(นิยาย ผี/วิญญาณ) โรงเรียนผีสิง... กับความจริงที่ถูกลืม

หลังจากที่ทะเลาะและเลิกกับแฟนแล้ว หมวยจึงเก็บข้าวของย้ายออกจากคอนโดหรูกลางกรุงที่เธออาศัยอยู่กับแฟนของเธอมาพัอาศัยอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งใกล้กับโรงเรียนมัธยมที่เธอเป็นครูฝึกสอนอยู่  
                  หมวยเป็นนักศึกษาคณะครุศาสตร์ปีสามในมหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพฯ มีเพื่อนเป็นดาวของมหาวิทยาลัยและมีรูปร่างหน้าตาสวยไม่แพ้กับเพื่อนของเธอ แต่ด้วยกระแสค่านิยมของหนุ่มสาวในปัจจุบันที่นิยมชมชอบคนลุ๊คลูกครึ่งฝรั่งอย่างที่ดาวมหาวิทยาลัยเพื่อนของหมวยเป็นอยู่ จึงทำให้หมวยซึ่งมีเชื้อสายจีนสวยแบบเอเชี่ยนลุ๊คตกเป็นรองไป แต่กระนั้น หมวยก็ยังถูกห้อมล้อมไปด้วยหนุ่มๆ โดยเฉพาะนักเรียนวัยรุ่นชายในโรงเรียนที่เธอกำลังฝึกสอนอยู่ ที่มักทะเลาะต่อยตีกันเพราะมีหมวยเป็นต้นเหตุ
                    
*************


             โรงอาหารของโรงเรียน...

" เฮ้อ... ฉันล่ะปวดหัวกับเด็กพวกนั้นจริงๆ"  หมวยบ่นระบายความอึดอัดกับเพื่อนดาวมหาวิทยาลัยชื่อ
           ดาริน
"แหมเธอ... ก็เด็กที่นี่เค้านิยมเอเชี่ยนลุ๊ดแบบเธอนี่ยะ ไม่เหมือนพวกที่อยู่ในมหา'ลัย  ตอนนี้ฉันเลยตก
เป็นรองเธอไปเลย"
  ว่าแล้วก็กินแซนวิชทูน่าเข้าไปอีกคำหนึ่ง
"นี่ยายดาริน ฉันไม่ได้มีความอยากแข่งเรื่องรูปร่างหน้าตาอะไรกับใครเลยนะยะ ฉันน่ะ....."
"หวัดดีครับครูหมวย !"

                 กลุ่มนักเรียนชายสี่เกลอ นักเรียนนักเลงประจำโรงเรียน มือถือสมุดกันคนละเล่ม กล่าวทักทายหมวยขณะที่เธอกำลังจะกินผัดซีอิ๊วคำต่อไป

"พวกเธอนี่เอง มีอะไรเหรอจ๊ะ ? ไม่เข้าใจแบบฝึกหัดอะไรตรงไหนรึเปล่า ? "  และเอากระดาษทิชชู่เช็ดปาก

                หมวยมีอุปนิสัยที่เหมาะสมกับการเป็นครูตรงที่เธอเป็นคนที่มีเมตตาต่อเด็กนักเรียนทุกคน มีความอดทนอดกลั้นต่อพวกเขา แม้จะกลั้นไม่ไหวในบางครั้งเพราะความแก่นแก้วของเหล่าเด็กวัยคะนอง แต่เธอก็เข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติของวัยรุ่น เธอจึงไม่ถือสาหาความกับนักเรียนที่ไม่รู้จักกาลเทศะว่าเธอกำลังกินมื้อกลางวันอยู่

"แฮ่ะๆ พวกผมเอาการบ้านมาส่งน่ะครับ ห้องสังคมมันปิดล๊อคไว้  พวกผมเลยเอามาส่งให้โดยตรงเลย
ดีกว่า"
  หัวโจกในกลุ่มกล่าวพร้อมกับเอามือซ้ายลูบหลังหัวด้วยความขวยเขิน พลางสั่งลิ่วล้อของเขาให้
           เอาสมุดการบ้านส่งให้หมวยรวมทั้งของเขาเอง
"เหรอ !?... ทำไมทำเสร็จไวกันจัง  แน่ใจนะว่าทำถูกน่ะ ?"
"ก็... แฮ่ะๆๆ "  วิชาของหมวยเป็นวิชาเดียวเท่านั้นที่ตัวแสบทั้งสี่นี้เกิดมีความขยันเป็นเด็กเรียนขึ้นมา
           กระทันหัน ซึ่งหมวยก็รู้อยู่ว่าเพราะอะไรเมื่อดูจากความเยิ้มในดวงตาพวกเขา
"ไหน ขอดูหน่อยว่าทำถูกกันรึเปล่า ...ถึงส่งไว  แต่ถ้าทำผิด ก็ไม่มีประโยชน์นะ"

                 หมวยแก้และสอนการบ้านที่กลุ่มเด็กแสบโรงเรียนกลุ่มนี้ทำกันมั่วผิดไปหมด  จนลืมผัดซีอิ๊วมื้อกลางวันของเธอไปเสียสนิท ในขณะที่ดารินกำลังเพลิดเพลินกับการมองดูหน้าตาของหัวโจกในกลุ่มเด็กแสบนี้ด้วยความสนใจ
                 เมื่อโรงเรียนเลิกแล้ว  หมวยกับดารินก็เตรียมตัวกลับที่พักของตน ทั้งสองไม่ได้พักอยู่ด้วยกัน ดารินพักอยู่กับแฟนของเธอในหอพักหรูที่มีราคาค่าพักแพง  ส่วนหมวยต้องพักอยู่คนเดียวในหอพักธรรมดาๆ  

                ห้องพักครูหมวดวิชาสังคมศาสตร์... ประมาณหกโมงครึ่ง

"นี่หมวย.. ถามอะไรหน่อยสิ"
"อะไรเหรอ ?"
"น้องนักเรียนของเธอที่เป็นคนทักเธอตอนกลางวันน่ะ ชื่ออะไรเหรอ ?"
"ชื่อ อับดุลเลาะห์... ทำไมเหรอ ?"
"อุ๊ย... เป็นแขกนี่เอง มิน่าล่ะ หน้าตาค้มคม คิ้วก็เข้ม  แต่ผิวขาวมาก สงสัยเป็นแขกขาว"
"อะไรของหล่อนเนี่ย ? .. หน้าแดงตาเยิ้มเชียว  สนใจน้องเค้าล่ะสิ  คิดจะงาบเด็กรึไง  
เธอมีแฟนแล้วนะยะ"
"แหมเธอออ... นิดหน่อยเอง  ของแบบนี้ใครจะอดใจไหวล่ะ ?... น้องเค้า...."

                 เพล้ง !!!!

"ว๊าย !!!"

                 จู่ๆแจกันเซรามิคลายไทยใบใหญ่ที่ตั้งประดับไว้ในห้อง ก็เอียงตกลงพื้นแตกละเอียดเสียงดัง ทำเอาหมวยกับดารินและพวกครูสอนวิชาสังคมฯที่ยังอยู่ในห้องสะดุ้งโหยง คนทั้งห้องเงียบกริบ จ้องไปที่เศษแจกัน แล้วก็มองหน้ากัน
  
"เอาแล้วไง...ไกล้จะทุ่มนึงแล้วด้วย..." หนึ่งในพวกครูสังคมฯอุทานออกมาเบาๆ เสียงสั่น

                  แล้วทั้งสองนักศึกษาสาวก็เห็นพวกครูทั้งหลายต่างกุลีกุจอรีบเก็บของของตน แล้วก็รีบออกไปจากห้อง โดยที่ไม่มีใครสนใจจะเก็บกวาดเศษแจกันเลยแม้แต่คนเดียว

"หมวย.. ดาริน...พวกหนูกลับกันได้แล้วจ้ะลูก เศษแจกันวันนี้ช่างมันก่อน ไว้ค่อยให้ภารโรงจัดการ
ทีหลังตอนเช้าพรุ่งนี้...ตอนนี้ให้รีบกลับกันไปก่อนเลย"


                 ว่าแล้ว ครูหัวหน้าหมวดสังคมฯร่างผอมวัยกลางคนสวมแว่นสายตา ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้องโดยไม่หันมามองที่ห้องอีก ปล่อยให้ทั้งสองสาวให้ยืนงงและมองหน้ากัน เพราะทั้งคู่เพิ่งจะเห็นอาการนี้ของพวกครูสังคมฯทั้งหลายเป็นครั้งแรก

"...อะไรอ่ะ ?"
"ไม่รู้สิเธอ..."


                 รู้สึกเหมือนกับมีใครจ้องมองทั้งๆที่ในห้องไม่มีใครอยู่เลย และเริ่มรู้สึกขนลุกแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หมวยและดารินก็ล้มเลิกความพยายามที่จะแสดงน้ำใจเก็บกวาดเศษแจกันแทนภารโรง และรีบเก็บของออกจากห้อง ปิดประตูล็อค แล้วก็รีบเดินลงบันไดอาคารไป จนมาถึงหน้าประตูหน้าโรงเรียน

"หมวย... ธ... เธอ..เธอรู้สึกรึเปล่า ?"
"รู้สิ... พวกเราถึงรีบออกมากันไง..."

"...ล....เหลืออีกกี่เดือนพวกเราถึงจะฝึกสอนเสร็จ ?"  ดารินเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังเจอกับสถานการณ์
           อะไรอยู่  สีหน้าของดารินตอนนี้ไม่เหลือเค้าของความสนใจในเด็กหนุ่มมุสลิมคนนั้นเลยแม้แต่นิด
"นี่.. ดาริน เธออย่าเพิ่งขวัญเสียไปเลย อาจจะเป็นแค่วันนี้วันเดียวก็ได้  เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่บ่อย
หรอก  เราจะมาย้ายไปฝึกสอนที่อื่นก็ไม่ได้ด้วย"
หมวยเองก็รู้เต็มอกอยู่ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร เพราะ
           สิ่งที่เกิดขึ้น มันค่อนข้างชัดเจน    
"ฉันอยากดร็อป... " ดารินเริ่มทำหน้าเหมือนจะร้องให้ นอกจากเธอจะเป็นผู้หญิงที่เจ้าชู้แล้ว เธอก็ยัง
           เป็นผู้หญิงที่ขวัญอ่อนและขี้กลัวอีกด้วย
"หล่อนอย่าเพิ่งคิดสั้นแบบนั้นสิ ! ทำใจให้เข้มแข็งไว้ เราอาจจะแค่รู้สึกกันไปเองก็ได้... อีกอย่าง
พวกเราใกล้จะเรียนจบกันแล้วนะ"


                 ถึงหมวยจะพูดแบบนั้น เธอเองก็กำลังอกสั่นขวัญแขวนกับเหตุการณ์ชวนคิดมากที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้ ในที่สุดหมวยและดารินก็แยกย้ายกลับที่พักของตน
                 เมื่อสองนักศึกษาสาวไปแล้ว... ประตูหน้าโรงเรียนก็เลื่อนปิดเองของมันโดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยแม้แต่คนเดียว หลอดไฟในเสาไฟหน้าโรงเรียนทั้งหมดดับลงเอง ทำให้บริเวณหน้าโรงเรียนมืดไปหมด  มีเพียงแสงสลัวๆจากหลอดไฟในโรงเรียนบางหลอดเท่านั้น บางหลอดก็เริ่มเกิดอาการติดๆดับๆ จากนั้นสุนัขที่อยู่บริเวณรอบโรงเรียนก็เริ่มเห่าหอน  และดังขึ้นตามลำดับ !

                 หมวยมาถึงห้องของเธอพร้อมกับข้าวมื้อเย็น อาบน้ำกินข้าว แล้วจึงเริ่มนั่งตรวจแบบฝึกหัดของนักเรียนที่ส่งช้าจนเสร็จในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ออกไปยืนเกาะที่ระเบียงหลังห้อง มองดูความเป็นไปของเมืองกรุงยามราตรี และครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสังคมฯเมื่อตอนเย็น

"คงมีหนูหรือตุ๊กแกวิ่งผ่านแจกันน่ะแหละ ดูจากตำแหน่งการตั้งแจกันแล้ว ก็ตั้งไว้หมิ่นเหม่มาก
บางทีเรายังหวั่นๆเลย ว่าจะเผลอไปชนมันหล่นแตก"


                หมวยพยายามคิดบวกแต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่เหมือนมีคนมาจ้องมองและความขนลุกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน รวมถึงกริยาอาการของพวกครูสังคมฯด้วย  เธอจึงเปลี่ยนมาคิดถึงความสำเร็จในชีวิตการศึกษาของตนแทน ซึ่งทำให้เธอค่อยเบาใจและมีกำลังใจขึ้นมาว่าเธอต้องไม่ปล่อยให้อะไรก็ตามมาทำลายความสำเร็จอันนั้นของเธอ

**********


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่