ พวกเธอมองด้วยสายตาสงสัย ว่าคุณครูนำมาทำไมกัน

                “นักเรียนเคารพ” เสียงของตะวันหัวหน้าห้องกล่าวทำความเคารพคุณครู

                 “สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู” ตามด้วยเสียงของพวกเธอกล่าวประสานกันและยกมือไหว้

               “ครูถือกล่องอิหยังมาครับ” ส้มโอคือตัวแทนของห้องในการถามคำถาม ซึ่งบอสและเพื่อนทุกคนต่างก็อยากรู้มากเหมือนกัน

              “ห้องเรามีใครพับนกเป็นบ้าง?” ครูเสนีย์ไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามกับพวกเธอแทน พวกเธอนั่งเงียบ หันมองหน้ากันและมองไปรอบ ๆ ห้อง ว่ามีเพื่อนคนไหนพับนกเป็นบ้าง ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนด้วย ว่าครูเสนีย์จะให้พับนกไปทำไม

                “ครูสิพับนกไปเฮ็ดหยังค่า” สุดท้ายแคร์ก็ยกมือถาม ก่อนหน้านั้นบอสว่าจะยกมือถามทว่าไม่กล้า พอแคร์ถามพวกเธอก็เริ่มเสียงดัง ฮือฮาเดากันไปต่าง ๆ นานา อีกอย่างเพราะรู้เป็นนัย ๆ ว่าชั่วโมงนี้คงจะไม่ได้เรียนกันแน่นอน

               “เราจะช่วยกันพับนก 62 ล้านตัวส่งใจดับไฟใต้กัน ส่งไปภาคใต้” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ครูพูดอยู่ดี “ใครพับเป็นช่วยครูสอนเพื่อน ๆ ด้วย”

                “เป็นหยังคือต้องพับส่งไปค่า” บอสถาม สงสัยอยู่ในที ภาคใต้เป็นอะไรทำไมต้องพับนกกระดาษส่งไปให้ด้วย

                “แมนยูค่า เป็นหยังครูคือให้พับส่งไป” แพรวยกมือถาม คราวนี้ทุกคนมีแต่คำถามที่อยากถาม เพราะไม่มีใครทราบว่าภาคใต้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ

               “หกสิบสองล้านตัว ป้าด!!! ครูมันคือสิครบครับ” เบลถามอีกคน

                  “แมนยู หนูพับบ่เป็น” จอยพูด ตอนนี้ทั้งห้องเสียงดังมาก  

                 “ครูค่าภาคใต้ทุกจังหวัดเลยบ่ค่า” หมิวยกมือถาม ต่างคนต่างจะยกมือถามครูเสนีย์ถึงเรื่องพับนกกันใหญ่ จนครูต้องห้ามไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ทำกันแน่ ๆ

                “เอาล่ะ ๆ ครูจะเล่าให้ฟัง” ครูเสนีย์พูดกับพวกเธออย่างใจเย็น ใบหน้าปนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา “พวกเราถือว่าโชคดีกว่าพวกเขานะ คนภาคใต้ เอ่อสามจังหวัดชายแดนใต้น่ะ ยะลา ปัตตานี และก็นราธิวาส เขาเรียกสามจังหวัดนี้ว่าชายแดนใต้ ซึ่งอยู่ติดกับประเทศมาเลเซีย”

                “ล่ะเป็นหยังครับ?” แท็กมิวายถามต่อ

                “ก็สามจังหวัดชายใต้เขาไม่ค่อยสงบเหมือนบ้านเรา พวกเธอโชคดีนะที่ได้เกิดเป็นคนภาคอีสาน บ้านเราสงบกว่าบ้านเขาเยอะ บ้านเขายิงกันสนั่นหวั่นไหว วางระเบิดตามถนน มีทหารตำรวจตายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน พระเดินบิณฑบาตก็ต้องมีทหารคอยคุ้มกัน”

                 “หูย!!!” พวกเธออุทานอย่างคนเห็นใจ สีหน้าของแต่ละคนบ่งบอกถึงความเห็นอกเห็นใจคนสามจังหวัดชายแดนใต้มาก ๆ

                “พวกเราโชคดีกว่าเขา พวกเราช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่พวกเราสามารถส่งกำลังใจให้พวกเขาได้ โดยการพับนกส่งเป็นกำลังใจไปให้” ครูเสนีย์อธิบาย

               “ครูครับพับคนละจักโตครับ” เอี้ยงยกมือถามจากทางด้านหลังห้อง ทำให้พวกเธอหันไปมองตาม

                 “คนละกี่ตัวก็ได้ ให้เต็มกล่องที่ครูนำมานี่ก็พอ อ่อ… ใครอยากเขียนอะไรให้กำลังใจเพื่อน ๆ ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ก็เขียนไปนะ เขาได้นกของเรา เขาจะได้อ่าน”

                  “ค่า/ครับ” พวกเธอรับคำ

               “เอ้อเกือบลืมไปเลย มีใครพับนกเป็นบ้าง” ครูเสนีย์ถามอีกรอบ ทั้งห้องมีคนพับเป็นอยู่สองคน คือ เจนและเอ้ “แบ่งกลุ่มกัน ใครจะไปหัดพับกับเพื่อนก็ไป ใครจะมาหัดกับครูก็มา ลุกไปหาเพื่อน ๆ เลย มารับกระดาษกับครูครับ” พอครูพูดจบ เธอ สองฝาแฝด และจ๋อมเลือกที่จะไปหัดพับนกกับเอ้ ก่อนจะไปหาเอ้พวกเธอก็ไม่ลืมเดินไปหยิบกระดาษมาคนละสองแผ่น

                ชั่วโมงนี้ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ทั้งห้องต่างช่วยกันพับนกให้ครูเสนีย์ บ้างก็ไปหัดกับคุณครู บ้างก็มาหัดพับกับเพื่อน ๆ บอสนั่งมองเอ้พับอย่างตั้งใจมาก แต่ก็พับไม่เป็นสักที เพื่อนบางคนก็เรียนรู้เร็วโดยเฉพาะจ๋อม เอ้สอนเพียงสองรอบก็จำได้และพับเป็น

                “บอส แฝดมาผิกูพับเป็นแล้ว เดี๋ยวกูสอน” จ๋อมสะกิดพวกเธอทั้งสามคนให้แยกตัวออกมาจากกลุ่ม ตนเองจะอาสาสอนเอง

                “จ๋อมมืงคือพับเป็นเร็วแถะ กูต้องพับไปจังใดมาจังใดหนิ” พิมพ์ถามหลังจากที่พวกเธอแยกตัวกันออกมาแล้ว นอกจากจ๋อมจะพับนกเป็นก่อนใคร ๆ ยังพับสวยอีกด้วย

                 “แมนยูอี่จ๋อม เอ๋ากูมาฮอดขั้นตอนนี่แล้วกูต้องพับไปแบบใดอีก” บอสถาม ชูกระดาษให้จ๋อมดูด้วย เธอพับมาได้ครึ่งทางแล้ว ใกล้จะเป็นตัวนกเข้าทุกที

                “เอ้อพับมาแบบนี้ถืกแล้ว บาดหนิกะพับไปแบบหนิ เห็นบ่เป็นนกล่ะ” จ๋อมไม่เพียงสอนเฉย ๆ หยิบนกของเธอไปพับต่อให้ดูเลย เป็นอันว่านกตัวนี้ของเธอสำเร็จ เป็นนกตัวแรก จากนั้นเธอก็นำไปหย่อนลงกล่องกับครูเสนีย์

               “บอสมืงคือพับโตใหญ่แถะ นี่เอาโตซำกูกะพอ” แพรวชูนกให้ดู “นี่ตัดกระดาษแผ่นซำหนิ”

               “เอ้อสู! เฮาลืมเขียนชื่อลง” จ๋อมพูดขึ้นมาเมื่อนึกได้

                 “เออ ๆ โตต่อไปกะแล้วกัน” พิมพ์พูด จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจพับนกตัวต่อไปอีก โดยที่ไม่ลืมเขียนข้อความใส่ลงไปด้วย

                ‘เราชื่อบอสนะ ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ บอสเขียนข้อความลงในกระดาษก่อนจะพับ

                “บอสมืงเขียนว่าหยัง ไสเบิ่งแน” แพรวขอดูข้อความของเธอที่เขียน “เขียนคืออี่บอสดีกว่า”

               “ไสบอสมืงเขียนว่าหยัง” จ๋อมกับพิมพ์ขอดูบ้าง บอสก็ให้ดู แล้วทั้งสามคนก็เขียนเหมือนอย่างเธอ

                 ‘จ๋อม/พิมพ์/แพรว ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ ทั้งสามคนลอกข้อความของเธอมาหมด เปลี่ยนเพียงชื่อก็เท่านั้น

                 พวกเธอนั่งพับกันไปหลายตัว ระหว่างนั้นก็มีมด เตย แพท นิน ขอมานั่งพับด้วย พวกเธอก็ให้การต้อนรับอย่างดี โดยการขยับที่ให้เพื่อน ๆ เข้ามานั่ง

                “เปลี่ยนคำเว้าแนสู เอาคำใหม่แน” จ๋อมเสนอ เพราะประโยคนั้นเขียนมาหลายตัวแล้ว

                 “เอาคำว่าหยังล่ะ?” แพทถาม พวกเธอต่างช่วยกันคิดว่าจะเขียนส่งกำลังใจว่าอย่างไรดี

               “กูว่าพวกเฮาเขียนจังหวัดบ่ว่า มาจากไส” แพรวเสนอความคิดเห็น พวกเธอต่างก็เห็นด้วย จากนั้นก็เขียนชื่อจังหวัดลงไปในกระดาษ แล้วก็พับเป็นตัวนก พวกเธอทั้งห้องช่วยกันพับนกกระดาษให้ครูเสนีย์จนเต็มกล่อง จากนั้นจึงพากันกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม

                 “ครูครับ ครูจะเอาไปส่งเองบ่ครับ” มอสถาม

                “กะบ่แหล่วน้อ ครูกะจะส่งเข้าจังหวัด เดี๋ยวจังหวัดเขาสิส่งเอง แล้วเขาสิเอาไปโปรยเทิงเครื่องบิน ปล่อยลงมาจากฟ้าพุ่นแหล่ว” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอพยักหน้าเข้าใจ สีหน้าและท่าทางต่างตื่นเต้นไปกับคำพูดของครู กิจกรรมพับนกถือเป็นอันเสร็จสิ้นไป แล้วก็กลับมาเรียนปกติ

                   ระหว่างนั้นทุกคนต่างหวังว่า นกของตัวเองคงจะไปตกที่บ้านของเพื่อน ๆ ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ใครสักคนคงได้อ่านที่พวกเธอเขียนข้อความเอาไว้ บอสนึกไปถึงนกที่โปรยลงมาจากเครื่องบิน แล้วไปตกที่บ้านของบางคน พอนึกแบบนั้นก็แอบยิ้มบางให้กับความคิดของตน

               เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านบอสก็มิวายพูดถึงเรื่องพับนกให้พี่ ๆ ฟัง บอสถอนหายใจ กะว่าจะอวดว่าตนเองพับนกเป็นสักหน่อย ผลปรากฏว่าพี่ ๆ ต่างก็พับเป็นเหมือนกัน ทุกคนต่างก็ได้พับส่งคุณครูกันหมด จึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่อวดต่อ ทว่าก็ยังพอมีบุญ อย่างน้อยก็เหลือน้องบีมให้อวด เมื่ออวดพี่ ๆ ไม่ได้ บอสก็หันมาอวดน้องสาวแทน ไม่พอยังพับนกกระดาษโชว์ให้น้องบีมดูต่อหน้าต่อตาไปเลย

                “เอื้อยบอสพับให้น้องบีมแนสี่โต” น้องบีมขอ พวกเธอนั่งพับนกกันที่แคร่หน้าบ้าน บอสยอมเสียสละสมุดนักเรียนของตนเอง ฉีกมาพับนกให้น้องบีมเล่น

                  “คือเอาหลายโตแถะ มันกะเปลืองหน้าสมุดเอื้อย” บอสค่อนขอดน้องสาวที่ได้คืบจะเอาศอก นึกเสียดายที่ตัวเองคิดผิด ไม่น่าอวดโชว์เลยว่าทำเป็น

                   “เอ๋า… กะพ่อแม่ลูกนั่นเด้ พ่อโตนึง แม่โตนึง ลูกสองโต” น้องบีมให้เหตุผล

                  “กะได้” บอสยอมทำให้ “น้องบีมทาสีมันกะได้เด้ เอื้อยพับแล้วน้องบีมเอาไปทาสีเอาเด้อ เอื้อยขี้คร้านเอื้อยบ่ทาให้ดิ๊ ตะพับให้กะพอแฮงล่ะ” บอสกล่าว น้องบีมพยักหน้าตกลง อย่างไรก็ได้นาทีนี้ขอเพียงได้ครอบครัวนกตามที่ต้องการ

                  บอสนั่งพับนกให้น้องสาวอย่างพิถีพิถัน นกที่เป็นตัวพ่อบอสก็ใช้กระดาษแผ่นใหญ่ขึ้น เพื่อพับออกมาแล้วจะได้นกตัวใหญ่ จากนั้นก็เป็นนกตัวแม่ ใช้กระดาษเล็กลงมานิดหน่อย และ สองตัวที่เป็นลูกนกบอสก็ใช้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ

                “เอื้อยบอสเบิ่ง ฮ่า” น้องบีมชูนกตัวโตที่สุดให้เธอดู โดยระบายสีเขียวลงไป ระบายไม่ค่อยสวยนักตามประสา “งามบ่? ตัวพ่อมันน้องบีมเอาสีเขียวเด้อ ตัวแม่เอาสีเหลือง ตัวลูกเอาสี… สีอีหยังดี สีฟ้าเด้อเอื้อยบอส” น้องบีมพูดปนยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี บอสเองก็ตามใจน้องสาวเลย อยากทำอะไรก็ทำเพราะหมดหน้าที่แล้ว จากนั้นก็วิ่งไปบ้านลุงวิทย์ ไปเล่นกับสองฝาแฝด ปล่อยน้องบีมมีความสุขกับนกกระดาษไปคนเดียว

                  …………………………………..

               ตอนค่ำหลังกินมื้อเย็นเสร็จก็จะเป็นเวลาว่างของทุกคน ต่างคนต่างเล่น ตากับยายก็ทำงานอดิเรกของตนเองไป ตามิพ้นนั่งเหลาตอกเอาไว้มัดกล้า ส่วนยายนั่งสานสวิงเอาไว้หาปลา สองตายายนั่งกันคนละมุมของบ้าน ส่วนหลาน ๆ อย่างพวกเธอหกคนต่างเล่นสนุกกัน

                  พี่ปาวพี่แป้งดูโทรทัศน์ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลขอยายไปเล่นที่บ้านยายอ้วน ไปเล่นกับพี่ทอม ซึ่งบ้านอยู่ติดกันยายจึงไม่ห้าม ส่วนเธอขอยายไปเล่นบ้านแม่น้อย ซึ่งบ้านอยู่ติดกันเหมือนกัน

                 บ้านแม่น้อยเป็นบ้านชั้นเดียวยังทำไมเสร็จ ทำเพียงมุงหลังคาเอาไว้ แล้วก่อเพียงห้องน้ำห้องนอนกับห้องครัวเอาไว้เท่านั้น ตัวบ้านยังไม่ก่ออิฐ และ นำแคร่มาวางไว้ให้แขกนั่ง ที่บ้านแม่น้อยก็มีเปลผูกเอาไว้ บางวันบอสก็ไปไกวเปลเล่นที่บ้านแม่น้อย ไปดูโทรทัศน์ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่บอสไปที่นั่น

                มาถึงบอสต้องอารมณ์เสียนิด ๆ ที่บอสมาถึงแล้วเปลไม่ว่าง เพราะน้องอ้อนผู้เป็นลูกสาวนั่งอยู่ บอสจึงเดินมานั่งที่แคร่แทนแต่ก็ยังไม่อยากกลับ แม่น้อยเดินออกมานั่งเป็นเพื่อนด้วย เปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปด้วย ไม่นานพี่ปาวกับพี่แป้งก็ตามมา ไม่ได้มามือเปล่า พี่ ๆ ถือแผ่นหนังมาด้วย

                “แม่น้อยบักแอ็ดไปไส?” พี่ปาวถามหาลูกชายเจ้าของบ้าน

                “อยู่หนิล่ะ” พี่แอ็ดตอบ เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทันได้ตอบคำถามของพี่ปาว “เป็นหยัง ถามหากูเฮ็ดหยัง” พี่แอ็ดถาม จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อแต่งตัว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่