ขอเปิดกระทู้แบบพลีชีพเลยละกัน รวมครั้งแรกของแต่ละระยะ
🎯
Mini marathon แรก (Oct-17) : แค่ 10 กิโล ต้องใช้คำว่าลากสังขารเลยดีกว่า เสื้อวิ่งก็คับ 5555 หลังจากนั้นก็เก็บมา 20+ mini จนทำ sub 1 ได้ 😹
🎯
Half marathon แรก (May-19) : เป็นช่วงที่ดึงตัวเองกลับมาวิ่ง เลยลอง 21 กิโลไปเลย ลงไป 4 รายการ และซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อไป full 😽
🎯
Full marathon แรก (Nov-19) : จบ BANGSAEN42 ด้วย sub 5 แบบเกินคาด บางทีก็สงสัยว่าทำไมต้องมาวิ่ง 42 กิโล 🏆
#ไม่มีทางลัดสำหรับมาราธอน
#ไม่ได้ชอบวิ่งแต่ชอบตัวเองเวลาวิ่ง
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/38886176 ก็ตั้งเป้าไว้ว่าหากมีโอกาสอยากจะไป full แรกสักครั้งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
กระทู้นี้ก็จะเป็นอีกการแชร์ประสบการณ์และส่งกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังเริ่มออกกำลังกาย หวังว่าจะช่วยให้ใครก็ตามที่อยากเริ่มออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร
'ผลลัพธ์มันหอมหวาน แต่หนทางมันก็หนักหนาเช่นกัน' เพราะฉะนั้นแค่ลงมือทำ และสนุกไปกับมัน
หลังจากเราจบ half แรกไป ก็มีงาน BANGSEAN42 นี่แหละมีกระตุ้นความอยากไป full ของเรา วันที่สมัครได้ดีใจมากกกกกกก
ระหว่างนั้นก็มีลงสมัครงานวิ่งอีกแค่สามที่ โดยหลังจากนี้ก็ลงแค่ระยะ half อย่างเดียวเลย
2019, May : Huahin Marathon
2019, Jun : Khao Chamao Half Maraton
2019, Aug : Pasak Chonlasit Dam Half Marathon
2019, Oct : Muangthai Marathon
ถึงแม้ว่าจะลงสมัครงานวิ่งน้อย แต่ความจริงแล้วตารางซ้อมเราจริงจังมาก ก็ลองพวกตารางซ้อมหามาจากหลายๆที่จนปรับมาเป็นที่เหมาะกับเรา
เวลาที่ใช้ซ้อมก็ 20 weeks ซึ่งจริงๆก่อนหน้านั้นก็วิ่งเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จริงจังขนาดนี้
การซ้อมปกติก็จะวิ่งสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ส่วนจำนวนกิโลก็ตามตารางซ้อมเลย ก็มีปรับเปลี่ยนบ้างตามโอกาส ที่สำคัญคือ ทุกสัปดาห์จะมี Long run มันก็จะไปพีคช่วงหลังๆที่ 30k ซึ่งจากที่สำรวจตัวเองก็เป็นไปตามแผนการซ้อมมีการ track ระยะตัวเองมาเรื่อย และตั้งเป้าว่า อยากจบ
1000k ก่อนไป full พอถึง week สุดท้ายนี่อย่างฟิน
ยิ่งสัปดาห์หลังๆเราสามารถคุม HR ตัวเองได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยลง ทำเวลาได้ดีขึ้น ทุกอย่างนี้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
เทียบกันระหว่าง 30k แรก กับ 30k สุดท้ายตารางซ้อม
(แอบบอกว่าครั้งแรกใส่ Next% แต่รอบสุดท้ายใส่ PG35 เลยคิดว่าจริงๆมันอยู่ที่นักวิ่ง และการฝึกซ้อมจริงๆแหละ)
ก่อนวันงานก็มีบองประเมินตัวเองดูว่าจะไหว ตามที่วางแผนมั้ย จริงจังมาก 555
เดินทางมาถึงวันมารับ BIB งาน BS42 แต่รถเลี้ยวเข้ามาในโรงแรมก็ตื่นเต้นไปหมดแล้ววววววว
เราเดินทางมาใกล้ๆเวลาปิดรับ BIB ละ ทุกอย่างเลยรวดเร็วมาก ประทับใจตั้งแต่วันรับ BIB ไปเลย
และแล้วก็มาถึงวันที่รอคอย
Gun time 3:00 เราอยู่ block E ลงเวลาจบไว้ 5:30 hr
รูปนี้น่าจะประมาณ
20K+ ยังชิลล์ๆ ถือว่าอยู่ในระยะซ้อม
ตอนนี้คือ
42K+ เหลือแค่แค่ไม่กี่ร้อยเมตร แค่คิดถึงเส้นชัยข้างหน้าก็ฟินสุดๆไปเลย
สุดท้ายเราก็สามารถจบระยะ full marathon ได้ และทำเวลาได้ดีกว่าที่คาดไว้ด้วย
Certificate ที่ได้จากงานนี้ ปลื้มสุดๆ
บทส่งท้าย
อยากจะฝากไว้ว่าจริงๆแล้วเราสามารถทำอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำมันหรือไม่ แค่นั้นเอง
First Full Marathon (ระยะที่เคยพูดว่าจะวิ่งไปทำไม แล้ววันนี้เราก็ผ่านมันมาได้)
🎯 Mini marathon แรก (Oct-17) : แค่ 10 กิโล ต้องใช้คำว่าลากสังขารเลยดีกว่า เสื้อวิ่งก็คับ 5555 หลังจากนั้นก็เก็บมา 20+ mini จนทำ sub 1 ได้ 😹
🎯 Half marathon แรก (May-19) : เป็นช่วงที่ดึงตัวเองกลับมาวิ่ง เลยลอง 21 กิโลไปเลย ลงไป 4 รายการ และซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อไป full 😽
🎯 Full marathon แรก (Nov-19) : จบ BANGSAEN42 ด้วย sub 5 แบบเกินคาด บางทีก็สงสัยว่าทำไมต้องมาวิ่ง 42 กิโล 🏆
#ไม่มีทางลัดสำหรับมาราธอน
#ไม่ได้ชอบวิ่งแต่ชอบตัวเองเวลาวิ่ง
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้า https://ppantip.com/topic/38886176 ก็ตั้งเป้าไว้ว่าหากมีโอกาสอยากจะไป full แรกสักครั้งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
กระทู้นี้ก็จะเป็นอีกการแชร์ประสบการณ์และส่งกำลังใจให้เพื่อนๆที่กำลังเริ่มออกกำลังกาย หวังว่าจะช่วยให้ใครก็ตามที่อยากเริ่มออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นอะไร 'ผลลัพธ์มันหอมหวาน แต่หนทางมันก็หนักหนาเช่นกัน' เพราะฉะนั้นแค่ลงมือทำ และสนุกไปกับมัน
หลังจากเราจบ half แรกไป ก็มีงาน BANGSEAN42 นี่แหละมีกระตุ้นความอยากไป full ของเรา วันที่สมัครได้ดีใจมากกกกกกก
ระหว่างนั้นก็มีลงสมัครงานวิ่งอีกแค่สามที่ โดยหลังจากนี้ก็ลงแค่ระยะ half อย่างเดียวเลย
2019, May : Huahin Marathon
2019, Jun : Khao Chamao Half Maraton
2019, Aug : Pasak Chonlasit Dam Half Marathon
2019, Oct : Muangthai Marathon
ถึงแม้ว่าจะลงสมัครงานวิ่งน้อย แต่ความจริงแล้วตารางซ้อมเราจริงจังมาก ก็ลองพวกตารางซ้อมหามาจากหลายๆที่จนปรับมาเป็นที่เหมาะกับเรา
เวลาที่ใช้ซ้อมก็ 20 weeks ซึ่งจริงๆก่อนหน้านั้นก็วิ่งเรื่อยๆ แต่ไม่ได้จริงจังขนาดนี้
การซ้อมปกติก็จะวิ่งสัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง ส่วนจำนวนกิโลก็ตามตารางซ้อมเลย ก็มีปรับเปลี่ยนบ้างตามโอกาส ที่สำคัญคือ ทุกสัปดาห์จะมี Long run มันก็จะไปพีคช่วงหลังๆที่ 30k ซึ่งจากที่สำรวจตัวเองก็เป็นไปตามแผนการซ้อมมีการ track ระยะตัวเองมาเรื่อย และตั้งเป้าว่า อยากจบ 1000k ก่อนไป full พอถึง week สุดท้ายนี่อย่างฟิน
ยิ่งสัปดาห์หลังๆเราสามารถคุม HR ตัวเองได้ดีขึ้น เหนื่อยน้อยลง ทำเวลาได้ดีขึ้น ทุกอย่างนี้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
เทียบกันระหว่าง 30k แรก กับ 30k สุดท้ายตารางซ้อม
(แอบบอกว่าครั้งแรกใส่ Next% แต่รอบสุดท้ายใส่ PG35 เลยคิดว่าจริงๆมันอยู่ที่นักวิ่ง และการฝึกซ้อมจริงๆแหละ)
ก่อนวันงานก็มีบองประเมินตัวเองดูว่าจะไหว ตามที่วางแผนมั้ย จริงจังมาก 555
เดินทางมาถึงวันมารับ BIB งาน BS42 แต่รถเลี้ยวเข้ามาในโรงแรมก็ตื่นเต้นไปหมดแล้ววววววว
เราเดินทางมาใกล้ๆเวลาปิดรับ BIB ละ ทุกอย่างเลยรวดเร็วมาก ประทับใจตั้งแต่วันรับ BIB ไปเลย
และแล้วก็มาถึงวันที่รอคอย
Gun time 3:00 เราอยู่ block E ลงเวลาจบไว้ 5:30 hr
รูปนี้น่าจะประมาณ 20K+ ยังชิลล์ๆ ถือว่าอยู่ในระยะซ้อม
ตอนนี้คือ 42K+ เหลือแค่แค่ไม่กี่ร้อยเมตร แค่คิดถึงเส้นชัยข้างหน้าก็ฟินสุดๆไปเลย
สุดท้ายเราก็สามารถจบระยะ full marathon ได้ และทำเวลาได้ดีกว่าที่คาดไว้ด้วย
Certificate ที่ได้จากงานนี้ ปลื้มสุดๆ
บทส่งท้าย
อยากจะฝากไว้ว่าจริงๆแล้วเราสามารถทำอะไรก็ได้บนโลกใบนี้ มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำมันหรือไม่ แค่นั้นเอง