ปลาย นักสืบจำเป็น - File 4 : โจรปล้นธนาคาร [บทเฉลย]

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แนะนำตัวละคร




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

- 3 -
            
    ท่าทางปลายจะรู้แล้วว่าใครคือโจรปล้นธนาคาร เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวเดินมุ่งไปที่ห้องของสารวัตรสรวุทธอย่างรวดเร็ว เพราะดูแล้วอีกไม่นานนายตำรวจคงต้องปล่อยตัวผู้ต้องสงสัยไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานหรืออะไรที่บ่งชี้ว่าใครเป็นโจรปล้นธนาคารเลย

    แต่ปลายกลับไม่สามารถเดินไปถึงที่หมายได้ทันที เพราะมีตำรวจยศน้อยผู้หนึ่งเข้าขวางไว้

    “เข้าไม่ได้ครับ!”

    “ผมจะมาหาสารวัตรสรวุทธครับ” ปลายพูดอย่างหนักแน่น

    “มีเรื่องอะไรก็แจ้งที่ผมได้ ไม่ต้องหาสารวัตรหรอกครับ” นายตำรวจบอก

    “แต่ผมต้องเจอสารวัตรให้ได้ ผมจะได้บอกว่าใครคือ โจรปล้นธนาคารตัวจริง!”

    แต่นายตำรวจยศน้อยก็ยืนยันเสียงแข็งตามเดิม “ไม่ได้เด็ดขาด!! มีอะไรแจ้งที่ผม!”

    ปลายเห็นท่าจะผ่านด่านนายตำรวจยศน้อยผู้นี้ได้ยาก จึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

    หนุ่มผมตั้งหยิบมือถือขึ้นมากดหมายเลขโทรหาบุคคลผู้หนึ่ง เมื่อปลายสายรับเขาพูดอะไรนิดหน่อย แล้วยื่นมือถือให้ตำรวจยศน้อยนั่นคุยแทน

    “ครับ.. ครับ..” ได้ยินแต่เสียงนายตำรวจพูดว่า ’ครับ’ อย่างเดียว แล้วไม่นานเขาก็เปลี่ยนท่าที ยอมปล่อยให้ปลายเข้าไปหาสารวัตรสรวุทธทันที

    แต่ทำไมตำรวจผู้นี้ถึงยอม ...ปลายโทรหาใคร?

    ปลายสายของโทรศัพท์นี้คือใครกันแน่?

    นี่คงเป็นอำนาจมืดของปลายที่เขาใช้เป็นประจำ

    เอาเถอะ เรื่องนี้ไว้ก่อน ปลายรีบมุ่งตรงเข้าไปในห้องสารวัตรสรวุทธทันทีโดยไม่สนใจนายตำรวจคนอื่นที่จ้องมองอยู่ แต่หนุ่มผมตั้งยังไม่ทันเข้าไป สารวัตรสรวุทธก็เปิดประตูห้องสวนออกมา

    “เอ้า..” สารวัตรหยุดมองปลาย “เธอเดินมานี่ มีอะไรเหรอ?”

    ปลายมองหน้าผู้เป็นตำรวจ พูดกลับทันที “สารวัตรครับ ผมขอคุยด้วยสองนาที”

    สารวัตรพยักหน้าเล็ก ๆ “มีอะไรก็ว่ามา”

    “ผมพอรู้แล้วครับว่าใครคือโจรปล้นธนาคาร”

    “งั้นเหรอ” สารวัตรนิ่ง “ใช่ พนักงานเซเว่นหรือเปล่าล่ะ?”

    “เดี๋ยวผมบอกทีหลังนะครับ ตอนนี้ยังไม่ค่อยชัวร์ แต่ได้เค้ามาเยอะแล้ว ...สารวัตรอย่าเพิ่งปล่อยตัวใครไปนะครับ” ปลายบอก แล้วนิ่งไปพักหนึ่งค่อยพูดขึ้นต่อว่า “ถ้าจะขอสารวัตรให้ผมเป็นคนสอบปากคำพวกเขาเองจะได้มั้ยครับ?”

    “เธอแน่ใจหรือ? ไม่ใช่ว่าจะเสียเวลาเปล่านะ” สารวัตรจ้องหน้า

    “ครับ ถึงยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ผมว่าสมมติฐานที่ผมคิดไม่น่าพลาด คงไม่ผิดตัวแน่นอนครับ” ท่าทางปลายจะเชื่อมั่นในสิ่งที่คิดไว้มากทีเดียว

    “อืม... ก็ได้ แต่เธอห้ามพลาดเด็ดขาด” สารวัตรรับปากอนุญาต แล้วเขาก็สั่งการให้ลูกน้องทำตามที่ปลายบอก

    หลังจากนั้นผู้ต้องสงสัยทั้งสี่คนก็มารวมอยู่ในห้องสอบสวน โดยปลายได้เรียกเพื่อน ๆ เข้ามานั่งฟังด้วยในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์

    หนุ่มผมตั้งเดินไปใกล้ ๆ ที่ที่สารวัตรสรวุทธนั่งอยู่ หันหน้ากลับหาผู้ต้องสงสัยทั้งสี่ แล้วพูดขึ้นว่า

    “ผมต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อปลายฟ้า พิทักษ์ธรรม์ ผมได้รับอนุญาตจากสารวัตรสรวุทธให้สอบปากคำพวกคุณเพิ่มเติม ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วยนะครับ”

    ผู้ต้องสงสัยทั้งสี่จ้องมองนักศึกษาหนุ่มเป็นตาเดียว เพราะคิดว่าทำไมอยู่ดี ๆ ตำรวจถึงอนุญาตให้เด็กหนุ่มผู้นี้มาสอบปากคำพวกตน

    สารวัตรสรวุทธเห็นท่าทางของผู้ต้องสงสัยที่เหมือนจะไม่ยอมให้ปลายสอบปากคำ เขาจึงช่วยพูดเสริม

    “ผมขอให้ทุกคนช่วยตอบคำถามของเด็กหนุ่มผู้นี้ตามความเป็นจริง ให้ถือซะว่าเป็นการสอบปากคำจากผม พ.ต.ต. สรวุทธ เรืองอำนาจ อีกครั้ง” สารวัตรบอกเสียงดังและหนักแน่น

    ทั้งสี่เริ่มคล้อยตามบ้าง เพราะผู้เป็นสารวัตรเล่นเอ่ยปากรับรองเอง ทำให้ต้องยอมรับปลายด้วยความจำนน

    “งั้นเริ่มเลยนะครับ” ปลายพูดต่อ “เริ่มจากคุณปรีชาก่อนละกัน...” นักศึกษาหนุ่มรอให้นายตำรวจพาตัวนายปรีชามานั่งที่เก้าอี้ด้านหน้า แล้วค่อยถามต่อ “ในช่วงเวลาที่มีการปล้นธนาคาร คุณบอกได้มั้ยว่าคุณอยู่ที่ไหนครับ?”

    เสียงปลายดังและหนักแน่นไม่แพ้สารวัตรสรวุทธเลยทีเดียว

    ปรีชาหน้าบึ้งเล็กน้อย เพราะเขาเคยได้ยินคำถามนี้มาแล้ว จึงไม่ค่อยอยากจะตอบปลายสักเท่าไหร่  แต่เมื่อเงยหน้ามองสารวัตรสรวุทธ เขาก็ยอมตอบปลายทันที

    “ผมก็บอกกับตำรวจแล้วไง ว่าออกไปกินข้าว จะถามอะไรอีก” เขาก็ยังไม่วายที่จะทำท่าทีหงุดหงิดใส่นักศึกษาหนุ่ม เพราะถือว่ายังไงปลายก็ไม่ใช่ตำรวจ

    แต่ปลายก็ไม่ยี่หระกับการกระทำของนายปรีชา เขาพูดต่อว่า “มีใครเป็นพยานให้คุณได้มั้ยครับ?”

    “จะไปมีได้ไงเล่า! กินข้าวอยู่คนเดียว!!” เขาพูดเสียงแข็ง ไม่ยอมแพ้ปลายแม้แต่น้อย

    “ครับ ครับ” ปลายพยักหน้าสองครั้ง ท่าทางยังเฉย ๆ อยู่ “ใจเย็นก่อนครับ ถึงคุณจะไม่นับถือหรือไม่ค่อยพอใจผม แต่ยังไงคุณก็ต้องตอบผมตามความจริงอยู่ดี ฉะนั้นใจเย็น ๆ ดีกว่านะครับ”

    พอได้ฟังนายปรีชาเงียบไปสักพัก หนุ่มนักศึกษานักสืบจึงเอ่ยขึ้นต่อ “จากข้อมูลที่ได้มา ทราบว่าคุณมีหนี้สินอยู่ด้วยนี่ เท่าไหร่หรือครับ?”

    สิ้นคำถามปรีชาจ้องหน้าปลายทันที “ใช่! ผมมีหนี้อยู่ ถึงจะเกือบแสนก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าผมเป็นคนปล้นธนาคารนี่”

    ดูท่าปรีชาคงเข้าใจว่าที่ปลายถามเรื่องหนี้สิน เพราะคิดว่าตัวเองเป็นโจรปล้นธนาคารที่ปล้นเอาเงินไปโปะหนี้

    “...หรือครับ แต่รู้สึกว่าตอนนั้นคุณก็ออกไปกู้เงินมาไม่ใช่หรือ?” คราวนี้ปลายกลับมาพูดด้วยท่าทางกวนเล็ก ๆ

    ปรีชาสะดุ้งโหยง พูดขึ้นทันที “นี่นายรู้ด้วยเหรอ!?” ท่าทางข้อมูลนี้ทางฝ่ายตำรวจยังไม่ได้สักถาม “ใช่ ตอนนั้นผมหนีงานออกไปกู้เงิน เพราะเจ้าหนี้ให้เส้นตายไว้ตอนเย็น ผมจึงต้องรีบออกไปหาเงิน ไม่สนว่าจะทำงานอยู่หรือไม่”  

    “เหรอครับ” ปลายจ้องเขา “แต่ถ้าคุณทำอย่างนี้ คุณก็ไม่พ้นหนี้สินอยู่ดี ต้องกู้หนี้อีก หนีเจ้าหนี้ไปอีกไม่รู้จบ”

    “ไม่ต้องเป็นห่วง มันเรื่องของผม” เขาเชิดหน้าเล็กน้อย “ยังมีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?”

    ปลายก้มดูเอกสารการสอบสวนที่สารวัตรให้มาประกอบ จึงรู้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับนายปรีชาได้ถามไปหมดแล้ว

    “อืม.. ผมคงไม่มีอะไรแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”

    เมื่อนายปรีชาไปแล้ว ปลายก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับสารวัตรสรวุทธ แล้วจึงเอ่ยต่อ

    “ต่อไปก็คุณวิชิตครับ”

    ถึงปลายจะบอกแล้ว แต่เขาก็ยังนิ่งอยู่ นั่งเฉย ๆ เหมือนไม่ได้ยิน สารวัตรจึงต้องเป็นคนเรียกเขาอีกครั้ง

    เมื่อได้ยินเสียงนายตำรวจเขาก็ยอมลุกขึ้น เดินมานั่งอยู่ข้างหน้าปลายเช่นเดียวกับนายปรีชาในทีแรก

    “คุณวิชิตครับ..” ปลายจ้องหน้า “คุณถูกจับคารถมอเตอร์ไซค์ของโจรเลยนี่ครับ”

    “ใช่” เด็กหนุ่มพยักหน้า “ผมกำลังจะขโมยรถคันนั้นอยู่” เขาบอกได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

    “งั้นเหรอครับ” ปลายก้มหน้าดูเอกสารประกอบ เมื่อเงยหน้ามาจึงถามต่อ “แล้วคุณเห็นมั้ยครับว่าใครเป็นคนขับรถคันนั้นมา?”

    หนุ่มขี้ขโมยส่ายหน้า “ไม่แน่ใจนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าใช่โจรมันหรือเปล่า ...แต่มีอยู่คนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ มอเตอร์ไซค์”

    “อืม... แล้วเห็นหน้าเขามั้ย?”

    “ไม่หรอกครับ” วิชิตส่ายหน้าอีกครั้ง “เขาวิ่งเร็วมาก วิ่งขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่แถวนั้น แล้วไปทันที”

    “พอรู้รูปร่างของคนผู้นั้นมั้ยครับ?”

    “ไม่แน่ใจครับ ผมดูไม่ทัน แต่ไม่น่าจะอ้วนมากนะ”

    “อืม...” ปลายนิ่งคิด ก้มดูเอกสารประกอบ ซึ่งเหมือนว่าเขาจะหมดคำถามต่อนายวิชิตแล้ว “เอ่อ ผมไม่มีอะไรจะถามแล้ว ขอบคุณมากครับ”

    เมื่อนายวิชิตลุกขึ้นออกไป ปลายก็หันหาสารวัตรสรวุทธอีกครั้ง แล้วพยักหน้าเป็นสัญญาณเรียกตัวนายชัย พนักงานบริษัทออกมานั่งสอบปากคำเป็นคนต่อไป

    นายชัยลุกขึ้นเดินด้วยความคล่องแคล่ว ฉีกยิ้มให้ปลายเล็กน้อยด้วย

    เมื่อเขานั่งลงปลายก็ไม่รอให้เสียเวลา ถามขึ้นทันที “ไม่ทราบว่าตอนเกิดเหตุ คุณชัยอยู่ที่ไหนหรือครับ?”

    “ผมเหรอครับ” เขาเริ่มพูดด้วยท่าทางเรียบร้อย “ผมอยู่กับลูกค้าตั้งแต่เช้าแล้วครับ ลูกค้าสามารถเป็นพยานให้ผมได้”

    “ครับ” ปลายพยักหน้า จ้องมองเขา “คุณชัยนี่ท่าทางแข็งแรงดีนะครับ ถึงตัวใหญ่ แต่ก็ดูคล่องแคล่วดี”

    “อ้อ.. ผมเป็นนักกีฬาน่ะครับ ..เป็นนักบาสเก็ตบอล”

    “อืม..” ปลายพยักหน้าคิดตาม “มิน่าล่ะ ถึงได้ดูคล่องแคล่ว ท่าทางจะเตะหนักนะครับ”

    นายชัยส่ายหน้าทันที “ผมเตะไม่เป็นหรอกครับ ผมเล่มบาส ไม่ใช่เตะบอลนะครับ”

    “ครับ ครับ... ผมล้อเล่น ไม่มีอะไรหรอกครับ” ปลายยิ้ม ๆ “ผมคงไม่ถามอะไรแล้วแหละ ขอบคุณครับ”

    ปลายพูดเสร็จนายชัยก็ลุกขึ้นออกจากที่นั่งทันที เหมือนเดิมนักสืบหนุ่มก็หันไปคุยกับสารวัตรสรวุทธเช่นเคย แล้วผู้ต้องสงสัยคนต่อไปเหมือนรู้หน้าที่ เดินเข้ามานั่งแทน

    นายพิศาล ปทุมวัน เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ที่โจรปล้นธนาคารใช้ก่อการ เจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียกตัวเขาจากบริเวณที่รถมอเตอร์ไซค์จอด แต่ตำรวจตรวจสอบดูทะเบียนรถ จนสืบทราบว่าเป็นของนายพิศาล จึงเรียกตัวมา ซึ่งเขาก็ได้แจ้งรถหายกับอีกสถานีตำรวจหนึ่งไว้ก่อนด้วย

    โดยรูปร่างของนายพิศาลแตกต่างจากภาพในกล้องวงจรปิดโดยสิ้นเชิง ดูสมส่วน ผมสั้น แถมมีหนวด ต่างกับผู้ต้องสงสัยคนอื่นที่เรียกตัวมาอย่างชัดเจน

    ชายหนวดงามเดินเข้ามานั่งรวดเร็วกว่าทุกคน เพราะไม่ได้มีรูปร่างอ้วนแม้แต่น้อย ก่อนนั่งลงยังยิ้มให้ปลายกับสารวัตรสรวุทธด้วย

    ปลายพยักหน้ารับ ชิงถามทันที “คุณพิศาลครับ จากข้อมูลที่ผมได้มา คุณบอกว่าในช่วงเกิดเหตุ คุณนอนดูทีวีอยู่ในห้องพักนี่ครับ”

    “ครับ” พิศาลพยักหน้ารับ ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร “ผมดูทีวีอยู่จริง ๆ สามารถบอกรายละเอียดของรายการที่ดูได้ครับ”

    “งั้นเหรอครับ” ปลายคิดตาม จ้องมองหน้าเขา “แล้วตอนนี้คุณทำงานอะไรอยู่ครับ?”

    “ผมขับแท็กซี่อยู่ครับ”

    “ขับแท็กซี่มานานรึยังครับ?”

    “ก็ได้สักพักแล้วครับ มีอะไรเหรอ?”

    “อืม..” ปลายนิ่งมอง “แล้วเมื่อก่อนคุณเคยทำอะไรครับ?”

    “เออ... เมื่อก่อนเหรอ…” พิศาลทำท่าคิด “ผมเป็น รปภ. ครับ”

    “รปภ. อยู่ที่ตึกอธิการบดีใช่มั้ยครับ?”

    “ครับ คุณรู้ด้วยเหรอ?”

    “อืม…” ปลายพยักหน้า นิ่งเล็กน้อย แล้วถามขึ้นต่อ “ปกติหนวดคุณเข้มอย่างนี้ตลอดเลยมั้ยครับ?”

    “เออ.. ครับ แต่ว่าถามทำไมเหรอ? มันไม่เกี่ยวกับเรื่องปล้นธนาคารนี่ครับ”

    “อ้อ.. ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีเห็นมันเบี้ยวไปทางขวาหน่อยนะครับ” ปลายจ้องดูที่หนวดของเขา

    พิศาลรีบคลำไปที่หนวดตัวเองทันที แต่หนวดของเขาไม่เบี้ยวหรือเอียงอะไร ปลายเพียงแหย่เล่น ๆ เท่านั้น

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมล้อเล่น ขอโทษด้วย ..พอดีเห็นมันเข้มสวยดี” ปลายพูดต่อด้วยท่าทางกวน ๆ แล้วถามอีก “แล้วมอเตอร์ไซค์ของคุณหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

    “ก็ห้าวันก่อน มาเจอตอนตำรวจโทรติดต่อไปแหละครับ”

    “อืม..” หนุ่มผมตั้งครุ่นคิด “ผมคงไม่มีอะไรแล้วครับ ขอบคุณครับ”

    ปลายพูดจบ นายพิศาลก็โค้งเล็กน้อย แล้วกลับไปนั่งรออยู่ตรงที่พักรวมกับผู้ต้องสงสัยคนอื่น

    จากนั้นนักสืบหนุ่มก็พูดคุยกับสารวัตร ในตอนนี้ก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปากของปลายแล้ว แถมยังมีท่าทางมั่นใจมากขึ้นด้วย

    สักพักปลายก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยกมือขึ้นลูบผม แล้วพูดกับสารวัตรว่า

    “ถึงเวลาสรุปผมการทดลองแล้วครับ”


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่