สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศเล็กๆที่ชื่อว่า ภูฏาน
ซึ่งเราเขียนกระทู้นี้ย้อนหลังนะคะ ไปตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน
การเดินทางไปเที่ยวประเทศภูฏานนั้น ไม่ได้ไปกันง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยาก เพราะเค้ายังคงมีข้อจำกัดจากทางรัฐบาลที่นั่นว่าจะต้องเดินทางเข้ามากับบริษัททัวร์เท่านั้น จะไม่มีการแบคแพคในประเทศนี้ หรือเว้นแต่คุณจะเดินทางไปในฐานะแขกของคนที่นั้น ซึ่ง1ปี คนภูฏานจะเชิญแขกไปได้เพียง2คนเท่านั้น ถึงจะซื้อทัวร์มาเค้าก็ยังมีโควต้ากำหนดอีกว่าให้เข้าปีละไม่เกินกี่คน ซึ่งข้อจำกัดนี้ส่งผลดีสิ่งแวดล้อมของประเทศมากๆ
ประเทศภูฏาน หรือดินแดนของมังกรสายฟ้า ตั้งอยู่เทือกเขาหิมาลัย ระหว่างประเทศอินเดียกับจีน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ที่ลาดเชิงเขา ทำให้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่เขา ภาพที่ถ่ายได้จะเป็นภาพในหุบเขาเยอะมากๆ ขนาดสนามบินยังอยู่กลางหุบเขา ตอนเครื่องแลนด์ลงที่สนามบินก็บินผ่ากลางซอกเขามาเลยค่ะ ตื่นเต้น
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขา ทางถนนก็ขึ้นๆลงๆขรุขระตามสภาพ จะต้องฟิตร่างกายกันซักหน่อย
Day 1
นัดพบกับชาวคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาตี4 เพื่อออกเดินทางไฟล์ท 6.30น. ของสายการบิน Bhutan Airline มีพักเครื่องแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่อินเดีย จากนั้นเราจะไปลงเครื่องกันที่เมือง Paro (พาโร) ประเทศภูฎาน
พอถึงก็ตรงมาที่สถานที่แรกกันเลย
National Museum of Bhutan
ป้อมที่เราเห็นนี่เป็นป้อมปราการที่รีโนเวทมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ตอนนี้ปิดซ่อมแซจากเหตุแผ่นดินไหว เลยต้องย้ายพิพิธภัณฑ์มาไว้ตึกตรงข้ามแทน ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ ข้างในก็จะจัดแสดงพวกศิลปะ รูปวาด เครื่องมือเครื่องใช้โบราณ นู่นนี่นั่น ในสไตล์ภูฏาน
บรรยากาศรอบๆ เดินจนหน้ามืด เพราะหิวมาก
อันนี้เหมือนเป็นการขอพรโดยการเอาหินมาซ้อนกันเป็นชั้นๆโดยไม่ให้ล้ม เห็นวัดพุทธในบางประเทศทำแบบนี้
เดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์ เข้าตัวเมือง เราจะไปกินข้าวเที่ยงกัน
ใจกลางเมืองพาโร เมืองเงียบสงบมาก เงียบเกิน แล้วก็เล็กมากอย่างคาดไม่ถึง เล็กประมาณว่ามีถนนเส้นเดียวไปได้ทั่วเมือง
อาหารมื้อแรกของเรา คือข้าว + ไข่เจียว + ผักผัดชีส + ซุป
คืออาหารของคนที่นี่จะประมาณนี้ทุกมื้อเลยค่ะ รสชาติส่วนใหญ่จะจืด บางอย่างอร่อย บางอย่างทานได้ บางอย่างโอเคคำเดียวพอ 5555 เนื้อส่วนมากที่เจอเป็นไก่
เครื่องดื่มที่มีทุกมื้อคือ ชานม ชาเนย กาแฟก็มีนมเนยผสมตลอด
ปล. เราไม่มีรูปอาหารเลย ปกติชอบถ่ายอาหารมากแต่ทริปนี้ขอบายด้วยหลายเหตุผล เช่น หิวจนไม่ถ่ายดีกว่า ไปกับผู้ใหญ่เยอะไม่อยากเสียมารยาทว่าแป้บๆขอถ่ายก่อนนะคะ ไม่เหมือนไปกับเพื่อน เพราะฉะนั้นไม่มีรูปอาหารเลย
หลังรับประทานอาหารเสร็จก็เดินทางต่อไปวัดค่ะ
Kyichu Lhakhang
หนึ่งในวัดที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของภูฏาน
รอบๆวัดจะมีระฆังแบบหมุนๆให้เราเดินหมุนวนขวาไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็เดินทางออกจากเมือง Paro ไปยังเมือง Thimpu ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศภูฏาน ห่างออกไปประมาณ 65 กิโลเมตร
ระหว่างทางจากผ่านบริเวณจุดชมวิว
Tamchoe Monastery และ แม่น้ำวังชู (จุดที่แม่น้ำพาโรมาบรรจบกับแม่น้ำทิมพู)
จุดเด่นๆบริเวณนี้คือสะพานเหล็ก สามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ค่ะ แต่น้ำข้างล่างแรงมาก ขาสั่นเลย
พอถึงเมือง Thimpu ก็เข้าที่พัก แล้วก็มีปาร์ตี้ต้อนรับจากผู้ใหญ่ที่นั่น เนื่องจากเราไปกับคณะที่ไปดูงานของหอการค้า ก็จะมีทั้งส่วนเที่ยวด้วยและคุยธุรกิจด้วย สำหรับวันแรกก็จะจบเพียงเท่านี้
✥✥✥✥✥✥✥
[CR] BHUTAN ♡ #ในอ้อมกอดมังกรสายฟ้า
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศเล็กๆที่ชื่อว่า ภูฏาน
ซึ่งเราเขียนกระทู้นี้ย้อนหลังนะคะ ไปตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน
การเดินทางไปเที่ยวประเทศภูฏานนั้น ไม่ได้ไปกันง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยาก เพราะเค้ายังคงมีข้อจำกัดจากทางรัฐบาลที่นั่นว่าจะต้องเดินทางเข้ามากับบริษัททัวร์เท่านั้น จะไม่มีการแบคแพคในประเทศนี้ หรือเว้นแต่คุณจะเดินทางไปในฐานะแขกของคนที่นั้น ซึ่ง1ปี คนภูฏานจะเชิญแขกไปได้เพียง2คนเท่านั้น ถึงจะซื้อทัวร์มาเค้าก็ยังมีโควต้ากำหนดอีกว่าให้เข้าปีละไม่เกินกี่คน ซึ่งข้อจำกัดนี้ส่งผลดีสิ่งแวดล้อมของประเทศมากๆ
ประเทศภูฏาน หรือดินแดนของมังกรสายฟ้า ตั้งอยู่เทือกเขาหิมาลัย ระหว่างประเทศอินเดียกับจีน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ที่ลาดเชิงเขา ทำให้ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่เขา ภาพที่ถ่ายได้จะเป็นภาพในหุบเขาเยอะมากๆ ขนาดสนามบินยังอยู่กลางหุบเขา ตอนเครื่องแลนด์ลงที่สนามบินก็บินผ่ากลางซอกเขามาเลยค่ะ ตื่นเต้น
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขา ทางถนนก็ขึ้นๆลงๆขรุขระตามสภาพ จะต้องฟิตร่างกายกันซักหน่อย
Day 1
นัดพบกับชาวคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาตี4 เพื่อออกเดินทางไฟล์ท 6.30น. ของสายการบิน Bhutan Airline มีพักเครื่องแวะรับผู้โดยสารเพิ่มที่อินเดีย จากนั้นเราจะไปลงเครื่องกันที่เมือง Paro (พาโร) ประเทศภูฎาน
พอถึงก็ตรงมาที่สถานที่แรกกันเลย
National Museum of Bhutan
ป้อมที่เราเห็นนี่เป็นป้อมปราการที่รีโนเวทมาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ตอนนี้ปิดซ่อมแซจากเหตุแผ่นดินไหว เลยต้องย้ายพิพิธภัณฑ์มาไว้ตึกตรงข้ามแทน ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ ข้างในก็จะจัดแสดงพวกศิลปะ รูปวาด เครื่องมือเครื่องใช้โบราณ นู่นนี่นั่น ในสไตล์ภูฏาน
บรรยากาศรอบๆ เดินจนหน้ามืด เพราะหิวมาก
อันนี้เหมือนเป็นการขอพรโดยการเอาหินมาซ้อนกันเป็นชั้นๆโดยไม่ให้ล้ม เห็นวัดพุทธในบางประเทศทำแบบนี้
เดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์ เข้าตัวเมือง เราจะไปกินข้าวเที่ยงกัน
ใจกลางเมืองพาโร เมืองเงียบสงบมาก เงียบเกิน แล้วก็เล็กมากอย่างคาดไม่ถึง เล็กประมาณว่ามีถนนเส้นเดียวไปได้ทั่วเมือง
อาหารมื้อแรกของเรา คือข้าว + ไข่เจียว + ผักผัดชีส + ซุป
คืออาหารของคนที่นี่จะประมาณนี้ทุกมื้อเลยค่ะ รสชาติส่วนใหญ่จะจืด บางอย่างอร่อย บางอย่างทานได้ บางอย่างโอเคคำเดียวพอ 5555 เนื้อส่วนมากที่เจอเป็นไก่
เครื่องดื่มที่มีทุกมื้อคือ ชานม ชาเนย กาแฟก็มีนมเนยผสมตลอด
ปล. เราไม่มีรูปอาหารเลย ปกติชอบถ่ายอาหารมากแต่ทริปนี้ขอบายด้วยหลายเหตุผล เช่น หิวจนไม่ถ่ายดีกว่า ไปกับผู้ใหญ่เยอะไม่อยากเสียมารยาทว่าแป้บๆขอถ่ายก่อนนะคะ ไม่เหมือนไปกับเพื่อน เพราะฉะนั้นไม่มีรูปอาหารเลย
หลังรับประทานอาหารเสร็จก็เดินทางต่อไปวัดค่ะ
Kyichu Lhakhang
หนึ่งในวัดที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของภูฏาน
รอบๆวัดจะมีระฆังแบบหมุนๆให้เราเดินหมุนวนขวาไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็เดินทางออกจากเมือง Paro ไปยังเมือง Thimpu ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศภูฏาน ห่างออกไปประมาณ 65 กิโลเมตร
ระหว่างทางจากผ่านบริเวณจุดชมวิว
Tamchoe Monastery และ แม่น้ำวังชู (จุดที่แม่น้ำพาโรมาบรรจบกับแม่น้ำทิมพู)
จุดเด่นๆบริเวณนี้คือสะพานเหล็ก สามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ค่ะ แต่น้ำข้างล่างแรงมาก ขาสั่นเลย
พอถึงเมือง Thimpu ก็เข้าที่พัก แล้วก็มีปาร์ตี้ต้อนรับจากผู้ใหญ่ที่นั่น เนื่องจากเราไปกับคณะที่ไปดูงานของหอการค้า ก็จะมีทั้งส่วนเที่ยวด้วยและคุยธุรกิจด้วย สำหรับวันแรกก็จะจบเพียงเท่านี้
✥✥✥✥✥✥✥