1/5 From Bangkok to Medan
ทริปนี้เราจะเช่ารถแล้วขับชิกๆ ที่เมดานบนเกาะสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซียกัน ซึ่งพวกเราไม่ได้คาดหมายว่าจะได้ไปเร็วขนาดนี้ เพราะตั้งต้นทริปนี้จากคนสองคน เพิ่มเป็นสาม แต่เมื่อทราบว่าเราจะไปสามคน และเราจะเช่ารถเก่งขับในเกาะสุมาตราเหนือ แต่เหลืออีก 1 ที่นั่ง เราจึงเฟ้นหาเพิ่มมาได้อีกสองคน รวมเป็นห้าคนแบบไม่คาดคิด แต่ยังคงใช้คอนเซ็ปท์เดิมคือ เมื่อห้าคนต้องอัพเกรดรถเช่าเป็น Avanza และหาเพื่อนร่วมทริปอีก 1 คน เพื่อให้สมดุลกับรถ 6 ที่นั่งอย่าง Avanza
การเตรียมตัวของพวกเราก็จอง
1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ สนามบินดอนเมือง-สนามบินกัวลา นามู
2. ที่พัก 4 คืน
3. รถเช่า 4 วัน
4. ใบขับขี่สากล
5. ซิมโรมมิ่ง
6. แลกเงินรูเปีย / เงินดอลลาร์จ่ายรถเช่า และที่พัก
และนี่คือแผนการเดินทางของเราในทริปนี้
เมื่อสมาชิกพร้อมเราก็ไปกันเลย
เมื่อเราผ่านตม.ที่สนามบินกัวลา นามูมาได้ก็ทำการซื้อซิม โดยเป็นซิมนักท่องเที่ยวใช้ได้ 1 เดือน Telkomsel 4G Lite 7GB ราคา Rp90.000
จากนั้นเราตรงไปหาเจ้าของรถเช่าที่รอเราอยู่ที่จอดรถสนามบิน
จ่ายเงินเสร็จก็ขับเวียนสนามบินหนึ่งรอบเพื่อความเคยชินกับรถพวงมาลัยขวาเลนซ้าย ที่จริงก็เลนเหมือนบ้านเรานั่นแหละแต่เราหาทางออกไม่เจอ
พอออกจากสนามบินได้ก็ต้องผ่านด่านเก็บเงินค่าจอดรถซึ่งต้องยื่นเอกสารที่รับมาตอนขาเข้าสนามบินให้เจ้าหน้าที่คำนวณเวลาและก็จ่ายตามจริง
คืนนี้เราจะไปนอนกันที่ Berastagi ซึ่งห่างจากเมดานหลายร้อยกิโลเมตรอยู่เหมือนกัน และเป็นทางไต่ไหล่เขาที่คดเคี้ยวด้วย แต่ก่อนไปถึงที่พักของเราจุดหมายแรกต้องหาปั้มเติมน้ำมันก่อนเพราะเจ้าของรถเช่าเหลือน้ำมันในถังไว้ให้เราแค่ขับไปถึงปั้มเท่านั้น ส่วนวันที่คืนรถก็สามารถเหลือน้ำมันเหมือนตอนรับรถ
เราแวะเติมน้ำมันกันที่ปั้มชื่อ Pertamina และAvanza ของเราดื่ม Pertalite ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ราคาประมาณ18 บาท/ลิตร
ระหว่างรอเติมน้ำมันเราก็ไปหาเสบียงติดรถเพราะเราจะถึงไปที่พักค่ำๆ และเราก็ได้เติมลมด้วยเลย ที่เติมลมของปั้มไม่มีเกจบอกแรงดัน เราเลยเติมกับตู้เติมลม และก็มีค่าใช้จ่ายด้วย
จากนั้นเราก็หาทางออกจากตัวเมืองเมดานเพื่อมุ่งหน้าเมือง Berastagi แต่เรามาสะดุดตากับรถผลไม้ข้างทาง
แล้วเดินทางต่อ ระหว่างทางก็เป็นพื้นที่ทำการเกษตรสลับกับบ้านคนในช่วงแรก ส่วนเมื่อถึงทางไต่ไหล่เขาและขึ้นเขาก็ไม่ค่อยมีไฟข้างทางด้วย ถนนบนเกาะแห่งนี้เ
ส่วนใหญ่จะไม่มีไหล่ทางให้รถจักรยานยนต์ จึงทำให้ต้องแซงกันอย่างกระชั้นชิด และเสียวมาก รวมไปถึงรถบริการสาธารณะก็นั่งได้ตามทุกที่ไม่เว้นแม้แต่หลังคารถมินิบัส...โอเอ็มจี
ก่อนถึงที่พักไม่นาน เราได้ติดต่อไปทางที่พักและได้คำแนะนำว่าให้หาอาหารทานแถววงเวียนจะมีสตรีทฟูดอยู่ เราเลยแวะทานข้าวค่ำกันที่นั้น
แล้วก็เข้าที่พักกัน เเต่กว่าจะเข้ามาได้ก็หลงเหมือนกัน เพราะไม่มีป้ายบอก ไม่มีในแม็พด้วย นั่นก็คือที่นี่
Berastagi Nachelle Homestay ชื่อที่พักก็คือชื่อลูกสาวเจ้าของนั่นเอง
ดูรวมๆก็โอเค เลยคอนเฟิร์มเจ้าของที่พักว่าคืนพรุ่งนี้เราพักที่นี่อีก 1 คืน และได้ส่วนลดอีก Rp50.000
จากนั้นเราก็นั่งชิวๆ และได้เวลาพักผ่อน
Expenses / 1 person : 1 THB = Rp415
Airplane 2 ways = 4,280 THB
Car rent 4 days = 850 THB
Meals = 306 THB
Hotel 2 nights = 700 THB
Fuel = 130 THB
Other = 90 THB
2/5 Berastagi ที่รัก
เช้านี้เมื่อเราตื่นมาก็รีบขึ้นไปดูวิวที่ท็อปรูฟ วิวจากที่พักของเราจะเห็นทั้งภูเขาไฟซินาบุงที่ยังคงปะทุอยู่
(โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ภูเขาไฟแห่งนี้ได้พ่นเถ้าถ่านลอยสูง 5 กม.)
ซึ่งบนดาดฟ้าแห่งนี้ยังเหลือร่องรอยของขี้เถ้าบนพื้น
และจากมุมนี้ยังคงเห็นภูเขาไฟซิบายัคได้อีกด้วย
ผู้คนเมือง Berastagi ก็ทำเกษตรกรรมอย่างแพร่หลายโดยดูได้จากรอบๆ ที่พักของเรา
และยังมีการเก็บพืชผลที่เก็บเกี่ยวแล้วไว้ใกล้ๆกับอาคารที่พักของเราด้วย และเช้ามาก็มีพนักงานมาเอาพืชผลไปจำหน่ายตามการสั่งซื้อ
ที่พักของเรามีอาหารเช้าด้วย และต้องสั่งตั้งแต่เมื่อคืน เราเลยตัดสินใจไปทานด้านนอกเอง เพราะที่พักก็สั่งจากด้านนอกมาเหมือนกัน เราเลยออกไปทานด้านนอกกัน ย่านขายของฝากใกล้วงเวียน
ยังไงเราก็ขอเวลาทานข้าวเช้าสักครู่นะ
เช้านี้หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็จะไปเดินป่าเพื่อไปดูภูเขาไฟซิบายัก แต่ทางไปนั้นช่างสับสนยิ่งนัก บ้างก็แม็พพาหลง บ้างก็ไม่มีป้าย แต่เราได้รับความอนุเคราะห์จากคุณลุงคนหนึ่งที่กลับจากรับลูกสาว 2 คนจากโรงเรียน และเป็นทางกลับบ้านของแกพอดี เราเลยได้มาถึงจุดเริ่มเดินขึ้น
แต่ก่อนอื่นต้องจ่ายค่า entrance fee / คน รวมถึงค่าไกด์ และค่าจอดรถด้วย
การเดินขึ้นไปยังภูเขาไฟใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
แต่ก็มีนักท่องเที่ยวท้องถิ่นสามารถเอารถจักรยานยนต์ขึ้นไปจอดได้ที่ระยะหนึ่งและต้องเดินเท้าต่อไป
ระหว่างทางจะเห็นร่องรอยน้ำป่าเซาะถนนขาดด้วย
จากนั้นเราก็เดินขึ้นมาถึงจุดที่นำรถจักรยานยนต์มาได้แค่นี้ และเราแวะเก็บภาพ
จากนั้นเริ่มเดินกันต่อ
และก็พัก
แวะกินขนมเพิ่มพลัง
แวะเก็บภาพ และสูดอากาศให้เต็มปอด
ระหว่างการขึ้น Sibayak Volcano
P’T : เห็นภูเขานั่นไหม?
N’B : ครับพี่
P’T : เหนื่อยไหมที่มาเทรคกิ้ง
N’B : เอาเรื่อง
P’T : เขาช่วยอะไรเราไหม
N’B : ไม่นะ
P’T : เห็นไหม...คิดถึงเขาไป เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเรา (ผ่าม ผ่าม)
N’B : โหว เฉียบอ่ะ
CR P’T - N’B
และเดินกันต่อจนถึงเป้าหมายของเรา นั่นก็คือภูเขาไฟซิบายัคซึ่งผ่านการระเปิดของปากปล่องมาแล้วแต่ก็ยังหลงเหลือควันของซัลเฟอร์ที่โพยพุ่งอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเราก็ถ่ายรูปหมู่
และรูปเดี่ยว
แต่กว่าจะได้สักรูปก็เหนื่อยเหมือนกัน
เสื้อเย็นในรูปนี้เป็นเสื้อที่ผลิตในอินโดนีเซียตามแท็คเสื้อ แต่หารู้ไม่ ซื้อที่ไทย(หาดใหญ่) ถูกกว่าที่อินโดนีเซียอีก!!!
จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับแต่สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่นขึ้นมาเที่ยวอยู่นานมาก บ้างก็มากางเต้นนอนข้ามคืนกันเลยทีเดียว
และนี่คือสภาพเมื่อลงมาถึงจุดเริ่มต้น
การเดินทางกลับลงไปที่เมืองแนะนำให้กลับทางเดิมที่มา และไม่แนะนำให้ขึ้นเนินไปทางนั้นตามภาพเพราะทางลำบากมาก
ที่ทราบว่าทางลำบากเพราะเราไปทางนั้นไง และแวะซื้อผลไม้ที่ร้านข้างทาง ผลไม้ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ บ้านเรา
[CR] ถึงคน.....ไม่คิดถึง (โรดทริป) เมดาน
1/5 From Bangkok to Medan
ทริปนี้เราจะเช่ารถแล้วขับชิกๆ ที่เมดานบนเกาะสุมาตราเหนือ ประเทศอินโดนีเซียกัน ซึ่งพวกเราไม่ได้คาดหมายว่าจะได้ไปเร็วขนาดนี้ เพราะตั้งต้นทริปนี้จากคนสองคน เพิ่มเป็นสาม แต่เมื่อทราบว่าเราจะไปสามคน และเราจะเช่ารถเก่งขับในเกาะสุมาตราเหนือ แต่เหลืออีก 1 ที่นั่ง เราจึงเฟ้นหาเพิ่มมาได้อีกสองคน รวมเป็นห้าคนแบบไม่คาดคิด แต่ยังคงใช้คอนเซ็ปท์เดิมคือ เมื่อห้าคนต้องอัพเกรดรถเช่าเป็น Avanza และหาเพื่อนร่วมทริปอีก 1 คน เพื่อให้สมดุลกับรถ 6 ที่นั่งอย่าง Avanza
การเตรียมตัวของพวกเราก็จอง
1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ สนามบินดอนเมือง-สนามบินกัวลา นามู
2. ที่พัก 4 คืน
3. รถเช่า 4 วัน
4. ใบขับขี่สากล
5. ซิมโรมมิ่ง
6. แลกเงินรูเปีย / เงินดอลลาร์จ่ายรถเช่า และที่พัก
และนี่คือแผนการเดินทางของเราในทริปนี้
เมื่อสมาชิกพร้อมเราก็ไปกันเลย
เมื่อเราผ่านตม.ที่สนามบินกัวลา นามูมาได้ก็ทำการซื้อซิม โดยเป็นซิมนักท่องเที่ยวใช้ได้ 1 เดือน Telkomsel 4G Lite 7GB ราคา Rp90.000
จากนั้นเราตรงไปหาเจ้าของรถเช่าที่รอเราอยู่ที่จอดรถสนามบิน
จ่ายเงินเสร็จก็ขับเวียนสนามบินหนึ่งรอบเพื่อความเคยชินกับรถพวงมาลัยขวาเลนซ้าย ที่จริงก็เลนเหมือนบ้านเรานั่นแหละแต่เราหาทางออกไม่เจอ
พอออกจากสนามบินได้ก็ต้องผ่านด่านเก็บเงินค่าจอดรถซึ่งต้องยื่นเอกสารที่รับมาตอนขาเข้าสนามบินให้เจ้าหน้าที่คำนวณเวลาและก็จ่ายตามจริง
คืนนี้เราจะไปนอนกันที่ Berastagi ซึ่งห่างจากเมดานหลายร้อยกิโลเมตรอยู่เหมือนกัน และเป็นทางไต่ไหล่เขาที่คดเคี้ยวด้วย แต่ก่อนไปถึงที่พักของเราจุดหมายแรกต้องหาปั้มเติมน้ำมันก่อนเพราะเจ้าของรถเช่าเหลือน้ำมันในถังไว้ให้เราแค่ขับไปถึงปั้มเท่านั้น ส่วนวันที่คืนรถก็สามารถเหลือน้ำมันเหมือนตอนรับรถ
เราแวะเติมน้ำมันกันที่ปั้มชื่อ Pertamina และAvanza ของเราดื่ม Pertalite ซึ่งเฉลี่ยแล้วก็ราคาประมาณ18 บาท/ลิตร
ระหว่างรอเติมน้ำมันเราก็ไปหาเสบียงติดรถเพราะเราจะถึงไปที่พักค่ำๆ และเราก็ได้เติมลมด้วยเลย ที่เติมลมของปั้มไม่มีเกจบอกแรงดัน เราเลยเติมกับตู้เติมลม และก็มีค่าใช้จ่ายด้วย
จากนั้นเราก็หาทางออกจากตัวเมืองเมดานเพื่อมุ่งหน้าเมือง Berastagi แต่เรามาสะดุดตากับรถผลไม้ข้างทาง
แล้วเดินทางต่อ ระหว่างทางก็เป็นพื้นที่ทำการเกษตรสลับกับบ้านคนในช่วงแรก ส่วนเมื่อถึงทางไต่ไหล่เขาและขึ้นเขาก็ไม่ค่อยมีไฟข้างทางด้วย ถนนบนเกาะแห่งนี้เ
ส่วนใหญ่จะไม่มีไหล่ทางให้รถจักรยานยนต์ จึงทำให้ต้องแซงกันอย่างกระชั้นชิด และเสียวมาก รวมไปถึงรถบริการสาธารณะก็นั่งได้ตามทุกที่ไม่เว้นแม้แต่หลังคารถมินิบัส...โอเอ็มจี
ก่อนถึงที่พักไม่นาน เราได้ติดต่อไปทางที่พักและได้คำแนะนำว่าให้หาอาหารทานแถววงเวียนจะมีสตรีทฟูดอยู่ เราเลยแวะทานข้าวค่ำกันที่นั้น
แล้วก็เข้าที่พักกัน เเต่กว่าจะเข้ามาได้ก็หลงเหมือนกัน เพราะไม่มีป้ายบอก ไม่มีในแม็พด้วย นั่นก็คือที่นี่
Berastagi Nachelle Homestay ชื่อที่พักก็คือชื่อลูกสาวเจ้าของนั่นเอง
ดูรวมๆก็โอเค เลยคอนเฟิร์มเจ้าของที่พักว่าคืนพรุ่งนี้เราพักที่นี่อีก 1 คืน และได้ส่วนลดอีก Rp50.000
จากนั้นเราก็นั่งชิวๆ และได้เวลาพักผ่อน
Expenses / 1 person : 1 THB = Rp415
Airplane 2 ways = 4,280 THB
Car rent 4 days = 850 THB
Meals = 306 THB
Hotel 2 nights = 700 THB
Fuel = 130 THB
Other = 90 THB
2/5 Berastagi ที่รัก
เช้านี้เมื่อเราตื่นมาก็รีบขึ้นไปดูวิวที่ท็อปรูฟ วิวจากที่พักของเราจะเห็นทั้งภูเขาไฟซินาบุงที่ยังคงปะทุอยู่
(โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ภูเขาไฟแห่งนี้ได้พ่นเถ้าถ่านลอยสูง 5 กม.)
ซึ่งบนดาดฟ้าแห่งนี้ยังเหลือร่องรอยของขี้เถ้าบนพื้น
และจากมุมนี้ยังคงเห็นภูเขาไฟซิบายัคได้อีกด้วย
ผู้คนเมือง Berastagi ก็ทำเกษตรกรรมอย่างแพร่หลายโดยดูได้จากรอบๆ ที่พักของเรา
และยังมีการเก็บพืชผลที่เก็บเกี่ยวแล้วไว้ใกล้ๆกับอาคารที่พักของเราด้วย และเช้ามาก็มีพนักงานมาเอาพืชผลไปจำหน่ายตามการสั่งซื้อ
ที่พักของเรามีอาหารเช้าด้วย และต้องสั่งตั้งแต่เมื่อคืน เราเลยตัดสินใจไปทานด้านนอกเอง เพราะที่พักก็สั่งจากด้านนอกมาเหมือนกัน เราเลยออกไปทานด้านนอกกัน ย่านขายของฝากใกล้วงเวียน
ยังไงเราก็ขอเวลาทานข้าวเช้าสักครู่นะ
เช้านี้หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็จะไปเดินป่าเพื่อไปดูภูเขาไฟซิบายัก แต่ทางไปนั้นช่างสับสนยิ่งนัก บ้างก็แม็พพาหลง บ้างก็ไม่มีป้าย แต่เราได้รับความอนุเคราะห์จากคุณลุงคนหนึ่งที่กลับจากรับลูกสาว 2 คนจากโรงเรียน และเป็นทางกลับบ้านของแกพอดี เราเลยได้มาถึงจุดเริ่มเดินขึ้น
แต่ก่อนอื่นต้องจ่ายค่า entrance fee / คน รวมถึงค่าไกด์ และค่าจอดรถด้วย
การเดินขึ้นไปยังภูเขาไฟใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
แต่ก็มีนักท่องเที่ยวท้องถิ่นสามารถเอารถจักรยานยนต์ขึ้นไปจอดได้ที่ระยะหนึ่งและต้องเดินเท้าต่อไป
ระหว่างทางจะเห็นร่องรอยน้ำป่าเซาะถนนขาดด้วย
จากนั้นเราก็เดินขึ้นมาถึงจุดที่นำรถจักรยานยนต์มาได้แค่นี้ และเราแวะเก็บภาพ
จากนั้นเริ่มเดินกันต่อ
และก็พัก
แวะกินขนมเพิ่มพลัง
แวะเก็บภาพ และสูดอากาศให้เต็มปอด
ระหว่างการขึ้น Sibayak Volcano
P’T : เห็นภูเขานั่นไหม?
N’B : ครับพี่
P’T : เหนื่อยไหมที่มาเทรคกิ้ง
N’B : เอาเรื่อง
P’T : เขาช่วยอะไรเราไหม
N’B : ไม่นะ
P’T : เห็นไหม...คิดถึงเขาไป เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเรา (ผ่าม ผ่าม)
N’B : โหว เฉียบอ่ะ
CR P’T - N’B
และเดินกันต่อจนถึงเป้าหมายของเรา นั่นก็คือภูเขาไฟซิบายัคซึ่งผ่านการระเปิดของปากปล่องมาแล้วแต่ก็ยังหลงเหลือควันของซัลเฟอร์ที่โพยพุ่งอยู่ตลอดเวลา
จากนั้นเราก็ถ่ายรูปหมู่
และรูปเดี่ยว
แต่กว่าจะได้สักรูปก็เหนื่อยเหมือนกัน
เสื้อเย็นในรูปนี้เป็นเสื้อที่ผลิตในอินโดนีเซียตามแท็คเสื้อ แต่หารู้ไม่ ซื้อที่ไทย(หาดใหญ่) ถูกกว่าที่อินโดนีเซียอีก!!!
จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับแต่สังเกตเห็นนักท่องเที่ยวท้องถิ่นขึ้นมาเที่ยวอยู่นานมาก บ้างก็มากางเต้นนอนข้ามคืนกันเลยทีเดียว
และนี่คือสภาพเมื่อลงมาถึงจุดเริ่มต้น
การเดินทางกลับลงไปที่เมืองแนะนำให้กลับทางเดิมที่มา และไม่แนะนำให้ขึ้นเนินไปทางนั้นตามภาพเพราะทางลำบากมาก
ที่ทราบว่าทางลำบากเพราะเราไปทางนั้นไง และแวะซื้อผลไม้ที่ร้านข้างทาง ผลไม้ส่วนใหญ่ก็คล้ายๆ บ้านเรา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น