1 ต.ค.61 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวที่ร้านกาแฟ พีซ คอฟฟี่ อิมพีเรียลเวิลด์ลาดพร้าว ในกิจกรรมต่อลมหายใจให้กับพีซ ช่วงหนึ่งโดยนายจตุพร เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนเกิดวิกฤติพฤษภาทมิฬ 2535 แล้วหลังเหตุการณ์มีการกวาดต้อนเอานักการเมือง มาจัดตั้งเป็นพรรคสามัคคีธรรม ผู้นำรสช.บอกว่าไม่รับตำแหน่ง ไม่เป็นนายกฯ แต่สุดท้ายออกแบบไว้หมดแล้ว จึงเป็นที่มาของการเสียสัตย์เพื่อชาติ ดำรงตำแหน่งนายกฯแค่ 47 วันเท่านั้น แต่มีคนตาย 40 สูญหาย 40 บาดเจ็บอีกเป็นพัน
เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ผมพยายามอธิบายนำเสนอกันมาโดยตลอดนั้น ผมนี่เขาใจสถานการณ์ ตอนที่เราต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญปี 2560 มีใครคิดว่าเราจะแพ้ประชามติบ้าง เรากำลังหลงใหลว่าเราเป็นเสียงข้างมาก พรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วมโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าเราแพ้อย่างยับเยิน เราถูกมัดมือทำอะไรไม่ได้ แต่ผมเองในฐานะที่เป็นหัวแถวตรงนี้ ก็แสดงความรับผิดชอบประกาศ ณ ขณะนั้นเลยว่าเมื่อผมไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำหน้าที่รณรงค์กันอย่างเต็มที่แล้ว ภายใต้สิ่งที่จำกัดคือเต็มที่ได้เท่านั้น แล้วไปรบแพ้กลับมาขอรับผิดชอบ ขอไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าศาลจะตัดสินขังคุกผมในคดีที่ต้นยก อุทธรณ์ยก แล้วฎีกาจะไปตัดสินขังคุก
แต่เพื่ออธิบายความให้ฟังกันว่าถ้าเราเร่งทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรกันเลยนั้น บทเรียนพฤษภาทมิฬมันเห็นกันอยู่ ผมจึงบอกว่าความคิดผมมันจะแตกต่างไปจากนักเลือกตั้งปกติ เพราะเราก็รู้ว่าดาบข้างหน้ามันคืออะไร รัฐธรรมนูญปี 60 นั่นหนักกว่ารัฐธรรมนูญปี 34 เป็นร้อยเท่า
เพราะฉะนั้นนะครับวันนี้ก็มีความชัดเจน เมื่อวานนี้เห็นไหมครับ องคาพยพพรรคการเมืองที่เปิดตัวกันนั้นก็คนในรัฐบาล คนในอีกขบวนการหนึ่ง เวทีหนึ่ง อยู่กันเต็มพรรคนั้น แต่ว่าเขาออกแบบให้ไปอยู่กันหลายพรรค แต่มันก็ชัดเจนกันแล้วว่า กรรมการและผู้เล่นเป็นคนคนเดียวกัน แล้วถ้ามีการรณรงค์หาเสียง เราไปเจอคล้ายๆกับตอนทำประชามติแล้วจะว่ายังไง
หรือแม้กระทั่งผลลัพธ์การเลือกตั้งมันถูกออกแบบกันไว้ว่าในระบบบัตรใบเดียว ผมให้พี่น้องได้คิดกันอย่างรอบคอบนะ เลือกตั้งปี 54 ที่เอาผมไปขังไว้ เลือกตั้งตอนนั้น ส.ส.เขต 400 บัญชีรายชื่อ 100 แต่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้ 375 ในระบบเขต ได้ในเขต 204 เขต แล้วก็ในระบบบัญชีรายชื่อได้ 61 แต่ปรากฏว่าการออกแบบบัตรใบเดียวนั้น ยิ่งได้เขตมากเท่าไร บัญชีรายชื่อหายมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าได้เขตเต็ม เมื่อหารด้วยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด หารด้วยจำนวนคน 500 คน เฉลี่ยผู้แทนฯต่อเขตนะครับถ้าหลักการเดิม ผู้แทนฯจะหายไปคาตาเลย
เพราะฉะนั้นนะครับการจะเดินไปถึงครึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ถึงครึ่งก็ยังจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ เพราะต้องบวกกับ 2 สภาวุฒิฯอีก 250 ต้องได้เสียงถึง 376 เดินไป 250 นี่ก็ยาก เดินไป 376 ยิ่งไกลเข้าไปใหญ่ เราจึงพยายามอธิบายกันว่าให้สังคมนี้มาคุยกัน พรรคการเมืองมาคุยกัน ผู้มีอำนาจมาคุยกัน ว่าให้วุฒิสภาทำตามเจตนารมณ์ของสภาผู้แทนราษฎร หลายคนก็บอกว่าเอาหลังเลือกตั้งเสร็จแล้วไปว่ากัน พอจะจัดตั้งรัฐบาลนะครับ ที่คิดว่าอยู่มันก็จะไหล ที่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ชัวร์กันอยู่แล้วเนี่ยนะครับ ขนาดพรรคเดียวก็ยังแยกออกกันไปได้เลยในทางปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นนะครับ อีกซีกหนึ่งท่านลองคิดดูว่าเมื่อรัฐธรรมนูญถูกออกแบบอย่างนี้ เขาก็เลยดีไซน์ผ้าพรรคการเมือง บริหารการจัดการนะครับดูเสมือนหนึ่งว่าแยกกัน แต่ความจริงเป็นการออกแบบให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ผมเรียนกับท่านทั้งหลายวันนี้ก็คือว่าเราต้องการประชาธิปไตย เวลานี้เสนออะไรมันไม่เป็นประชาธิปไตยสักอย่างหรอก เลือกตั้งวันนี้ประชาธิปไตยหรือเปล่า วุฒิสภามาจากการแต่งตั้งมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 250 เสียง บวกกับเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร 126 เสียง จาก 500 ถามว่าประชาธิปไตยหรือเปล่า? หัวหน้า คสช.มีอำนาจเหนือกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยกันหรือเปล่า? มันไม่มีประชาธิปไตยหรอกครับ เสนออะไรไปในขณะนี้ เพียงแต่เราเสนอทางออกว่าถ้าต้องการเป็นผู้เล่นก็ให้ลาออกจากการเป็นกรรมการเสีย ได้รัฐบาลใหม่มารักษาการก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยอีกนั่นแหละ เหมือนรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน น่ะ จะทำหน้าที่เป็นคนกลางแล้วก็ส่งไม้ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยก็ไปอยู่ได้อีก 14 ปี ไอ้นี่ 8 ปี ถูกยึดอำนาจ 2 ครั้งนะครับ แล้วระหว่าง 8 ปี ก็ลุ่มๆดอนๆกันมาโดยตลอด นี่คือสภาพบ้านเมืองแห่งความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นนะครับการเลือกตั้งถ้ากติกาถ้ายังเป็นปัญหา ยังไม่คุยกันเนี่ย ปี 2535 ที่เรียกว่า 35/1 อยู่ได้ 47 วันเท่านั้นเอง แต่ว่าถ้า 47 วันไม่มีคนตายเลย ผมเป็นไม้สุดท้ายของวุฒิสภาฯ จำลอง ศรีเมือง ใครต่อใครถูกจับหมดแล้ว เรายังเป็นเด็กมานำทัพต่อสู้ที่รามคำแหง วันนั้นชีวิตตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจว่าถึงอย่างไรใช้รามคำแหงเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายประชาชน ต่อสู้จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกมาหย่าศึก หลังจากนั้น สุจินดา ตัดสินใจลาออกจากนายกรัฐมนตรี แก้ไขรัฐธรรมนูญได้
แต่รัฐธรรมนูญปี 60 นะครับมันยากพอๆกับไปดวงอาทิตย์ ซึ่งไปไม่ถึง ถูกออกแบบไม่ให้แก้ไขได้เลย ทั้งที่บอกว่าแก้ไขได้แต่ดูเนื้อหาสิครับ ที่ต้องการเสียงทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ไม่เห็นด้วยสักพรรคหนึ่งก็ไปไม่ได้แล้ว แล้วในทางปฏิบัตินะครับ ก็ไปบอกพรรคหนึ่งไม่เห็นด้วยก็จบแล้ว เสียง สว.ไปทำได้หรือครับ
เพราะฉะนั้นเราจะคิดโลกสวยพูดคำเดียวนะครับ ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ถ้าไม่เคยตายกันมาเนี่ยพูดได้ แต่นี่สู้มันตายกันมาหลายรอบ ผมจึงบอกว่าวันนี้ใครจะมานำเสนอ จะวิธีการใดก็แล้วแต่ ที่ยุติความตายและทำหน้าที่กรรมการส่งให้การเลือกตั้งแบบนายอานันท์ ปันยารชุน ได้ทำใน 35/2 ผมเองก็ต้องเห็นด้วย แต่ว่าไม่ใช่ว่าเราจะปิดหูเลยว่าต้องประชาธิปไตย ก็เลือกตั้งวันนี้ยังไม่ประชาธิปไตยเลย คุณจะเอาอะไรกันนักหนาล่ะ?
เพราะฉะนั้นนะครับถ้าประชาธิปไตย ผมนี่รับผิดชอบ สู้รัฐธรรมนูญไม่เห็นด้วย ประกาศทันทีไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็เอาไปขังนะครับ โทษ 10 ปี มันตามมาที่หลัง แต่ตอนนั้นยังไม่มีโทษอะไรก็แสดงความรับผิดชอบ และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมก็ยังเรียนอยู่ว่าถ้าเราไม่ได้กรรมการที่เป็นกลางมาทำหน้าที่มันเกิดเรื่อง ความจริงนะครับผมก็อยู่สบายๆของผม แต่ผมผ่านความตายมา 2 รอบแล้ว
เพราะฉะนั้นก็ได้อธิบายความกันว่าวันนี้นะครับเราเองจะต้องฟังความคิดเห็นต่างๆ และต้องเข้าใจคำว่าประชาธิปไตย วันนี้ไม่ว่าเสนออะไรภายใต้กติกาอันนี้ ไม่มีประชาธิปไตยสักเรื่องหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกไปมาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ได้นายกฯคนใหม่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ เลือกตั้งภายใต้กติการัฐธรรมนูญ 60 สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โหวตด้วย ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ แต่ว่าเพียงแต่ว่าเอาใครก็ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการ แล้วก็ดูแลการเลือกตั้งให้ยุติธรรม แล้วก็ส่งไม้ให้กับประชาธิปไตย เขาจะเดินต่อกันไปได้ แต่ถ้าคิดแบบนักเลือกตั้ง ว่าเลือกตั้งยังไงก็ได้ภายใต้กติกาอันนี้แล้วมีเรื่อง แล้วใครจะรับผิดชอบ
เพราะฉะนั้นผมจึงเรียนกับพี่น้องทั้งหลายนะครับว่าเป้าหมายเลือกตั้งวันนี้ ใครก็ตอบไม่ชัดว่าจะเลือกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ได้กันจริงหรือไม่ ไปถามโพลสำนักไหนก็ตามเกินครึ่งก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพียงแต่ว่าระหว่างทางกันนั้นเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ดัดจริตพูดสวยๆใครก็พูดกันได้ แต่ว่าถ้าพูดความจริงในการเดินผ่านเส้นทางนี้ คือถ้าพูดเอาใจกระแทกไปกระแทกมากับผม ไม่ยากเลยนะ ผมนี่ถนัดอย่างนั้นนะ แต่ว่าวันนี้ผมต้องการให้บ้านเมืองนี้มันเดินต่อไปได้
เพราะฉะนั้นนะครับ ผมไปนั่งคุยกับ พล.อ.ชวลิต ผมก็ฟัง พล.อ.ชวลิต พล.อ.ชวลิต ก็ฟังผม ผมก็เสนอแนวผม พล.อ.ชวลิต ก็เสนอแนว พล.อ.ชวลิต เพราะ พล.อ.ชวลิต แสดงความไม่เห็นแก่ตัวมาตลอดชีวิตไง เห็นแก่ชาติบ้านเมือง
อยากจะเป็นนักการเมืองตัดสินใจลาออกจากผู้บัญชาการทหารบก เหลืออายุราชการ 5 ปี อย่างนี้ ควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นนายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ ลาออก
ได้ทำหน้าที่ยุติสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลไทยนะครับ เขียนใบลาออกล่วงหน้า ไปเจรจากับ เติ้ง เสี่ยว ผิง เพื่อไปยุติไม่ให้เวียดนามโดมิโนต่อจากตีเขมร ตีลาว แล้วเข้าไทย เกิดศึกสงครามสั่งสอนตามความที่ปรากฏ ไทยก็รอดกันมาแต่ต้องเขียนใบลาล่วงหน้า
คนเขาผ่านการทำศึกแล้วการเจรจายุติ พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาแก้ไขให้มาเลเซีย เขมร 3 ฝ่าย 4 ฝ่าย จับให้เขาดีกัน พม่าก็คลี่คลายกับเขา วันนี้พอเขาเสนอทางออกให้กับชาติบ้านเมือง ผมไม่นั่งฟังอะไรจากเขาเลย ได้หรือ?
เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นแนวความคิด พล.อ.ชวลิต โยนเข้ามาสังคมนี้ แต่อย่าบอกว่ามันไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ว่าเสนออะไรเวลานี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยสักเรื่องหนึ่ง เลือกตั้งก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เพียงแต่ว่าเราจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนกันได้อย่างไร
เดินไปเลือกตั้งได้เวลา 47 วัน ตาย แล้วสุดท้ายก็มาเจรจาการเลือกตั้ง 62/2 เสร็จแล้วก็บอกว่านี่เราจะได้ประชาธิปไตย เราบอกว่าเราย่ำประวัติศาสตร์กันมาแล้วไม่รู้สักกี่รอบ
เพราะฉะนั้นนะครับผมเองบอกกับพี่น้องว่า คนเราถ้าไม่ได้ดูถึงเกียรติภูมิ เรื่องราวต่างๆ ไม่ใช่ว่าใครมาเสนออะไรแล้วผมก็จะโอเคห่อหมก ไม่ใช่ เพราะว่าวันนี้ผมรู้ว่ามันมีปัญหา อย่างที่เล่าให้ฟังว่าแข่งขันฟุตบอล อีกทีมหนึ่งมี 14 คน อีกทีมหนึ่งมี 11 คน แล้วทุกอย่างบอกว่านี่เป็นประชาธิปไตย เป็นการแข่งขันกีฬาที่มีความชอบธรรม ผมบอกว่าบ้านเมืองมันไปไม่ได้หรอกแบบนี้ มันควรที่จะบอกว่าถ้าคุณคิดเป็นกรรมการคุณก็ต้องไม่มาเป็นผู้เล่น วันนี้แสดงเจตนาชัดเจนว่าเป็นผู้เล่น ก็ต้องเลิกมาเป็นกรรมการ จะเป็น 2 อย่างกันได้ยังไง
แตกแล้ว!'จตุพร'ตบปาก'ณัฐวุฒิ'ลิเกโลกสวยเอะอะก็ประชาธิปไตย ลั่นใคร่คบก็คบ ไม่คบก็อย่าคบ
เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ผมพยายามอธิบายนำเสนอกันมาโดยตลอดนั้น ผมนี่เขาใจสถานการณ์ ตอนที่เราต่อสู้เรื่องรัฐธรรมนูญปี 2560 มีใครคิดว่าเราจะแพ้ประชามติบ้าง เรากำลังหลงใหลว่าเราเป็นเสียงข้างมาก พรรคประชาธิปัตย์ก็มาร่วมโหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าเราแพ้อย่างยับเยิน เราถูกมัดมือทำอะไรไม่ได้ แต่ผมเองในฐานะที่เป็นหัวแถวตรงนี้ ก็แสดงความรับผิดชอบประกาศ ณ ขณะนั้นเลยว่าเมื่อผมไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำหน้าที่รณรงค์กันอย่างเต็มที่แล้ว ภายใต้สิ่งที่จำกัดคือเต็มที่ได้เท่านั้น แล้วไปรบแพ้กลับมาขอรับผิดชอบ ขอไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในวันนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าศาลจะตัดสินขังคุกผมในคดีที่ต้นยก อุทธรณ์ยก แล้วฎีกาจะไปตัดสินขังคุก
แต่เพื่ออธิบายความให้ฟังกันว่าถ้าเราเร่งทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรกันเลยนั้น บทเรียนพฤษภาทมิฬมันเห็นกันอยู่ ผมจึงบอกว่าความคิดผมมันจะแตกต่างไปจากนักเลือกตั้งปกติ เพราะเราก็รู้ว่าดาบข้างหน้ามันคืออะไร รัฐธรรมนูญปี 60 นั่นหนักกว่ารัฐธรรมนูญปี 34 เป็นร้อยเท่า
เพราะฉะนั้นนะครับวันนี้ก็มีความชัดเจน เมื่อวานนี้เห็นไหมครับ องคาพยพพรรคการเมืองที่เปิดตัวกันนั้นก็คนในรัฐบาล คนในอีกขบวนการหนึ่ง เวทีหนึ่ง อยู่กันเต็มพรรคนั้น แต่ว่าเขาออกแบบให้ไปอยู่กันหลายพรรค แต่มันก็ชัดเจนกันแล้วว่า กรรมการและผู้เล่นเป็นคนคนเดียวกัน แล้วถ้ามีการรณรงค์หาเสียง เราไปเจอคล้ายๆกับตอนทำประชามติแล้วจะว่ายังไง
หรือแม้กระทั่งผลลัพธ์การเลือกตั้งมันถูกออกแบบกันไว้ว่าในระบบบัตรใบเดียว ผมให้พี่น้องได้คิดกันอย่างรอบคอบนะ เลือกตั้งปี 54 ที่เอาผมไปขังไว้ เลือกตั้งตอนนั้น ส.ส.เขต 400 บัญชีรายชื่อ 100 แต่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยได้ 375 ในระบบเขต ได้ในเขต 204 เขต แล้วก็ในระบบบัญชีรายชื่อได้ 61 แต่ปรากฏว่าการออกแบบบัตรใบเดียวนั้น ยิ่งได้เขตมากเท่าไร บัญชีรายชื่อหายมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าได้เขตเต็ม เมื่อหารด้วยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด หารด้วยจำนวนคน 500 คน เฉลี่ยผู้แทนฯต่อเขตนะครับถ้าหลักการเดิม ผู้แทนฯจะหายไปคาตาเลย
เพราะฉะนั้นนะครับการจะเดินไปถึงครึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ถึงครึ่งก็ยังจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้ เพราะต้องบวกกับ 2 สภาวุฒิฯอีก 250 ต้องได้เสียงถึง 376 เดินไป 250 นี่ก็ยาก เดินไป 376 ยิ่งไกลเข้าไปใหญ่ เราจึงพยายามอธิบายกันว่าให้สังคมนี้มาคุยกัน พรรคการเมืองมาคุยกัน ผู้มีอำนาจมาคุยกัน ว่าให้วุฒิสภาทำตามเจตนารมณ์ของสภาผู้แทนราษฎร หลายคนก็บอกว่าเอาหลังเลือกตั้งเสร็จแล้วไปว่ากัน พอจะจัดตั้งรัฐบาลนะครับ ที่คิดว่าอยู่มันก็จะไหล ที่คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ชัวร์กันอยู่แล้วเนี่ยนะครับ ขนาดพรรคเดียวก็ยังแยกออกกันไปได้เลยในทางปฏิบัติ
เพราะฉะนั้นนะครับ อีกซีกหนึ่งท่านลองคิดดูว่าเมื่อรัฐธรรมนูญถูกออกแบบอย่างนี้ เขาก็เลยดีไซน์ผ้าพรรคการเมือง บริหารการจัดการนะครับดูเสมือนหนึ่งว่าแยกกัน แต่ความจริงเป็นการออกแบบให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ผมเรียนกับท่านทั้งหลายวันนี้ก็คือว่าเราต้องการประชาธิปไตย เวลานี้เสนออะไรมันไม่เป็นประชาธิปไตยสักอย่างหรอก เลือกตั้งวันนี้ประชาธิปไตยหรือเปล่า วุฒิสภามาจากการแต่งตั้งมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 250 เสียง บวกกับเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร 126 เสียง จาก 500 ถามว่าประชาธิปไตยหรือเปล่า? หัวหน้า คสช.มีอำนาจเหนือกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยกันหรือเปล่า? มันไม่มีประชาธิปไตยหรอกครับ เสนออะไรไปในขณะนี้ เพียงแต่เราเสนอทางออกว่าถ้าต้องการเป็นผู้เล่นก็ให้ลาออกจากการเป็นกรรมการเสีย ได้รัฐบาลใหม่มารักษาการก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยอีกนั่นแหละ เหมือนรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน น่ะ จะทำหน้าที่เป็นคนกลางแล้วก็ส่งไม้ประชาธิปไตย ประชาธิปไตยก็ไปอยู่ได้อีก 14 ปี ไอ้นี่ 8 ปี ถูกยึดอำนาจ 2 ครั้งนะครับ แล้วระหว่าง 8 ปี ก็ลุ่มๆดอนๆกันมาโดยตลอด นี่คือสภาพบ้านเมืองแห่งความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นนะครับการเลือกตั้งถ้ากติกาถ้ายังเป็นปัญหา ยังไม่คุยกันเนี่ย ปี 2535 ที่เรียกว่า 35/1 อยู่ได้ 47 วันเท่านั้นเอง แต่ว่าถ้า 47 วันไม่มีคนตายเลย ผมเป็นไม้สุดท้ายของวุฒิสภาฯ จำลอง ศรีเมือง ใครต่อใครถูกจับหมดแล้ว เรายังเป็นเด็กมานำทัพต่อสู้ที่รามคำแหง วันนั้นชีวิตตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจว่าถึงอย่างไรใช้รามคำแหงเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายประชาชน ต่อสู้จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงออกมาหย่าศึก หลังจากนั้น สุจินดา ตัดสินใจลาออกจากนายกรัฐมนตรี แก้ไขรัฐธรรมนูญได้
แต่รัฐธรรมนูญปี 60 นะครับมันยากพอๆกับไปดวงอาทิตย์ ซึ่งไปไม่ถึง ถูกออกแบบไม่ให้แก้ไขได้เลย ทั้งที่บอกว่าแก้ไขได้แต่ดูเนื้อหาสิครับ ที่ต้องการเสียงทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ไม่เห็นด้วยสักพรรคหนึ่งก็ไปไม่ได้แล้ว แล้วในทางปฏิบัตินะครับ ก็ไปบอกพรรคหนึ่งไม่เห็นด้วยก็จบแล้ว เสียง สว.ไปทำได้หรือครับ
เพราะฉะนั้นเราจะคิดโลกสวยพูดคำเดียวนะครับ ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ถ้าไม่เคยตายกันมาเนี่ยพูดได้ แต่นี่สู้มันตายกันมาหลายรอบ ผมจึงบอกว่าวันนี้ใครจะมานำเสนอ จะวิธีการใดก็แล้วแต่ ที่ยุติความตายและทำหน้าที่กรรมการส่งให้การเลือกตั้งแบบนายอานันท์ ปันยารชุน ได้ทำใน 35/2 ผมเองก็ต้องเห็นด้วย แต่ว่าไม่ใช่ว่าเราจะปิดหูเลยว่าต้องประชาธิปไตย ก็เลือกตั้งวันนี้ยังไม่ประชาธิปไตยเลย คุณจะเอาอะไรกันนักหนาล่ะ?
เพราะฉะนั้นนะครับถ้าประชาธิปไตย ผมนี่รับผิดชอบ สู้รัฐธรรมนูญไม่เห็นด้วย ประกาศทันทีไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็เอาไปขังนะครับ โทษ 10 ปี มันตามมาที่หลัง แต่ตอนนั้นยังไม่มีโทษอะไรก็แสดงความรับผิดชอบ และการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ผมก็ยังเรียนอยู่ว่าถ้าเราไม่ได้กรรมการที่เป็นกลางมาทำหน้าที่มันเกิดเรื่อง ความจริงนะครับผมก็อยู่สบายๆของผม แต่ผมผ่านความตายมา 2 รอบแล้ว
เพราะฉะนั้นก็ได้อธิบายความกันว่าวันนี้นะครับเราเองจะต้องฟังความคิดเห็นต่างๆ และต้องเข้าใจคำว่าประชาธิปไตย วันนี้ไม่ว่าเสนออะไรภายใต้กติกาอันนี้ ไม่มีประชาธิปไตยสักเรื่องหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกไปมาเป็นผู้สมัคร ส.ส. ได้นายกฯคนใหม่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ เลือกตั้งภายใต้กติการัฐธรรมนูญ 60 สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โหวตด้วย ไม่ใช่ประชาธิปไตยนั่นแหละ แต่ว่าเพียงแต่ว่าเอาใครก็ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการ แล้วก็ดูแลการเลือกตั้งให้ยุติธรรม แล้วก็ส่งไม้ให้กับประชาธิปไตย เขาจะเดินต่อกันไปได้ แต่ถ้าคิดแบบนักเลือกตั้ง ว่าเลือกตั้งยังไงก็ได้ภายใต้กติกาอันนี้แล้วมีเรื่อง แล้วใครจะรับผิดชอบ
เพราะฉะนั้นผมจึงเรียนกับพี่น้องทั้งหลายนะครับว่าเป้าหมายเลือกตั้งวันนี้ ใครก็ตอบไม่ชัดว่าจะเลือกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ได้กันจริงหรือไม่ ไปถามโพลสำนักไหนก็ตามเกินครึ่งก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพียงแต่ว่าระหว่างทางกันนั้นเราก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ดัดจริตพูดสวยๆใครก็พูดกันได้ แต่ว่าถ้าพูดความจริงในการเดินผ่านเส้นทางนี้ คือถ้าพูดเอาใจกระแทกไปกระแทกมากับผม ไม่ยากเลยนะ ผมนี่ถนัดอย่างนั้นนะ แต่ว่าวันนี้ผมต้องการให้บ้านเมืองนี้มันเดินต่อไปได้
เพราะฉะนั้นนะครับ ผมไปนั่งคุยกับ พล.อ.ชวลิต ผมก็ฟัง พล.อ.ชวลิต พล.อ.ชวลิต ก็ฟังผม ผมก็เสนอแนวผม พล.อ.ชวลิต ก็เสนอแนว พล.อ.ชวลิต เพราะ พล.อ.ชวลิต แสดงความไม่เห็นแก่ตัวมาตลอดชีวิตไง เห็นแก่ชาติบ้านเมือง
อยากจะเป็นนักการเมืองตัดสินใจลาออกจากผู้บัญชาการทหารบก เหลืออายุราชการ 5 ปี อย่างนี้ ควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นนายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบ ลาออก
ได้ทำหน้าที่ยุติสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลไทยนะครับ เขียนใบลาออกล่วงหน้า ไปเจรจากับ เติ้ง เสี่ยว ผิง เพื่อไปยุติไม่ให้เวียดนามโดมิโนต่อจากตีเขมร ตีลาว แล้วเข้าไทย เกิดศึกสงครามสั่งสอนตามความที่ปรากฏ ไทยก็รอดกันมาแต่ต้องเขียนใบลาล่วงหน้า
คนเขาผ่านการทำศึกแล้วการเจรจายุติ พรรคคอมมิวนิสต์มาลายาแก้ไขให้มาเลเซีย เขมร 3 ฝ่าย 4 ฝ่าย จับให้เขาดีกัน พม่าก็คลี่คลายกับเขา วันนี้พอเขาเสนอทางออกให้กับชาติบ้านเมือง ผมไม่นั่งฟังอะไรจากเขาเลย ได้หรือ?
เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นแนวความคิด พล.อ.ชวลิต โยนเข้ามาสังคมนี้ แต่อย่าบอกว่ามันไม่ใช่ประชาธิปไตย ไม่ว่าเสนออะไรเวลานี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยสักเรื่องหนึ่ง เลือกตั้งก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เพียงแต่ว่าเราจะเดินไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนกันได้อย่างไร
เดินไปเลือกตั้งได้เวลา 47 วัน ตาย แล้วสุดท้ายก็มาเจรจาการเลือกตั้ง 62/2 เสร็จแล้วก็บอกว่านี่เราจะได้ประชาธิปไตย เราบอกว่าเราย่ำประวัติศาสตร์กันมาแล้วไม่รู้สักกี่รอบ
เพราะฉะนั้นนะครับผมเองบอกกับพี่น้องว่า คนเราถ้าไม่ได้ดูถึงเกียรติภูมิ เรื่องราวต่างๆ ไม่ใช่ว่าใครมาเสนออะไรแล้วผมก็จะโอเคห่อหมก ไม่ใช่ เพราะว่าวันนี้ผมรู้ว่ามันมีปัญหา อย่างที่เล่าให้ฟังว่าแข่งขันฟุตบอล อีกทีมหนึ่งมี 14 คน อีกทีมหนึ่งมี 11 คน แล้วทุกอย่างบอกว่านี่เป็นประชาธิปไตย เป็นการแข่งขันกีฬาที่มีความชอบธรรม ผมบอกว่าบ้านเมืองมันไปไม่ได้หรอกแบบนี้ มันควรที่จะบอกว่าถ้าคุณคิดเป็นกรรมการคุณก็ต้องไม่มาเป็นผู้เล่น วันนี้แสดงเจตนาชัดเจนว่าเป็นผู้เล่น ก็ต้องเลิกมาเป็นกรรมการ จะเป็น 2 อย่างกันได้ยังไง