เอาจริงๆคือที่มาของกระทู้นี้คือ อยู่ๆเราก็มานั่งย้อนดูการวิ่งของตัวเอง 3 ปีกว่าแล้ววว คือไวมาก
และไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานขนาดนี้ค่ะ 555
ตั้งใจจะเขียนทั้งหมด 4 ตอน Mini marathon, Half marathon, Full marathon และ Trail running ค่ะ
คือ เราเองก็ไม่คิดว่า 1.38 กิโล ในวันแรกที่เริ่มวิ่งนั้น จะกลายมาเป็น 42.195 ได้ ในวันนี้
จุดเริ่มเต้นของการวิ่งตอนนั้น คือ เราอ้วนขึ้น แล้วบังเอิ๊ญ เปิดไปดูรายการ ที่เจนี่ มาเป็นแขกรับเชิญ
ช่วงนั้นจะเป็นช่วงนี่เจนี่ฟิตๆ คือเราเคยเจอตัวจริง และยอมรับเลยว่า เทียบกับปัจจุบันคือรูปร่างดีมาก แต่มีประโยคนึงที่เตะหูมาก คือ เจนี่บอกว่า ตัวเองจะออกไปวิ่งค่ะ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรก็จะไปวิ่งค่ะ วิ่งให้ได้ 1ชม. 2ชม. ก็วิ่งค่ะ เราฟังแล้วก็ เออ ก็ไม่ยากแหะแค่วิ่งเอง รองเท้าผ้าใบก็มี และนั่นคือจุดเริ่มต้นค่ะ
เราเริ่มต้นด้วยรองเท้าผ้าใบคู่ละ 300บาท ยี่ห้อบาจาค่ะ มันลดราคาพอดี 555
ส่วนสถานที่ รอบคอนโดเราเองค่ะ อุปกรณ์มือถือ appไนกี้ และหูฟังค่ะ
วันแรกที่เริ่มวิ่งไปได้ 1.38 กิโลค่า เหนื่อยมากกกกกกกก คือแบบ เฮ้ย 1 ชม.นี่ไม่ง่ายแล้วแหละ
ขึ้นห้องมาเสิจข้อมูลใหม่ เรื่องการเบิร์นว่าควรออกต่อเนื่อง 30นาที ก็มานั่งคิดละ เอาวะ ช้าลงหน่อย ยืดเวลาให้ได้ 30 นาที ต้องวิ่งต่อเนื่องให้ได้ 30นาที!!! ซึ่งช้ามากค่ะ แต่ไม่สนค่ะ โฟกัสที่เวลาเท่านั้น!!! แต่การวิ่งของเราคือ เราจะวิ่งค่ะ วิ่งไม่หยุด วิ่งช้ามาก แต่ไม่เดินค่ะ และพฤติกรรมนั้นก็ยังติดตัวเรามาจนทุกวันนี้ค่ะ พอวิ่งค่อยหยุดเดิน พอหยุดเหมือนขามันตายๆ มันไม่หมุนๆต่อเนื่องแบบตอนวิ่งค่ะ
พยายามจับจังหวะหัวใจเอาค่ะช้าๆๆๆ ไม่รีบๆ ท่องไว้ 30 นาที
จนสุดท้าย เราทำได้ เห้ยยย เราวิ่งได้แล้ว 30นาที บอกตัวเอง ทำได้แล้วววว ต่อมาก็ขยับค่ะ ค่อยๆเพิ่มระยะค่ะ จาก 2 เป็น 3 จาก3 เป็น 4 จาก 4 จน 5 กิโล หูยยย คุณเชื่อไหม เราภูมิใจในตัวเองมากกกกกกกกก 5กิโลแรกของฉันนนนนน
เราวิ่งสัปดาห์ละ 2-3วันเองค่ะ มีโยคะแล้วก็ เวทเองด้วยค่ะ
จนวันนึง สนุกและตัดสินใจลง Mini marathon แรกค่ะ ที่งานวันแม่ ปี 2558
การซ้อมเราไม่มีอะไรพิเศษค่ะ เหมือนเดิม คือเพิ่มระยะ ค่อยๆเพิ่ม เพื่อความทนทาน จนอาทิตย์สุดท้ายก่อนแข่ง เราสามารถวิ่งได้ต่อเนื่อง 9 กิโลค่ะ เราก็คิดแล้วว่า เราพร้อมแล้วละ พร้อมแล้วววววว จากวันแรกที่วิ่งจนวันที่ตัดสินใจลง Mini marathon แรก ก็วิ่งมา 6 เดือนแล้ววว ต้องทำได้สิ เย้!!
อันนี้เอาผลจากในแอฟไนกี้มาส่วนนึงนะคะ
วันแข่ง ไม่มีแผนค่ะ คิดแค่ว่า วิ่งเรื่อยๆนะ วิ่งแบบที่เคยทำมา เวลามันก็คงดีกว่าซ้อมแหละเนอะ อะไรแบบนี้ค่ะ 55
สิ้นเสียงปล่อยตัว เราก็ก้าวไปตามจังหวะของเราค่ะ เป็นการออกถนนครั้งแรก คือ เราวิ่งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่วิ่งปกติเลย แต่แปลกหูแปลกตา มีคนวิ่งรอบๆเต็มไปหมดเลย มีน้ำดื่มให้กินด้วยย และเราจบมินิมาราธอนแรก ที่เวลา 1ชม.17นาที ค่ะ ได้เหรียญเสร็จ กลับบ้านเลยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้น ทำไมงานวิ่งคนเยอะจัง ไม่รู้จักใครเลยค่ะ 555 เรามาแล้ว เรารู้แล้วเราทำได้ สรุป เราปิดจ็อบ Mini marathon แรกได้ละ วิ่งแบบซ้อมเลย ไม่รีบ แต่ได้ความรู้สึกว่า “ฉันทำได้” กลับมาห้อง
จากวันนั้นก็คิดแล้วค่ะว่า เราน่าจะวิ่งได้ไกลกว่านี้ค่ะ จากนั้นก็กลับมานั่งดู
ระยะถัดไปจาก Mini marathon นี่อะไรนะ Half marathon หรอ อืมมม จะทำได้อีกไหมนะ จะลองดูดีไหมนะ
แล้วตั้งแต่ตอนนั้น คำๆนี้เริ่มเข้ามาในชีวิตเราแล้วค่ะ เรียกว่า คึกค่ะ 555 อยากลองไปให้ไกลขึ้นบ้างละ
แล้วจากนั้นมา การวิ่งมินิมาราธอนของเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาลลลลล เพราะมันจะกลายมาเป็นระยะซ้อมค่ะ 555
ตอนที่ 2 เส้นทาง Half marathon กับการคาดหวังที่มากขึ้น
(กระทู้หน้านะคะ)
มาราธอนที่ไม่ไปด้วยใจแต่ไปด้วยวินัยการซ้อมนี่แล ตอนที่ 1 จากจุดเริ่ม สู่ Mini marathon
และไม่คิดว่าตัวเองจะอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานขนาดนี้ค่ะ 555
ตั้งใจจะเขียนทั้งหมด 4 ตอน Mini marathon, Half marathon, Full marathon และ Trail running ค่ะ
คือ เราเองก็ไม่คิดว่า 1.38 กิโล ในวันแรกที่เริ่มวิ่งนั้น จะกลายมาเป็น 42.195 ได้ ในวันนี้
จุดเริ่มเต้นของการวิ่งตอนนั้น คือ เราอ้วนขึ้น แล้วบังเอิ๊ญ เปิดไปดูรายการ ที่เจนี่ มาเป็นแขกรับเชิญ
ช่วงนั้นจะเป็นช่วงนี่เจนี่ฟิตๆ คือเราเคยเจอตัวจริง และยอมรับเลยว่า เทียบกับปัจจุบันคือรูปร่างดีมาก แต่มีประโยคนึงที่เตะหูมาก คือ เจนี่บอกว่า ตัวเองจะออกไปวิ่งค่ะ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ไม่ได้ออกกำลังกายอะไรก็จะไปวิ่งค่ะ วิ่งให้ได้ 1ชม. 2ชม. ก็วิ่งค่ะ เราฟังแล้วก็ เออ ก็ไม่ยากแหะแค่วิ่งเอง รองเท้าผ้าใบก็มี และนั่นคือจุดเริ่มต้นค่ะ
เราเริ่มต้นด้วยรองเท้าผ้าใบคู่ละ 300บาท ยี่ห้อบาจาค่ะ มันลดราคาพอดี 555
ส่วนสถานที่ รอบคอนโดเราเองค่ะ อุปกรณ์มือถือ appไนกี้ และหูฟังค่ะ
วันแรกที่เริ่มวิ่งไปได้ 1.38 กิโลค่า เหนื่อยมากกกกกกกก คือแบบ เฮ้ย 1 ชม.นี่ไม่ง่ายแล้วแหละ
ขึ้นห้องมาเสิจข้อมูลใหม่ เรื่องการเบิร์นว่าควรออกต่อเนื่อง 30นาที ก็มานั่งคิดละ เอาวะ ช้าลงหน่อย ยืดเวลาให้ได้ 30 นาที ต้องวิ่งต่อเนื่องให้ได้ 30นาที!!! ซึ่งช้ามากค่ะ แต่ไม่สนค่ะ โฟกัสที่เวลาเท่านั้น!!! แต่การวิ่งของเราคือ เราจะวิ่งค่ะ วิ่งไม่หยุด วิ่งช้ามาก แต่ไม่เดินค่ะ และพฤติกรรมนั้นก็ยังติดตัวเรามาจนทุกวันนี้ค่ะ พอวิ่งค่อยหยุดเดิน พอหยุดเหมือนขามันตายๆ มันไม่หมุนๆต่อเนื่องแบบตอนวิ่งค่ะ
พยายามจับจังหวะหัวใจเอาค่ะช้าๆๆๆ ไม่รีบๆ ท่องไว้ 30 นาที
จนสุดท้าย เราทำได้ เห้ยยย เราวิ่งได้แล้ว 30นาที บอกตัวเอง ทำได้แล้วววว ต่อมาก็ขยับค่ะ ค่อยๆเพิ่มระยะค่ะ จาก 2 เป็น 3 จาก3 เป็น 4 จาก 4 จน 5 กิโล หูยยย คุณเชื่อไหม เราภูมิใจในตัวเองมากกกกกกกกก 5กิโลแรกของฉันนนนนน
เราวิ่งสัปดาห์ละ 2-3วันเองค่ะ มีโยคะแล้วก็ เวทเองด้วยค่ะ
จนวันนึง สนุกและตัดสินใจลง Mini marathon แรกค่ะ ที่งานวันแม่ ปี 2558
การซ้อมเราไม่มีอะไรพิเศษค่ะ เหมือนเดิม คือเพิ่มระยะ ค่อยๆเพิ่ม เพื่อความทนทาน จนอาทิตย์สุดท้ายก่อนแข่ง เราสามารถวิ่งได้ต่อเนื่อง 9 กิโลค่ะ เราก็คิดแล้วว่า เราพร้อมแล้วละ พร้อมแล้วววววว จากวันแรกที่วิ่งจนวันที่ตัดสินใจลง Mini marathon แรก ก็วิ่งมา 6 เดือนแล้ววว ต้องทำได้สิ เย้!!
อันนี้เอาผลจากในแอฟไนกี้มาส่วนนึงนะคะ
วันแข่ง ไม่มีแผนค่ะ คิดแค่ว่า วิ่งเรื่อยๆนะ วิ่งแบบที่เคยทำมา เวลามันก็คงดีกว่าซ้อมแหละเนอะ อะไรแบบนี้ค่ะ 55
สิ้นเสียงปล่อยตัว เราก็ก้าวไปตามจังหวะของเราค่ะ เป็นการออกถนนครั้งแรก คือ เราวิ่งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่วิ่งปกติเลย แต่แปลกหูแปลกตา มีคนวิ่งรอบๆเต็มไปหมดเลย มีน้ำดื่มให้กินด้วยย และเราจบมินิมาราธอนแรก ที่เวลา 1ชม.17นาที ค่ะ ได้เหรียญเสร็จ กลับบ้านเลยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้น ทำไมงานวิ่งคนเยอะจัง ไม่รู้จักใครเลยค่ะ 555 เรามาแล้ว เรารู้แล้วเราทำได้ สรุป เราปิดจ็อบ Mini marathon แรกได้ละ วิ่งแบบซ้อมเลย ไม่รีบ แต่ได้ความรู้สึกว่า “ฉันทำได้” กลับมาห้อง
จากวันนั้นก็คิดแล้วค่ะว่า เราน่าจะวิ่งได้ไกลกว่านี้ค่ะ จากนั้นก็กลับมานั่งดู
ระยะถัดไปจาก Mini marathon นี่อะไรนะ Half marathon หรอ อืมมม จะทำได้อีกไหมนะ จะลองดูดีไหมนะ
แล้วตั้งแต่ตอนนั้น คำๆนี้เริ่มเข้ามาในชีวิตเราแล้วค่ะ เรียกว่า คึกค่ะ 555 อยากลองไปให้ไกลขึ้นบ้างละ
แล้วจากนั้นมา การวิ่งมินิมาราธอนของเราก็เปลี่ยนไปตลอดกาลลลลล เพราะมันจะกลายมาเป็นระยะซ้อมค่ะ 555
ตอนที่ 2 เส้นทาง Half marathon กับการคาดหวังที่มากขึ้น
(กระทู้หน้านะคะ)