มือใหม่หัดรีวิวค่ะ ไม่ขอพูดอะไรมาก เอาเป็นว่าไปเที่ยวภูฏานกันค่ะ
ทริปนี้เกิดขึ้นมาเพราะตอนแรกเรากับเพื่อนๆชาวไทย อยากจะไปเที่ยวและไปเยี่ยมเพื่อนชาวภูฏานที่รู้จักกันตอนเรียนปอโท ตอนแรกแพลนไว้ว่าอยากจะไปกันแบบ guest visa แต่เนื่องจากตามกฏหมายแล้ว ชาวภูฏาน 1 คน จะเชิญแขกเข้าประเทศได้เพียง2คน/ปี เท่านั้น แต่ที่จะไปกันนี่มีกัน 5คน ทำให้กลุ่มเราตัดสินใจเลือกไปแบบ tourist visa แทนค่ะ ตอนแรกคิดว่ากระบวนการน่าจะยุ่งยาก แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ยากเลยค่ะ เราเลือกไปเป็นทริป 4วัน 4คืน (19-23 ตค61) การขอวีซ่านั้นง่ายมาก เราสามารถติดต่อผ่าน ทางagency ได้ โดยส่งเอกสาร รูปถ่ายpassport ไปทางอีเมลล์ และโอนเงินค่าวีซ่าค่ะ agency ที่เราติดต่อไปในครั้งนี้คือ Bhutan Expression Tours and Travels เราว่าเป็นagencyที่โอเคเลยค่ะ ถามอะไรไปตอบกลับไว และแผนการเที่ยวเราสามารถคุยและปรับเปลี่ยนได้ โดยกลุ่มของเราโชคดีที่มีเพื่อนชาวภูฏานช่วยดูแผนให้ เป็น4วันที่ได้เที่ยวค่อนข้างเยอะเลยค่ะ
ค่าใช้จ่าย
- ค่าวีซ่า คนละประมาณ 35,000 (250USD/day x4)-> เหมือนจะเยอะ แต่ราคานี้คือรวมทุกอย่างแล้วนะคะ ทั้งค่าวีซ่า ค่าที่พัก ค่าอาหารสามมื้อ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ รวมถึงค่าไกด์และคนขับรถด้วย
- ค่าตั๋ว Druk airline 28,833 บาท
- ค่าประกัน 473 บาท/ อันนี้ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้นะคะ
รวมค่าใช้จ่ายแบบไม่รวมshopping= 64,306 บาท
แผนการเที่ยวคร่าวๆ
Day1: BKK->Paro->Thimpu-> Big Bhudda-> City tour
Day2: Dochula-> Gangtey Valley//
https://ppantip.com/topic/38389261
Day3: Phobjika Valley-> Paro //
https://ppantip.com/topic/38389357
Day4: Tiger nest-> Paro //
https://ppantip.com/topic/38389462
Day5: กลับBKK ตั้งแต่เช้าตรู่
ขอขอบคุณรูปถ่ายสวยๆ จากชาวคณะค่ะ หวังว่าจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ : Som Siripokkapat,pattranuch ben,pim khererat,nick srichumsin
พร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันค่ะ
DAY1: From BKK to Thimpu
ไฟลท์ของเราเป็นไฟลท์เช้าค่ะ ออกจากสุวรรณภูมิตีห้า ไปถึงทิมพูแปดโมงเช้า (เวลาที่ทิมพูจะช้ากว่าเราประมาณ 1 ชม.) ส่วนชาวคณะเรานั้น นัดกันตั้งแต่ตีสองเลยจ้า
ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ตอนกดจองตั๋วนี่เราพบว่าตั๋วbusiness class แบบแวะที่อินเดียถูกกว่าตั๋ว economy แบบdirect flight โดยใช้เวลานานกว่าบินตรงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง การบินไปภูฏานครั้งนี้เราก็เลยไปกันแบบหรูหรา นั่งbusiness class กันเลยค่ะ 5555
แนะนำนิดนึง ตอนเลือกที่นั่งให้เลือกฝั่งซ้ายนะคะเช้ามาเราจะเห็นวิวเทือกเขาหิมาลัยจากหน้าต่างแบบนี้เลยค่ะ ฟินมาก
วิวถนนที่เห็นจากบนเครื่องนี่คดเคี้ยวมาก ใครเมารถให้เตรียมยาให้พร้อมไว้เลย
มาถึงสนามบินพาโรตอนประมาณแปดโมงพอดี อากาศดีมาก น่าจะประมาณ 15-20 องศา วิวสวยมาก นทท.ส่วนใหญ่ ลงจากเครื่องแล้วมายืนถ่ายรูป ไม่ยอมเข้าอาคารทั้งนั้น ซึ่งแน่นอน รวมถึงทางเราด้วยค่ะ ถ่ายกันจนเจ้าหน้าที่เดินมาเตือนให้รีบๆเข้าอาคารได้แล้วนะยู
ผ่านตม. เรียบร้อย รับกระเป๋าเสร็จ ออกมาข้างนอกจะเจอไกด์มารอรับนทท. มากมาย คนที่นี่เค้าแต่งชุดประจำชาติกันเป็นเรื่องปกตินะคะ ถามเพื่อนที่ชาวภูฏาน เค้าบอกว่าเวลาไปทำงาน ยูนิฟอร์มก็เป็นชุดประจำชาติค่ะ
แนะนำให้แลกเงินให้เสร็จตั้งแต่ในสนามบินก่อนผ่านตม. นะคะ จะสะดวกกว่าออกมาแลกข้างนอกทีหลังค่ะ
ไกด์ที่มารับเราเป็นไกด์ท้องถิ่นชาวภูฏาน มีไกด์ 1 คน คนขับรถ 1 คน พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากทั้งสองคน สอบถามกันทีหลังได้ความว่า คนที่นี่เค้าเรียนหนังสือกันเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เด็กประถมนี่พูดอังกฤษกันคล่องเลยค่ะ
เก็บของ แลกเงินเรียบร้อยก็พร้อมเดินทางจากพาโรสู่ทิมพู ต่อได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.ระหว่างทางก็จะมีจุดชมวิว ให้แวะถ่ายรูปเป็นระยะ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว และเป็นถนน2 เลน คนเมารถนี่กินไดเมนฯไปเลยค่า เมาแน่นอน รถที่เราได้เป็นรถตู้ค่ะ นั่งได้ 6-7 คน สบายๆ กันไปทั้งทริปเลยค่ะ
จุดชมวิวระหว่างทาง เป็นจุดที่แม่น้ำจากทางทิมพูมาบรรจบกับทางพาโร เรียกว่า Chuzom ค่ะ
จุดชมวิวอีกที่ค่ะ จำชื่อไม่ได้ น้องไกด์บอกว่าเป็นวัดเก่าแก่ สะพานสร้างมากว่า 500 ปีแล้วค่ะ
ตามถนนจะมีวัวปรากฏตัวเป็นระยะค่ะ เดินกันชิวๆประหนึ่งเป็นเจ้าของถนน ภูฏานเป็นประเทศที่กินวัว แต่ไม่ฆ่าวัวนะคะ เนื้อวัวที่กินจะนำเข้าจากอินเดีย เพราะงั้นน้องๆที่เดินเฉิดฉายอยู่นี่เค้ามีหน้าที่แค่ให้นมค่ะ ชีวิตปลอดภัยสุดๆ
อาคารบ้านเรือนที่นี่เค้าจะต้องสร้างในแบบ bhutanese style เท่านั้น มันก็เลยจะเหมือนๆกันไปทั้งเมือง ดูแล้วเป็นเอกลักษณ์ดี และอีกสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ตลอดทางก็คือ คนที่นี่เค้าตากพริกกันไว้บนหลังคานะคะ เห็นแดงๆนั่นพริกทั้งนั้น เชื่อได้เลยว่าจะต้องกินเผ็ดกันแน่นอน
ถึงทิมพูประมาณเกือบๆเที่ยง โรงแรมที่เราพักคือ โรงแรมTashi Yoedling อยู่ในเมืองทิมพู ตรงข้ามกับ The 3rd king memorable Chorten หรือ เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึง พระมหากษัตริย์องค์ที่3 ผู้ซึ่งถือเป็น the father of modern Bhutan ค่ะ ที่นี่จะมีคนมาสักการะ ตั้งแต่มาเดินรอบๆ ไปจนถึงกราบไหว้ สวดมนต์ตลอดทั้งกลางวัน กลางคืนเลยค่ะ เชือกที่ผูกโยงระหว่าง ยอดเจดีย์กับรูปปั้นสิงโตข้างล่างนี่เป็นไปตามความเชื่อของชาวภูฏาน ถ้าไม่ผูกไว้ เดี๋ยวสิงโตจะบินจากไปค่ะ
จะเดินกี่รอบ กราบไหว้กันกี่รอบ ก็ตามแต่ศรัทธากันเลยค่ะ ในรูปนี่คือประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาเรื่อยๆ
อาหารมื้อแรกที่โรงแรมค่ะ ยำแตงกวา มันอบชีสกับพริก ไก่ผัดรสออกเผ็ดๆ และผัดผัก อร่อยทุกอย่างค่ะ มื้อนี้หมดเกลี้ยง อาหารที่ภูฏานจะเน้น พริก ชีสและผัก ถ้าเป็นอาหารแบบดั้งเดิมจริงๆจะเน้นเผ็ด แบบเผ็ดมากกกก ใครไม่กินเผ็ดแนะนำสั่งแบบ less spicy ไว้ก่อนนะคะ โดยรวมรสชาติโอเคค่ะ ที่นี่เค้าสนับสนุนการปลูกผักแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ผักส่วนใหญ่จะเป็นแบบออร์แกนิคค่ะ กินได้สบายใจ ห้องพักที่ได้เป็นแบบsingle bed+เตียงเสริม มีheater และกว้างขวางดี จริงๆแล้วเราสามารถขอแยกอีกห้องได้นะคะ เพราะค่าเที่ยว250usd คือรวมค่าห้องไปหมดแล้ว แต่เรากับเพื่อนอยากนอนด้วยกันมากกว่า ก็เลยขอเป็นแค่สองห้อง และมีเตียงเสริมแทนค่ะ
รูปห้องตอนสภาพดีๆ ไม่มีนะคะ 555 ใครสนใจเข้าไปsearchดูได้เลยค่า
พักกันนิดหน่อย ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ที่แรกที่ไปคือ The Big Buddha Point (Kuensel Phorang) เป็นองค์พระใหญ่ที่สร้างด้วยทุนร่วมจากจีน สร้างเสร็จในปี 2005 เป็นจุดที่เราจะเห็นวิวสวยๆ ของทิมพูด้วยค่ะ จริงๆตามแพลนคือเราจะไปเที่ยว museum กันต่อ แต่เนื่องจากมีชาวคณะเท้าแพลงระหว่างเดินลงบันไดที่นี่ เราก็เลยเปลี่ยนแพลนเป็น ไปกินน้ำชา+ของว่างที่บ้านเพื่อน และขับรถชมเมืองตามจุดต่างๆแทนค่ะ
แวะดู ตัวทาคิน สัตว์ประจำชาติที่ว่ากันว่าหน้าเหมือนแพะ ตัวเหมือนวัว ทาคินเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์นะคะ น่าจะเหลือเป็นฝูงสุดท้ายแล้ว เราถ่ายรูปได้จากไกลๆ น้องก็จะslow life นิดนึงค่ะ
จุดชมวิวจากบนเขา เห็นTashi chhoeDzong (ทาชิโช ซอง) แปลตรงตัวคือ ป้อมปราการทาชิโช แต่จริงๆแล้วเป็นเหมือนรัฐสภา+ศูนย์ราชการ ของทิมพูค่ะ ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของรัฐบาลและของพระมหากษัตริย์ จริงๆนทท. สามารถเข้าชมได้นะคะ แต่เราไม่ได้ไป เนื่องจากเวลาไม่พอค่า ระหว่างชมวิว ถ่ายรูปกันไปก็มีแก็งค์จักรยานเด็กขี่มาแวะพักใกล้ๆนะคะ นี่งงใจมากว่าน้องเค้าขี่ไหวได้ยังไง ป้าแค่เดินก็เกือบหอบละ
City tour กันนิดหน่อย กับคุณตำรวจไฟจราจร ผู้เป็นlandmark ของทิมพู คือที่นี่เค้าจะไม่มีไฟจราจรนะคะ แยกใหญ่ๆในเมืองจะมีคุณตำรวจจราจรคอยโบกแบบนี้ ส่วนตามชนบทนี่คนขับก็เล็งจังหวะกันเองเลย
ส่วนมื้อเย็นพิเศษหน่อย ไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนค่ะ welcome drink ด้วย butter tea ชาใส่เนย แบบดั้งเดิม กินแล้วอุ่นขึ้นมาทันที และต่อด้วย bhutanese beer อันนี้ถือว่าดีนะคะ หอมๆ เบาๆค่ะ ไม่เมา ไม่มาวว
ตอนมืดอากาศจะหนาวขึ้นค่ะ น่าจะประมาณ10องศา โชคดีที่ในบ้านจะมีฮีทเตอร์แบบดั้งเดิมที่คล้ายๆเตาผิงด้วย เลยอุ่นสบาย มื้อเย็นนี้มีไข่อบกับมันฝรั่ง ไก่อบกับพริก มันกับชีส และซุปถั่วกับเครื่องเทศ เราและชาวคณะเห็นว่าอร่อยทุกอย่างค่า กินเสร็จกลับถึงโรงแรมสามทุ่มกว่าๆ ยังแวะเดินชมรอบๆ the memorable chorten ได้อีกตามรูปด้านบนเลยค่ะ
ขอจบวันแรกที่ตรงนี้ ไว้ไปเที่ยวกันต่อพรุ่งนี้ค่า ^^
Bhutan- A piece of heaven on earth รีวิวภูฏาน ฉบับ tourist visa/Day1
ทริปนี้เกิดขึ้นมาเพราะตอนแรกเรากับเพื่อนๆชาวไทย อยากจะไปเที่ยวและไปเยี่ยมเพื่อนชาวภูฏานที่รู้จักกันตอนเรียนปอโท ตอนแรกแพลนไว้ว่าอยากจะไปกันแบบ guest visa แต่เนื่องจากตามกฏหมายแล้ว ชาวภูฏาน 1 คน จะเชิญแขกเข้าประเทศได้เพียง2คน/ปี เท่านั้น แต่ที่จะไปกันนี่มีกัน 5คน ทำให้กลุ่มเราตัดสินใจเลือกไปแบบ tourist visa แทนค่ะ ตอนแรกคิดว่ากระบวนการน่าจะยุ่งยาก แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ยากเลยค่ะ เราเลือกไปเป็นทริป 4วัน 4คืน (19-23 ตค61) การขอวีซ่านั้นง่ายมาก เราสามารถติดต่อผ่าน ทางagency ได้ โดยส่งเอกสาร รูปถ่ายpassport ไปทางอีเมลล์ และโอนเงินค่าวีซ่าค่ะ agency ที่เราติดต่อไปในครั้งนี้คือ Bhutan Expression Tours and Travels เราว่าเป็นagencyที่โอเคเลยค่ะ ถามอะไรไปตอบกลับไว และแผนการเที่ยวเราสามารถคุยและปรับเปลี่ยนได้ โดยกลุ่มของเราโชคดีที่มีเพื่อนชาวภูฏานช่วยดูแผนให้ เป็น4วันที่ได้เที่ยวค่อนข้างเยอะเลยค่ะ
ค่าใช้จ่าย
- ค่าวีซ่า คนละประมาณ 35,000 (250USD/day x4)-> เหมือนจะเยอะ แต่ราคานี้คือรวมทุกอย่างแล้วนะคะ ทั้งค่าวีซ่า ค่าที่พัก ค่าอาหารสามมื้อ ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ รวมถึงค่าไกด์และคนขับรถด้วย
- ค่าตั๋ว Druk airline 28,833 บาท
- ค่าประกัน 473 บาท/ อันนี้ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้นะคะ
รวมค่าใช้จ่ายแบบไม่รวมshopping= 64,306 บาท
แผนการเที่ยวคร่าวๆ
Day1: BKK->Paro->Thimpu-> Big Bhudda-> City tour
Day2: Dochula-> Gangtey Valley// https://ppantip.com/topic/38389261
Day3: Phobjika Valley-> Paro // https://ppantip.com/topic/38389357
Day4: Tiger nest-> Paro // https://ppantip.com/topic/38389462
Day5: กลับBKK ตั้งแต่เช้าตรู่
ขอขอบคุณรูปถ่ายสวยๆ จากชาวคณะค่ะ หวังว่าจะได้ไปเที่ยวด้วยกันอีกนะ : Som Siripokkapat,pattranuch ben,pim khererat,nick srichumsin
พร้อมแล้ว ไปเที่ยวกันค่ะ
DAY1: From BKK to Thimpu
ไฟลท์ของเราเป็นไฟลท์เช้าค่ะ ออกจากสุวรรณภูมิตีห้า ไปถึงทิมพูแปดโมงเช้า (เวลาที่ทิมพูจะช้ากว่าเราประมาณ 1 ชม.) ส่วนชาวคณะเรานั้น นัดกันตั้งแต่ตีสองเลยจ้า
ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ตอนกดจองตั๋วนี่เราพบว่าตั๋วbusiness class แบบแวะที่อินเดียถูกกว่าตั๋ว economy แบบdirect flight โดยใช้เวลานานกว่าบินตรงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง การบินไปภูฏานครั้งนี้เราก็เลยไปกันแบบหรูหรา นั่งbusiness class กันเลยค่ะ 5555
มาถึงสนามบินพาโรตอนประมาณแปดโมงพอดี อากาศดีมาก น่าจะประมาณ 15-20 องศา วิวสวยมาก นทท.ส่วนใหญ่ ลงจากเครื่องแล้วมายืนถ่ายรูป ไม่ยอมเข้าอาคารทั้งนั้น ซึ่งแน่นอน รวมถึงทางเราด้วยค่ะ ถ่ายกันจนเจ้าหน้าที่เดินมาเตือนให้รีบๆเข้าอาคารได้แล้วนะยู
ผ่านตม. เรียบร้อย รับกระเป๋าเสร็จ ออกมาข้างนอกจะเจอไกด์มารอรับนทท. มากมาย คนที่นี่เค้าแต่งชุดประจำชาติกันเป็นเรื่องปกตินะคะ ถามเพื่อนที่ชาวภูฏาน เค้าบอกว่าเวลาไปทำงาน ยูนิฟอร์มก็เป็นชุดประจำชาติค่ะ
แนะนำให้แลกเงินให้เสร็จตั้งแต่ในสนามบินก่อนผ่านตม. นะคะ จะสะดวกกว่าออกมาแลกข้างนอกทีหลังค่ะ
ไกด์ที่มารับเราเป็นไกด์ท้องถิ่นชาวภูฏาน มีไกด์ 1 คน คนขับรถ 1 คน พูดภาษาอังกฤษได้ดีมากทั้งสองคน สอบถามกันทีหลังได้ความว่า คนที่นี่เค้าเรียนหนังสือกันเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เด็กประถมนี่พูดอังกฤษกันคล่องเลยค่ะ
เก็บของ แลกเงินเรียบร้อยก็พร้อมเดินทางจากพาโรสู่ทิมพู ต่อได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชม.ระหว่างทางก็จะมีจุดชมวิว ให้แวะถ่ายรูปเป็นระยะ เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว และเป็นถนน2 เลน คนเมารถนี่กินไดเมนฯไปเลยค่า เมาแน่นอน รถที่เราได้เป็นรถตู้ค่ะ นั่งได้ 6-7 คน สบายๆ กันไปทั้งทริปเลยค่ะ
ถึงทิมพูประมาณเกือบๆเที่ยง โรงแรมที่เราพักคือ โรงแรมTashi Yoedling อยู่ในเมืองทิมพู ตรงข้ามกับ The 3rd king memorable Chorten หรือ เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกถึง พระมหากษัตริย์องค์ที่3 ผู้ซึ่งถือเป็น the father of modern Bhutan ค่ะ ที่นี่จะมีคนมาสักการะ ตั้งแต่มาเดินรอบๆ ไปจนถึงกราบไหว้ สวดมนต์ตลอดทั้งกลางวัน กลางคืนเลยค่ะ เชือกที่ผูกโยงระหว่าง ยอดเจดีย์กับรูปปั้นสิงโตข้างล่างนี่เป็นไปตามความเชื่อของชาวภูฏาน ถ้าไม่ผูกไว้ เดี๋ยวสิงโตจะบินจากไปค่ะ
จะเดินกี่รอบ กราบไหว้กันกี่รอบ ก็ตามแต่ศรัทธากันเลยค่ะ ในรูปนี่คือประมาณสามทุ่มกว่าแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาเรื่อยๆ
อาหารมื้อแรกที่โรงแรมค่ะ ยำแตงกวา มันอบชีสกับพริก ไก่ผัดรสออกเผ็ดๆ และผัดผัก อร่อยทุกอย่างค่ะ มื้อนี้หมดเกลี้ยง อาหารที่ภูฏานจะเน้น พริก ชีสและผัก ถ้าเป็นอาหารแบบดั้งเดิมจริงๆจะเน้นเผ็ด แบบเผ็ดมากกกก ใครไม่กินเผ็ดแนะนำสั่งแบบ less spicy ไว้ก่อนนะคะ โดยรวมรสชาติโอเคค่ะ ที่นี่เค้าสนับสนุนการปลูกผักแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ผักส่วนใหญ่จะเป็นแบบออร์แกนิคค่ะ กินได้สบายใจ ห้องพักที่ได้เป็นแบบsingle bed+เตียงเสริม มีheater และกว้างขวางดี จริงๆแล้วเราสามารถขอแยกอีกห้องได้นะคะ เพราะค่าเที่ยว250usd คือรวมค่าห้องไปหมดแล้ว แต่เรากับเพื่อนอยากนอนด้วยกันมากกว่า ก็เลยขอเป็นแค่สองห้อง และมีเตียงเสริมแทนค่ะ
รูปห้องตอนสภาพดีๆ ไม่มีนะคะ 555 ใครสนใจเข้าไปsearchดูได้เลยค่า
พักกันนิดหน่อย ไปเที่ยวกันต่อค่ะ ที่แรกที่ไปคือ The Big Buddha Point (Kuensel Phorang) เป็นองค์พระใหญ่ที่สร้างด้วยทุนร่วมจากจีน สร้างเสร็จในปี 2005 เป็นจุดที่เราจะเห็นวิวสวยๆ ของทิมพูด้วยค่ะ จริงๆตามแพลนคือเราจะไปเที่ยว museum กันต่อ แต่เนื่องจากมีชาวคณะเท้าแพลงระหว่างเดินลงบันไดที่นี่ เราก็เลยเปลี่ยนแพลนเป็น ไปกินน้ำชา+ของว่างที่บ้านเพื่อน และขับรถชมเมืองตามจุดต่างๆแทนค่ะ
แวะดู ตัวทาคิน สัตว์ประจำชาติที่ว่ากันว่าหน้าเหมือนแพะ ตัวเหมือนวัว ทาคินเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธ์นะคะ น่าจะเหลือเป็นฝูงสุดท้ายแล้ว เราถ่ายรูปได้จากไกลๆ น้องก็จะslow life นิดนึงค่ะ
จุดชมวิวจากบนเขา เห็นTashi chhoeDzong (ทาชิโช ซอง) แปลตรงตัวคือ ป้อมปราการทาชิโช แต่จริงๆแล้วเป็นเหมือนรัฐสภา+ศูนย์ราชการ ของทิมพูค่ะ ปัจจุบันเป็นที่ทำงานของรัฐบาลและของพระมหากษัตริย์ จริงๆนทท. สามารถเข้าชมได้นะคะ แต่เราไม่ได้ไป เนื่องจากเวลาไม่พอค่า ระหว่างชมวิว ถ่ายรูปกันไปก็มีแก็งค์จักรยานเด็กขี่มาแวะพักใกล้ๆนะคะ นี่งงใจมากว่าน้องเค้าขี่ไหวได้ยังไง ป้าแค่เดินก็เกือบหอบละ
City tour กันนิดหน่อย กับคุณตำรวจไฟจราจร ผู้เป็นlandmark ของทิมพู คือที่นี่เค้าจะไม่มีไฟจราจรนะคะ แยกใหญ่ๆในเมืองจะมีคุณตำรวจจราจรคอยโบกแบบนี้ ส่วนตามชนบทนี่คนขับก็เล็งจังหวะกันเองเลย
ส่วนมื้อเย็นพิเศษหน่อย ไปกินข้าวที่บ้านเพื่อนค่ะ welcome drink ด้วย butter tea ชาใส่เนย แบบดั้งเดิม กินแล้วอุ่นขึ้นมาทันที และต่อด้วย bhutanese beer อันนี้ถือว่าดีนะคะ หอมๆ เบาๆค่ะ ไม่เมา ไม่มาวว
ตอนมืดอากาศจะหนาวขึ้นค่ะ น่าจะประมาณ10องศา โชคดีที่ในบ้านจะมีฮีทเตอร์แบบดั้งเดิมที่คล้ายๆเตาผิงด้วย เลยอุ่นสบาย มื้อเย็นนี้มีไข่อบกับมันฝรั่ง ไก่อบกับพริก มันกับชีส และซุปถั่วกับเครื่องเทศ เราและชาวคณะเห็นว่าอร่อยทุกอย่างค่า กินเสร็จกลับถึงโรงแรมสามทุ่มกว่าๆ ยังแวะเดินชมรอบๆ the memorable chorten ได้อีกตามรูปด้านบนเลยค่ะ
ขอจบวันแรกที่ตรงนี้ ไว้ไปเที่ยวกันต่อพรุ่งนี้ค่า ^^