เป็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นระหว่างฝ่ายปริยัติที่ขาดการปฏิบัติ กับครูบาอาจารย์

เป็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นระหว่างฝ่ายปริยัติที่ขาดการปฏิบัติ กับครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทั้งปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ เช่น สมเด็จญาณ ประธานสังคายนาครั้งที่ 11 และองค์หลวงตามหาบัว

ปริยัติที่ขาดการปฏิบัติ : เชื่อว่า จิต คือ วิญญาณในขันธ์ 5 จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไปสืบเนื่องกัน เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานแล้วจิตจะดับลง ไม่มีอะไรเหลือในพระนิพพาน พระนิพพานเป็นอนัตตา

ครูบาอาจารย์ กล่าวว่า จิต คือ ธาตุรู้หรือวิญญาณธาตุ ส่วนวิญญาณในขันธ์ 5 คือ อาการรู้ของจิตผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นตัวเชื่อมระหว่างจิต (ธาตุรู้) กับกาย เปรียบเสมือนแขน ขาของจิต ไม่ใช่ตัวจิต ที่เกิดดับ คือ วิญญาณและเจตสิก คือ อารมณ์ของจิต เกิดดับบนตัวจิต
ครูบาอาจารย์สอนให้ทำสมาธิเพื่อใช้เจริญวิปัสสนาให้จิตเบื่อหน่ายในวิญญาณและขันธ์ 5 จิตจะคลายกำหนัด หลุดพ้นจากวิญญาณและขันธ์ 5 จิตวิมุติหลุดพ้นจากกิเลส อวิชชา
จิตน้อมไปในพระนิพพาน เป็นอมตธาตุหรือนิพพานธาตุ ไม่กลับมาเกิดอีก

ดังพุทธพจน์ตรัสว่า

      [๒๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้ฟังแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในสังขารทั้งหลาย ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมสิ้นกำหนัด เพราะสิ้นกำหนัด จิตก็พ้นเมื่อจิตพ้นแล้ว ก็รู้ว่าพ้นแล้ว อริยสาวกนั้นทราบชัดว่า  ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
             [๒๔] พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว พระปัญจวัคคีย์มีใจยินดี เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค. ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ จิตของพระปัญจวัคคีย์พ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น.

ส่วนตัวผมใช้เวลาปฏิบัติ 17 ปีเต็ม เห็นเองจากการปฏิบัติด้วยตนเอง ตรงตามครูบาอาจารย์สอน 100% ขอเชื่อจากสิ่งที่ตนปฏิบัติและเห็นเอง




แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่