ได้ชื่อเรื่องแล้วค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ….
*************************************
นิทานเรื่อง โรงเรียนเล็กกลางป่าใหญ่ ตอน ต้อนรับวันเปิดเทอมกับนักเรียนแสนซน
โรงเรียนสัตว์กินพืชวิทยาก่อตั้งโดยครูใหญ่สุดสวยเธอมีหางที่ยาวสลวย ขนของเธอดำขลับมันเปล่งปลั่งดูดีมีน้ำมีนวล ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใสแลมีแต่ความเมตตาปรานีให้แก่เด็กนักเรียนตัวน้อยที่เข้ามาศึกษาในโรงเรียนของเธอ เธอจะมีรอยยิ้มที่น่ารักปรากฏบนใบหน้าของเธอเสมอ
เธอ..คือครูใหญ่ม้านามว่าวิลัลดา ม้าสายพันธุ์อาหรับ สายพันธุ์อาชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เธอมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณคาบสมุทรอาหรับ พื้นที่ที่มีทัศนียภาพเป็นเพียงผืนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูตา และเวิ้งของมหาสมุทรอันว่างเปล่าที่ถูกแผดเผาใต้แสงตะวันตลอดเวลา ทำให้ม้าอาหรับมีขนที่สั้นสีเข้มเป็นเงาเพื่อปกป้องตนเองจากความร้อนของแสงอาทิตย์
เธอมีท่วงท่าเดินที่สง่าผ่าเผยสมกับเป็นอาชาแห่งนักรับ แต่มิได้ดุดันเยี่ยงบุรุษ เธอยังมีความงดงามอ่อนช้อยแบบสไตล์ผู้หญิงเก่งที่มีความมั่นใจในตนเองและมีความสุขเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจในความสุขของธรรมชาติที่เธอค้นพบ มันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเธอ ที่เข้าใจในสรรพสิ่งอย่าท่องแท้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เธอยิ้มรับกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะนี้คือสัจธรรมแห่งชีวิตมิได้ดำรงอยู่อย่างแน่นอน ของทุกสิ่งบนโลกเป็นอนิจจัง ตัวเราไม่ใช่ของเรา เมื่อเธอเข้าใจสิ่งนี้ เธอจึงมีความสุขแบบที่ใครมิอาจเข้าใจเธอได้
“สวัสดีจ๊ะ”ครูใหญ่วิลัลดา กล่าวทักทายนักเรียนที่เริ่มทยอยเดินเข้ามาในโรงเรียน สำหรับการเปิดเทอมวันแรกออกจะวุ่นวายไปหน่อยกับเด็กเรียนน้องใหม่ที่ร้องไห้กระจองอแงเกาะแข่งเกาะขาพ่อแม่ไม่ยอมเดินเข้าโรงเรียน
กระต่ายน้อยขนสีขาวปุปุยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยกมือไหว้ครูใหญ่อย่างสวยงาม ตามด้วยลูกช้างตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเดินตามหลังกระต่ายน้อย ถัดมาติดๆด้วยลูกยีราฟคอยาวแสนสวย ลายรอบตัวสีเหลืองดำเด่นสง่าสวยงามจนใครๆก็ต่างหันมามองมันเป็นตาเดียว
เจ้าลิงน้อยกระโดดห้อยโหนกิ่งไม้พุ่งทะยานมาด้วยความเร็วแบบสุดที่จะห้ามได้ พ่อแม่ของมันวิ่งตามาแบบติดๆแต่ก็ช้ากว่าลูกชายตัวซน
พ่อกับแม่เจ้าลิงน้อยตะโกนตามหลังลูกชาย
“อย่าซนนะลูก อย่าซนลูกเอ๋ย” แม่ของลิงน้อยตะโกนตามหลังน้ำเสียงหอบแห้งและเหนื่อยอ่อนกับการวิ่งตามลูกชายตัวซน
เจ้าลิงน้อยห้อยโหนเกาะเกี่ยวกิ่งไม้แล้วกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังเจ้ายีราฟ ยีราฟร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พลางกระโดดยองๆไปมา หน้าตามันแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องตกใจไปเจ้ายีราฟ เราชื่อจอจี้ แล้วเธอล่ะชื่ออะไรเป็นเพื่อนกันนะ” เจ้าลิงน้อยนามจอจี้ทักทายเพื่อนใหม่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ยีราฟน้อยก็ตอบกลับด้วยใบหน้าเริ่มผ่อนคลายลง แต่ยังหวั่นๆกับเจ้าลิงที่อยู่บนหลัง
“เราชื่อมิลาน” ยีราฟน้อยตอบเสียงแผ่วเบา
เจ้าลิงจอจี้เลื่อนจากหลังลงมาเกาะห้อยโยนที่คอมิลานแทน
“นี่นายลงไปจากตัวฉันได้มั้ย ฉันไม่ชอบให้ผู้ชายมาโดนตัวลงไปเลยนะ” มิลานขึ้นเสียงเจ้าลิงจอมซนที่มาคลอเคลียอยู่รอบคอเธอ
“ขอเกาะหน่อยน่าก็เธอมันสูง ฉันชอบอยู่ที่สูงๆนะ เกาะแค่นี่อย่าทำบ่นหน่อยเลย” เจ้าลิงจอจี้ต่อรอง
“นี่ลงมาเลยนะ เจ้าลิงจอมซน มิลานไม่ชอบให้นายมาเกาะ นายก็ต้องรีบลงมาเดี๋ยวนี้และขอโทษมิลานด้วย” กระต่ายน้อยขนสีขาวปุปุยเดินมาต่อว่าเจ้าลิงจอจี้ เธอมีใบหน้าที่จริงจังและดุเอาการแม้จะตัวเล็กนิดเดียว
เจ้าลิงน้อยรีบกระโดดพลิกตัวตีลังกาสองตลบก่อนตัวจะตกถึงพื้น แล้วมายืนอยู่ต่อหน้ากระต่ายน้อย มันเกาหลังตัวเองสองที สามที สี่ที เออ ห้าทีเลยแล้วกัน แถมด้วยเกาขาอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น
“อะแฮ่ม เอ่อ ว่าไงจ๊ะแม่กระต่ายน้อยแสนสวย”มันแสร้งทำเสียงเข้มเพื่อสร้างความประทับใจให้กับสาวในวันแรกพบ
“ฉันชื่อจอจี้ ว่าแต่เธอล่ะชื่ออะไรเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” จอจี้ยังพูดต่อเมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ
“ฉันชื่อแพนนี และไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายด้วย… เราเข้าไปในโรงเรียนกันเถอะมิลาน” กระต่ายน้อยแพนนี่ตอบกลับจอจี้แบบไม่สนใจก่อนจะหันมาชวนเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
แพนนี่กับมิลานเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมกันโดยไม่สนใจ จอจี้ที่ยืนดูตาละห้อยมาสาวน้อยแสนสวย เดินจากไปโดยไม่ใยดี
“อย่าไปสนใจไอ้พวกผู้หญิงเลย ผู้หญิงน่าเบื่อ เอาแต่ใจตัวเองเรื่องมาก พูดเยอะ โอ๊ย น่ารำคาญนะฉันบอกนายเลย โดยเฉพาะยัยแพนนี อย่าเข้าใกล้เชียวล่ะ ยัยนี่ถ้าได้มีเรื่องกับใครแล้วกัดไม่ปล่อย ฉันบอกนายไว้ก่อนเลยนะ”
ช้างน้อยที่ยืนดูอยู่เดินมาหาเจ้าลิงจอจี้ แล้วพูดกับมันด้วยความหวังดี ก่อนจะใช้งวงตีหัวเจ้าลิงน้อยๆเบาๆเป็นการทักทาย
“นายชื่ออะไรเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” จอจี้ทักทายเพื่อนใหม่
“เราชื่อโตโต นายชื่อจอจี้ใช่ป่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” โตโตใช้งวงตีเบาๆที่หัวจอจี้อีกที
“ใช่ๆเราชื่อจอจี้ ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ขอเราขี่หลังนายได้ป่ะ เราชอบอยู่ที่สูงๆนะ” เจ้าลิงจอจี้เงยหน้าคุยกับเพื่อนตัวโต
“ได้ๆขึ้นมาเลย” โตโตตอบรับเพื่อน จอจี้รีบเกาะพันขาเพื่อนตัวโตแล้วขึ้นไปนิ่งบนหลังมันด้วยอารมณ์เริงร่าเป็นที่สุด
“อ้าว เธอสองตัวไปๆ รีบเข้าไปในโรงเรียนได้แล้ว ช้าๆเดี๋ยวไม่ทันเพื่อนคนอื่น” ครูใหญ่ลิลัลดา หันมากวักมือเรียกนักเรียนสองหนุ่มที่เดินเชื่องช้า กว่าจะเข้าไปในโรงเรียน
“สวัสดีจ๊ะ จอจี้กับโตโตใช่ไหม” ครูใหญ่วิลัลดาเอ่ยทักนักเรียนทั้งสอง
“สวัสดีครับคุณครู” นักเรียนทั้งสองเอ่ยทักทายเสียงสดใสร่าเริง ครูใหญ่ยิ้มต้อนรับเด็กนักเรียนอย่างรักใคร่เอ็นดู
“โอ๊ยๆ ระวังหน่อยมิรา” ครูใหญ่ปราบเจ้ากระรอกน้อยที่พุ่งทะยานข้ามหัวครูใหญ่แล้วไปห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้ หางฟองฟูของมันชี้เด่นขึ้นฟ้า
“สวัสดีครับครูใหญ่ ครูเห็นลูกโอ๊คผมมั้ยครับ ผมว่ามันหล่นแถวๆนี้นะ” เสียงแหลมใสของเจ้ากระรอกน้อยที่ชื่อมิรา หันมาพูดกับครูใหญ่
“ครูไม่เห็นจ๊ะ ถ้าเธอหิวไปที่โรงอาหารของโรงเรียนก็ได้มีหลายอย่างให้เธอเลือกเลยนะ” ครูใหญ่เงยหน้าคุยกับลูกศิษย์ที่ห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้
“ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไรหรอครับ แต่ผมอยากได้มาคืนมา มันเป็นลูกโอ๊คลูกแรกที่ผมหามาได้ด้วยตัวเอง ผมอยากเอาไปฝากแม่หลังเลิกเรียนนะครับ” มิราอธิบายถึงความสำคัญของลูกโอ๊คที่มันทำหาย
ครูใหญ่เงยหน้ามาลูกศิษย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและแสนจะภูมิใจในตัวลูกศิษย์เป็นยิ่งนักก็เอ่ยขึ้นว่า
“น่ารักมากจ๊ะมิรา หนูเป็นกระรอกที่ดี มีของกินที่อร่อยยังคิดถึงแม่และอยากแบ่งให้แม่ ไม่หวงแหนไว้กินคนเดียว นี่นะจำไว้สัตว์ที่มีพระคุณกับเราคือพ่อกับแม่ ทำอะไรเราก็ต้องนึกถึงท่านสองคนก่อนนะ ไม่เกเรให้ท่านทั้งสองต้องคอยเป็นห่วง”
ครูใหญ่วิลัลดาชื่นชมลูกศิษย์พลอยทำให้ศิษย์ที่ห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ วิ่งกระโดดโลดเต้นเกาะกิ่งไม้นั่นกิ่งไม้นี่ไปมาด้วยความปลื้มใจกับคำชมของครู
“พวกเธอสองคนดูมิราเป็นตัวอย่าง” ครูใหญ่หันมาพูดกับจอจี้และโตโตที่ยืนฟังอยู่
“ครูจะช่วยหนูหาลูกโอ๊คนะ สองตัวนี่ก็จะช่วยหาด้วย” ครูใหญ่ชายตามองจอจี้กับโตโตเป็นสัญญาณให้ทั้งสองช่วยกันหาลูกโอ๊คด้วย
ทั้งสองต่างรู้หน้าที่ก้มๆเงยๆหาตามพื้นดิน จอจี้ปืนขึ้นต้นไม้เพื่อที่จะมองหาได้กว้างขึ้น ส่วนโตโตถูกครูใหญ่สั่งห้ามเคลื่อนไหวร่างกายมากเดี๋ยวจะเหยียบลูกโอ๊ค ให้โตโตมองหาอย่างเดียวแต่ห้ามเดินไปมา
“นี่ใช่ป่ะลูกโอ๊คของนาย” จอจี้ห้อยโหนกิ่งไม้กลับมาพร้อมกับลูกโอ๊คที่ถืออยู่ในมือ จอจี้กระโดดขึ้นไปขี่บนหลังโตโตพลางกับยื่นลูกโอ๊คให้มิราดู
มิรากระโดดข้ามกิ่งไม้หลายกิ่งพุ่งผ่านหัวครูใหญ่ด้วยความเร็วปานสายฟ้า และด้วยความแม่ยำมันมาเกาะที่หัวของโตโต ยืนสองขามองลูกโอ๊คที่อยู่ในมือจอจี้แบบพินิจพิจารณา
“ใช่ๆนั่นล่ะลูกโอ๊คของเรา” เสียงแหลมใสของเจ้ามิราดังสดใสร่าเริง มันส่งยิ้มอย่างมีความสุขให้จอจี้
“ขอบใจนะ…ว่าแต่นายชื่ออะไร เรามิรานะมาเป็นเพื่อนกัน” เจ้ากระรอกน้อยมิราเอ่ยขอบคุณจอจี้
“เราชื่อจอจี้และที่นายขี่หัวอยู่นั่นชื่อโตโต” จอจี้แนะนำตัวเองและแนะนำเพื่อนตัวโตให้มิราได้รู้จักด้วย
“ดีใจที่ได้รู้จักพวกนาย อ่อ โทษทีนะโตโตเราดีใจมากไปหน่อยเผลอมาขี่หัวนายเลย นายไม่ว่าอะไรนะ” มิราเอ่ยขอโทษเพื่อนใหม่ด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราชอบนะมันอบอุ่นดี”โตโตตอบเพื่อนน้ำเสียงทุ้มกังวาน
“ครูดีใจที่พวกเธอได้เพื่อนน่ารักๆเพิ่มมากขึ้น และหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับตัวอื่นๆในโรงเรียนด้วยนะ”
ครูใหญ่วิลัลดาพูดกับเด็กๆด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงของครูนุ่มนวลใครได้ฟังต่างก็ต้องหลงใหลในน้ำเสียงของครู
“เห็นมั้ยจ๊ะการร่วมมือช่วยเหลือกัน ทำให้เราได้มิตรภาพกลับมาด้วย การที่เรามัวแต่ทำอะไรคนเดียวไม่ยุ่งไม่วุ่นวายกับใครและไม่คิดที่จะช่วยเหลือใครเลย เราก็จะโดดเดี่ยวอ้างว้างไม่มีเพื่อน อย่างมิราถ้ามัวแต่หาลูกโอ๊คตัวเดียวไปเรื่อยคงหาไม่เจอง่ายๆ และถ้าเธอสองคนนิ่งเฉยไม่คิดที่จะช่วยเพื่อนยามเดือดร้อน เธอก็ไม่ได้เรียนรู้การมีความสุขการจากได้ช่วยเหลือคนอื่น ทั้งสามตัวเป็นเด็กดีมากจ๊ะ”
ครูใหญ่อบรมสอนลูกศิษย์พร้อมกับชื่นชมในความดีงามที่ทั้งสามได้กระทำ สามตัวยืนนิ่งฟังพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข เจ้าจอจี้เลิกคิ้วให้มิรา มิรากระโดดดีใจบนหัวโตโต โตโตใช้งวงตวัดขึ้นมาแตะตัวมิราเบาๆ
“ไปๆเข้าไปให้โรงเรียนได้แล้ว” ครูใหญ่วิลัลดาไล่เด็กๆทั้งสามเข้ามาให้โรงเรียน ช้างตัวใหญ่ที่มีลิงกับกระรอกอยู่บนหลังเดินมุ่งหน้าสู่ห้องเรียนธรรมชาติ ครูใหญ่ยืนมองลูกศิษย์ที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
ด้านหน้าครูใหญ่มีลาสามตัวพ่อแม่และลูกกำลังเดินมุ่งหน้ามาโรงเรียน ครูใหญ่ยืนรอทั้งสามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ครูใหญ่พยักหัวเล็กน้อยเป็นการต้อนรับ หางยาวสลวยของครูสะบัดเริงร่าเล่นกับสายลม
สามพ่อแม่ลูกมาหยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน โดยเจ้าลาน้อยไม่ยอมปล่อยขาแม่ง่ายๆมันเกาะแม่ไว้แน่น
“แม่จ้าลูกไม่เรียนได้มั้ย ลูกไม่อยากไปเรียนเลย” เจ้าลาตัวน้อยเพศผู้ใช้หัวของตัวเองพันรอบของผู้เป็นแม่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เจ้าไม่เรียน แล้วโตขึ้นเจ้าจะเอาอะไรไปสู้รบตบมือกับสัตว์ตัวอื่น ยิ่งโง่ๆกันอยู่” ผู้เป็นแม่เอ็ดตะโรลูกลาน้อยเสียงดัง จนสัตว์ตัวอื่นๆที่เดินตามหลังมา หันมองสองแม่ลูก แล้วพลอยยิ้มและหัวเราะไปตามๆกัน
“ฮื่อๆ ลูกไม่ชอบโรงเรียนเลยมันน่ากลัว” เจ้าลาน้อยเพศผู้ยังเอาหัวพันขาแม่ไว้มั่น
“นี่แหน่!! ไอ้ลูกไม่รักดี ให้มาเรียนหาความรู้มันดันขี้เกียจ” พ่อลาใช้ปากกัดหูลูกชายดึงออกมาจากขาผู้เป็นแม่ ส่วนลูกชายตัวน้อยก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“ไปๆ ไปเรียนศึกษาหาความรู้ พ่อแม่ไม่มีเวลามาสอนเจ้ามากมายต่างก็ต้องทำงาน เจ้าก็ต้องรู้จักขยันเรียน เข้าใจที่พ่อพูดมั้ยทอม” พ่อลาอบรมสั่งสอนลูกลาที่ชื่อว่าทอมต่อหน้าครูใหญ่ ทอมลาน้อยได้แต่ยืนก้มหน้ามองพื้น
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะหนูทอมลาน้อยที่น่ารัก มาเรียนที่นี้รับรองสนุกแน่นอนจ๊ะ หนูจะได้รู้จักเพื่อนๆที่น่ารักอีกหลายตัว จะได้ชื่นชมห้องเรียนธรรมชาติ ได้เรียนรู้วิธีปลูกพืชผักที่หนูชอบกิน ได้ดูแลรักษามัน และที่นี้ยังมีสวนอาหารมากมายหลากหลายให้หนูได้เลือกกินแบบไม่ยั้ง”
ครูใหญ่หันไปพูดกับนักเรียนลาตัวน้อยที่ยังยืนก้มหน้าอยู่
นิทาน....ยังไม่มีชื่อเรื่องค่ะ ท่านใดแวะมาอ่านแล้วคิดชื่อออกช่วยแต่งชื่อเรื่องให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ….
โรงเรียนสัตว์กินพืชวิทยาก่อตั้งโดยครูใหญ่สุดสวยเธอมีหางที่ยาวสลวย ขนของเธอดำขลับมันเปล่งปลั่งดูดีมีน้ำมีนวล ดวงตาของเธอเปล่งประกายสดใสแลมีแต่ความเมตตาปรานีให้แก่เด็กนักเรียนตัวน้อยที่เข้ามาศึกษาในโรงเรียนของเธอ เธอจะมีรอยยิ้มที่น่ารักปรากฏบนใบหน้าของเธอเสมอ
เธอ..คือครูใหญ่ม้านามว่าวิลัลดา ม้าสายพันธุ์อาหรับ สายพันธุ์อาชาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เธอมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณคาบสมุทรอาหรับ พื้นที่ที่มีทัศนียภาพเป็นเพียงผืนทะเลทรายที่กว้างไกลสุดลูกหูลูตา และเวิ้งของมหาสมุทรอันว่างเปล่าที่ถูกแผดเผาใต้แสงตะวันตลอดเวลา ทำให้ม้าอาหรับมีขนที่สั้นสีเข้มเป็นเงาเพื่อปกป้องตนเองจากความร้อนของแสงอาทิตย์
เธอมีท่วงท่าเดินที่สง่าผ่าเผยสมกับเป็นอาชาแห่งนักรับ แต่มิได้ดุดันเยี่ยงบุรุษ เธอยังมีความงดงามอ่อนช้อยแบบสไตล์ผู้หญิงเก่งที่มีความมั่นใจในตนเองและมีความสุขเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจในความสุขของธรรมชาติที่เธอค้นพบ มันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเธอ ที่เข้าใจในสรรพสิ่งอย่าท่องแท้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เธอยิ้มรับกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะนี้คือสัจธรรมแห่งชีวิตมิได้ดำรงอยู่อย่างแน่นอน ของทุกสิ่งบนโลกเป็นอนิจจัง ตัวเราไม่ใช่ของเรา เมื่อเธอเข้าใจสิ่งนี้ เธอจึงมีความสุขแบบที่ใครมิอาจเข้าใจเธอได้
“สวัสดีจ๊ะ”ครูใหญ่วิลัลดา กล่าวทักทายนักเรียนที่เริ่มทยอยเดินเข้ามาในโรงเรียน สำหรับการเปิดเทอมวันแรกออกจะวุ่นวายไปหน่อยกับเด็กเรียนน้องใหม่ที่ร้องไห้กระจองอแงเกาะแข่งเกาะขาพ่อแม่ไม่ยอมเดินเข้าโรงเรียน
กระต่ายน้อยขนสีขาวปุปุยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูยกมือไหว้ครูใหญ่อย่างสวยงาม ตามด้วยลูกช้างตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเดินตามหลังกระต่ายน้อย ถัดมาติดๆด้วยลูกยีราฟคอยาวแสนสวย ลายรอบตัวสีเหลืองดำเด่นสง่าสวยงามจนใครๆก็ต่างหันมามองมันเป็นตาเดียว
เจ้าลิงน้อยกระโดดห้อยโหนกิ่งไม้พุ่งทะยานมาด้วยความเร็วแบบสุดที่จะห้ามได้ พ่อแม่ของมันวิ่งตามาแบบติดๆแต่ก็ช้ากว่าลูกชายตัวซน
พ่อกับแม่เจ้าลิงน้อยตะโกนตามหลังลูกชาย
“อย่าซนนะลูก อย่าซนลูกเอ๋ย” แม่ของลิงน้อยตะโกนตามหลังน้ำเสียงหอบแห้งและเหนื่อยอ่อนกับการวิ่งตามลูกชายตัวซน
เจ้าลิงน้อยห้อยโหนเกาะเกี่ยวกิ่งไม้แล้วกระโดดขึ้นไปขี่บนหลังเจ้ายีราฟ ยีราฟร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พลางกระโดดยองๆไปมา หน้าตามันแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ต้องตกใจไปเจ้ายีราฟ เราชื่อจอจี้ แล้วเธอล่ะชื่ออะไรเป็นเพื่อนกันนะ” เจ้าลิงน้อยนามจอจี้ทักทายเพื่อนใหม่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ยีราฟน้อยก็ตอบกลับด้วยใบหน้าเริ่มผ่อนคลายลง แต่ยังหวั่นๆกับเจ้าลิงที่อยู่บนหลัง
“เราชื่อมิลาน” ยีราฟน้อยตอบเสียงแผ่วเบา
เจ้าลิงจอจี้เลื่อนจากหลังลงมาเกาะห้อยโยนที่คอมิลานแทน
“นี่นายลงไปจากตัวฉันได้มั้ย ฉันไม่ชอบให้ผู้ชายมาโดนตัวลงไปเลยนะ” มิลานขึ้นเสียงเจ้าลิงจอมซนที่มาคลอเคลียอยู่รอบคอเธอ
“ขอเกาะหน่อยน่าก็เธอมันสูง ฉันชอบอยู่ที่สูงๆนะ เกาะแค่นี่อย่าทำบ่นหน่อยเลย” เจ้าลิงจอจี้ต่อรอง
“นี่ลงมาเลยนะ เจ้าลิงจอมซน มิลานไม่ชอบให้นายมาเกาะ นายก็ต้องรีบลงมาเดี๋ยวนี้และขอโทษมิลานด้วย” กระต่ายน้อยขนสีขาวปุปุยเดินมาต่อว่าเจ้าลิงจอจี้ เธอมีใบหน้าที่จริงจังและดุเอาการแม้จะตัวเล็กนิดเดียว
เจ้าลิงน้อยรีบกระโดดพลิกตัวตีลังกาสองตลบก่อนตัวจะตกถึงพื้น แล้วมายืนอยู่ต่อหน้ากระต่ายน้อย มันเกาหลังตัวเองสองที สามที สี่ที เออ ห้าทีเลยแล้วกัน แถมด้วยเกาขาอีกทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้น
“อะแฮ่ม เอ่อ ว่าไงจ๊ะแม่กระต่ายน้อยแสนสวย”มันแสร้งทำเสียงเข้มเพื่อสร้างความประทับใจให้กับสาวในวันแรกพบ
“ฉันชื่อจอจี้ ว่าแต่เธอล่ะชื่ออะไรเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” จอจี้ยังพูดต่อเมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งเงียบ
“ฉันชื่อแพนนี และไม่อยากเป็นเพื่อนกับนายด้วย… เราเข้าไปในโรงเรียนกันเถอะมิลาน” กระต่ายน้อยแพนนี่ตอบกลับจอจี้แบบไม่สนใจก่อนจะหันมาชวนเพื่อนสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
แพนนี่กับมิลานเดินเข้าโรงเรียนไปพร้อมกันโดยไม่สนใจ จอจี้ที่ยืนดูตาละห้อยมาสาวน้อยแสนสวย เดินจากไปโดยไม่ใยดี
“อย่าไปสนใจไอ้พวกผู้หญิงเลย ผู้หญิงน่าเบื่อ เอาแต่ใจตัวเองเรื่องมาก พูดเยอะ โอ๊ย น่ารำคาญนะฉันบอกนายเลย โดยเฉพาะยัยแพนนี อย่าเข้าใกล้เชียวล่ะ ยัยนี่ถ้าได้มีเรื่องกับใครแล้วกัดไม่ปล่อย ฉันบอกนายไว้ก่อนเลยนะ”
ช้างน้อยที่ยืนดูอยู่เดินมาหาเจ้าลิงจอจี้ แล้วพูดกับมันด้วยความหวังดี ก่อนจะใช้งวงตีหัวเจ้าลิงน้อยๆเบาๆเป็นการทักทาย
“นายชื่ออะไรเรามาเป็นเพื่อนกันนะ” จอจี้ทักทายเพื่อนใหม่
“เราชื่อโตโต นายชื่อจอจี้ใช่ป่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” โตโตใช้งวงตีเบาๆที่หัวจอจี้อีกที
“ใช่ๆเราชื่อจอจี้ ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ขอเราขี่หลังนายได้ป่ะ เราชอบอยู่ที่สูงๆนะ” เจ้าลิงจอจี้เงยหน้าคุยกับเพื่อนตัวโต
“ได้ๆขึ้นมาเลย” โตโตตอบรับเพื่อน จอจี้รีบเกาะพันขาเพื่อนตัวโตแล้วขึ้นไปนิ่งบนหลังมันด้วยอารมณ์เริงร่าเป็นที่สุด
“อ้าว เธอสองตัวไปๆ รีบเข้าไปในโรงเรียนได้แล้ว ช้าๆเดี๋ยวไม่ทันเพื่อนคนอื่น” ครูใหญ่ลิลัลดา หันมากวักมือเรียกนักเรียนสองหนุ่มที่เดินเชื่องช้า กว่าจะเข้าไปในโรงเรียน
“สวัสดีจ๊ะ จอจี้กับโตโตใช่ไหม” ครูใหญ่วิลัลดาเอ่ยทักนักเรียนทั้งสอง
“สวัสดีครับคุณครู” นักเรียนทั้งสองเอ่ยทักทายเสียงสดใสร่าเริง ครูใหญ่ยิ้มต้อนรับเด็กนักเรียนอย่างรักใคร่เอ็นดู
“โอ๊ยๆ ระวังหน่อยมิรา” ครูใหญ่ปราบเจ้ากระรอกน้อยที่พุ่งทะยานข้ามหัวครูใหญ่แล้วไปห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้ หางฟองฟูของมันชี้เด่นขึ้นฟ้า
“สวัสดีครับครูใหญ่ ครูเห็นลูกโอ๊คผมมั้ยครับ ผมว่ามันหล่นแถวๆนี้นะ” เสียงแหลมใสของเจ้ากระรอกน้อยที่ชื่อมิรา หันมาพูดกับครูใหญ่
“ครูไม่เห็นจ๊ะ ถ้าเธอหิวไปที่โรงอาหารของโรงเรียนก็ได้มีหลายอย่างให้เธอเลือกเลยนะ” ครูใหญ่เงยหน้าคุยกับลูกศิษย์ที่ห้อยหัวลงมาจากกิ่งไม้
“ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไรหรอครับ แต่ผมอยากได้มาคืนมา มันเป็นลูกโอ๊คลูกแรกที่ผมหามาได้ด้วยตัวเอง ผมอยากเอาไปฝากแม่หลังเลิกเรียนนะครับ” มิราอธิบายถึงความสำคัญของลูกโอ๊คที่มันทำหาย
ครูใหญ่เงยหน้ามาลูกศิษย์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและแสนจะภูมิใจในตัวลูกศิษย์เป็นยิ่งนักก็เอ่ยขึ้นว่า
“น่ารักมากจ๊ะมิรา หนูเป็นกระรอกที่ดี มีของกินที่อร่อยยังคิดถึงแม่และอยากแบ่งให้แม่ ไม่หวงแหนไว้กินคนเดียว นี่นะจำไว้สัตว์ที่มีพระคุณกับเราคือพ่อกับแม่ ทำอะไรเราก็ต้องนึกถึงท่านสองคนก่อนนะ ไม่เกเรให้ท่านทั้งสองต้องคอยเป็นห่วง”
ครูใหญ่วิลัลดาชื่นชมลูกศิษย์พลอยทำให้ศิษย์ที่ห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ วิ่งกระโดดโลดเต้นเกาะกิ่งไม้นั่นกิ่งไม้นี่ไปมาด้วยความปลื้มใจกับคำชมของครู
“พวกเธอสองคนดูมิราเป็นตัวอย่าง” ครูใหญ่หันมาพูดกับจอจี้และโตโตที่ยืนฟังอยู่
“ครูจะช่วยหนูหาลูกโอ๊คนะ สองตัวนี่ก็จะช่วยหาด้วย” ครูใหญ่ชายตามองจอจี้กับโตโตเป็นสัญญาณให้ทั้งสองช่วยกันหาลูกโอ๊คด้วย
ทั้งสองต่างรู้หน้าที่ก้มๆเงยๆหาตามพื้นดิน จอจี้ปืนขึ้นต้นไม้เพื่อที่จะมองหาได้กว้างขึ้น ส่วนโตโตถูกครูใหญ่สั่งห้ามเคลื่อนไหวร่างกายมากเดี๋ยวจะเหยียบลูกโอ๊ค ให้โตโตมองหาอย่างเดียวแต่ห้ามเดินไปมา
“นี่ใช่ป่ะลูกโอ๊คของนาย” จอจี้ห้อยโหนกิ่งไม้กลับมาพร้อมกับลูกโอ๊คที่ถืออยู่ในมือ จอจี้กระโดดขึ้นไปขี่บนหลังโตโตพลางกับยื่นลูกโอ๊คให้มิราดู
มิรากระโดดข้ามกิ่งไม้หลายกิ่งพุ่งผ่านหัวครูใหญ่ด้วยความเร็วปานสายฟ้า และด้วยความแม่ยำมันมาเกาะที่หัวของโตโต ยืนสองขามองลูกโอ๊คที่อยู่ในมือจอจี้แบบพินิจพิจารณา
“ใช่ๆนั่นล่ะลูกโอ๊คของเรา” เสียงแหลมใสของเจ้ามิราดังสดใสร่าเริง มันส่งยิ้มอย่างมีความสุขให้จอจี้
“ขอบใจนะ…ว่าแต่นายชื่ออะไร เรามิรานะมาเป็นเพื่อนกัน” เจ้ากระรอกน้อยมิราเอ่ยขอบคุณจอจี้
“เราชื่อจอจี้และที่นายขี่หัวอยู่นั่นชื่อโตโต” จอจี้แนะนำตัวเองและแนะนำเพื่อนตัวโตให้มิราได้รู้จักด้วย
“ดีใจที่ได้รู้จักพวกนาย อ่อ โทษทีนะโตโตเราดีใจมากไปหน่อยเผลอมาขี่หัวนายเลย นายไม่ว่าอะไรนะ” มิราเอ่ยขอโทษเพื่อนใหม่ด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เราชอบนะมันอบอุ่นดี”โตโตตอบเพื่อนน้ำเสียงทุ้มกังวาน
“ครูดีใจที่พวกเธอได้เพื่อนน่ารักๆเพิ่มมากขึ้น และหวังว่าจะได้เป็นเพื่อนกับตัวอื่นๆในโรงเรียนด้วยนะ”
ครูใหญ่วิลัลดาพูดกับเด็กๆด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงของครูนุ่มนวลใครได้ฟังต่างก็ต้องหลงใหลในน้ำเสียงของครู
“เห็นมั้ยจ๊ะการร่วมมือช่วยเหลือกัน ทำให้เราได้มิตรภาพกลับมาด้วย การที่เรามัวแต่ทำอะไรคนเดียวไม่ยุ่งไม่วุ่นวายกับใครและไม่คิดที่จะช่วยเหลือใครเลย เราก็จะโดดเดี่ยวอ้างว้างไม่มีเพื่อน อย่างมิราถ้ามัวแต่หาลูกโอ๊คตัวเดียวไปเรื่อยคงหาไม่เจอง่ายๆ และถ้าเธอสองคนนิ่งเฉยไม่คิดที่จะช่วยเพื่อนยามเดือดร้อน เธอก็ไม่ได้เรียนรู้การมีความสุขการจากได้ช่วยเหลือคนอื่น ทั้งสามตัวเป็นเด็กดีมากจ๊ะ”
ครูใหญ่อบรมสอนลูกศิษย์พร้อมกับชื่นชมในความดีงามที่ทั้งสามได้กระทำ สามตัวยืนนิ่งฟังพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข เจ้าจอจี้เลิกคิ้วให้มิรา มิรากระโดดดีใจบนหัวโตโต โตโตใช้งวงตวัดขึ้นมาแตะตัวมิราเบาๆ
“ไปๆเข้าไปให้โรงเรียนได้แล้ว” ครูใหญ่วิลัลดาไล่เด็กๆทั้งสามเข้ามาให้โรงเรียน ช้างตัวใหญ่ที่มีลิงกับกระรอกอยู่บนหลังเดินมุ่งหน้าสู่ห้องเรียนธรรมชาติ ครูใหญ่ยืนมองลูกศิษย์ที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข
ด้านหน้าครูใหญ่มีลาสามตัวพ่อแม่และลูกกำลังเดินมุ่งหน้ามาโรงเรียน ครูใหญ่ยืนรอทั้งสามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ครูใหญ่พยักหัวเล็กน้อยเป็นการต้อนรับ หางยาวสลวยของครูสะบัดเริงร่าเล่นกับสายลม
สามพ่อแม่ลูกมาหยุดอยู่หน้าประตูโรงเรียน โดยเจ้าลาน้อยไม่ยอมปล่อยขาแม่ง่ายๆมันเกาะแม่ไว้แน่น
“แม่จ้าลูกไม่เรียนได้มั้ย ลูกไม่อยากไปเรียนเลย” เจ้าลาตัวน้อยเพศผู้ใช้หัวของตัวเองพันรอบของผู้เป็นแม่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“เจ้าไม่เรียน แล้วโตขึ้นเจ้าจะเอาอะไรไปสู้รบตบมือกับสัตว์ตัวอื่น ยิ่งโง่ๆกันอยู่” ผู้เป็นแม่เอ็ดตะโรลูกลาน้อยเสียงดัง จนสัตว์ตัวอื่นๆที่เดินตามหลังมา หันมองสองแม่ลูก แล้วพลอยยิ้มและหัวเราะไปตามๆกัน
“ฮื่อๆ ลูกไม่ชอบโรงเรียนเลยมันน่ากลัว” เจ้าลาน้อยเพศผู้ยังเอาหัวพันขาแม่ไว้มั่น
“นี่แหน่!! ไอ้ลูกไม่รักดี ให้มาเรียนหาความรู้มันดันขี้เกียจ” พ่อลาใช้ปากกัดหูลูกชายดึงออกมาจากขาผู้เป็นแม่ ส่วนลูกชายตัวน้อยก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“ไปๆ ไปเรียนศึกษาหาความรู้ พ่อแม่ไม่มีเวลามาสอนเจ้ามากมายต่างก็ต้องทำงาน เจ้าก็ต้องรู้จักขยันเรียน เข้าใจที่พ่อพูดมั้ยทอม” พ่อลาอบรมสั่งสอนลูกลาที่ชื่อว่าทอมต่อหน้าครูใหญ่ ทอมลาน้อยได้แต่ยืนก้มหน้ามองพื้น
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะหนูทอมลาน้อยที่น่ารัก มาเรียนที่นี้รับรองสนุกแน่นอนจ๊ะ หนูจะได้รู้จักเพื่อนๆที่น่ารักอีกหลายตัว จะได้ชื่นชมห้องเรียนธรรมชาติ ได้เรียนรู้วิธีปลูกพืชผักที่หนูชอบกิน ได้ดูแลรักษามัน และที่นี้ยังมีสวนอาหารมากมายหลากหลายให้หนูได้เลือกกินแบบไม่ยั้ง”
ครูใหญ่หันไปพูดกับนักเรียนลาตัวน้อยที่ยังยืนก้มหน้าอยู่