วันนี้จะขอเปิดตัวการรีวิวครั้งแรกในชีวิตแบบ แกรนด์ๆนิดส์นึงกับ Omakase น้องใหม่ที่ชื่อ The Older Chef ย่านลาดพร้าว 71
รีวิวนี้มีทั้งชมและติ ตามประสบการณ์และความชอบส่วนตัว ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวกับรีวิวครั้งแรกด้วยนะคะ (ด่าได้แต่อย่าแรง)
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเป็นคนชอบทานซูชิอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้งบค่อนข้างจำกัดแต่ก็ยังมีความโลภในเรื่องกินอยู่ เลยเลือกที่จะมาลองร้านนี้
ทางร้านมีให้เลือกทั้งหมด 3 คอร์ส
Omakase Sushi Course : Lover  
ราคา : 1,599.-
ของทานเล่น : mini Kaiseki
ซูชิ : 8 คำ ไม่มี ไข่หอยเม่นแต่ก็มีปลาเด็ดๆอยู่ ใครแพ้ไข่หอยเม่นหรือไม่ค่อยหิวก็กินคอร์สนี้ไป น่าจะกำลังดี
เมนูพิเศษ : 2 จาน
ของหวาน : 1 จาน

Omakase Sushi Course : Supreme รวมตัวไฮไลท์ของซูชิทั้งหมด โดยเฉพาะ ไข่หอยเม่น เหมาะสำหรับ คนงบจำกัดแต่อยากกินเหลือเกิน
ราคา : 2,299.-
ของทานเล่น : mini Kaiseki
ซูชิ : 12 คำ
เมนูพิเศษ : 3 จาน
ของหวาน : 1 จาน

Omakase Sushi Course : Elite รวมความหรูหราอลังการของท้องทะเล ใครไฮโซมีตังค์ก็กินคอร์สนี้ให้สมฐานะนะจ๊ะ
ราคา : 3,899
ของทานเล่น : mini Kaiseki
ซูชิ : 12 คำ
เมนูพิเศษ : 6 จาน
Dessert : 1 จาน

จาก3 คอร์สนี้ เราเลือก Supreme ตามเหตผลที่บอกไว้ด้านบน
หลังจากโทรไปจอง ก็แอดไลน์ของทางร้านมา เพื่อทำการโอนมัดจำ 500 บาท/ท่าน และระบุใครทานอะไรไม่ทานอะไร
แต่แล้ว 1 วันก่อนไปทานก็มีเรื่องน่าสะเทือนใจเกิดขึ้น..ทางร้านแจ้งว่าไม่มีไข่หอยเม่นเพราะตลาดปลาปิดช่วงปีใหม่ (อ้าวเห้ย ทำไมเพิ่งแจ้งหละ ควรจะรู้ก่อนมะ) เค้าก็แจ้งว่าจะเอาเป๋าฮื้อที่เสิร์ฟในคอร์ส Elite มาให้แทน แล้วเราเลยต่อรองว่าสำหรับคนที่ไม่ทานเป๋าฮื้อขอเปลี่ยนเป็น แซนด์วิชเนื้อ (Katsu Sando) แทน ซึ่งทางร้านก็แจ้งว่าทำให้ได้ (ค่อยใจชื้นขึ้นมานิดนึง)

จานแรกเปิดตัวได้สวยงามกับ mini Kaiseiki ที่มีทั้งของนึ่งของเย็นของทอดครบ โดยรวมรสชาติเฉยๆ แต่องค์ประกอบดี ที่ชอบสุดคือไม้เสียบมะเขือเทศที่ทำจากโซบะทอด ชอบในความเก็บรายละเอียดค่ะ
ต่อกันด้วยจานเรียกน้ำย่อยที่สอง ไข่ตุ๋นปู ก็อร่อยแบบไข่ตุ๋นญี่ปุ่นทั่วไป คือมีความ Add value ปูไม่คาว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกว่าเพิ่มปูมาแล้วอร่อยขึ้นขนาดนั้น แอบรู้สึกว่าของเพื่อนข้างๆที่แพ้ปูแล้วได้ Ikura ในไข่ตุ๋นแทนมีความอร่อยกว่า เพราะรสชาติมีความตัดกันมากกว่า
มาเริ่มกับซูชิคำแรกกันเลย กุ้งหวานจ้า...ก็หวานดี แต่ไม่ได้โดดเด่น ส่วนตัวค่อนข้างชอบข้าวที่นี่ ข้าวจะออกแข็งนิดๆ ปั้นแบบหลวมๆหน่อย ปรุงรสมาพอดี ไม่กลบวัตถุดิบหลัก
คำที่2 หอยเชลล์ สดตามมาตรฐาน
คำที่ 3 ปลาหมึก สดไม่เหนียว แต่ขัดใจวิธีการปรุงนิดๆ เพราะตอนแรกคิดว่าจะเป็นเกลือมะนาว แต่ดันปรุงด้วยโชยุแทน
คำที่ 4 5 6 ปลาๆทั้งหลาย อันนี้ชอบทุกอัน เพราะทำได้กลมกล่อมและหลากหลายดี


คำที่ 7 8 9 เป็นเซ็ททูน่า ไล่ตามระดับความมัน ชอบ Akami สุด หมักมาดีทีเดียว ส่วน otoro กินโดนเส้นไขมันเลยขอหักคะแนนนิดนึงค่ะ
มาต่อด้วยคำที่ 10 ย้อมใจที่ไม่ได้กินไข่หอยเม่นด้วย เป๋าฮื้อ / แซนด์วิชเนื้อ
เป๋าอื้อตอนหั่นดูเหมือนจะเหนียวๆแห้งๆแต่ผิดคาด นุ่มอร่อยจ้า มีการโปรยทองและCavier ให้สมฐานะที่มาจากคอร์ส Elite อีกด้วย ถือว่า WOW อยู่นะ
ส่วน แซนด์วิชเนื้อ (Katsu Sando) ถือเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ ที่เมืองไทยหากินยากมากๆ ตอนแรกก็แอบหวั่นๆอยู่ว่าจะสู้ที่ญี่ปุ่นได้มั้ย
พอได้ทาน จานนี้ก็ WOW เนื้อสุกพอดีมาก ซอสหอมอร่อย ขนมปังมีกลิ่นหอมเนยนิดๆ ขอตินิดเดียวคือขนมปังหันหนาไปหน่อย จานนี้ขายที่ 1500 บาท มีทั้งหมด 4 ชิ้น คุ้มค่ะ แนะนำให้ลองสั่ง
คำที่ 11 และ 12 จะเป็น Toro Roll และ Sanma Roll
Toro Roll เราเฉยๆ เพราะรู้สึกชอบการเอาไปสับแบบ Negi Toro ให้ขึ้นมันมากกว่า
Sanma Roll (รูปไม่ค่อยสวยเพราะไม่ตั้งใจถ่าย คิดว่าจะไม่อร่อยไง) ปรากฎว่า อร่อยมากชอบมาก แอบชอบสุดจากทั้งหมดที่กินมา คำนี้เป็นโรลที่ไม่มีข้าว จะรู้สึกเบาๆละมุนลิ้นดีงาม
คำที่ 13 เชฟแถมซูชิเนื้อวากิวให้ สำหรับลูกค้าที่จอง 9-10 ที่ อร่อยตามมาตรฐานเนื้อเกรดนี้ค่ะ
แล้วก็มาตบท้ายตามหลักสูตร Omakase ด้วยไข่หวาน ซุป และ ไอศครีม Yuzu ไข่หวานที่นี่มีการโรยน้ำตาลเพื่อให้มีTexture กรอบๆตัด ถือว่าดีเลยค่ะ เนื้อไข่เนียนใช้ได้ แต่ตัวรสชาติ กลิ่นกุ้งค่อนข้างโดด แต่โดยรวมเป็นไข่หวานที่มาถูกทางแล้วค่ะ ซุปไอศครีม อร่อยแบบทั่วๆ ไปค่ะ
มื้อนี้อิ่มมาก เป็นคอร์ส 2,000กว่าที่ถือว่าให้เยอะทีเดียวเมื่เทียบกับ Omakase ร้านอื่นๆ อาจจะไม่ได้ WOW ในทุกๆคำ แต่รสชาติกลมกล่อมกำลังดี
สำหรับคนที่ไม่เคยกินแนว Omakase ร้านนี้ถือเป็นร้านเริ่มต้นที่ดี ติดใจแน่นอน ส่วนใครที่ทานเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ร้านนี้ถือว่าแก้ขัดในช่วงเงินช็อตได้เหมือนกันจ้า
ท้ายนี้ อยากจะบอกว่าที่จอดรถให้จอดข้างถนนตามมีตามเกิดนะจ๊ะ ถ้าใครโชคดีก็ได้จอดหน้าร้านเลย