สวัสดีค่ะ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จขกท ได้มีโอกาสไปเยือนดินแดนในฝัน ที่ฝันมานานแสนนาน ตั้งตารอคอยมาประมาณ 1 ปี เลยทีเดียวค่ะ ภูฏาน จขกท ได้ยินชื่อประเทศนี้ครั้งแรกสมัย ป.5 ในหนังสือวิชาสังคมเกี่ยวกับเรื่อง GNH และตอนนั้นรู้สึกว่าจะเป็นครั้งแรกที่กษัตริย์ Jigme เสด็จมายังประเทศไทยเพื่อฉลองครบรอบครองราชย์สมบัติครบ 60 ปีของในหลวงของเราค่ะ หลังจากที่เวลาผ่านมาเกือบ 8 ปี แต่อยู่ดีๆเราก็รู้สึกอยากไปประเทศนี้ขึ้นมาค่ะ โดยที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย5555 ขณะนั้นเอง จขกท เรียนอยู่ปี 1 ทางมหาวิทยาลัยได้มีนักศึกษาชาวภูฏานมาเรียนที่นี่ด้วย เราก็เลยไปทำความรู้จักแล้วก็ได้เป็นเพื่อนกันจนถึงทุกวันนี้ค่ะ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศหลักๆเลยค่ะ ที่ชาวภูฏานมักเดินทางมาศึกษาเล่าเรียน ทำธุรกิจ ช้อปปิ้งและใช้บริการทางการแพทย์ มหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทยก็ได้มีการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาภูฏานค่ะ เรากว้านซื้อหนังสือเกี่ยวกับประเทศภูฏานเกือบทั่วไทยเลยก็ว่าได้ค่ะ มีที่ไหนสั่งมาให้หมด5555 ไล่ดูรายการท่องเที่ยวทุกรายการที่ไปถ่ายทำที่ภูฏาน เพจสายการบินและเพจท่องเที่ยวภูฏานเราไปกดติดตามหมดเลยค่ะ555 เหมือนตัวเองได้กลายเป็นแฟนพันธ์ุแท้เลยทีเดียวค่ะ

หนังสือของ จขกท เองค่ะ ขาดภูฏานอินดี้อีกเล่มนึง
ในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ฝันเป็นจริงแล้วค่ะ หลังจากที่ศึกษาข้อมูลมานับปี จขกท ได้เดินทางไปภูฏานโดยสายการบิน Bhutan airlines หรือ Tashi air ไฟล์ท B3 701 ไปรอเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน ตี 3 กว่าๆค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เพราะไฟล์ท 6.30 ไปถึงคนค่อนข้างเยอะนิดนึงค่ะ เราก็รีบวิ่งไปดูที่บอร์ดเที่ยวบินขาออกค่ะ ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก พอไปถึงเคาท์เตอร์เช็คอิน Row K มีทั้งชาวไทยและชาวภูฏานกำลังรอเช็คอินเลยค่ะ แถวค่อนข้างยาวเพราะมีผู้โดยสารชาวอินเดียด้วย แต่ จขกท ซื้อตั๋วแบบ Premium economy เลยไม่ต้องรอคิวนาน5555 คนแทบไม่มีเลยค่ะ หลังจากที่เราเช็คอินและผ่าน ตม. มาแล้ว เราก็ไปรอขึ้นเครื่องค่ะ โดยจะมีบัสของการบินไทยมารับเราไปขึ้นเครื่องอีกทีนึงค่ะ


หลังจากที่ขึ้นเครื่องมาแล้ว เราก็เจอทั้งชาวไทยที่มากับทัวร์ไทย ชาวภูฏาน ชาวจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งและอินเดียค่ะ จขกท นั่งที่นั่ง 3C แถวหน้าสุดของ Premium economy ถัดจาก Business class ค่ะ ที่นั่งค่อนข้างกว้างพอสมควร เหยียดขาได้สบายเลยค่ะ โอเคมากเลยทีเดียว555 ข้างซ้ายมีป้าฝรั่งนั่งอยู่ ส่วนฝั่งขวาเป็นคนไทยค่ะ มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ค่ะ บนเครื่องมีหนังสือพิมพ์ Nation และ Keunsel และนิตยสารของสายการบิน Kuzuzangpola ให้อ่านด้วยค่ะ แอร์บนเครื่องเป็นชาวภูฏานทั้งหมดค่ะ สวมชุดประจำชาติ Kira เป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียวค่ะ ผู้โดยสารก็ทยอยขึ้นมาประจำที่นั่งของตัวเองเรื่อยๆค่ะ

แต่ว่า... มีผู้โดยสารคนนึงที่คุ้นหน้ามาก ! จน จขกท อึ้งไปเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันใกล้ขนาดนี้ ! Chencho Gyeltshen CG 7 นักฟุตบอลทีมชาติภูฏานที่เป็นฮีโรของคนที่นู้นเลยก็ว่าได้ค่ะ ฉายาของเขาคือ The Ronaldo of Bhutan จากที่ จขกท ได้แต่กดไลค์ตาม IG บ้างประปราย ล่าสุดเห็นเขาลงรูปที่เกาะพีพี คิดว่าน่าจะเที่ยวพักผ่อนหลังจากที่ซ้อมสนามกับสตูลยูไนเต็ดค่ะ เราก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเชนโชเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับเพื่อนภูฏานของจขกท เองค่ะ เพื่อนบอกว่าเขาชอบนำเงินไปบริจาคให้กับโรงเรียนบ่อยๆ ชื่นชอบการเตะฟุตบอลตั้งแต่สมัยเด็กๆค่ะ ก็ถือว่าเป็นกำไรเล็กน้อยๆในการเยือนภูฏานครั้งนี้ค่ะ55555 โลกกลมจริงๆค่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าคนในประเทศไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ประกอบกับเมืองที่ไม่ใหญ่ด้วย คนในเมืองส่วนใหญ่จะรู้จักกันค่ะ เค้าญาติเยอะกันจริงๆค่ะ

หลังจากที่เครื่อง Take off ได้มาสักพัก แอร์ก็นำน้ำอาหารมาเสิร์ฟค่ะ อาหารสามารถเลือกได้ค่ะ Chicken หรือ Vegetarian ตามสะดวกเลยค่ะ จขกท เลือก เมนูผักค่ะ รสชาติถือว่าใช้ได้เลยค่ะ เครื่องจะจอดแวะที่ โกลกัลต้าที่ประเทศอินเดียเพื่อรับส่งผู้โดยสารค่ะ ถ้าโชคดีได้บินวันที่ฟ้าใส เราจะมีโอกาสได้เห็นเทือกเขาหิมาลัยค่ะ กัปตันจะเป็นคนประกาศให้เราทราบค่ะ แต่เสียดาย จขกท ไม่ได้นั่งติดหน้าต่างเลยเห็นไม่ค่อยชัดค่ะ จะขอป้าฝรั่งดูก็เกรงใจ555 เพราะตอนขึ้นเครื่องมาดูอัธยาศัยไม่ดีเท่าไหร่ (แอบเมาท์นิดนึง) แต่ตอนหลังหลังจากที่ป้าคุยกับเรานิดหน่อย เราก็เพิ่งมารู้ว่าป้าแกมีสามีเป็นชาวภูฏานค่ะ มาภูฏานตั้งแต่สมัยยังไม่เปิดประเทศ ป้าแกทำงานที่ UN เลยเข้ามาศึกษาภูฏานในสมัยแรกๆค่ะ บ้านป้าอยู่ใกล้ๆโรงแรมที่เราจะไปพักในทิมพูนี่เองค่ะ พอใกล้ๆที่เครื่องจะ Landing เราจะเห็นเทือกเขาสีเขียวชอุ่มเลยทีเดียวค่ะ เห็นบ้านที่ปลูกตามยอดเขาสูงๆประปราย นาขั้นบันไดและแม่น้ำ เป็นวิวที่สวยงามมากเลยค่ะ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ต้องลองมาดูด้วยตาตัวเองค่ะ สวยมากกกกก


ในที่สุดเราก็ถึงแล้วค่ะ Paro international airport สนามบินนานาชาติพาโรนั้นเอง เรามีบุญได้ไปใช้อาคาร Terminal หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้เองค่ะ อาคารภายในตกแต่งแบบสไตล์ภูฏาน ห้องน้ำสะอาด และมีจุดบริการให้แลกเงินค่ะ เราแลกเงินดอลลาร์จากสุวรรณภูมิแล้วนำมาแลกเป็นเงินนูตรัมค่ะ (สกุลเงินภูฏาน) หลังจากที่เราจัดการแลกเงินเสร็จสรรพ ได้กระเป๋าเรียบร้อย เราก็ไปหาไกด์กับคนขับรถที่รอเราอยู่ที่ประตูทางออกค่ะ เราทัวร์ภูฏานครั้งนี้กับ Local tour ชื่อว่า Bhutan Rila Expeditions เนื่องจากทั้งทัวร์มีแค่สองคนคือเรากับพี่ รถที่ได้ในการทัวร์ครั้งนี้ เป็น 4WD Hyundai ค่ะ ถ้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ส่วนใหญ่จะได้เป็นรสบัสเล็กค่ะ ไกด์ต้อนรับเราด้วยผ้าพันคอสีขาว คิดว่าเป็นธรรมเนียมของคนที่นี่มั้งค่ะ เคยเห็นในรายการกบนอกกะลาค่ะ ตามโปรแกรมทัวร์ของเราคือมุ่งหน้าไปเมืองหลวง กรุงทิมพูค่ะ ระหว่างทางอยู่ดีๆรถก็จอดกะทันหัน เราเองก็ งง จอดทำไม หลังจากที่รถเคลื่อนตัว ไกด์ก็หันมาบอกกับเราว่ารถที่ขับสวนไปเป็นรถของ King's mother ค่ะ เหมือนกับว่าถ้าขับเจอรถของราชวงศ์ จะต้องหยุดรถแล้วให้เขาไปก่อนค่ะ โดยสังเกตจากป้ายทะเบียนรถค่ะ เรามุ่งหน้าเข้าสู่ทิมพู เริ่มเห็นตึกเห็นบ้านมากขึ้นค่ะ ตึกไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ค่ะ ตกแต่งเป็นสไตล์ภูฏาน ระหว่างทางเห็นมีโชว์รูม Toyota Honda Tata คล้ายๆกับเมืองไทยค่ะ พอเริ่มเข้าเขตเมือง เราเริ่มเห็นร้านค้า สถานที่ราชการต่างๆมากขึ้นค่ะ

สถานที่แรกที่เราไปคือ National Memorial Chorten อากาศสดชื่นลมพัดเย็นสบาย ประมาณ 20 องศาได้ค่ะ พบกับชาวภูฏานทั้งวัยรุ่นและคนแก่มาเดินเวียนสถูป อากาศค่อนข้างเย็นนิดหน่อยแต่ก็สดชื่นมาก เหมือนได้โผล่มาอีกโลกนึงเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ไปที่ Buddha point ค่ะ วิวหลักล้านสำหรับ Kuenselcholing View Point ให้คำนี้เลย ! อากาศดีที่สุด พระใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสูงกลางเมือง ลมแรงอากาศเย็นมาก มองเห็นเมืองทิมพูได้สวยงามมากค่ะ
และสุดท้ายของวันนี้ Tashicho Dzong หรืออีกชื่อนึงคือ Thimphu Dzong ค่ะ เป็นซองที่สำคัญมากแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นที่ทรงงานของกษัตริย์จิกมี่และเป็นที่ทำการของรัฐบาลค่ะ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมหลังประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัย เราต้องผ่านระบบสแกนก่อนที่จะเข้าชมค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่และตำรวจคอยดูแลอยู่ทางเข้าค่ะ
ที่นี่ดอกกุหลาบใหญ่มากค่ะ จขกท ก็อยากรู้เหมือนกันว่าพันธุ์อะไร555



หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จะพักในคืนนี้ค่ะ Pedling hotel อยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ หลังจากที่เช็คอินและเก็บของเรียบร้อย ไกด์ก็พาเราไปซื้อซิมของที่นี่ค่ะ ภูฏานมีเครือข่ายมือถืออยู่ 2 ค่าย คือ B-Mobile และ Tashi cell ค่ะ จขกท ได้เลือกซื้อซิมของ Tashi cell เอกสารที่เราต้องใช้ก็มี passport คิดว่าน่าจะเป็นซิมสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ ไกด์พาเราเดินชมรอบๆเมือง จุดที่ จขกท ชอบมากที่สุดคือหอนาฬิกาค่ะ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มักจะเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆค่ะ เราก็เดินรอบๆเมือง แวะชมร้านค้าของที่นี่ ส่วนใหญ่ของที่ขายจะนำเข้ามาจากอินเดีย จากประเทศไทยก็มีเหมือนกันค่ะ มาม่า ไวไว ซันซิล โก๋แก่ ประมาณนี้ค่ะ ร้านค้าที่นี่ค่อนข้างปิดเร็ว ประมาณ 2-3 ทุ่มก็ปิดกันหมดแล้วค่ะ จะเปิดอีกทีก็ประมาณ 8-9 โมงค่ะ ที่ภูฏานมีบริการ Taxi เหมือนกันค่ะ รถทุกคันจะมีชื่อเมืองแต่ละเมืองติดอยู่ข้างรถค่ะ รถที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นรถคันเล็กๆค่ะ พวก Suzuki แล้วก็รถ 4WD Toyota Prado หรือ Hyundai Honda ก็พอมีบ้างค่ะ รถบรรทุกส่วนใหญ่จะเป็นของ TATA ที่นี่มีร้านอาหารไทยอยู่เหมือนกันค่ะ เท่าที่เรารู้จักมี บ้านไทย ครัวสุโขทัย Lemonglass ค่ะ

หอนาฬิกาค่ะ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
Day 2 Sightseeing in Thimphu
วันนี้เราจะไปปีนเขาที่ Cheri Monastery ค่ะ ยิ่งสูงวิวยิ่งสวยค่ะ น้ำใสไหลเย็น ธงมนต์พลิ้วปลิวไสว ธงมนต์มีทั้งหมด 5 สี หมายถึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ชาวภูฏานเชื่อว่าลมที่พัดให้ธงมนต์ปลิวไสว เหมือนกับได้สวดมนต์ตลอดเวลาค่ะ
หลังจากปีนเขา เราก็ไปที่ Post office ค่ะ ที่นี่มีแสตมป์และของที่ระลึกขาย จขกท เหมาโปสการ์ดกับแผนที่มาค่ะ ใครที่อยากจะกลับไทยก็ทำได้ค่ะ
เราเดินทางไปต่อกันที่ Mini zoo สวนสัตว์ทาคิน ย่าน Motithang สัตว์ประจำชาติภูฏานค่ะ
โรงงานกระดาษในทิมพูค่ะ
ตอนต่อไปค่ะ
http://ppantip.com/topic/35286999 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 2
http://ppantip.com/topic/35287496 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 3
[CR] 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 1
ในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ฝันเป็นจริงแล้วค่ะ หลังจากที่ศึกษาข้อมูลมานับปี จขกท ได้เดินทางไปภูฏานโดยสายการบิน Bhutan airlines หรือ Tashi air ไฟล์ท B3 701 ไปรอเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน ตี 3 กว่าๆค่ะ ถ้าจำไม่ผิด เพราะไฟล์ท 6.30 ไปถึงคนค่อนข้างเยอะนิดนึงค่ะ เราก็รีบวิ่งไปดูที่บอร์ดเที่ยวบินขาออกค่ะ ยอมรับว่าตื่นเต้นมาก พอไปถึงเคาท์เตอร์เช็คอิน Row K มีทั้งชาวไทยและชาวภูฏานกำลังรอเช็คอินเลยค่ะ แถวค่อนข้างยาวเพราะมีผู้โดยสารชาวอินเดียด้วย แต่ จขกท ซื้อตั๋วแบบ Premium economy เลยไม่ต้องรอคิวนาน5555 คนแทบไม่มีเลยค่ะ หลังจากที่เราเช็คอินและผ่าน ตม. มาแล้ว เราก็ไปรอขึ้นเครื่องค่ะ โดยจะมีบัสของการบินไทยมารับเราไปขึ้นเครื่องอีกทีนึงค่ะ
หลังจากที่ขึ้นเครื่องมาแล้ว เราก็เจอทั้งชาวไทยที่มากับทัวร์ไทย ชาวภูฏาน ชาวจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งและอินเดียค่ะ จขกท นั่งที่นั่ง 3C แถวหน้าสุดของ Premium economy ถัดจาก Business class ค่ะ ที่นั่งค่อนข้างกว้างพอสมควร เหยียดขาได้สบายเลยค่ะ โอเคมากเลยทีเดียว555 ข้างซ้ายมีป้าฝรั่งนั่งอยู่ ส่วนฝั่งขวาเป็นคนไทยค่ะ มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ค่ะ บนเครื่องมีหนังสือพิมพ์ Nation และ Keunsel และนิตยสารของสายการบิน Kuzuzangpola ให้อ่านด้วยค่ะ แอร์บนเครื่องเป็นชาวภูฏานทั้งหมดค่ะ สวมชุดประจำชาติ Kira เป็นเอกลักษณ์เลยทีเดียวค่ะ ผู้โดยสารก็ทยอยขึ้นมาประจำที่นั่งของตัวเองเรื่อยๆค่ะ
แต่ว่า... มีผู้โดยสารคนนึงที่คุ้นหน้ามาก ! จน จขกท อึ้งไปเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันใกล้ขนาดนี้ ! Chencho Gyeltshen CG 7 นักฟุตบอลทีมชาติภูฏานที่เป็นฮีโรของคนที่นู้นเลยก็ว่าได้ค่ะ ฉายาของเขาคือ The Ronaldo of Bhutan จากที่ จขกท ได้แต่กดไลค์ตาม IG บ้างประปราย ล่าสุดเห็นเขาลงรูปที่เกาะพีพี คิดว่าน่าจะเที่ยวพักผ่อนหลังจากที่ซ้อมสนามกับสตูลยูไนเต็ดค่ะ เราก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเชนโชเคยเรียนโรงเรียนเดียวกับเพื่อนภูฏานของจขกท เองค่ะ เพื่อนบอกว่าเขาชอบนำเงินไปบริจาคให้กับโรงเรียนบ่อยๆ ชื่นชอบการเตะฟุตบอลตั้งแต่สมัยเด็กๆค่ะ ก็ถือว่าเป็นกำไรเล็กน้อยๆในการเยือนภูฏานครั้งนี้ค่ะ55555 โลกกลมจริงๆค่ะ น่าจะเป็นเพราะว่าคนในประเทศไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ประกอบกับเมืองที่ไม่ใหญ่ด้วย คนในเมืองส่วนใหญ่จะรู้จักกันค่ะ เค้าญาติเยอะกันจริงๆค่ะ
หลังจากที่เครื่อง Take off ได้มาสักพัก แอร์ก็นำน้ำอาหารมาเสิร์ฟค่ะ อาหารสามารถเลือกได้ค่ะ Chicken หรือ Vegetarian ตามสะดวกเลยค่ะ จขกท เลือก เมนูผักค่ะ รสชาติถือว่าใช้ได้เลยค่ะ เครื่องจะจอดแวะที่ โกลกัลต้าที่ประเทศอินเดียเพื่อรับส่งผู้โดยสารค่ะ ถ้าโชคดีได้บินวันที่ฟ้าใส เราจะมีโอกาสได้เห็นเทือกเขาหิมาลัยค่ะ กัปตันจะเป็นคนประกาศให้เราทราบค่ะ แต่เสียดาย จขกท ไม่ได้นั่งติดหน้าต่างเลยเห็นไม่ค่อยชัดค่ะ จะขอป้าฝรั่งดูก็เกรงใจ555 เพราะตอนขึ้นเครื่องมาดูอัธยาศัยไม่ดีเท่าไหร่ (แอบเมาท์นิดนึง) แต่ตอนหลังหลังจากที่ป้าคุยกับเรานิดหน่อย เราก็เพิ่งมารู้ว่าป้าแกมีสามีเป็นชาวภูฏานค่ะ มาภูฏานตั้งแต่สมัยยังไม่เปิดประเทศ ป้าแกทำงานที่ UN เลยเข้ามาศึกษาภูฏานในสมัยแรกๆค่ะ บ้านป้าอยู่ใกล้ๆโรงแรมที่เราจะไปพักในทิมพูนี่เองค่ะ พอใกล้ๆที่เครื่องจะ Landing เราจะเห็นเทือกเขาสีเขียวชอุ่มเลยทีเดียวค่ะ เห็นบ้านที่ปลูกตามยอดเขาสูงๆประปราย นาขั้นบันไดและแม่น้ำ เป็นวิวที่สวยงามมากเลยค่ะ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ต้องลองมาดูด้วยตาตัวเองค่ะ สวยมากกกกก
ในที่สุดเราก็ถึงแล้วค่ะ Paro international airport สนามบินนานาชาติพาโรนั้นเอง เรามีบุญได้ไปใช้อาคาร Terminal หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานนี้เองค่ะ อาคารภายในตกแต่งแบบสไตล์ภูฏาน ห้องน้ำสะอาด และมีจุดบริการให้แลกเงินค่ะ เราแลกเงินดอลลาร์จากสุวรรณภูมิแล้วนำมาแลกเป็นเงินนูตรัมค่ะ (สกุลเงินภูฏาน) หลังจากที่เราจัดการแลกเงินเสร็จสรรพ ได้กระเป๋าเรียบร้อย เราก็ไปหาไกด์กับคนขับรถที่รอเราอยู่ที่ประตูทางออกค่ะ เราทัวร์ภูฏานครั้งนี้กับ Local tour ชื่อว่า Bhutan Rila Expeditions เนื่องจากทั้งทัวร์มีแค่สองคนคือเรากับพี่ รถที่ได้ในการทัวร์ครั้งนี้ เป็น 4WD Hyundai ค่ะ ถ้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ ส่วนใหญ่จะได้เป็นรสบัสเล็กค่ะ ไกด์ต้อนรับเราด้วยผ้าพันคอสีขาว คิดว่าเป็นธรรมเนียมของคนที่นี่มั้งค่ะ เคยเห็นในรายการกบนอกกะลาค่ะ ตามโปรแกรมทัวร์ของเราคือมุ่งหน้าไปเมืองหลวง กรุงทิมพูค่ะ ระหว่างทางอยู่ดีๆรถก็จอดกะทันหัน เราเองก็ งง จอดทำไม หลังจากที่รถเคลื่อนตัว ไกด์ก็หันมาบอกกับเราว่ารถที่ขับสวนไปเป็นรถของ King's mother ค่ะ เหมือนกับว่าถ้าขับเจอรถของราชวงศ์ จะต้องหยุดรถแล้วให้เขาไปก่อนค่ะ โดยสังเกตจากป้ายทะเบียนรถค่ะ เรามุ่งหน้าเข้าสู่ทิมพู เริ่มเห็นตึกเห็นบ้านมากขึ้นค่ะ ตึกไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ค่ะ ตกแต่งเป็นสไตล์ภูฏาน ระหว่างทางเห็นมีโชว์รูม Toyota Honda Tata คล้ายๆกับเมืองไทยค่ะ พอเริ่มเข้าเขตเมือง เราเริ่มเห็นร้านค้า สถานที่ราชการต่างๆมากขึ้นค่ะ
สถานที่แรกที่เราไปคือ National Memorial Chorten อากาศสดชื่นลมพัดเย็นสบาย ประมาณ 20 องศาได้ค่ะ พบกับชาวภูฏานทั้งวัยรุ่นและคนแก่มาเดินเวียนสถูป อากาศค่อนข้างเย็นนิดหน่อยแต่ก็สดชื่นมาก เหมือนได้โผล่มาอีกโลกนึงเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ไปที่ Buddha point ค่ะ วิวหลักล้านสำหรับ Kuenselcholing View Point ให้คำนี้เลย ! อากาศดีที่สุด พระใหญ่ ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสูงกลางเมือง ลมแรงอากาศเย็นมาก มองเห็นเมืองทิมพูได้สวยงามมากค่ะ
และสุดท้ายของวันนี้ Tashicho Dzong หรืออีกชื่อนึงคือ Thimphu Dzong ค่ะ เป็นซองที่สำคัญมากแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นที่ทรงงานของกษัตริย์จิกมี่และเป็นที่ทำการของรัฐบาลค่ะ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมหลังประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัย เราต้องผ่านระบบสแกนก่อนที่จะเข้าชมค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่และตำรวจคอยดูแลอยู่ทางเข้าค่ะ
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จะพักในคืนนี้ค่ะ Pedling hotel อยู่ใจกลางเมืองเลยค่ะ หลังจากที่เช็คอินและเก็บของเรียบร้อย ไกด์ก็พาเราไปซื้อซิมของที่นี่ค่ะ ภูฏานมีเครือข่ายมือถืออยู่ 2 ค่าย คือ B-Mobile และ Tashi cell ค่ะ จขกท ได้เลือกซื้อซิมของ Tashi cell เอกสารที่เราต้องใช้ก็มี passport คิดว่าน่าจะเป็นซิมสำหรับนักท่องเที่ยวค่ะ ไกด์พาเราเดินชมรอบๆเมือง จุดที่ จขกท ชอบมากที่สุดคือหอนาฬิกาค่ะ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มักจะเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆค่ะ เราก็เดินรอบๆเมือง แวะชมร้านค้าของที่นี่ ส่วนใหญ่ของที่ขายจะนำเข้ามาจากอินเดีย จากประเทศไทยก็มีเหมือนกันค่ะ มาม่า ไวไว ซันซิล โก๋แก่ ประมาณนี้ค่ะ ร้านค้าที่นี่ค่อนข้างปิดเร็ว ประมาณ 2-3 ทุ่มก็ปิดกันหมดแล้วค่ะ จะเปิดอีกทีก็ประมาณ 8-9 โมงค่ะ ที่ภูฏานมีบริการ Taxi เหมือนกันค่ะ รถทุกคันจะมีชื่อเมืองแต่ละเมืองติดอยู่ข้างรถค่ะ รถที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นรถคันเล็กๆค่ะ พวก Suzuki แล้วก็รถ 4WD Toyota Prado หรือ Hyundai Honda ก็พอมีบ้างค่ะ รถบรรทุกส่วนใหญ่จะเป็นของ TATA ที่นี่มีร้านอาหารไทยอยู่เหมือนกันค่ะ เท่าที่เรารู้จักมี บ้านไทย ครัวสุโขทัย Lemonglass ค่ะ
Day 2 Sightseeing in Thimphu
วันนี้เราจะไปปีนเขาที่ Cheri Monastery ค่ะ ยิ่งสูงวิวยิ่งสวยค่ะ น้ำใสไหลเย็น ธงมนต์พลิ้วปลิวไสว ธงมนต์มีทั้งหมด 5 สี หมายถึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ชาวภูฏานเชื่อว่าลมที่พัดให้ธงมนต์ปลิวไสว เหมือนกับได้สวดมนต์ตลอดเวลาค่ะ
หลังจากปีนเขา เราก็ไปที่ Post office ค่ะ ที่นี่มีแสตมป์และของที่ระลึกขาย จขกท เหมาโปสการ์ดกับแผนที่มาค่ะ ใครที่อยากจะกลับไทยก็ทำได้ค่ะ
ตอนต่อไปค่ะ
http://ppantip.com/topic/35286999 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 2
http://ppantip.com/topic/35287496 10 วัน ฝันที่เป็นจริง "BHUTAN" The Land of the Thunder Dragon Part 3
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น