สองตูบ กับ ธรรมะกู้โลก ตอน อคติพาเสื่อม by บุรุษนิรนาม

กระทู้สนทนา


แนะนำนักแสดง
หลวงพ่อ  -  พระที่วัด
ปิ๊ก         -   หมาวัด
โบ้         -   หมาวัด
ป๋า         -   เด็กวัด

------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปิ๊ก: หลวงพ่อครับ เมื่อเช้าผมได้ยินแว่วๆ หลวงพ่อเทศน์เรื่องอะไรติๆ นะครับ

หลวงพ่อ: เรื่องอคติ ๔ ลูก อคติคือความลำเอียง ๔ อย่างที่เราต้องละ ประกอบด้วย ลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะโกรธ ลำเอียงเพราะหลง ลำเอียงเพราะกลัว

โบโบ้: ไม่ว่าบาลีสักหน่อยหรือครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อ: (ยิ้มๆ อย่างเอ็นดู) แกจะเอางั้นเลยเหรอเจ้าตัวเล็ก? ก็ได้ อคติ ๔ ประกอบด้วย
        ๑) ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะความรัก
        ๒) โทสาคติ ลำเอียงเพราะความโกรธ
        ๓) โมหาคติ ลำเอียงเพราะความหลง หรือความยึดมั่นถือมั่น
        ๔) ภยาคติ ลำเอียงเพราะความกลัว
        ถ้าความลำเอียงเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ความเสื่อมก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น

โบโบ้: (ขมวดคิ้ว) ทำไมถึงเสื่อมครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อ: เพราะจะทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติไงลูก ใครไม่เข้าพวกก็จะถูกกีดกันออกไป ไม่ต้องดูอะไรมาก ดูพฤติกรรมของหมาอย่างพวกแกนี่แหละ พอใครไม่เข้าพวกปุ้บ แกออกไปไล่เห่าไล่กัดเขาทันที ใช่ไหมไอ้ปิ๊ก แกน่ะแหละตัวดี

ปิ๊ก: (ทำหน้าจ๋อยๆ) มันเป็นสัญชาตญาณน่ะครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อ: ไอ้สัญชาตญาณนี่แหละลูก ทำให้พวกแกเกิดความลำเอียง จะด้วยความหลง ความโกรธ อะไรก็ตามแต่เถอะ นี่แค่ในบริเวณวัดก็ทำให้เกิดความเดือดร้อน ปั่นป่วนไปทั่วแล้วนะลูก สัตว์ทั้งหลายในบริเวณวัดนี้ต้องมาคอยระแวดระวังกันและกัน ไม่รู้เมื่อไหร่จะถูกไล่เห่าไล่กัด แทนที่จะอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ เอื้ออาทรกัน เพียงเพราะไอ้สัญชาตญาณของพวกแกนี่ มันดีหรือลูก?

ปิ๊ก: ไม่ดีครับหลวงพ่อ ถ้าเป็นคนก็จะทำให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก เลือกที่รักมักที่ชัง การใช้เส้นสายต่างๆ หรือแบ่งฟากกันเป็นสีๆ แสดงว่า ความลำเอียงทำให้ความสามัคคีในหมู่คณะ ในสังคมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทำให้เกิดความเสื่อมขึ้นใช่ไหมครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อ: ใช่ลูก การจะทำอะไรลงไปต้องละเอียดรอบคอบ มีสติ ต้องคอยเตือนตัวเองเสมอ ว่าต้องไม่ทำไปด้วยอคติ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำ หรืออยู่ในตำแหน่งหน้าที่ที่มีผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ อย่างเช่นการออกกฎหมาย หรือเป็นผู้อยู่ในแวดวงกฎหมาย ข้าราชการ พวกนี้ มิฉะนั้นผลกระทบจะเป็นวงกว้าง แล้วสังคมมันจะหาความสงบไม่ได้ เพราะการกระทำของเรา มันอาจจะกระทบถึงขั้นทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้ เพราะถูกปิดกั้นทุกทาง ถ้าถึงขั้นนั้น เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหมาจนตรอกนะลูก เขาอาจจะหาทางออกที่รุนแรงเกินกว่าคนจะคาดคิดได้ แล้วผู้ที่ใช้อคตินั้นก็จะมีกรรมหนัก เพราะทำกรรมกับคนส่วนใหญ่ ลงนรกเอาง่ายๆ นะลูก อย่างที่เห็นอยู่เสมอๆ ก็เรื่องเกี่ยวกับพวกแกนี่แหละ หมาๆ แมวๆ เนี่ย คนที่เลี้ยงหมาแมวอย่างไม่รับผิดชอบ มีอคติไม่คิดถึงผู้ได้รับผลกระทบ ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ไม่ว่าจะขี้เยี่ยว การถูกไล่เห่าไล่กัด แล้วไม่มีใครรับผิดชอบ วันดีคืนดี ถึงขั้นยิงกันก็มีมาแล้วนะลูก หรือดูอย่างสมัยก่อนในประวัติศาสตร์จีน พวกมองโกลใช้อคติปกครองจีน เล่นพรรคเล่นพวกเฉพาะพวกมองโกลด้วยกัน กดขี่ข่มเหงคนจีนไว้ใต้ฝ่าตีน พอถึงจุดเดือด เขาก็เอาคืนจนราชวงศ์ล่มไปเลย

โบโบ้: แสดงว่าจะทำอะไรต้องไตร่ตรองผลกระทบให้ดีเสียก่อนหรือเปล่าครับ

หลวงพ่อ: ถูกต้องแล้วลูก พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่า ให้ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อนแล้วจึงทำ ท่านต้องการให้เราใช้ปัญญาคิดเสียก่อน ไม่ใช่ทำอะไรตามอารมณ์หรือความรู้สึก เพราะมิฉะนั้น เราก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน แต่เอ๊ะ นี่ฉันพูดอยู่กับสัตว์เดรัจฉานนี่หว่า แล้วพวกแกฟังรู้เรื่องเรอะ ฮ่าๆ

โบโบ้: ผมสองตัวขอเป็นข้อยกเว้นนะครับหลวงพ่อ แหะๆ

หลวงพ่อ: เออๆ หลวงปู่วัดท่าซุง (หมายถึง หลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีฯ) ท่านพูดไว้เสมอๆ ว่า จงเพ่งโทษโจทย์ความผิดตัวเองไว้เสมอๆ อัตตนา โจทยัตตานัง เอ้า นี่ฉันว่าบาลีให้แล้วนะ ไอ้มหาโบ้

โบโบ้: หลวงพ่อน่าจะส่งผมไปเรียนนักธรรมด้วยนะครับ
หลวงพ่อ: คนอื่นเขาจะได้มองฉันแปลกๆ น่ะสิ ส่งหมาไปเรียนนักธรรม ต่อให้แกมาเกิดเป็นคน ฉันก็คงจะไล่ให้แกไปปฏิบัติเอาความเป็นพระอริยเจ้าซะมากกว่า

ปิ๊ก: เอ หลวงพ่อครับ คนยุคนี้เขานิยมเข้าข้างตัวเองนี่ครับ เห็นพี่ป๋าบอกว่า คนเดี๋ยวนี้ความผิดคนอื่นเท่าขุนเขา ความผิดตัวเองเท่าปลายผม ประมาณนี้แหละครับ แถมถ้าคนอื่นมาชี้ความผิดให้เห็น เขาก็ไม่ฟัง เผลอๆ ด่าเอาด้วย พี่ป๋าเขาพูดว่า พระท่านเรียกคนประเภทนี้ว่าอะไรมะๆ ซักอย่างนี่แหละครับ
หลวงพ่อ: มะๆ เหรอ ปทปรมะรึเปล่า

ปิ๊ก: ใช่ๆ ครับ ปทปรมะ ว่าแต่ว่ามันหมายถึงอะไรหรือครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อ: ปทปรมะ เป็นบุคคลประเภทที่ฉลาดมาก ไม่ใช่โง่มากนะปิ๊ก เขาฉลาดจนไม่รับฟังใครทั้งนั้น ซึ่งบุคคลประเภทนี้เป็นประเภทที่พระพุทธเจ้าท่านจะไม่สอน เพราะความที่เขาไม่รับฟังใครนี่แหละ หลวงปู่วัดท่าซุงท่านแปลให้ฟังว่า ปทปรมะ แปลว่า มีบทบาทเป็นอย่างยิ่ง

โบโบ้: (พยายามตบมือแต่ไม่ดัง) ใช่เลยครับหลวงพ่อ พี่ป๋าเขาบอกว่า ทุกวันนี้คนที่มีบทบาทชี้นำในสังคมประเทศสารขัณฑ์นี้ เป็นพวกนี้ทั้งนั้นเลยครับ ใครพูดใครเตือนอะไรไม่ฟังทั้งนั้น กูจะเอากูว่าอย่างเดียว โห ยังงี้อคตินี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวนะครับหลวงพ่อ ทำสังคมประเทศนี้ยิ้มได้ถึงขนาดนี้
หลวงพ่อ: ถ้ามันไม่น่ากลัวฉันจะมาย้ำให้แกฟังทำไมล่ะ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะลูก อคติอย่างเดียว ทำสังคมล่มสลายมากี่สังคมแล้วล่ะ

ปิ๊ก: ผมพอจะเข้าใจแล้วครับหลวงพ่อ ว่าทำไมเวลาหลวงพ่อเทศน์สอนชาวบ้าน ถึงได้เน้นย้ำเรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยจะสอนเรื่องนิพพานเท่าไหร่
หลวงพ่อ: ก็ถ้าสังคมมันเร่าร้อน มีแต่พวกเห็นแก่ตัว เอาแต่พวกตัว ไม่เห็นหัวคนอื่น อยู่ด้วยกันโดยสงบสันติไม่ได้ ก็ป่วยการจะพูดเรื่องนิพพานนะลูกเอ๊ย ธรรมะเบื้องต่ำยังทำกันไม่ได้ จะไปพูดเรื่องชั้นสูงทำไม เหมือนเราเรียนวิชาทางโลกนั่นแหละ ถ้าพื้นฐานไม่แน่น ไอ้ตัวถัดๆ ไปมันจะไปรอดเรอะ แต่ฉันต้องแก้ข่าวนะปิ๊ก เรื่องนิพพานน่ะพ่อสอนนะ แต่สอนเฉพาะคนที่สนใจเท่านั้น คนที่ไม่สนใจ แค่เข็นให้มันละอคติ รักษาศีล แค่นี้ก็เหนื่อยแล้วว่ะ
โบโบ้: (ยกมือขึ้นทำท่า "ธุจ้า") ดีจังครับ วันนี้ผมกับน้องได้รู้อะไรดีๆ เยอะเลยจากหลวงพ่อ ไว้วันหลังผมกับน้องมาคุยด้วยใหม่นะครับ
หลวงพ่อ: สาธุ ขอให้ลูกทั้งสองจงมีความสุข อยู่กับสัตว์อื่นในวัดได้อย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนกันนะลูก


----------------------------------------------จบตอน    อย่าลืมติดตามตอนต่อไปกันนะครับผม----------------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่