เอาบังสุกุลเป็น - ตาย เป็นพื้นฐานวิปัสสนาญาณ

เนื่องด้วยมีการกล่าวถึงวิปัสนาญานกันมากในช่วงนี้ ผมก็พอศึกษาและปฏิบัติมาสักระยะนึงได้ผลเป็นที่น่าพอใจ คำสอนที่ผมนำมาใช้ในการปฏิบัติน้ันเป็นของพระท่านรูปนึงที่ท่านได้รับการสอนต่อมาอีกที ซึ่งผมเห็นว่ามีอาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนที่กำลังศึกษาและทำความเข้าใจกับเรื่อง " วิปสนาญาน " จึงได้คัดลอกเนื้อหาบางส่วนของคำสอน คำสนทนา มาให้ได้อ่านได้พิจารณากันครับ

ถ้าคิดว่าสอนนี้มีประโยชน์ก็นำไปศึกษาปฏิบัติกันนะครับ แต่ถ้าคำสอนนี้ไม่มีประโยชน์ก็ขอให้ละไว้แล้วผ่านไปนะครับ


" ทีนี้ 3 องค์เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วิปัสสนาญาณน่ะ เราเอากันง่าย ๆ อย่าให้มันยาก ถ้ายากตามตำราละ คุณไม่มีทางจะได้อะไรหรอก ตามที่อาจารย์คุณสอนน่ะ ถูกต้อง แต่คุณเอง ทั้ง 3 คน ก็ไม่ค่อยจะเอาตามแบบอาจารย์นัก ไปติดอารมณ์ตำรามาก ทีนี้คนเขียนตำราน่ะ คุณก็ต้องดูว่าเป็นพุทธพจน์หรืออรรถกถาจารย์ หรือว่า ฏีกาจารย์ เกจิอาจารย์ ฏีกาจารย์ กับเกจิอาจารย์นี่ คุณถือเอาเป็นเรื่องจริงเรื่องจังไม่ได้ วางเสียหน่อยหนึ่ง ดูไปบ้าง อันไหนถ้ามันเป็นประโยชน์จริง ๆ ง่าย ๆ สั้น ๆ ละก็เอา ที่เขาเขียนถูกก็มี เขาเขียนผิดก็มาก

แต่ว่าถ้าอรรถกถาจารย์ก็ต้องดูเหมือนกัน อรรถกถาจารย์ที่ท่านเขียนองค์นั้น เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า ถ้าอรรถกถาจารย์ไม่ใช่พระอรหันต์ เราก็อ่านเราก็ฟัง จับเอาเฉพาะจุดที่มีเหตุมีผลตามพุทธฏีกาจริง ๆ ถ้าอรรถกถาจารย์ส่วนใดเป็นอรหันต์เขียนไว้ เชื่อได้เลย ก็ถามท่านบอกว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า อรรถกถาจารย์องค์นั้นเป็นอรหันต์ ท่านบอกว่า อรรถกถาจารย์ที่เป็นอรหันต์ ต้องไม่ทิ้งอารมณ์พระพุทธเจ้าสอน แนวทางที่พระพุทธเจ้านี่ไม่ทิ้งแล้วสอนง่าย ๆ

เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เวลานี้ผมจะบอกคุณว่า เอาบังสุกุลทั้ง 2 อย่าง เป็นพื้นฐานวิปัสสนาญาณ ถาม บังสุกุลอะไรครับ ท่านก็บอก บังสุกุลเป็นกับบังสุกุลตายเอา บังสุกุลตายก่อนว่า

อนิจจา วต สังขารา สังขาร คือ ร่างกาย ไม่เที่ยงหนอ มันมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้นไม่ความแปรปรวนไปในท่ามกลาง มีการสลายตัวไปในที่สุด

อุปปาทวยธัมมิโน เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป มันแก่ทุกวัน นั่งคิดอย่างนี้

อุปปัชชิต์วา นิรุชฌันติ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ตาย ดับไป

เตสัง วูปสโม สุโข การไปถึงนิพพาน นั่นคือ สงบกาย การสงบกาย หมายความว่า ไม่มีร่างกายอย่างนี้ เป็นสุข นั่นคือ นิพพาน

เอาจิตคิดอย่างนี้ไว้ทุกวัน ลืมตาขึ้นมาปั๊บบูชาพระเสร็จคิดอย่างนี้ และให้นึกต่อไปว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราอาจจะตายได้ทุกขณะ ที่นั่งคุยเวลานี้ คุณอาจจะตายทันทีทันใดก็ได้ อย่าไปรอความป่วย ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นของไม่แน่นอนมันป่วย หรือไม่ป่วย มันก็ตาย เวลาคุณจะตาย

และอีกประการหนึ่งก็ใช้บังสุกุลเป็นว่า อจิรัง วตยัง กาโย ปฐวิง อธิเสสสติ ฉุฑโฑอเปตวิญญาโณ นิรัตถังวะ กลิงครัง ร่างกายนี้อีกไม่ช้าไม่นานนัก ก็จะมีวิญญาณไปปราศแล้ว (คือ จะหมดวิญญาณ) มันก็จะตาย ร่างกายนี้เวลาที่เราอยู่ คนนั้นก็บูชา คนนั้นก็รักคนนี้ก็ชอบ ถ้าเราตายแล้วจริง ๆ แม้แต่เท้าเขาก็ไม่อยากเขี่ยร่างกายของเรา เขาเห็นสภาพร่างกาย เป็นของน่าเกลียด เขามีความรังเกียจในร่างกาย มันก็สู้ไม่ท่อนที่ไร้ประโยชน์ไม่ได้ ไม้ท่อนดีกว่า จงคิดว่า ร่างกายไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานจุดเดียว ทั้ง 3 องค์คิดอย่างนี้เหมือนกันหมดนะแล้วก็ดูอารมณ์ว่า

1. สักกายทิฏฐิ เรายังมีความรู้สึกว่า ร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเราไหม
2. วิจิกิจฉา สงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ไหม หรือเลิกสงสัยแล้ว ถ้าเห็นว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเราสงสัยในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ใช้ไม่ได้ มีความรู้สึกว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราไว้เสมอ
3. สีลัพพตปรามาส รักษาศีลเคร่งครัดไหม
4. กามฉันทะ เห็นว่าร่างกายของคนเพศตรงข้ามมันสวยไหม แต่ความจริงมันสกปรกแสนสกปรก เราเห็นว่า สวยไหม ถ้าเห็นสวย ใช้ไม่ได้ จิตระงับไหม เมื่อเป็นความสวยสดงดงามของผิวพรรณ และความอวบของผิวพรรณ ถ้าจิตไม่สนใจใช้ได้
5. ปฏิฆะ อารมณ์ไม่พอใจมีไหม ให้ถือกฎของกรรมว่า คน และสัตว์ทั้งโลกเกิดมาเพื่อหวังความดี ที่ทำดีไม่ได้ ก็เพราะกฎของกรรมที่เป็นอกุศลบังคับ

และหลังจากนั้น รูปราคะ อรูปราคะ การหลงในรูปฌาน และอรูปฌาน มีไหม อย่าหลงมันรูปฌาน และอรูปฌาน เป็นแต่เพียงสักแต่ว่า เป็นกำลังให้วิปัสสนาญาณเกิดเท่านั้น
แล้วก็ มานะ การถือตัวถือตนมีไหม หมากับคนต้องคุยกันได้ คบกันได้ แม้แต่หมาขี้เรื้อน เราก็ต้องคบได้ ไม่ควรจะถือตัว เพราะมีสภาพเหมือนกัน

อุทธัจจะ จิตเลี่ยงจากนิพพานมีไหม ถ้ามีใช้ไม่ได้ ให้จับนิพพานโดยตรง
อวิชชา ก็มีความรู้สึกว่า ความพอใจในมนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก ไม่มีในเรา มนุษยโลก เทวโลก พรหมโลก สวย ไม่มีในเรา เราต้องการนิพพานจุดเดียว

จำไว้ให้ดีนะคุณนะ ทั้ง 3 องค์นี่ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของคุณแล้ว ถือบทนี้เป็นสำคัญ วิปัสสนาญาณแค่นี้พอเหลือแหล่กินเหลือใช้ เพียงเท่านี้ท่านจะไปไหนมันก็ไปไม่ได้แล้วนอกจากนิพพานแห่งเดียว "


คงพอมีประโยชน์นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่