หลายๆคนคงเคยอ่านกระทู้เก่าๆผมมาบ้างเลยขอเท้าความสั้นๆตอนนี้ผมอายุ 51 ผมเริ่มห่างหายการออกกำลังกายตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัย ดื่มเที่ยวจนอายุสามสิบปลายๆเริ่มป่วยเป็นเบาหวานแล้วต่อด้วยความดันสูง มาครบแพคเกจตอน40 เป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ หามส่งรพ.และฟังประโยคที่ยังจำได้ดีของคุณหมอ ถ้าเมื่อกี้ตอนอยู่บ้าน คุณนอนหลับไปคุณจะไม่มีโอกาสได้ตื่นแล้ว ผมได้รับแพคเกจครบตอนอายุ40เมื่อ11ปีที่แล้ว
ผมเริ่มออกกำลังกายตอนอายุ44 จากการชักชวนของครอบครัว เผมริ่มถามตัวเองป่วยเพราะอะไร คำตอบป่วยเพราะอ้วน อ้วนเพราะกิน ไม่เเข็งแรงเพราะไม่ออกกำลังกาย
ผมเริ่มออกกำลังกาย โดยออกกำลังกาย 5-6วันต่อสัปดาห์ครั้งละ1-2ชม. ดูมันน่าบื่อและน่าเหนื่อย แต่ผมจะทำเรื่องออกกำลังกายให้เป็นเรื่องสนุก ผมจะตั้งเป้าหมายตลอดในการออกกำลังกายและพยายามทำให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย การเล่นเวทผมสนุกกับการพัฒนากล้ามเนื้อของตัวเอง ข้อดีของการมีกล้ามคือกล้ามเนื้อต้องการพลังงาน ฉะนั้นคนที่เล่นเวทจะลดความอ้วนได้ดี เพราะร่างกายจะเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องทั้งวัน
ผมเริ่มวิ่งจริงจังเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว ผมว่าการวิ่งเป็นเรื่องของวินัยในการฝึกซ้อม ผมเริ่มชอบการวิ่งเพราะมันท้าทาย มันมีเป้าหมายและการพิชิตเป้าหมายมันต้องมาจากการฝึกซ้อม แต่ผมก็ยังเข้ายิมเล่นเวทควบคู่ไปกับการวิ่ง
เริ่มจากMini Marathon 10k เดือนพค.ปีที่แล้ว ขยับมา Half Marathon21.1k เมื่อต้นปีนี้ และFull Marathon 42.195 km. วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
Full Marathonเป็นระยะที่คนที่มีโรคประจำตัวอย่างผมชั่งใจอยู่นานว่ากล้าที่จะนึกถึงหรือไม่ แต่สำหรับนักวิ่งทุกคน 42.195กิโล เป็นระยะที่ทุกคนอยากพิชิตให้สำเร็จ ผมเลือกงานชัยมงคลมาราธอนเป็นสนามแรกที่ผมจะพิชิตมาราธอน ด้วยเหตุผล สนามไม่โหด ไม่มีคัทออฟ ผมเลือกตารางฝึกซ้อม 16สัปดาห์ในการฝึกซ้อม
เป้าหมายในการลงมาราธอนแรกของผม อยากจบด้วยเวลา5.30ชม.หรืออย่างช้าไม่เกิน 6ชั่วโมง หัวใจไม่ทำงานหนักมากเกินไปคือคุมหัวใจให้อยู่โซน2หรืออย่างสูงไม่ให้แตะโซน4 และที่สำคัญอยากวิ่งตลอดไม่เดิน
ผมใช้เวลาซ้อมตามตาราง4เดือนเพื่อวิ่งFull Marathonแรกในชีวิต ผมซ้อมวิ่งโซน2มา1ปีเพื่อที่จะให้หัวใจผมไม่ทำงานหนัก สิ่งที่ผมชอบที่สุดในการวิ่งคือ มันทำให้ผมต้องดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ต้องทำตัวเหมือนนักกีฬา ต้องซ้อมต้องพักผ่อน สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ของผมคือเป็นตะคริวง่ายเป็นเอฟเฟคจากยาเบาหวานและยาลดไขมัน
งานชัยมงคลปล่อยตัวตีสามครึ่ง ผมเข้านอนทุ่มครึ่งตื่นเที่ยงคืน จัดการธุระส่วนตัวและไปถึงสนามตี2ครึ่ง ผมค่อนข้างตื่นเต้นพอสมควรกับfullแรกของผม โชคดีที่ได้น้องมาวิ่งช่วยประกบเป็นหัวลากให้ ถึงเวลาปล่อยตัว ผมออกตัวไปแบบไม่เร่งรีบ พยามยามคุมหัวใจไม่ให้ทำงานหนักและเวลาไม่เกิน8นาทีต่อกิโล. 30กิโลแรกผมยังทำได้ตามแผนทั้งคุมหัวใจและความเร็ว ยังพุดคุยกับน้องที่ช่วยลากได้สบายๆ พอเลย30กิโลตะคริวเริ่มมาเยือน ผมเริ่มเป็นตะคริวตั้งแต่ช่วงกิโลที่30 แต่ด้วยกางเกงรัดกล้ามเนื้อที่ใส่บวกกับยากันตะคริวที่กิน ตะคริวขึ้นแบบผมยังคงวิ่งต่อได้ มันแบบเจ็บแล้วคลาย ตะคริวขึ้นกี่ครั้งนับไม่ถ้วน แต่ด้วยที่อยากจบมาราธอนแรกด้วยการไม่เดิน ผมกัดฟันวิ่งไปเรื่อยๆน้องที่ช่วยลากสอบถามอาการเป็นระยะๆ ถึงกิโลที่39 ผมและน้องคำนวนเวลาแล้วผมจบตามเป้าหมายแน่นอนเริ่มผ่อนฝีเท้าลง ออมแรงที่เหลือไว้ปล่อยตอนเข้าเส้นชัย ด้วยเหตุผลเดียว ใกล้เส้นชัยกล้องเยอะ เราต้องยิ้มเราต้องสดใส แล้วก็เป็นไปดังคาดกิโลสุดท้ายกล้องเยอะ วิ่งแล้วเจอกล้องมันเหมือนโดนผู้กำกับสั่งให้แสดง สลัดความเหนื่อยทิ้ง สีหน้ารอยยิ้มเหมือนเพิ่งออกตัว แล้วก็เจอกล้องสุดท้าย ช่างกล้องอยู่บนสะพานก่อนเข้าเส้น 42กิโลที่วิ่งมาสร้างความเหนื่อยล้ามาสุดๆ แต่ก็ต้องกัดฟันวิ่งขึ้นสะพานพร้อมรอยยิ้ม เพื่อรูปสวยเราต้องอดทน พอข้ามสะพานก็ถึงเส้นชัย วินาทีนั้นดีใจและบอกกับตัวเองว่า ในที่สุดก็ทำได้
5ชั่วโมง43นาที คือเวลาที่ผมจบมาราธอนแรก ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เวลาอยู่ในเป้าหมาย คุมหัวใจได้ตามแผน ผมคุมหัวใจไม่ให้เกินโซน2ได้5ชั่วโมงนิดๆ เกินมาโซน3ครึ่งชั่วโมง ไม่แตะโซน4ถือว่าตามเป้าหมาย และตามคาดตะคริวก็มาตามนัด ที่ดีใจที่สุดเป้าหมายที่จะวิ่งตลอดไม่เดินในมาราธอนแรกผมก็ทำสำเร็จ
หัวใจในขณะวิ่ง
สีสันเวลงลงงานวิ่ง แอคท่าถ่ายรูป
สุดท้ายต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่ตอนแรกผมโครตเกลียดพวกเค้า แต่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป ก็เลยสนิทกัน หลังๆสนิทกันจนทำให้ผมมีวันนี้
เพื่อนอ้วน ทำให้ผมรู้ว่าอ้วนแล้วโรคร้ายจะตามมา ทำให้ผมคุมอาหารและออกกำลังกาย
เพื่อนเบาหวาน ทำให้ผมเลิกยุ่งกับน้ำตาล กินกาแฟไม่ใส่น้ำตาล กินก๊วยเตี๋ยวไม่ใส่น้ำตาล กินแป้งน้อยลง
เพื่อนความดันสูง ทำให้ผมหันมาออกกำลังกายเพื่อลดความเครียด
เพื่อนเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้ผมสังเกตุตัวเองมากขึ้น ทำให้รู้ว่าความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว ไขมันที่เราสะสมเป็นสิ่งอันตราย ควรเอาเข้าแต่พอดีและออกกำลังกายเพื่อขจัดมันออกไป
จากคนป่วยที่ขึ้นบันไดยังเหนื่อย วันนี้ผมกลับมาออกกำลังกายได้แบบคนปกติ ได้วิ่ง ได้เล่นเวท ได้กลับไปเล่นฟุตบอลกีฬาโปรดของผมในวัยเด็ก ทุกวันนี้ความดีความชอบทั้งหมดยกให้พี่วินัย ตั้งแต่คบพี่วินัยผมเหนื่อยน่ะบอกตรงๆ จันทร์ถึงศุกร์ต้องไปออกกำลังกาย พอจะวิ่งก็บังคับให้ซ้อมตามตาราง ผมจบมาราธอนแรกแบบเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด เพราะตลอด4เดือน พี่วินัยบอกให้ผม ซ้อม ซ้อม และซ้อม ใครอยากออกกำลังกาย ลดความอ้วน ปรึกษาพี่วินัยได้ เค้าอยู่ข้างๆตัวคุณลองเปิดใจคบกับเค้า ผมรับรองพี่วินัยไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
เคล็ดลับที่ผมทำสำเร็จได้ ตั้งแต่ลดความอ้วน ออกกำลังกาย วิ่งมาราธอน เพราะผมซื่อสัตย์กับความตั้งใจของตัวเอง
ยังคงเล่นเวทอยู่แต่น้อยลง ตั้งแต่วิ่งหนักขึ้น กล้ามหาย ตัวบางลง
การกลับมาเล่นฟุตบอลได้เป็นความสุขที่ผมไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอีก
การตรวจสุขภาพล่าสุดผมคุมน้ำตาลในเลือดได้ ความดันปกติ ไขมันเลวน้อยกว่าเกณฑ์ ไขมันดีมากกว่าเกณฑ์ แต่ผมก็ยังพบแพทย์และกินยาตามแพทย์สั่ง
สุดท้ายขอบคุณครอบครัวที่จะสนุกทุกกิจกรรมที่ผมสนใจ
เมื่อผมเดิน พวกเค้าจะเดินตาม เมื่อผมเริ่มวิ่ง พวกเค้าจะเริ่มวิ่งตาม
ผมมั่นใจ ถ้าผมล้มลง พวกเค้าจะฉุดประคองผมให้ลุกขึ้นมายืน เดินและวิ่ง ไปด้วยกันอีกครั้ง
ขอบคุณเพื่อนอ้วน เบาหวาน ความดันและเพื่อนโรคหัวใจ ที่พาผมมา...Full Marathon 42.195km ผมจะเป็นคนป่วยที่แข็งแรง
ผมเริ่มออกกำลังกายตอนอายุ44 จากการชักชวนของครอบครัว เผมริ่มถามตัวเองป่วยเพราะอะไร คำตอบป่วยเพราะอ้วน อ้วนเพราะกิน ไม่เเข็งแรงเพราะไม่ออกกำลังกาย
ผมเริ่มออกกำลังกาย โดยออกกำลังกาย 5-6วันต่อสัปดาห์ครั้งละ1-2ชม. ดูมันน่าบื่อและน่าเหนื่อย แต่ผมจะทำเรื่องออกกำลังกายให้เป็นเรื่องสนุก ผมจะตั้งเป้าหมายตลอดในการออกกำลังกายและพยายามทำให้ตัวเองบรรลุเป้าหมาย การเล่นเวทผมสนุกกับการพัฒนากล้ามเนื้อของตัวเอง ข้อดีของการมีกล้ามคือกล้ามเนื้อต้องการพลังงาน ฉะนั้นคนที่เล่นเวทจะลดความอ้วนได้ดี เพราะร่างกายจะเผาผลาญพลังงานต่อเนื่องทั้งวัน
ผมเริ่มวิ่งจริงจังเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว ผมว่าการวิ่งเป็นเรื่องของวินัยในการฝึกซ้อม ผมเริ่มชอบการวิ่งเพราะมันท้าทาย มันมีเป้าหมายและการพิชิตเป้าหมายมันต้องมาจากการฝึกซ้อม แต่ผมก็ยังเข้ายิมเล่นเวทควบคู่ไปกับการวิ่ง
เริ่มจากMini Marathon 10k เดือนพค.ปีที่แล้ว ขยับมา Half Marathon21.1k เมื่อต้นปีนี้ และFull Marathon 42.195 km. วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
Full Marathonเป็นระยะที่คนที่มีโรคประจำตัวอย่างผมชั่งใจอยู่นานว่ากล้าที่จะนึกถึงหรือไม่ แต่สำหรับนักวิ่งทุกคน 42.195กิโล เป็นระยะที่ทุกคนอยากพิชิตให้สำเร็จ ผมเลือกงานชัยมงคลมาราธอนเป็นสนามแรกที่ผมจะพิชิตมาราธอน ด้วยเหตุผล สนามไม่โหด ไม่มีคัทออฟ ผมเลือกตารางฝึกซ้อม 16สัปดาห์ในการฝึกซ้อม
เป้าหมายในการลงมาราธอนแรกของผม อยากจบด้วยเวลา5.30ชม.หรืออย่างช้าไม่เกิน 6ชั่วโมง หัวใจไม่ทำงานหนักมากเกินไปคือคุมหัวใจให้อยู่โซน2หรืออย่างสูงไม่ให้แตะโซน4 และที่สำคัญอยากวิ่งตลอดไม่เดิน
ผมใช้เวลาซ้อมตามตาราง4เดือนเพื่อวิ่งFull Marathonแรกในชีวิต ผมซ้อมวิ่งโซน2มา1ปีเพื่อที่จะให้หัวใจผมไม่ทำงานหนัก สิ่งที่ผมชอบที่สุดในการวิ่งคือ มันทำให้ผมต้องดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ต้องทำตัวเหมือนนักกีฬา ต้องซ้อมต้องพักผ่อน สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ของผมคือเป็นตะคริวง่ายเป็นเอฟเฟคจากยาเบาหวานและยาลดไขมัน
งานชัยมงคลปล่อยตัวตีสามครึ่ง ผมเข้านอนทุ่มครึ่งตื่นเที่ยงคืน จัดการธุระส่วนตัวและไปถึงสนามตี2ครึ่ง ผมค่อนข้างตื่นเต้นพอสมควรกับfullแรกของผม โชคดีที่ได้น้องมาวิ่งช่วยประกบเป็นหัวลากให้ ถึงเวลาปล่อยตัว ผมออกตัวไปแบบไม่เร่งรีบ พยามยามคุมหัวใจไม่ให้ทำงานหนักและเวลาไม่เกิน8นาทีต่อกิโล. 30กิโลแรกผมยังทำได้ตามแผนทั้งคุมหัวใจและความเร็ว ยังพุดคุยกับน้องที่ช่วยลากได้สบายๆ พอเลย30กิโลตะคริวเริ่มมาเยือน ผมเริ่มเป็นตะคริวตั้งแต่ช่วงกิโลที่30 แต่ด้วยกางเกงรัดกล้ามเนื้อที่ใส่บวกกับยากันตะคริวที่กิน ตะคริวขึ้นแบบผมยังคงวิ่งต่อได้ มันแบบเจ็บแล้วคลาย ตะคริวขึ้นกี่ครั้งนับไม่ถ้วน แต่ด้วยที่อยากจบมาราธอนแรกด้วยการไม่เดิน ผมกัดฟันวิ่งไปเรื่อยๆน้องที่ช่วยลากสอบถามอาการเป็นระยะๆ ถึงกิโลที่39 ผมและน้องคำนวนเวลาแล้วผมจบตามเป้าหมายแน่นอนเริ่มผ่อนฝีเท้าลง ออมแรงที่เหลือไว้ปล่อยตอนเข้าเส้นชัย ด้วยเหตุผลเดียว ใกล้เส้นชัยกล้องเยอะ เราต้องยิ้มเราต้องสดใส แล้วก็เป็นไปดังคาดกิโลสุดท้ายกล้องเยอะ วิ่งแล้วเจอกล้องมันเหมือนโดนผู้กำกับสั่งให้แสดง สลัดความเหนื่อยทิ้ง สีหน้ารอยยิ้มเหมือนเพิ่งออกตัว แล้วก็เจอกล้องสุดท้าย ช่างกล้องอยู่บนสะพานก่อนเข้าเส้น 42กิโลที่วิ่งมาสร้างความเหนื่อยล้ามาสุดๆ แต่ก็ต้องกัดฟันวิ่งขึ้นสะพานพร้อมรอยยิ้ม เพื่อรูปสวยเราต้องอดทน พอข้ามสะพานก็ถึงเส้นชัย วินาทีนั้นดีใจและบอกกับตัวเองว่า ในที่สุดก็ทำได้
5ชั่วโมง43นาที คือเวลาที่ผมจบมาราธอนแรก ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เวลาอยู่ในเป้าหมาย คุมหัวใจได้ตามแผน ผมคุมหัวใจไม่ให้เกินโซน2ได้5ชั่วโมงนิดๆ เกินมาโซน3ครึ่งชั่วโมง ไม่แตะโซน4ถือว่าตามเป้าหมาย และตามคาดตะคริวก็มาตามนัด ที่ดีใจที่สุดเป้าหมายที่จะวิ่งตลอดไม่เดินในมาราธอนแรกผมก็ทำสำเร็จ
หัวใจในขณะวิ่ง
สีสันเวลงลงงานวิ่ง แอคท่าถ่ายรูป
สุดท้ายต้องขอขอบคุณเพื่อนๆที่ตอนแรกผมโครตเกลียดพวกเค้า แต่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป ก็เลยสนิทกัน หลังๆสนิทกันจนทำให้ผมมีวันนี้
เพื่อนอ้วน ทำให้ผมรู้ว่าอ้วนแล้วโรคร้ายจะตามมา ทำให้ผมคุมอาหารและออกกำลังกาย
เพื่อนเบาหวาน ทำให้ผมเลิกยุ่งกับน้ำตาล กินกาแฟไม่ใส่น้ำตาล กินก๊วยเตี๋ยวไม่ใส่น้ำตาล กินแป้งน้อยลง
เพื่อนความดันสูง ทำให้ผมหันมาออกกำลังกายเพื่อลดความเครียด
เพื่อนเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้ผมสังเกตุตัวเองมากขึ้น ทำให้รู้ว่าความตายเป็นเรื่องใกล้ตัว ไขมันที่เราสะสมเป็นสิ่งอันตราย ควรเอาเข้าแต่พอดีและออกกำลังกายเพื่อขจัดมันออกไป
จากคนป่วยที่ขึ้นบันไดยังเหนื่อย วันนี้ผมกลับมาออกกำลังกายได้แบบคนปกติ ได้วิ่ง ได้เล่นเวท ได้กลับไปเล่นฟุตบอลกีฬาโปรดของผมในวัยเด็ก ทุกวันนี้ความดีความชอบทั้งหมดยกให้พี่วินัย ตั้งแต่คบพี่วินัยผมเหนื่อยน่ะบอกตรงๆ จันทร์ถึงศุกร์ต้องไปออกกำลังกาย พอจะวิ่งก็บังคับให้ซ้อมตามตาราง ผมจบมาราธอนแรกแบบเหนื่อยน้อยกว่าที่คิด เพราะตลอด4เดือน พี่วินัยบอกให้ผม ซ้อม ซ้อม และซ้อม ใครอยากออกกำลังกาย ลดความอ้วน ปรึกษาพี่วินัยได้ เค้าอยู่ข้างๆตัวคุณลองเปิดใจคบกับเค้า ผมรับรองพี่วินัยไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
เคล็ดลับที่ผมทำสำเร็จได้ ตั้งแต่ลดความอ้วน ออกกำลังกาย วิ่งมาราธอน เพราะผมซื่อสัตย์กับความตั้งใจของตัวเอง
ยังคงเล่นเวทอยู่แต่น้อยลง ตั้งแต่วิ่งหนักขึ้น กล้ามหาย ตัวบางลง
การกลับมาเล่นฟุตบอลได้เป็นความสุขที่ผมไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมันอีก
การตรวจสุขภาพล่าสุดผมคุมน้ำตาลในเลือดได้ ความดันปกติ ไขมันเลวน้อยกว่าเกณฑ์ ไขมันดีมากกว่าเกณฑ์ แต่ผมก็ยังพบแพทย์และกินยาตามแพทย์สั่ง
สุดท้ายขอบคุณครอบครัวที่จะสนุกทุกกิจกรรมที่ผมสนใจ
เมื่อผมเดิน พวกเค้าจะเดินตาม เมื่อผมเริ่มวิ่ง พวกเค้าจะเริ่มวิ่งตาม
ผมมั่นใจ ถ้าผมล้มลง พวกเค้าจะฉุดประคองผมให้ลุกขึ้นมายืน เดินและวิ่ง ไปด้วยกันอีกครั้ง