ลดน้ำหนักได้ไม่ได้หมายความว่าชนะ ภาค1

***เรียนผู้อ่านทุกท่านเนื่องจากทางผู้เขียนนั้นพึ่งเริ่มเขียนกระทู้เป็นครั้งแรกหากมีการใช้คำที่วกไปวนมาหรือพิมพ์ผิดไปหรือมีภาพที่ไม่ชัดเจนหรือเห็นผลตามที่ได้กล่าวไป กราบขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับเพราะว่าชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเล่าประสบการณ์ลดน้ำหนักให้ใครๆได้อ่าน***
*****เรื่องทั้งหมดที่เล่าถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์น่าจะมีอะไรที่ไม่ดีไม่ถูกไม่ควรเยอะอย่าเอาไปเป็นเยี่ยงเป็นอย่างนะ*****

สาเหตุที่ตั้งชื่อกระทู้เช่นนี้เพราะว่ามีหลายช่วงเวลาของชีวิตที่เราเรียนการลดน้ำหนักได้10-20กิโลกรัมว่า การกระสบความสำเร็จและคิดว่าถ้าหากลดน้ำหนักได้ตามเป้าที่วางไว้ทุกอย่างก็จบเราชนะ และยังไงก็ไม่มีทางกลับมาอ้วนแบบเดิมแน่นอน แต่หากการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมายที่ทำให้ลดน้ำหนักได้ตามเป้าแต่มันก็กลับมาเป็นแบบนี้อยู่ 3 ครั้งแต่ละครั้งเรียกได้ว่ามันประสบความสำเร็จมากใน ช่วงเวลานั้นๆ จึงขอแบ่งเป็นสามภาคฉ่ำๆนะครับ ตั้งแต่ อดีตถึงปัจจุบัน(ม.3-เรียนจบ)

------------เริ่ม----------
ม.3(น้ำหนัก98กิโลกรัม) ต้องบอกก่อนเลยว่าตั้งแต่ลืมตาดูโลกขาก็เบียดกันจนดำเป็นชาโค ไม่เคยสัมผัสกับคำว่าผอมเลย ช่วง ม.3-ม.4 เป็นช่วงที่เริ่มรู้สึกว่าอยากลดน้ำหนักอย่างจริงจังด้วยแรงกระตุ้นจากสิ่งรอบข้างหลายอย่าง เช่น การเห็นไอดอลศิลปินหลายๆคนสวยหล่อกันทั้งนั้น การเดินขึ้นบ้านตัวเองสามชั้นแต่ต้องหยุดพักครึ่งระหว่างทางเพราะเหนื่อยจะตาย และแรงขับที่สำคัญที่สุดเลยคือคำพูดของคนรอบข้างที่บางทีเขาอาจพูดไปโดยไม่คิดอะไรซึ่งมันทำให้เราเสียใจ และใช้สิ่งนี้เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดสำหรับเรา

Where is my คอ ยังไงว่าตอนนั้นหายใจอย่างไร(รูปตอน ป.6ขำขำเนอะ)

***แทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย****แม่จะเป็นกังวลมากกว่าจะทำยังไงให้คอหายดำ ทั้งใช้สารส้ม บวบขัดคนแดงก็ไม่หายดำ ใส่ทองเทิงอะไรตามความเชื่อก็ไม่หายดำ น้ำหนักลดเดี๋ยวมันก็หายเองเนอะ***** มาต่อกัน

ช่วง ม.3คิดมาตลอดว่าอุ้ย นน.98 เดี๋ยว100 ค่อยลดเลขสวยๆ แต่มีญาติผู้ใหญ่ท่านนึงเคยกล่าวขณะที่เราลงจากรถว่า อุ้ย!!!พาหมีควายมาด้วยหรอ (มันทำให้สายเลือกของพลังนักรบแห่งจันทราตื่นขึ้น) ยอมรับว่าหัวร้อนมาก แต่พอตั้งสติได้ก็ใช้คำพูดนั้นมาเป็นแรงผลักดัน

*** วิธีลดน้ำหนัก
ด้วยความที่ไม่มีความรู้อะไรมาก และมีความเชื่อว่ายิ่งกินน้อยยิ่งผอม เลยใช้วิธีการ อดอาหารและออกกำลังกาย จำได้ว่าวันนึงกินข้าวไม่ถึงสองทัพพีถ้าตีเป็นแคลอรี่ก็ไม่ถึง 400 แล้วกินน้ำ ตามเยอะ ตกเย็นก็ วิ่งวันละ30นาทีและออกกำลังส่วนอื่นอีก30นาที (ตอนนั้นมีความเชื่อที่ตลกมากคือ ต้องปิดห้องให้หมดอากาศห้ามถ่ายเทมากเพราะห้องจะได้ อบอบ ร้อนๆ จะได้ผอมเร็วๆ ....ดีนะไม่ตายก่อน)

****ระยะเวลาที่ใช้จำไม่ค่อยได้ว่ากี่วันแต่ประมาณเดือนนึงนะ******(ขอโทษด้วยน้าาอาจคลาดเคลื่อนมันนานมากเล้ว)

ผลก็ออกมาเป็นตามภาพ
ช่วงนั้นลดน้ำหนักทุกวัน ชั่งมันทุกวัน จำได้ว่าลดได้วันละ1โลนิดๆทุกวันเนื่องด้วยเป็นคนอ้วนบวกกับการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีมากๆ ทำให้น้ำหนักจาก 98 ลดลงมาอยู่ที่ 86-88

แต่มันก็อยู่กับเราได้ไม่นาน น้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิมในช่วง ม.5
น้ำหนักกลับมา96-98 เท่าๆเดิมเพราะเริ่มให้รางวัลตัวเองมื้อนึงด้วยHot potบุฟเฟ่ แล้วก็ลากยาวมาเลยด้วยความคิดว่า(กินอีกวันเดียวไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวลดเอาใหม่)

***วิธีลดน้ำหนัก
-กินข้าววันละ2มื้อ เช้า-กลางวัน ของมันของหวานของทอดงด ถ้าจำไม่ผิดวันนึงไม่เกิน 600 แคลอรี่ เริ่มมีการค้นหาวิธีการออกกำลังกายส่วนต่างๆโดยเฉพาะ ขา เพราะแม่ให้มาเยอะ รากฐานจึงมั่นคงเป็นพิเศษ
-พร้อมออกกำลังกายเดินเร็วบนลู่วิ่ง25 นาที และออกกำลังกายเฉพาะส่วนอีก 25 นาที ทำทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ

******************จนเวลาผ่านพ้นไป4-5เดือน สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น******************
ถ่ายรูปกับแม่บ้าง
น้ำหนักสิริรวมที่ลดได้เลยคือ จาก 96-98 เหลือ 69-71 ถ้วน มีการให้รางวัลตัวเองอาทิตย์ละครั้งโดยวันที่เราปล่อยFree กินวันละไม่เกิน 2500 แคลอรี่ (ช่วงนี้เริ่มมีการศึกษาเรื่องจำนวนแคลอรี่มากขึ้น กินอะไรก็เปิดตารางแคลอรี่ดูหมด จนทำให้ติดมาเป็นนิสัยถึงทุกวันนี้ว่า หยิบอะไรเข้าปากก็คิดเป็นตัวเลขคร่าวๆหมด)

****ช่วง ม.6 นี้คิดว่าในที่สุด การที่เดินขาเบียดมาตั้งแต่เด็ก มันก็ได้จบลงซักที ต่อไปนี้ก็ต้องใช้ชีวิตแบบมีสติ ก็บอกกันตัวเองอย่างนั้น แตว่ามันก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด*******

-สรุปข้อดีข้อเสีย-ภาค1
ข้อดี -ผอมลง
-การออกกำลังกายทำให้ผิวหนังไม่ย้วยมากทุกส่วนกระชับ
-มีคนชมว่าเหมือนติดยา อันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ
ข้อเสีย – รู้สึกผิวตลอดเวลา
-นอนยาก นอนไม่หลับ เพราะหิว
-ตื่นมาไม่สดชื่น เพราะหิว
-ใช้ชีวิตประจำวันไม่มีความสุข เพราะหิว
****ขอบคุณที่อ่านความเพ้อเจ้อของเราจนจบ ภาคต่อไป ช่วงมหาวิทยาลัย เริ่มมีการดูแลตัวเองมากขึ้น แบบเต็มสตรีมรอติดตามกันต่อได้เลยเร็วๆนี้. ***

ต่อภาค2เลยจ้า -ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย-
ภาคสุดท้าย รับปริญญา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่