หลวงพระบางเป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก
การเดินทางไปลาวเหนือที่หลวงพระบางมีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะ…
1.    รถบัสเลย – หลวงพระบาง
2.    รถบัสอุดรธานี(หรือหนองคาย) – เวียงจันทร์ – วังเวียง – หลวงพระบาง
3.    รถบัสน่าน – หลวงพระบาง
4.    บินตรงกรุงเทพฯ – หลวงพระบาง
แต่ทริปนี้เราเลือกบินตรงจากสุวรรณภูมิสู่หลวงพระบาง
การเตรียมตัว:
1.    ตั๋วไป – กลับ (อาจจะรวมที่พักในแพ็กเกจ)
2.    เงิน สามารถนำเงินไทยบาท(THB) ไปแลกป็นเงินลาวกีฟ(LAK) ได้เลย (265 กีฟ/บาท ณ วันที่เดินทาง)
3.    วันหยุด 3 – 4 วัน
4.    ภาษา ไม่ต้องเพราะภาษาบ้านเค้าใกล้เคียงกับบ้านเราทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
รีวิวที่ผ่านมา:
ซาปา 5N/6D (10,xxx baht) https://ppantip.com/topic/36481465
พม่า 2N/3D (7,500 baht ไม่รวมอาหาร) https://ppantip.com/topic/36654255
รัสเซีย 9N/10D (27,000 baht ไม่รวมอาหาร) https://ppantip.com/topic/36955050
ผาปักธง ลำปาง https://ppantip.com/topic/37159640
เมดาน อินโดนีเซีย 4N/5D (8,550 baht) https://ppantip.com/topic/37439326
กลับมาที่การเดินทางของเรา ทริปนี้ 3 วัน / 2 คืน และจองตั๋วเครื่องบินไป – กลับพร้อมกับที่พักในแพ็กเกจ

Day#1 สบายดี - หลวงพระบาง
ก่อนเครื่องบินขึ้นก็มาหาอะไรทานรองท้องที่ห้องพักผู้โดยสาร ซึ่งห้องรับรองพิเศษสำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศอยู่ที่ชั้น 3 อยู่ตรงข้ามประตูทางออก D7

เมื่อเครื่องบินออกเดินทางจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง และก่อนที่เครื่องบินจะลงจอดที่หลวงพระบาง
เราจะมองเห็นเขื่อน และแม่น้ำสายหนึ่งก่อนมาบรรจบกับแม่น้ำโขง

และอย่าลืมกรอกใบขาเข้าประเทศและยื่นให้เจ้าหน้าที่ตม.

จากนั้นก็ซื้อซิมการ์ด และแลกเงิน รวมไปถึงซื้อตั๋วรถเข้าเมือง รถตู้ 1 คัน มีผู้โดยสาร 2 คน เค้าก็มาส่ง



เราพักที่โรงแรมสายน้ำคานริเวอร์วิวทั้ง 2 คืน เมื่อเช็คอินเสร็จก็ไปเดินเล่น
1. วัดเชียงทอง
เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และได้รับขนานนามว่า “อัญมณีแห่งสกุลช่างล้านช้าง”
ภายในวัดมีพระอุโบสถที่สวยงาม โดยสิ่งที่โดดเด่นคือหลังคาซ้อนกัน 3 ตับ และบนกลางสันหลังคามีการทำช่อฟ้าอีกด้วย


อีกหนึ่งแลนดืมาร์คที่นี่คือหอพระสีชมพู



และก็ยังมีเรือหลวงทองโดยมีโกฏิวางอยู่บนเรือหลวงด้วย



ค่าเข้าชมตามภาพด้านล่าง

และนี่คืออีกวัดหนึ่งที่อยู่ถัดจากวัดเชียงทอง


และบริเวณหน้าวัด หรือหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีป้ายบอกว่า...


2. อาคารบ้านเรือนแบบโคโลเนียล


อีกหนึ่งไฮไลค์ของเมืองนี้คืออาคารบ้านเรือนที่ผสมผสานกันระหว่างแบบท้องถิ่น และแบบตามฉบับของประเทสอาณานิคม



ข้างถนนจะมีสิ่งนี้วางตากแดดซึ่งเห็นได้ทั่วไปทั้ง 2 ฝั่งถนน


และนี่คือ “ปากคาน” คือบริเวณที่แม่น้ำคาน และแม่น้ำโขงไหลมาบรรจบกัน

ที่นี่มีเรือท่องเที่ยวให้บริการด้วย แต่เราไม่กล้าเพราะน้ำยังหลากอยู่ ดูจากสีก็รู้
ร้านแลกตังค์มีหลายร้านด้วยกัน แต่เช็คเรตเงินก่อนแลกนะจ๊ะ

3. พระธาตุพูสี
ทางขึ้นพระธาตุมี 2 ทาง คือฝั่งแม่น้ำคาน และฝั่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หรือฝั่งตลาดมืด

มีบันไดเดินข้นระมาณ 300 กว่าขั้น ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็เดินถึง
สิ่งที่ต้องห้ามพลาดยามเย็นเมื่อมาหลวงพระบางนั่นก็คือดูพระอาทิตย์ตกบนพระธาตุแห่งนี้


ส่วนอีกฝั่งของพระธาตุก็เป็นวิวเมืองหลวงพระบาง สนามบิน และแม่น้ำคาน

4. ตลาดมืด
เหมือนถนนคนเดินบ้านเรา ตั้งอยู่บนถนนหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง
สินค้าที่จำหน่ายคล้ายถนนคนเดินท่าแพ เชียงใหม่ เป็นของแฮนด์เมด




ที่นี้มีของกินเยอะมาก แต้ต้องเข้าไปในซอยนะ
และอีกอย่างที่เยอะพอๆกับร้านเสื้อผ้าก็คือ ร้านน้ำผลไม้ปั่นนี่แหละ

คืนนี้เรากินก๋วยเตี๊ยว ดูดีๆคล้ายข้าวเปียกเส้นแถวเชียงคาน

แต่สิ่งที่สดุดตาคือเครื่องปรุง โทนสีเดียวกันหมดเลย มีทั้งเกลือผง น้ำตาลทรายขาว และMSG

รสชาติถือว่าโอเคและหอม เพราะใช้เตาถ่าน

ค่าใช้จ่ายประจำวัน: (6,150 บาท/วัน/คน)
ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และที่พัก 2 คืน = 11,360 บาท/2คน
อาหาร = 450 บาท/2คน
อื่นๆ = 490 บาท/2คน (รถเข้าเมือง/ค่าเข้าชมวัดเชียงทอง และพระธาตุพูสี)
และนี่คือโรงแรมที่พักยามราตรี