ส่องกระจกฝ้า แม้แต่หน้าก็ไม่เห็น..
ถ้าเลือกส่องกระจกเป็น ที่ร่มเย็นคือ จิตใจ..
๏ อคตินั้นคือความคิดเห็น
ที่ไม่เป็นกลางไร้มาตรฐาน
คิดลำเอียงเพียงใจทะเยอทะยาน
ตัวต้องการต้องใช่ใช้อัตตา
๏ อคตินั้นมีอยู่สี่อย่าง
ตามหนทางแสงธรรมที่นำหน้า
คำสั่งสอนขององค์พระศาสดา
ชี้มรรคาดับกิเลสสารพัน
๏ หนึ่งฉันทาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะชอบไร้กรอบกั้น
จะชั่ว-ดี,ถูก-ผิดไม่คิดกัน
เอาความชอบจัดสรรสำคัญตน
๏ สองโทสาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะโกรธไร้เหตุผล
ห่วงเจ้าคิดเจ้าแค้นแน่นกมล
ถูกไม่สนผิดหมดเพราะโกรธเคือง
๏ สามโมหาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะหลงไม่รู้เรื่อง
หลงงมงายฟายฟุ้งจนรุ่งเรือง
หลงยกตนจนเขื่องเรืองศักดา
๏ สี่ภยาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะกลัวจะน้อยหน้า
กลัวจะเสียประโยชน์เคยได้มา
กลัวเขาได้ดีกว่าเสียหน้าตน
๏ อคตินั้นสร้างความลำเอียง
ต้องคอยเลี่ยงเพียงใช้เหตุและผล
เกิด-ดับแต่ปัญญาของบุคคล
ปล่อยวางแล้วหลุดพ้นก็ตนเอย..๚ะ๛
* อคติ *
ถ้าเลือกส่องกระจกเป็น ที่ร่มเย็นคือ จิตใจ..
๏ อคตินั้นคือความคิดเห็น
ที่ไม่เป็นกลางไร้มาตรฐาน
คิดลำเอียงเพียงใจทะเยอทะยาน
ตัวต้องการต้องใช่ใช้อัตตา
ตามหนทางแสงธรรมที่นำหน้า
คำสั่งสอนขององค์พระศาสดา
ชี้มรรคาดับกิเลสสารพัน
๏ หนึ่งฉันทาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะชอบไร้กรอบกั้น
จะชั่ว-ดี,ถูก-ผิดไม่คิดกัน
เอาความชอบจัดสรรสำคัญตน
ห่วงเจ้าคิดเจ้าแค้นแน่นกมล
ถูกไม่สนผิดหมดเพราะโกรธเคือง
๏ สามโมหาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะหลงไม่รู้เรื่อง
หลงงมงายฟายฟุ้งจนรุ่งเรือง
หลงยกตนจนเขื่องเรืองศักดา
๏ สี่ภยาคติคือลำเอียง
ก็ด้วยเพียงเพราะกลัวจะน้อยหน้า
กลัวจะเสียประโยชน์เคยได้มา
กลัวเขาได้ดีกว่าเสียหน้าตน
๏ อคตินั้นสร้างความลำเอียง
ต้องคอยเลี่ยงเพียงใช้เหตุและผล
เกิด-ดับแต่ปัญญาของบุคคล
ปล่อยวางแล้วหลุดพ้นก็ตนเอย..๚ะ๛