3 ปี จาก 4.5 สู่ 42.195 กิโลเมตร ... เส้นทางมาราธอนของฉัน เริ่มต้นที่เวทีคอนเสิร์ต

สวัสดีทุกๆท่านค่ะ

เวียนๆ วนๆ อยู่ในเวบ Pantip มานานแสนนาน (มากกว่า 10 ปีแล้วนะคะ) แต่ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้เป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไร ชอบอ่าน ชอบ Comment มากกว่า...แต่สำหรับกระทู้นี้ หวังใจว่าอยากจะเป็น “พลัง” ให้กับหลายๆท่าน ที่อยากเริ่มออกกำลังกายด้วยการวิ่ง อยากพบชีวิตใหม่ ได้ Feeling เดียวกับนิชคุณในหนัง รัก 7 ปี ดี 7 หนบ้าง ... จะอายุเท่าไร น้ำหนักเท่าไร ขอเพียงคุณเชื่อ รับรองว่า ทุกคนเป็น Marathoner กันได้ทุกคนค่ะ

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา (จนถึงตอนนี้) เป็นคนทานเก่งมากค่ะ และไม่เคยกังวลว่าตัวเองจะอ้วน ไม่เคยคิดว่าต้องลดน้ำหนัก และไม่ชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬา ดังนั้นเราจึงเป็นคนที่ไม่น่าจะมีแรงบันดาลใจอะไรในการมาวิ่งมาราธอนได้เลย ... แต่แล้ว เมื่อ 3 ปีก่อน ... แรงบันดาลใจนี้ อยู่ที่เวทีคอนเสิร์ตค่ะ...

3 ปีก่อน กับมาราธอนสนามแรก ... ไม่ได้อยากวิ่งนะ แค่อยากไปติ่ง!!!

เราเริ่มวิ่งมาราธอนครั้งแรก คืองาน TMB Park Run ที่จัดครั้งแรกในปี 2012 ในช่วงนั้นการวิ่งมาราธอนยังไม่ได้เป็นกิจกรรมฮิตมากเท่าวันนี้ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้จัดเลยต้องพยายามสร้างความน่าสนใจด้วยการ “มีคอนเสิร์ต” หลังจากวิ่ง และศิลปินที่มาในวันนั้น เราเป็นแฟนตัวยงเลยค่ะ นั่นก็คือ Jetset’er และ NUVO แค่บอกว่า Jetset’er มาเล่นงานนี้ เราก็ไม่ลังเลที่จะไปร่วมงานแล้วค่ะ เรื่องวิ่งอะไรๆ ไม่สนใจหรอก คอนเสิร์ตเท่านั้นคือเป้าหมาย

เราประเดิมสนาม TMB Park Run 2012 ด้วย Fun Run 4.5 กิโลเมตร พร้อมผองเพื่อนสาวสวยหนุ่มหล่ออีกหลายชีวิต ... แน่นอนค่ะว่าพวกนาง ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือ “มาดูคอนเสิร์ต” มากกว่าจะมาวิ่ง แต่งานนั้นเพื่อนๆหลายคนที่เป็นสาย Sport ก็วิ่ง 10 กิโลเมตรกันหลายคนนะคะ

งานนั้นเป็น Fun Run ของแท้ค่ะ เพราะเราไปวิ่งแบบ แต่งหน้าเต็ม รองพื้นเนียนเรียบ อายไลเนอร์คมกริบ สีปากแน่น แน่นมากจนเพื่อนที่เป็นนักดนตรีของ Jetset’er (เป็นเพื่อนเราเองค่ะ) แซวว่า นี่มาวิ่งจริงๆใช่ปะ แต่งหน้าเต็มมาก !!!!!  ฮ่าๆๆๆ เรื่องวิ่งเรื่องเล็ก เรื่องตื่งเรื่องใหญ่ค่ะ แถมก่อนกลับบ้าน เรากับเพื่อนยังไปจกส้มตำชุดใหญ่กันด้วย สรุปมาราธอนครั้งแรก ได้ออกกำลังเสียง กรี๊ดดดดด เป็นหลักค่ะ ฮ่าๆๆๆ

สถิติการวิ่ง(เดิน) งาน TMB Park Run 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลาไปเกือบ 50 นาที ตีเป็น Pace ราวๆ 10 กว่าๆ แถวบ้านไม่เรียกวิ่งนะ เดินเต็มๆเลยแหละ แวะ Selfie ด้วย






และจากการไปร่วมงาน TMB ครั้งนั้น เหมือนได้รับพลังอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เราอยากวิ่งขึ้นมา ประกอบกับเพื่อนๆที่ไปด้วยกันวันนั้น เริ่มสร้างกรุ๊ป Goes Marathon ขึ้นมา เอาไว้คุยเรื่องวิ่งๆกัน ...

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเริ่มมองหาสนาม ... สนามที่เราไปเป็นประจำตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ก็คือ สนามวิ่ง การกีฬาแห่งประเทศไทย จริงๆ เป็นสนามฟุตบอลค่ะ แต่รอบสนามเป็นพื้นยาง นุ่มนวลต่อเข่า ปลอดภัยเพราะไฟสว่าง และมีเพื่อนร่วมวิ่งมากมาย วิ่งเสร็จหาของกินที่ตลาดนัดหน้าสนามต่อ ลงตัวสุดๆค่ะ



เราเริ่มต้นแบบต้วมเตี้ยมค่ะ วิ่งๆเดินๆ วันละ 1-2 กิโลเมตร สัปดาห์ละ 2-3 วัน Pace ก็หอยทากสไตล์ 8 กว่าๆ ถึง 9 บางวัน Pace 10 ยังมี แต่ก็พยายามวิ่งให้ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 1 กิโลเมตร โดยไม่ได้สนใจ Pace ค่ะ



จากสนามแรก ... สู่สนามที่สอง BKK Marathon 2012 กับ Mini Marathon 10 กิโลเมตร

ก็เพื่อนๆไปกัน แล้วเราจะไม่ไปได้ไง !!! ใช่แล้วค่ะ เพื่อนๆ กรุ๊ปวิ่ง แห่แหนกันไป Mini Marathon ในงานวิ่งระดับชาติ “กรุงเทพมาราธอน” แน่นอนว่าเราก็ไม่พลาดค่ะ

กางเกง รองเท้า พร้อม แต่เสื้อไม่มี เพราะเสื้อหมดทั้งๆที่สมัครล่วงหน้า !!!! เหรียญก็แจกตั้งแต่วันรับเสื้อ ฟินกันไป



งานนี้ 10 กิโลเมตร ใช้เวลาไป 1.30 ชั่วโมง ด้วย Pace 9 ต้นๆ ยอมรับเลยค่ะว่าไม่ค่อยได้วิ่ง เดินซะมาก เพราะคนเยอะมาก คนที่วิ่ง Mini Marathon ในงาน BKK Marathon เป็นหลักหมื่นคนค่ะ อ้อ ที่สถิติมันอ่อนด๋อย เพราะไปแวะถ่ายรูปบนสะพานพระราม 8 อยู่นานพอสมควร ... มือใหม่หัดวิ่งก็ Fun Run กันไป แถมไม่ได้จริงจังอะไร แค่มาวิ่งสนุกๆกับเพื่อนค่ะ ที่คิดได้ตอนนั้น

วิ่งเสร็จแห่กันไปกินเป็ดแถวๆเสาชิงช้า ... กับเพื่อน 10 คน ซัดเป็ดไป 1 ตัวถ้วน !!!!



จาก 10 กิโลเมตร อัพเกรดไป 16.6 กิโลเมตร ที่งาน Adidas King of the Road สนามบินสุวรรณภูมิ

หลังจากงาน BKK Marathon เรายังคงสนุกกับการวิ่ง Pace เต่าอย่างต่อเนื่องค่ะ ชิลล์ๆไปเรื่อย Pace 8 บ้าง 7 ปลายๆบ้าง Pace ที่ดีที่สุดในช่วงนั้น ก็อยู่ที่ราวๆ 7.30 แต่วิ่งที่พัฒนาขึ้นคือ สามารถวิ่งช้าๆ แต่ต่อเนื่องได้ 3-4 กิโลเมตรโดยไม่รู้สึกเหนื่อยหอบ  มีไปร่วมงานวิ่งมาราธอนบ้างเฉลี่ยเดือนละครั้ง ที่ไปน้อยเพราะตอนนั้นไม่ค่อยมีการจัดงานวิ่งมาราธอนมากเหมือนตอนนี้ และ Pace ก็ 8-9 เป็นนักวิ่งแนวหลังสม่ำเสมอค่ะ

และโอกาสอัพเกรดก็มาถึง เมื่อเดือนกันยายน 2013 ครบ 1 ปีกับการเข้าวงการวิ่งมาราธอนพอดี ... มีโอกาสไปร่วมงาน Adidas King of the Road 2013 งานวิ่งครั้งนั้น ใช้เส้นทางที่คู่ขนานกับ Runway ของสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เท่ห์สุดๆ เราไม่พลาด จัดเต็มไปเลยค่ะ 16.6 กิโลเมตร ยอมรับเลยว่า เป็น 16.6 กิโลเมตรที่ค่อนข้างสาหัสค่ะ เพราะนิ้วโป้งเท้า ฮ่อเลือดทั้งสองข้างจนเล็บหลุด ใช้เวลารักษานานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ และเจ็บนิ้วเท้าอยู่หลายวัน แต่ขาและเข่ายังเป็นปกติค่ะ


(ขาใหญ่โคตรๆ -_-)

และแล้ว เต่าอัพเกรด ก็วิ่ง 16.6 กิโลเมตร โดยใช้เวลาไป 2.30 ชั่วโมง นักวิ่งท้ายตารางเช่นเคย ... แต่ภูมิใจม้ากมาก ... เอาล่ะ เป้าหมายต่อไป ...  Half Marathon ล่ะค่ะคุณผู้ชม !!!!



เรามาถึงจุดนี้ได้ไง !!! Half Marathon 21.1 กิโลเมตร ... Break my Limit @ AIS Human Run 2014


หลังจากงาน Adidas ครั้งนั้น เรายังคงวิ่งเต่าต่อเนื่อง ซ้อมเหมือนเดิม Speed ชิลล์เท่าเดิม BKK Marathon 2013 ก็ลง 10 กิโลเมตรเท่าเดิมด้วย Speed 8 กว่าๆ

และยังมีโอกาสได้วิ่ง 16 กิโลเมตรอีกครั้งในงาน Supersport 10 Miles International Run ซึ่งจากงานนี้เองค่ะ ที่ทำให้เรามั่นใจจะก้าวไปสู่ Half Marathon และเราก็ “ครึ่งมาราธอน” ที่งาน AIS Human Run 2014 ด้วยสถิติ 3.09 ชั่วโมง เป็น 20 คนสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยค่ะ เป็นอีกงานหนึ่งที่หนักหน่วงพอควร เพราะด้วยความวิ่งช้า ช่วงกิโลเมตรหลังๆ การจราจรเปิดแล้ว เราเลยต้องวิ่งรวมกับรถยนต์ ท่ามกลางจราจรที่คับคั่งมาก และแดดที่ค่อนข้างร้อน เข้าเส้นชัยมา น้ำไม่มี อาหารหมด คนกลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว แต่เอาน่ะ อย่างน้อยฉันก็มาถึงแล้ว 21.1 กิโลเมตร เราทำได้ !!!


(รูปตอนวิ่งก็ไม่มีค่ะ มาช้า ตากล้องหนีกลับบ้านกันหมดแว้ว)

พัฒนาการข้อหนึ่งที่สังเกตได้จากการฝึกวิ่งระยะยาวๆ แต่ช้าสม่ำเสมอ คือ เราสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องถึง 16-17 กิโลเมตรบน Pace 8 ปลายๆ โดยหยุดพักเฉพาะที่สถานีจ่ายน้ำดื่มเท่านั้น ส่วนกิโลเมตรหลังๆที่วิ่งได้ช้า เพราะการจราจรเปิดแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่กั้นรถ จึงต้องเดินและคอยระวังรถซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ


Half Marathon ที่ BKK Marathon 2014 ... ปีหน้า 2015 ฉันจะไปมาราธอนละนะ !!!

หลังจากการวิ่ง Half Marathon ครั้งแรกผ่านไป ก็ได้มีโอกาสได้ซ้ำ Half Marathon อีก 1 ครั้ง ในงาน Empire We Run 2014 สถิติพอๆกับครั้งก่อน และตามมาที่สนามประจำชาติ BKK Marathon 2014 ที่ตัดสินใจวิ่ง Half Marathon ครั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะวิ่งให้จบภายใน 3 ชั่วโมง ... แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใช้เวลาไปมากถึง 3.20 ชม. นับเป็นสถิติที่ย่ำแย่มากค่ะ เหตุผลที่เป็นเช่นนี้น่าจะมาจาก การพักผ่อนไม่เพียงพอ (ปล่อยตัวตี 4 นอนไม่เต็มตา) และไม่ได้วางแผนการวิ่ง

แต่แล้วสนามนี้ ก็จุดประกายให้เรามีพลังขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ด้วย “กำลังใจข้างทาง” ที่แน่นอนว่า มนุษย์ที่วิ่ง Mini Marathon 2 ปีติดอย่างเราไม่เคยเห็น ... ช่วง 1 กิโลเมตรสุดท้ายของ Route Half และ Full เป็นช่วงที่กองเชียร์จากนานาชาติเยอะมาก ตีกลองสามช่าโป้งชึ่งกันสุดฤทธิ์ ป้ายเชียร์หลากหลายภาษา พร้อมการส่งเสียงเชียร์ ที่สามารถทำให้นักวิ่งที่บอกตัวเองว่า “ไม่ไหวแล้วเว้ยยยย” กลับมีแรงวิ่งเข้าเส้นชัยในช่วงสุดท้ายได้ โอ้ววว แล้วเมื่อเข้ามาถึงเส้นชัย ... มนุษย์ Full Marathon ได้เสื้อ Finisher ด้วย เท่ห์สุดๆ และในปีนั้น ... มีเพื่อนเราหลายคน วิ่ง Full Marathon เข้าเส้นชัยก่อนเต่า Half อย่างเราซะอีก



หลังจากเข้าเส้นชัย Half Marathon ในวันนั้นแล้ว สิ่งที่บอกตัวเองซ้ำๆก็คือ “เวลา 1 ปีต่อจากวันนี้ เราจะซ้อมเพื่อไปสู่ Full Marathon ในปีหน้าให้ได้”

(เดี๋ยวมาต่อการวางแผนซ้อมเพื่อไป Full Marathon ค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่