.
เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วโรงเรียน เป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง และ เตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย บอสกับเพื่อนอีกสามคนหยุดกระโดดยางด้วยความเสียดาย ทำไมเวลาช่างเดินเร็วนัก
“ปะพิมพ์เก็บยาง” แพรวบอกกับน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงระฆัง พวกเธอต่างปัดฝุ่นออกจากตัว จากนั้นก็สวมกระโปรงที่ถอดออกระหว่างกระโดดยางให้เรียบร้อย
“บอสอะเอายางไว้นำมืงแน” พิมพ์ยื่นหนังยางที่ถักเป็นเส้นยาวให้เธอ แล้วเธอก็รับเอาอย่างว่าง่ายก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเสื้อ “ปะเฮาเข้าห้อง”
“ปะ” จ๋อมพูด
พอพวกเธอจัดการตัวเองเรียบร้อย จึงพากันเดินเข้าห้องเพื่อเรียนในช่วงบ่าย ระหว่างที่รอคุณครูเข้ามาสอน พวกเธอต่างจับกลุ่มใครกลุ่มมันคุยกันจ้าละหวั่น ไม่นานครูเสนีย์ก็เข้ามาสอน
พอคุณครูมาถึงพวกเธอต่างเงียบกริบสลายตัวกลับโต๊ะของใครของมันโดยอัตโนมัติ วันนี้คุณครูไม่ได้ถือไม้เรียวและกองสมุดหนังสือมาสอนเหมือนทุกวัน แต่ครูถือกล่องที่ทำมาจากลังอะไรสักอย่างมาหนึ่งใบ พร้อมกระดาษเอสี่ในมือ พวกเธอมองด้วยสายตาสงสัย ว่าคุณครูนำมาทำไมกัน
“นักเรียนเคารพ” เสียงของตะวันหัวหน้าห้องกล่าวทำความเคารพคุณครู
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู” ตามด้วยเสียงของพวกเธอกล่าวประสานกันและยกมือไหว้
“ครูถือกล่องอิหยังมาครับ” ส้มโอคือตัวแทนของห้องในการถามคำถาม ซึ่งบอสและเพื่อนทุกคนต่างก็อยากรู้มากเหมือนกัน
“ห้องเรามีใครพับนกเป็นบ้าง?” ครูเสนีย์ไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามกับพวกเธอแทน พวกเธอนั่งเงียบ หันมองหน้ากันและมองไปรอบ ๆ ห้อง ว่ามีเพื่อนคนไหนพับนกเป็นบ้าง ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนด้วย ว่าครูเสนีย์จะให้พับนกไปทำไม
“ครูสิพับนกไปเฮ็ดหยังค่า” สุดท้ายแคร์ก็ยกมือถาม ก่อนหน้านั้นบอสว่าจะยกมือถามทว่าไม่กล้า พอแคร์ถามพวกเธอก็เริ่มเสียงดัง ฮือฮาเดากันไปต่าง ๆ นานา อีกอย่างเพราะรู้เป็นนัย ๆ ว่าชั่วโมงนี้คงจะไม่ได้เรียนกันแน่นอน
“เราจะช่วยกันพับนก 62 ล้านตัวส่งใจดับไฟใต้กัน ส่งไปภาคใต้” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ครูพูดอยู่ดี “ใครพับเป็นช่วยครูสอนเพื่อน ๆ ด้วย”
“เป็นหยังคือต้องพับส่งไปค่า” บอสถาม สงสัยอยู่ในที ภาคใต้เป็นอะไรทำไมต้องพับนกกระดาษส่งไปให้ด้วย
“แมนยูค่า เป็นหยังครูคือให้พับส่งไป” แพรวยกมือถาม คราวนี้ทุกคนมีแต่คำถามที่อยากถาม เพราะไม่มีใครทราบว่าภาคใต้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ
“หกสิบสองล้านตัว ป้าด!!! ครูมันคือสิครบครับ” เบลถามอีกคน
“แมนยู หนูพับบ่เป็น” จอยพูด ตอนนี้ทั้งห้องเสียงดังมาก
“ครูค่าภาคใต้ทุกจังหวัดเลยบ่ค่า” หมิวยกมือถาม ต่างคนต่างจะยกมือถามครูเสนีย์ถึงเรื่องพับนกกันใหญ่ จนครูต้องห้ามไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ทำกันแน่ ๆ
“เอาล่ะ ๆ ครูจะเล่าให้ฟัง” ครูเสนีย์พูดกับพวกเธออย่างใจเย็น ใบหน้าปนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา “พวกเราถือว่าโชคดีกว่าพวกเขานะ คนภาคใต้ เอ่อสามจังหวัดชายแดนใต้น่ะ ยะลา ปัตตานี และก็นราธิวาส เขาเรียกสามจังหวัดนี้ว่าชายแดนใต้ ซึ่งอยู่ติดกับประเทศมาเลเซีย”
“ล่ะเป็นหยังครับ?” แท็กมิวายถามต่อ
“ก็สามจังหวัดชายใต้เขาไม่ค่อยสงบเหมือนบ้านเรา พวกเธอโชคดีนะที่ได้เกิดเป็นคนภาคอีสาน บ้านเราสงบกว่าบ้านเขาเยอะ บ้านเขายิงกันสนั่นหวั่นไหว วางระเบิดตามถนน มีทหารตำรวจตายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน พระเดินบิณฑบาตก็ต้องมีทหารคอยคุ้มกัน”
“หูย!!!” พวกเธออุทานอย่างคนเห็นใจ สีหน้าของแต่ละคนบ่งบอกถึงความเห็นอกเห็นใจคนสามจังหวัดชายแดนใต้มาก ๆ
“พวกเราโชคดีกว่าเขา พวกเราช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่พวกเราสามารถส่งกำลังใจให้พวกเขาได้ โดยการพับนกส่งเป็นกำลังใจไปให้” ครูเสนีย์อธิบาย
“ครูครับพับคนละจักโตครับ” เอี้ยงยกมือถามจากทางด้านหลังห้อง ทำให้พวกเธอหันไปมองตาม
“คนละกี่ตัวก็ได้ ให้เต็มกล่องที่ครูนำมานี่ก็พอ อ่อ… ใครอยากเขียนอะไรให้กำลังใจเพื่อน ๆ ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ก็เขียนไปนะ เขาได้นกของเรา เขาจะได้อ่าน”
“ค่า/ครับ” พวกเธอรับคำ
“เอ้อเกือบลืมไปเลย มีใครพับนกเป็นบ้าง” ครูเสนีย์ถามอีกรอบ ทั้งห้องมีคนพับเป็นอยู่สองคน คือ เจนและเอ้ “แบ่งกลุ่มกัน ใครจะไปหัดพับกับเพื่อนก็ไป ใครจะมาหัดกับครูก็มา ลุกไปหาเพื่อน ๆ เลย มารับกระดาษกับครูครับ” พอครูพูดจบ เธอ สองฝาแฝด และจ๋อมเลือกที่จะไปหัดพับนกกับเอ้ ก่อนจะไปหาเอ้พวกเธอก็ไม่ลืมเดินไปหยิบกระดาษมาคนละสองแผ่น
ชั่วโมงนี้ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ทั้งห้องต่างช่วยกันพับนกให้ครูเสนีย์ บ้างก็ไปหัดกับคุณครู บ้างก็มาหัดพับกับเพื่อน ๆ บอสนั่งมองเอ้พับอย่างตั้งใจมาก แต่ก็พับไม่เป็นสักที เพื่อนบางคนก็เรียนรู้เร็วโดยเฉพาะจ๋อม เอ้สอนเพียงสองรอบก็จำได้และพับเป็น
“บอส แฝดมาผิกูพับเป็นแล้ว เดี๋ยวกูสอน” จ๋อมสะกิดพวกเธอทั้งสามคนให้แยกตัวออกมาจากกลุ่ม ตนเองจะอาสาสอนเอง
“จ๋อมมืงคือพับเป็นเร็วแถะ กูต้องพับไปจังใดมาจังใดหนิ” พิมพ์ถามหลังจากที่พวกเธอแยกตัวกันออกมาแล้ว นอกจากจ๋อมจะพับนกเป็นก่อนใคร ๆ ยังพับสวยอีกด้วย
“แมนยูอี่จ๋อม เอ๋ากูมาฮอดขั้นตอนนี่แล้วกูต้องพับไปแบบใดอีก” บอสถาม ชูกระดาษให้จ๋อมดูด้วย เธอพับมาได้ครึ่งทางแล้ว ใกล้จะเป็นตัวนกเข้าทุกที
“เอ้อพับมาแบบนี้ถืกแล้ว บาดหนิกะพับไปแบบหนิ เห็นบ่เป็นนกล่ะ” จ๋อมไม่เพียงสอนเฉย ๆ หยิบนกของเธอไปพับต่อให้ดูเลย เป็นอันว่านกตัวนี้ของเธอสำเร็จ เป็นนกตัวแรก จากนั้นเธอก็นำไปหย่อนลงกล่องกับครูเสนีย์
“บอสมืงคือพับโตใหญ่แถะ นี่เอาโตซำกูกะพอ” แพรวชูนกให้ดู “นี่ตัดกระดาษแผ่นซำหนิ”
“เอ้อสู! เฮาลืมเขียนชื่อลง” จ๋อมพูดขึ้นมาเมื่อนึกได้
“เออ ๆ โตต่อไปกะแล้วกัน” พิมพ์พูด จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจพับนกตัวต่อไปอีก โดยที่ไม่ลืมเขียนข้อความใส่ลงไปด้วย
‘เราชื่อบอสนะ ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ บอสเขียนข้อความลงในกระดาษก่อนจะพับ
“บอสมืงเขียนว่าหยัง ไสเบิ่งแน” แพรวขอดูข้อความของเธอที่เขียน “เขียนคืออี่บอสดีกว่า”
“ไสบอสมืงเขียนว่าหยัง” จ๋อมกับพิมพ์ขอดูบ้าง บอสก็ให้ดู แล้วทั้งสามคนก็เขียนเหมือนอย่างเธอ
‘จ๋อม/พิมพ์/แพรว ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ ทั้งสามคนลอกข้อความของเธอมาหมด เปลี่ยนเพียงชื่อก็เท่านั้น
พวกเธอนั่งพับกันไปหลายตัว ระหว่างนั้นก็มีมด เตย แพท นิน ขอมานั่งพับด้วย พวกเธอก็ให้การต้อนรับอย่างดี โดยการขยับที่ให้เพื่อน ๆ เข้ามานั่ง
“เปลี่ยนคำเว้าแนสู เอาคำใหม่แน” จ๋อมเสนอ เพราะประโยคนั้นเขียนมาหลายตัวแล้ว
“เอาคำว่าหยังล่ะ?” แพทถาม พวกเธอต่างช่วยกันคิดว่าจะเขียนส่งกำลังใจว่าอย่างไรดี
“กูว่าพวกเฮาเขียนจังหวัดบ่ว่า มาจากไส” แพรวเสนอความคิดเห็น พวกเธอต่างก็เห็นด้วย จากนั้นก็เขียนชื่อจังหวัดลงไปในกระดาษ แล้วก็พับเป็นตัวนก พวกเธอทั้งห้องช่วยกันพับนกกระดาษให้ครูเสนีย์จนเต็มกล่อง จากนั้นจึงพากันกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม
“ครูครับ ครูจะเอาไปส่งเองบ่ครับ” มอสถาม
“กะบ่แหล่วน้อ ครูกะจะส่งเข้าจังหวัด เดี๋ยวจังหวัดเขาสิส่งเอง แล้วเขาสิเอาไปโปรยเทิงเครื่องบิน ปล่อยลงมาจากฟ้าพุ่นแหล่ว” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอพยักหน้าเข้าใจ สีหน้าและท่าทางต่างตื่นเต้นไปกับคำพูดของครู กิจกรรมพับนกถือเป็นอันเสร็จสิ้นไป แล้วก็กลับมาเรียนปกติ
ระหว่างนั้นทุกคนต่างหวังว่า นกของตัวเองคงจะไปตกที่บ้านของเพื่อน ๆ ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ใครสักคนคงได้อ่านที่พวกเธอเขียนข้อความเอาไว้ บอสนึกไปถึงนกที่โปรยลงมาจากเครื่องบิน แล้วไปตกที่บ้านของบางคน พอนึกแบบนั้นก็แอบยิ้มบางให้กับความคิดของตน
เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านบอสก็มิวายพูดถึงเรื่องพับนกให้พี่ ๆ ฟัง บอสถอนหายใจ กะว่าจะอวดว่าตนเองพับนกเป็นสักหน่อย ผลปรากฏว่าพี่ ๆ ต่างก็พับเป็นเหมือนกัน ทุกคนต่างก็ได้พับส่งคุณครูกันหมด จึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่อวดต่อ ทว่าก็ยังพอมีบุญ อย่างน้อยก็เหลือน้องบีมให้อวด เมื่ออวดพี่ ๆ ไม่ได้ บอสก็หันมาอวดน้องสาวแทน ไม่พอยังพับนกกระดาษโชว์ให้น้องบีมดูต่อหน้าต่อตาไปเลย
“เอื้อยบอสพับให้น้องบีมแนสี่โต” น้องบีมขอ พวกเธอนั่งพับนกกันที่แคร่หน้าบ้าน บอสยอมเสียสละสมุดนักเรียนของตนเอง ฉีกมาพับนกให้น้องบีมเล่น
“คือเอาหลายโตแถะ มันกะเปลืองหน้าสมุดเอื้อย” บอสค่อนขอดน้องสาวที่ได้คืบจะเอาศอก นึกเสียดายที่ตัวเองคิดผิด ไม่น่าอวดโชว์เลยว่าทำเป็น
“เอ๋า… กะพ่อแม่ลูกนั่นเด้ พ่อโตนึง แม่โตนึง ลูกสองโต” น้องบีมให้เหตุผล
“กะได้” บอสยอมทำให้ “น้องบีมทาสีมันกะได้เด้ เอื้อยพับแล้วน้องบีมเอาไปทาสีเอาเด้อ เอื้อยขี้คร้านเอื้อยบ่ทาให้ดิ๊ ตะพับให้กะพอแฮงล่ะ” บอสกล่าว น้องบีมพยักหน้าตกลง อย่างไรก็ได้นาทีนี้ขอเพียงได้ครอบครัวนกตามที่ต้องการ
บอสนั่งพับนกให้น้องสาวอย่างพิถีพิถัน นกที่เป็นตัวพ่อบอสก็ใช้กระดาษแผ่นใหญ่ขึ้น เพื่อพับออกมาแล้วจะได้นกตัวใหญ่ จากนั้นก็เป็นนกตัวแม่ ใช้กระดาษเล็กลงมานิดหน่อย และ สองตัวที่เป็นลูกนกบอสก็ใช้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ
“เอื้อยบอสเบิ่ง ฮ่า” น้องบีมชูนกตัวโตที่สุดให้เธอดู โดยระบายสีเขียวลงไป ระบายไม่ค่อยสวยนักตามประสา “งามบ่? ตัวพ่อมันน้องบีมเอาสีเขียวเด้อ ตัวแม่เอาสีเหลือง ตัวลูกเอาสี… สีอีหยังดี สีฟ้าเด้อเอื้อยบอส” น้องบีมพูดปนยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี บอสเองก็ตามใจน้องสาวเลย อยากทำอะไรก็ทำเพราะหมดหน้าที่แล้ว จากนั้นก็วิ่งไปบ้านลุงวิทย์ ไปเล่นกับสองฝาแฝด ปล่อยน้องบีมมีความสุขกับนกกระดาษไปคนเดียว
…………………………………..
ตอนค่ำหลังกินมื้อเย็นเสร็จก็จะเป็นเวลาว่างของทุกคน ต่างคนต่างเล่น ตากับยายก็ทำงานอดิเรกของตนเองไป ตามิพ้นนั่งเหลาตอกเอาไว้มัดกล้า ส่วนยายนั่งสานสวิงเอาไว้หาปลา สองตายายนั่งกันคนละมุมของบ้าน ส่วนหลาน ๆ อย่างพวกเธอหกคนต่างเล่นสนุกกัน
พี่ปาวพี่แป้งดูโทรทัศน์ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลขอยายไปเล่นที่บ้านยายอ้วน ไปเล่นกับพี่ทอม ซึ่งบ้านอยู่ติดกันยายจึงไม่ห้าม ส่วนเธอขอยายไปเล่นบ้านแม่น้อย ซึ่งบ้านอยู่ติดกันเหมือนกัน
บ้านแม่น้อยเป็นบ้านชั้นเดียวยังทำไมเสร็จ ทำเพียงมุงหลังคาเอาไว้ แล้วก่อเพียงห้องน้ำห้องนอนกับห้องครัวเอาไว้เท่านั้น ตัวบ้านยังไม่ก่ออิฐ และ นำแคร่มาวางไว้ให้แขกนั่ง ที่บ้านแม่น้อยก็มีเปลผูกเอาไว้ บางวันบอสก็ไปไกวเปลเล่นที่บ้านแม่น้อย ไปดูโทรทัศน์ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่บอสไปที่นั่น
มาถึงบอสต้องอารมณ์เสียนิด ๆ ที่บอสมาถึงแล้วเปลไม่ว่าง เพราะน้องอ้อนผู้เป็นลูกสาวนั่งอยู่ บอสจึงเดินมานั่งที่แคร่แทนแต่ก็ยังไม่อยากกลับ แม่น้อยเดินออกมานั่งเป็นเพื่อนด้วย เปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปด้วย ไม่นานพี่ปาวกับพี่แป้งก็ตามมา ไม่ได้มามือเปล่า พี่ ๆ ถือแผ่นหนังมาด้วย
“แม่น้อยบักแอ็ดไปไส?” พี่ปาวถามหาลูกชายเจ้าของบ้าน
“อยู่หนิล่ะ” พี่แอ็ดตอบ เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทันได้ตอบคำถามของพี่ปาว “เป็นหยัง ถามหากูเฮ็ดหยัง” พี่แอ็ดถาม จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อแต่งตัว
วันวาน 20
.
เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วโรงเรียน เป็นสัญญาณบอกให้นักเรียนทุกคนหยุดทำกิจกรรมทุกอย่าง และ เตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย บอสกับเพื่อนอีกสามคนหยุดกระโดดยางด้วยความเสียดาย ทำไมเวลาช่างเดินเร็วนัก
“ปะพิมพ์เก็บยาง” แพรวบอกกับน้องสาวเมื่อได้ยินเสียงระฆัง พวกเธอต่างปัดฝุ่นออกจากตัว จากนั้นก็สวมกระโปรงที่ถอดออกระหว่างกระโดดยางให้เรียบร้อย
“บอสอะเอายางไว้นำมืงแน” พิมพ์ยื่นหนังยางที่ถักเป็นเส้นยาวให้เธอ แล้วเธอก็รับเอาอย่างว่าง่ายก่อนจะยัดมันลงกระเป๋าเสื้อ “ปะเฮาเข้าห้อง”
“ปะ” จ๋อมพูด
พอพวกเธอจัดการตัวเองเรียบร้อย จึงพากันเดินเข้าห้องเพื่อเรียนในช่วงบ่าย ระหว่างที่รอคุณครูเข้ามาสอน พวกเธอต่างจับกลุ่มใครกลุ่มมันคุยกันจ้าละหวั่น ไม่นานครูเสนีย์ก็เข้ามาสอน
พอคุณครูมาถึงพวกเธอต่างเงียบกริบสลายตัวกลับโต๊ะของใครของมันโดยอัตโนมัติ วันนี้คุณครูไม่ได้ถือไม้เรียวและกองสมุดหนังสือมาสอนเหมือนทุกวัน แต่ครูถือกล่องที่ทำมาจากลังอะไรสักอย่างมาหนึ่งใบ พร้อมกระดาษเอสี่ในมือ พวกเธอมองด้วยสายตาสงสัย ว่าคุณครูนำมาทำไมกัน
“นักเรียนเคารพ” เสียงของตะวันหัวหน้าห้องกล่าวทำความเคารพคุณครู
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู” ตามด้วยเสียงของพวกเธอกล่าวประสานกันและยกมือไหว้
“ครูถือกล่องอิหยังมาครับ” ส้มโอคือตัวแทนของห้องในการถามคำถาม ซึ่งบอสและเพื่อนทุกคนต่างก็อยากรู้มากเหมือนกัน
“ห้องเรามีใครพับนกเป็นบ้าง?” ครูเสนีย์ไม่ตอบ แต่กลับตั้งคำถามกับพวกเธอแทน พวกเธอนั่งเงียบ หันมองหน้ากันและมองไปรอบ ๆ ห้อง ว่ามีเพื่อนคนไหนพับนกเป็นบ้าง ท่ามกลางความสงสัยของทุกคนด้วย ว่าครูเสนีย์จะให้พับนกไปทำไม
“ครูสิพับนกไปเฮ็ดหยังค่า” สุดท้ายแคร์ก็ยกมือถาม ก่อนหน้านั้นบอสว่าจะยกมือถามทว่าไม่กล้า พอแคร์ถามพวกเธอก็เริ่มเสียงดัง ฮือฮาเดากันไปต่าง ๆ นานา อีกอย่างเพราะรู้เป็นนัย ๆ ว่าชั่วโมงนี้คงจะไม่ได้เรียนกันแน่นอน
“เราจะช่วยกันพับนก 62 ล้านตัวส่งใจดับไฟใต้กัน ส่งไปภาคใต้” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ครูพูดอยู่ดี “ใครพับเป็นช่วยครูสอนเพื่อน ๆ ด้วย”
“เป็นหยังคือต้องพับส่งไปค่า” บอสถาม สงสัยอยู่ในที ภาคใต้เป็นอะไรทำไมต้องพับนกกระดาษส่งไปให้ด้วย
“แมนยูค่า เป็นหยังครูคือให้พับส่งไป” แพรวยกมือถาม คราวนี้ทุกคนมีแต่คำถามที่อยากถาม เพราะไม่มีใครทราบว่าภาคใต้เกิดอะไรขึ้นจริง ๆ
“หกสิบสองล้านตัว ป้าด!!! ครูมันคือสิครบครับ” เบลถามอีกคน
“แมนยู หนูพับบ่เป็น” จอยพูด ตอนนี้ทั้งห้องเสียงดังมาก
“ครูค่าภาคใต้ทุกจังหวัดเลยบ่ค่า” หมิวยกมือถาม ต่างคนต่างจะยกมือถามครูเสนีย์ถึงเรื่องพับนกกันใหญ่ จนครูต้องห้ามไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ทำกันแน่ ๆ
“เอาล่ะ ๆ ครูจะเล่าให้ฟัง” ครูเสนีย์พูดกับพวกเธออย่างใจเย็น ใบหน้าปนไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา “พวกเราถือว่าโชคดีกว่าพวกเขานะ คนภาคใต้ เอ่อสามจังหวัดชายแดนใต้น่ะ ยะลา ปัตตานี และก็นราธิวาส เขาเรียกสามจังหวัดนี้ว่าชายแดนใต้ ซึ่งอยู่ติดกับประเทศมาเลเซีย”
“ล่ะเป็นหยังครับ?” แท็กมิวายถามต่อ
“ก็สามจังหวัดชายใต้เขาไม่ค่อยสงบเหมือนบ้านเรา พวกเธอโชคดีนะที่ได้เกิดเป็นคนภาคอีสาน บ้านเราสงบกว่าบ้านเขาเยอะ บ้านเขายิงกันสนั่นหวั่นไหว วางระเบิดตามถนน มีทหารตำรวจตายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน พระเดินบิณฑบาตก็ต้องมีทหารคอยคุ้มกัน”
“หูย!!!” พวกเธออุทานอย่างคนเห็นใจ สีหน้าของแต่ละคนบ่งบอกถึงความเห็นอกเห็นใจคนสามจังหวัดชายแดนใต้มาก ๆ
“พวกเราโชคดีกว่าเขา พวกเราช่วยอะไรเขาไม่ได้ แต่พวกเราสามารถส่งกำลังใจให้พวกเขาได้ โดยการพับนกส่งเป็นกำลังใจไปให้” ครูเสนีย์อธิบาย
“ครูครับพับคนละจักโตครับ” เอี้ยงยกมือถามจากทางด้านหลังห้อง ทำให้พวกเธอหันไปมองตาม
“คนละกี่ตัวก็ได้ ให้เต็มกล่องที่ครูนำมานี่ก็พอ อ่อ… ใครอยากเขียนอะไรให้กำลังใจเพื่อน ๆ ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ก็เขียนไปนะ เขาได้นกของเรา เขาจะได้อ่าน”
“ค่า/ครับ” พวกเธอรับคำ
“เอ้อเกือบลืมไปเลย มีใครพับนกเป็นบ้าง” ครูเสนีย์ถามอีกรอบ ทั้งห้องมีคนพับเป็นอยู่สองคน คือ เจนและเอ้ “แบ่งกลุ่มกัน ใครจะไปหัดพับกับเพื่อนก็ไป ใครจะมาหัดกับครูก็มา ลุกไปหาเพื่อน ๆ เลย มารับกระดาษกับครูครับ” พอครูพูดจบ เธอ สองฝาแฝด และจ๋อมเลือกที่จะไปหัดพับนกกับเอ้ ก่อนจะไปหาเอ้พวกเธอก็ไม่ลืมเดินไปหยิบกระดาษมาคนละสองแผ่น
ชั่วโมงนี้ไม่ได้เรียนหนังสือเลย ทั้งห้องต่างช่วยกันพับนกให้ครูเสนีย์ บ้างก็ไปหัดกับคุณครู บ้างก็มาหัดพับกับเพื่อน ๆ บอสนั่งมองเอ้พับอย่างตั้งใจมาก แต่ก็พับไม่เป็นสักที เพื่อนบางคนก็เรียนรู้เร็วโดยเฉพาะจ๋อม เอ้สอนเพียงสองรอบก็จำได้และพับเป็น
“บอส แฝดมาผิกูพับเป็นแล้ว เดี๋ยวกูสอน” จ๋อมสะกิดพวกเธอทั้งสามคนให้แยกตัวออกมาจากกลุ่ม ตนเองจะอาสาสอนเอง
“จ๋อมมืงคือพับเป็นเร็วแถะ กูต้องพับไปจังใดมาจังใดหนิ” พิมพ์ถามหลังจากที่พวกเธอแยกตัวกันออกมาแล้ว นอกจากจ๋อมจะพับนกเป็นก่อนใคร ๆ ยังพับสวยอีกด้วย
“แมนยูอี่จ๋อม เอ๋ากูมาฮอดขั้นตอนนี่แล้วกูต้องพับไปแบบใดอีก” บอสถาม ชูกระดาษให้จ๋อมดูด้วย เธอพับมาได้ครึ่งทางแล้ว ใกล้จะเป็นตัวนกเข้าทุกที
“เอ้อพับมาแบบนี้ถืกแล้ว บาดหนิกะพับไปแบบหนิ เห็นบ่เป็นนกล่ะ” จ๋อมไม่เพียงสอนเฉย ๆ หยิบนกของเธอไปพับต่อให้ดูเลย เป็นอันว่านกตัวนี้ของเธอสำเร็จ เป็นนกตัวแรก จากนั้นเธอก็นำไปหย่อนลงกล่องกับครูเสนีย์
“บอสมืงคือพับโตใหญ่แถะ นี่เอาโตซำกูกะพอ” แพรวชูนกให้ดู “นี่ตัดกระดาษแผ่นซำหนิ”
“เอ้อสู! เฮาลืมเขียนชื่อลง” จ๋อมพูดขึ้นมาเมื่อนึกได้
“เออ ๆ โตต่อไปกะแล้วกัน” พิมพ์พูด จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจพับนกตัวต่อไปอีก โดยที่ไม่ลืมเขียนข้อความใส่ลงไปด้วย
‘เราชื่อบอสนะ ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ บอสเขียนข้อความลงในกระดาษก่อนจะพับ
“บอสมืงเขียนว่าหยัง ไสเบิ่งแน” แพรวขอดูข้อความของเธอที่เขียน “เขียนคืออี่บอสดีกว่า”
“ไสบอสมืงเขียนว่าหยัง” จ๋อมกับพิมพ์ขอดูบ้าง บอสก็ให้ดู แล้วทั้งสามคนก็เขียนเหมือนอย่างเธอ
‘จ๋อม/พิมพ์/แพรว ขอให้พวกเธอปลอดภัย’ ทั้งสามคนลอกข้อความของเธอมาหมด เปลี่ยนเพียงชื่อก็เท่านั้น
พวกเธอนั่งพับกันไปหลายตัว ระหว่างนั้นก็มีมด เตย แพท นิน ขอมานั่งพับด้วย พวกเธอก็ให้การต้อนรับอย่างดี โดยการขยับที่ให้เพื่อน ๆ เข้ามานั่ง
“เปลี่ยนคำเว้าแนสู เอาคำใหม่แน” จ๋อมเสนอ เพราะประโยคนั้นเขียนมาหลายตัวแล้ว
“เอาคำว่าหยังล่ะ?” แพทถาม พวกเธอต่างช่วยกันคิดว่าจะเขียนส่งกำลังใจว่าอย่างไรดี
“กูว่าพวกเฮาเขียนจังหวัดบ่ว่า มาจากไส” แพรวเสนอความคิดเห็น พวกเธอต่างก็เห็นด้วย จากนั้นก็เขียนชื่อจังหวัดลงไปในกระดาษ แล้วก็พับเป็นตัวนก พวกเธอทั้งห้องช่วยกันพับนกกระดาษให้ครูเสนีย์จนเต็มกล่อง จากนั้นจึงพากันกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม
“ครูครับ ครูจะเอาไปส่งเองบ่ครับ” มอสถาม
“กะบ่แหล่วน้อ ครูกะจะส่งเข้าจังหวัด เดี๋ยวจังหวัดเขาสิส่งเอง แล้วเขาสิเอาไปโปรยเทิงเครื่องบิน ปล่อยลงมาจากฟ้าพุ่นแหล่ว” ครูเสนีย์ตอบ พวกเธอพยักหน้าเข้าใจ สีหน้าและท่าทางต่างตื่นเต้นไปกับคำพูดของครู กิจกรรมพับนกถือเป็นอันเสร็จสิ้นไป แล้วก็กลับมาเรียนปกติ
ระหว่างนั้นทุกคนต่างหวังว่า นกของตัวเองคงจะไปตกที่บ้านของเพื่อน ๆ ในสามจังหวัดชายแดนใต้ ใครสักคนคงได้อ่านที่พวกเธอเขียนข้อความเอาไว้ บอสนึกไปถึงนกที่โปรยลงมาจากเครื่องบิน แล้วไปตกที่บ้านของบางคน พอนึกแบบนั้นก็แอบยิ้มบางให้กับความคิดของตน
เลิกเรียนกลับมาถึงบ้านบอสก็มิวายพูดถึงเรื่องพับนกให้พี่ ๆ ฟัง บอสถอนหายใจ กะว่าจะอวดว่าตนเองพับนกเป็นสักหน่อย ผลปรากฏว่าพี่ ๆ ต่างก็พับเป็นเหมือนกัน ทุกคนต่างก็ได้พับส่งคุณครูกันหมด จึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่อวดต่อ ทว่าก็ยังพอมีบุญ อย่างน้อยก็เหลือน้องบีมให้อวด เมื่ออวดพี่ ๆ ไม่ได้ บอสก็หันมาอวดน้องสาวแทน ไม่พอยังพับนกกระดาษโชว์ให้น้องบีมดูต่อหน้าต่อตาไปเลย
“เอื้อยบอสพับให้น้องบีมแนสี่โต” น้องบีมขอ พวกเธอนั่งพับนกกันที่แคร่หน้าบ้าน บอสยอมเสียสละสมุดนักเรียนของตนเอง ฉีกมาพับนกให้น้องบีมเล่น
“คือเอาหลายโตแถะ มันกะเปลืองหน้าสมุดเอื้อย” บอสค่อนขอดน้องสาวที่ได้คืบจะเอาศอก นึกเสียดายที่ตัวเองคิดผิด ไม่น่าอวดโชว์เลยว่าทำเป็น
“เอ๋า… กะพ่อแม่ลูกนั่นเด้ พ่อโตนึง แม่โตนึง ลูกสองโต” น้องบีมให้เหตุผล
“กะได้” บอสยอมทำให้ “น้องบีมทาสีมันกะได้เด้ เอื้อยพับแล้วน้องบีมเอาไปทาสีเอาเด้อ เอื้อยขี้คร้านเอื้อยบ่ทาให้ดิ๊ ตะพับให้กะพอแฮงล่ะ” บอสกล่าว น้องบีมพยักหน้าตกลง อย่างไรก็ได้นาทีนี้ขอเพียงได้ครอบครัวนกตามที่ต้องการ
บอสนั่งพับนกให้น้องสาวอย่างพิถีพิถัน นกที่เป็นตัวพ่อบอสก็ใช้กระดาษแผ่นใหญ่ขึ้น เพื่อพับออกมาแล้วจะได้นกตัวใหญ่ จากนั้นก็เป็นนกตัวแม่ ใช้กระดาษเล็กลงมานิดหน่อย และ สองตัวที่เป็นลูกนกบอสก็ใช้กระดาษแผ่นเล็ก ๆ
“เอื้อยบอสเบิ่ง ฮ่า” น้องบีมชูนกตัวโตที่สุดให้เธอดู โดยระบายสีเขียวลงไป ระบายไม่ค่อยสวยนักตามประสา “งามบ่? ตัวพ่อมันน้องบีมเอาสีเขียวเด้อ ตัวแม่เอาสีเหลือง ตัวลูกเอาสี… สีอีหยังดี สีฟ้าเด้อเอื้อยบอส” น้องบีมพูดปนยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี บอสเองก็ตามใจน้องสาวเลย อยากทำอะไรก็ทำเพราะหมดหน้าที่แล้ว จากนั้นก็วิ่งไปบ้านลุงวิทย์ ไปเล่นกับสองฝาแฝด ปล่อยน้องบีมมีความสุขกับนกกระดาษไปคนเดียว
…………………………………..
ตอนค่ำหลังกินมื้อเย็นเสร็จก็จะเป็นเวลาว่างของทุกคน ต่างคนต่างเล่น ตากับยายก็ทำงานอดิเรกของตนเองไป ตามิพ้นนั่งเหลาตอกเอาไว้มัดกล้า ส่วนยายนั่งสานสวิงเอาไว้หาปลา สองตายายนั่งกันคนละมุมของบ้าน ส่วนหลาน ๆ อย่างพวกเธอหกคนต่างเล่นสนุกกัน
พี่ปาวพี่แป้งดูโทรทัศน์ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลขอยายไปเล่นที่บ้านยายอ้วน ไปเล่นกับพี่ทอม ซึ่งบ้านอยู่ติดกันยายจึงไม่ห้าม ส่วนเธอขอยายไปเล่นบ้านแม่น้อย ซึ่งบ้านอยู่ติดกันเหมือนกัน
บ้านแม่น้อยเป็นบ้านชั้นเดียวยังทำไมเสร็จ ทำเพียงมุงหลังคาเอาไว้ แล้วก่อเพียงห้องน้ำห้องนอนกับห้องครัวเอาไว้เท่านั้น ตัวบ้านยังไม่ก่ออิฐ และ นำแคร่มาวางไว้ให้แขกนั่ง ที่บ้านแม่น้อยก็มีเปลผูกเอาไว้ บางวันบอสก็ไปไกวเปลเล่นที่บ้านแม่น้อย ไปดูโทรทัศน์ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่บอสไปที่นั่น
มาถึงบอสต้องอารมณ์เสียนิด ๆ ที่บอสมาถึงแล้วเปลไม่ว่าง เพราะน้องอ้อนผู้เป็นลูกสาวนั่งอยู่ บอสจึงเดินมานั่งที่แคร่แทนแต่ก็ยังไม่อยากกลับ แม่น้อยเดินออกมานั่งเป็นเพื่อนด้วย เปิดโทรทัศน์ดูข่าวไปด้วย ไม่นานพี่ปาวกับพี่แป้งก็ตามมา ไม่ได้มามือเปล่า พี่ ๆ ถือแผ่นหนังมาด้วย
“แม่น้อยบักแอ็ดไปไส?” พี่ปาวถามหาลูกชายเจ้าของบ้าน
“อยู่หนิล่ะ” พี่แอ็ดตอบ เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทันได้ตอบคำถามของพี่ปาว “เป็นหยัง ถามหากูเฮ็ดหยัง” พี่แอ็ดถาม จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านเพื่อแต่งตัว