Half Marathon แรกในชีวิต
“Any idiot can run, but it takes a special kind of idiot to run half marathon”
ไม่รู้ใครกล่าวไว้ แต่ว่ากล่าวไว้ได้ประชัดประชนอย่างยิ่ง แปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ได้ว่า “ ที่ไหนก็วิ่งได้ แต่เมิงต้องโง่เป็นพิเศษถึงจะไปวิ่ง half marathon”
วันไหนที่ต้องซ้อมวิ่งเกิน 10 กิโลเมตร คำพูดนี้มันจะลอยเข้ามาเป็นประจำ เพราะในขณะที่ร่างกายร้องขอความเห็นใจว่า “หยุดเถอะ”, “พอเถอะ ขาวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” แต่สมองมันยังสั่งให้ก้าวขาต่อไป ล้าแค่ไหน เอ็งก็ต้องก้าวต่อไป ห้ามหยุด จนกระทั่งลากสังขาร วิ่งรอบสวนลุมได้ 6 รอบ จำได้ว่าครั้งแรกที่ขยับจาก 12.5 มาเป็น 15 คืนนั้น ร่างกายต่อต้านหนักด้วยการดื้อไม่อยากอาหาร รู้สึกอยากอาเจียนตลอด ซึ่งก็สมควรอยู่เพราะว่า ทรมานร่างกายหนัก ขยับเพิ่มระยะทางมา 20% ดื้อ ๆ แถมไม่หยุดพัก ไม่จิบน้ำเลยด้วยซ้ำ การวิ่งครั้งนั้นทำให้รู้ว่า ซ้อมครั้งหน้าต้องพักจิบน้ำบ้าง
อาทิตย์หลังจากการวิ่งยาว 15 กิโลครั้งแรก ปรับแผนวิ่งยาวเหลือแค่ 12.5 กิโลเมตรในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้ร่างกายได้พัก เพื่อที่อาทิตย์ต่อมาจะกลับมาวิ่งที่ 15 ใหม่ ซึ่งคราวนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการ วิ่ง 15 กิโลครั้งที่สอง จบลงด้วยเวลา 1’ 40” แต่ขากับข้อเท้าปวดและตึงมาก แต่ปัญหามีอยู่ว่า อาทิตย์ต่อไปต้องเพิ่มระยะทางเป็น 17.5 เพราะว่าเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ก่อนงานกรุงเทพมาราธอน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือป่วยเป็นหวัด มีไข้ ตายละวา!
ตัดสินใจ เลือกที่จะไม่ซ้อมตามแผน ยอมลดการวิ่งลงมาแค่ 5-7.5 กิโลเมตร อาทิตย์ละ 2 ครั้งเท่านั้น และอาทิตย์สุดท้ายก็จะไม่วิ่งยาวอีกแล้วเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน เหลือแค่วิ่ง 5 กิโลเมตรอีก 2 วันเท่านั้น แล้วไปวัดดวงที่งานเอา
วันวิ่งจริง เริ่มออกตัวไปกับเพื่อนอีก 2 คน ที่เคยผ่าน full marathon มาทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนแทบไม่ได้ซ้อมสำหรับวิ่งคราวนี้เลย คนนึงค่อนข้างฟิตอยู่แล้วเพราะว่าออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนอีกคนเพิ่งจะไปซื้อรองเท้าวิ่งก่อนวันแข่ง 3 วัน อนิจจา… มันเข้าเส้นชัยก่อนผมทั้งคู่ คนแรกจบด้วยเวลา 1ชั่วโมง44นาที คนที่สองแอบแซงเราไปตอน 500 เมตรสุดท้าย เอาเส้นชัยไปก่อน ไม่ถึงนาที แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือ มันหยุดรอที่เส้นชัย แล้วทำหน้าแบบว่า “กรูไม่ซ้อมก็วิ่งชนะเมิงว้อย”
ทั้ง ๆ ที่พยายามบอกตัวเองแล้วว่าไม่ต้องเร็วช่วง 5 กิโลเมตรแรก แต่พอโหลด pace ออกมาจากนาฬิกา วิ่ง 3 กิโลแรก อยู่ที่ pace 6 ก่อนจะปรับลงมาอยู่ที่ 6’15” – 6’30” ในอีก 14 กิโลต่อมา เริ่มมาหมดตอนวิ่งลงจากสะพานพระราม 8 แล้ว ขาเริ่มไม่เป็นไปตามที่สมองสั่ง ในที่สุดก็ต่อต้านความล้าไม่ไหว เริ่มเดินครั้งแรกที่จุดให้น้ำก่อนใต้สะพานปิ่นเกล้า หลังจากนั้นบอกได้เลยว่า เดินครึ่งโล วิ่งครึ่งโล pace ตกวูบมาเป็น 7, 7:30, 7:40 จนโดนเพื่อนแซงไปในที่สุด ถึงได้มีแรงฮึดสุดท้าย แต่ก็เปล่าประโยชน์ เข้าเส้นชัยไปด้วยเวลา 2 ชั่วโมงกับ 10 นาที 2 วินาที
ถ้าว่ากันตามจริง ก็อยู่ในระยะเป้าหมาย เพราะคิดว่าน่าจะจบ half ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที แต่ระยะทางมันหายไปหนึ่งกิโลตาม GPS ถ้าต้องวิ่งอีก 1 โล น่าจะต้องใช้เวลาอีก 7 นาที ก็จะเกินเป้าหมายไปนิดหน่อย
สิ่งที่ต้องปรับปรุง ถ้าจะมี half marathon ครั้งต่อไป
1. ซ้อมให้ได้ตามแผน
2. วิ่งให้ช้าลงอีกในตอนต้น
3. วิ่งพร้อมฟังเพลง – ไม่รู้ว่าจะช่วยหรือเปล่า มีคนบอกว่าช่วย
4. หาเพื่อนวิ่งที่อยู่ใน pace ใกล้ ๆ กัน - เพื่อนที่แซงไปตอนท้าย ความเร็วมันไม่ค่อยคงที่
ข้อแนะนำที่ Amazing field ที่จัดงานได้สม่ำเสมอมา 2 ปีแล้ว คือ ห่วยได้คงเส้นคงวา
1. เรื่องการรับเสื้อ และ bib – ปีก่อนตอนวิ่งมินิ วุ่นวายมาก เสื้อหมด บอกให้มาวันรุ่งขึ้น เราก็ยังอุตส่าห์เพื่อจะได้คำตอบว่า เดี๋ยวจะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ ช่วยมีทางเลือกให้กับนักวิ่งที่ไม่อยากเข้ามาด้วยการจัดส่งเถอะครับ ผมเชื่อว่านักวิ่งหลายท่านยอมเสียตังเพิ่ม 100-200 บาทโดยไม่มีปัญหาแล้วก็ส่ง ems ลงทะเบียนไป
2. ไม่รู้ปีก่อน ๆ เป็นอย่างไร ปีนี้ จุดที่แจก chip กับ bib ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เถอะครับ ใส่ชื่อเข้าไปหรือ bib เข้าไปแล้วให้เจ้าหน้าที่ไปหยิบดีกว่า เอาของมากองบนโต๊ะ กว่าจะหาเจอ มั่วไปหมด
3. เรื่องการ register ชื่อ มาเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษผมทำไมเนี๊ยะ
4. จุดให้เกลือแร่ ผลไม้ ช่วยมีให้เยอะกว่านี้เถอะครับ นักวิ่งหน้าใหม่อย่างผมและหน้าเก่าหลายท่านไม่มี power gel นี่ถ้ามีเกลือแร่ ผลไม้ ผมเข้าเส้นชัยก่อน 2 ชั่วโมงไปแล้ว (ว่าไปนั้น) ดีนะ ที่ผมไม่เจอจุดให้กล้วยดิบ ไม่งั้นอาจมีแจกกล้วย(นั่น... เข้าโหมดหยาบคายได้อีก)
5. ห้องน้ำ อันนี้ก็ยอมรับว่าสุดวิสัยที่ท่าจะจัดการสำหรับปีนี้ แต่ช่วยประกาศบอกหน่อยว่ามีตรงไหนที่พอจะใช้ได้บ้าง สถานีน้ำมัน, โรงแรม, …. ท่านเล่นปล่อยให้นักวิ่งไปปล่อยหนักกลางสะพาน ใจคอท่านทำด้วยอะไร T T
6. เรื่องฝากของ อันนี้เพื่อนฝากมาว่า เค้างง
ฝากไปถึง standard chartered bank
1. ลองเปลี่ยน organizer ไม๊
2. ต้องขอบคุณ เจ้าหน้าที่ของ Go adventure ที่ช่วยหาชื่อที่ register ให้ ถ้าปีหน้าลง half อีก คงสมัครกับทางนี้แล้ว
เขียนบ้าง... ประสบการณ์ Half แรก
ไม่รู้ใครกล่าวไว้ แต่ว่ากล่าวไว้ได้ประชัดประชนอย่างยิ่ง แปลเป็นไทยแบบตรง ๆ ได้ว่า “ ที่ไหนก็วิ่งได้ แต่เมิงต้องโง่เป็นพิเศษถึงจะไปวิ่ง half marathon”
วันไหนที่ต้องซ้อมวิ่งเกิน 10 กิโลเมตร คำพูดนี้มันจะลอยเข้ามาเป็นประจำ เพราะในขณะที่ร่างกายร้องขอความเห็นใจว่า “หยุดเถอะ”, “พอเถอะ ขาวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว” แต่สมองมันยังสั่งให้ก้าวขาต่อไป ล้าแค่ไหน เอ็งก็ต้องก้าวต่อไป ห้ามหยุด จนกระทั่งลากสังขาร วิ่งรอบสวนลุมได้ 6 รอบ จำได้ว่าครั้งแรกที่ขยับจาก 12.5 มาเป็น 15 คืนนั้น ร่างกายต่อต้านหนักด้วยการดื้อไม่อยากอาหาร รู้สึกอยากอาเจียนตลอด ซึ่งก็สมควรอยู่เพราะว่า ทรมานร่างกายหนัก ขยับเพิ่มระยะทางมา 20% ดื้อ ๆ แถมไม่หยุดพัก ไม่จิบน้ำเลยด้วยซ้ำ การวิ่งครั้งนั้นทำให้รู้ว่า ซ้อมครั้งหน้าต้องพักจิบน้ำบ้าง
อาทิตย์หลังจากการวิ่งยาว 15 กิโลครั้งแรก ปรับแผนวิ่งยาวเหลือแค่ 12.5 กิโลเมตรในสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้ร่างกายได้พัก เพื่อที่อาทิตย์ต่อมาจะกลับมาวิ่งที่ 15 ใหม่ ซึ่งคราวนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรกับการ วิ่ง 15 กิโลครั้งที่สอง จบลงด้วยเวลา 1’ 40” แต่ขากับข้อเท้าปวดและตึงมาก แต่ปัญหามีอยู่ว่า อาทิตย์ต่อไปต้องเพิ่มระยะทางเป็น 17.5 เพราะว่าเหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ก่อนงานกรุงเทพมาราธอน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือป่วยเป็นหวัด มีไข้ ตายละวา!
ตัดสินใจ เลือกที่จะไม่ซ้อมตามแผน ยอมลดการวิ่งลงมาแค่ 5-7.5 กิโลเมตร อาทิตย์ละ 2 ครั้งเท่านั้น และอาทิตย์สุดท้ายก็จะไม่วิ่งยาวอีกแล้วเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน เหลือแค่วิ่ง 5 กิโลเมตรอีก 2 วันเท่านั้น แล้วไปวัดดวงที่งานเอา
วันวิ่งจริง เริ่มออกตัวไปกับเพื่อนอีก 2 คน ที่เคยผ่าน full marathon มาทั้งคู่ แต่ทั้งสองคนแทบไม่ได้ซ้อมสำหรับวิ่งคราวนี้เลย คนนึงค่อนข้างฟิตอยู่แล้วเพราะว่าออกกำลังกายสม่ำเสมอ ส่วนอีกคนเพิ่งจะไปซื้อรองเท้าวิ่งก่อนวันแข่ง 3 วัน อนิจจา… มันเข้าเส้นชัยก่อนผมทั้งคู่ คนแรกจบด้วยเวลา 1ชั่วโมง44นาที คนที่สองแอบแซงเราไปตอน 500 เมตรสุดท้าย เอาเส้นชัยไปก่อน ไม่ถึงนาที แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือ มันหยุดรอที่เส้นชัย แล้วทำหน้าแบบว่า “กรูไม่ซ้อมก็วิ่งชนะเมิงว้อย”
ทั้ง ๆ ที่พยายามบอกตัวเองแล้วว่าไม่ต้องเร็วช่วง 5 กิโลเมตรแรก แต่พอโหลด pace ออกมาจากนาฬิกา วิ่ง 3 กิโลแรก อยู่ที่ pace 6 ก่อนจะปรับลงมาอยู่ที่ 6’15” – 6’30” ในอีก 14 กิโลต่อมา เริ่มมาหมดตอนวิ่งลงจากสะพานพระราม 8 แล้ว ขาเริ่มไม่เป็นไปตามที่สมองสั่ง ในที่สุดก็ต่อต้านความล้าไม่ไหว เริ่มเดินครั้งแรกที่จุดให้น้ำก่อนใต้สะพานปิ่นเกล้า หลังจากนั้นบอกได้เลยว่า เดินครึ่งโล วิ่งครึ่งโล pace ตกวูบมาเป็น 7, 7:30, 7:40 จนโดนเพื่อนแซงไปในที่สุด ถึงได้มีแรงฮึดสุดท้าย แต่ก็เปล่าประโยชน์ เข้าเส้นชัยไปด้วยเวลา 2 ชั่วโมงกับ 10 นาที 2 วินาที
ถ้าว่ากันตามจริง ก็อยู่ในระยะเป้าหมาย เพราะคิดว่าน่าจะจบ half ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 15 นาที แต่ระยะทางมันหายไปหนึ่งกิโลตาม GPS ถ้าต้องวิ่งอีก 1 โล น่าจะต้องใช้เวลาอีก 7 นาที ก็จะเกินเป้าหมายไปนิดหน่อย
สิ่งที่ต้องปรับปรุง ถ้าจะมี half marathon ครั้งต่อไป
1. ซ้อมให้ได้ตามแผน
2. วิ่งให้ช้าลงอีกในตอนต้น
3. วิ่งพร้อมฟังเพลง – ไม่รู้ว่าจะช่วยหรือเปล่า มีคนบอกว่าช่วย
4. หาเพื่อนวิ่งที่อยู่ใน pace ใกล้ ๆ กัน - เพื่อนที่แซงไปตอนท้าย ความเร็วมันไม่ค่อยคงที่
ข้อแนะนำที่ Amazing field ที่จัดงานได้สม่ำเสมอมา 2 ปีแล้ว คือ ห่วยได้คงเส้นคงวา
1. เรื่องการรับเสื้อ และ bib – ปีก่อนตอนวิ่งมินิ วุ่นวายมาก เสื้อหมด บอกให้มาวันรุ่งขึ้น เราก็ยังอุตส่าห์เพื่อจะได้คำตอบว่า เดี๋ยวจะจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ ช่วยมีทางเลือกให้กับนักวิ่งที่ไม่อยากเข้ามาด้วยการจัดส่งเถอะครับ ผมเชื่อว่านักวิ่งหลายท่านยอมเสียตังเพิ่ม 100-200 บาทโดยไม่มีปัญหาแล้วก็ส่ง ems ลงทะเบียนไป
2. ไม่รู้ปีก่อน ๆ เป็นอย่างไร ปีนี้ จุดที่แจก chip กับ bib ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เถอะครับ ใส่ชื่อเข้าไปหรือ bib เข้าไปแล้วให้เจ้าหน้าที่ไปหยิบดีกว่า เอาของมากองบนโต๊ะ กว่าจะหาเจอ มั่วไปหมด
3. เรื่องการ register ชื่อ มาเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษผมทำไมเนี๊ยะ
4. จุดให้เกลือแร่ ผลไม้ ช่วยมีให้เยอะกว่านี้เถอะครับ นักวิ่งหน้าใหม่อย่างผมและหน้าเก่าหลายท่านไม่มี power gel นี่ถ้ามีเกลือแร่ ผลไม้ ผมเข้าเส้นชัยก่อน 2 ชั่วโมงไปแล้ว (ว่าไปนั้น) ดีนะ ที่ผมไม่เจอจุดให้กล้วยดิบ ไม่งั้นอาจมีแจกกล้วย(นั่น... เข้าโหมดหยาบคายได้อีก)
5. ห้องน้ำ อันนี้ก็ยอมรับว่าสุดวิสัยที่ท่าจะจัดการสำหรับปีนี้ แต่ช่วยประกาศบอกหน่อยว่ามีตรงไหนที่พอจะใช้ได้บ้าง สถานีน้ำมัน, โรงแรม, …. ท่านเล่นปล่อยให้นักวิ่งไปปล่อยหนักกลางสะพาน ใจคอท่านทำด้วยอะไร T T
6. เรื่องฝากของ อันนี้เพื่อนฝากมาว่า เค้างง
ฝากไปถึง standard chartered bank
1. ลองเปลี่ยน organizer ไม๊
2. ต้องขอบคุณ เจ้าหน้าที่ของ Go adventure ที่ช่วยหาชื่อที่ register ให้ ถ้าปีหน้าลง half อีก คงสมัครกับทางนี้แล้ว