สวัสดีค่ะ
ได้ฤกษ์งามยามดีมีโอกาสตั้งกระทู้เป็นของตัวเองซักที หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่พักเล็กๆ เปิดกระทู้แรกก็ต้อนรับคริสต์มาส พร้อมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันเลยทีเดียว ขอออกตัวกล่าวคำขออภัยหากมีข้อผิดพลาด พิมพ์ตกหล่น ใช้คำไม่เหมาะสม หรือแท็กผิดก็ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
สูตรนี้ได้จากการสอนทำขนมของคุณพล ตัณฑเสถียร ขอแสดงความขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
มาค่ะมาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่าาาา ขนมไทยส่วนผสมไม่เยอะค่ะ เจ้าขนมขี้หนูมีส่วนประกอบดังนี้
แป้งข้าวเจ้า 400 กรัม
หัวกะทิ (แบบกล่อง หรือแบบคั้นสดก็ได้ค่ะ) 260 กรัม
น้ำลอยดอกมะลิ (ไม่มีดอกมะลิ น้ำเปล่าได้เลยค่ะ) 300 กรัม
น้ำตาลทราย 320 กรัม
น้ำคั้นใบเตยเข้มข้น (สำหรับใส่ให้เป็นสี ต้องการสีเข้มสามารถเพิ่มใบเตยได้ค่ะ) 20 กรัม
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ลูก
*ถ้าต้องการสีอื่นๆ เพิ่ม สามารถแบ่งน้ำเชื่อมแยกภาชนะตามจำนวนสีที่การได้ค่ะ แต่จขกท.สีเดียวรวดเลย แหะๆ
อันดับแรก เรามาทำน้ำเชื่อมกันก่อนค่ะ น้ำลอยดอกมะลิ+น้ำตาลทราย ตั้งไฟคน เอาแค่น้ำตาลละลายเป็นน้ำเชื่อมใสแจ๋วพอค่ะ ไม่ต้องเคี่ยว เสร็จแล้วยกขึ้นพักให้เย็น พักให้น้ำเชื่อมเย็นตัวดีแล้วค่อยใส่น้ำใบเตยคั้นเข้มข้นลงไปนะคะ ใครทำหลายสีก็แบ่งน้ำเชื่อเท่าๆ กันแล้วใส่สีไปตามชอบ ระหว่างที่เรารอน้ำเชื่อมเย็น มาทำตัวแป้งกันค่ะ
ให้นำแป้งข้าวเจ้าใส่ภาชนะ แล้วค่อยๆ เติมหัวกะทิลงไปค่ะ เติมไปก็คนผสมแป้งให้เข้ากันกับหัวกะทิ ลักษณะแป้งที่ได้หลังผสมเสร็จแล้ว จะคล้ายดินหมาดๆ แบบนี้ค่ะ
เสร็จแล้วก่อนที่เราจะยี่แป้งในกระชอน ให้เอาลังถึงใส่น้ำขึ้นตั้งเตารอไว้ก่อนค่ะ เพราะตอนเอาแป้งขึ้นนึ่งน้ำต้องเดือด กลับมาต่อแป้งที่เราผสมกะทิไว้แล้ว ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆ ปูลงในชั้นลังถึง เสร็จแล้วเอาแป้งใส่กระชอนลงมือยีแป้ง บอกเลยขั้นตอนนี้มีความเมื่อยแขนข้างถือกระชอนพอสมควร มีพักเป็นระยะ5555
แบบนี้โน้ะ ข้างใต้ผ้าขาวบางคือชั้นลังถึงนะคะ ตอนยีแป้งลืมเก็บภาพมาฝาก
ตื่นเต้นจนลืมซะงั้น
ต่อกันค่ะ หลังจากออกกำลังแขน กำลังมือยีแป้งจนหมดเกลี้ยง ให้ตลบผ้าขาวบางขึ้นมาคลุมแป้งไว้หลวมๆ จากนั้นปิดฝานำขึ้นตั้งบนน้ำเดือด 25 นาทีค่ะ ใครกลัวแป้งไม่สุกให้บวกได้อีก 5 นาทีพอนะคะ
พอครบเวลาปุ๊บยกชั้นลังถึงลงเปิดฝา ตักตัวแป้งใส่ภาชนะที่เราทำน้ำเชื่อมผสมน้ำใบเตยเข้มข้นไว้ได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ใครไม่ถนัด จะตักแป้งใส่ภาชนะก่อน แล้วค่อยเอาน้ำเชื่อมมาราดลงบนแป้งทีหลังก็ได้ค่ะ และถ้าใครทำหลายสี ก็แบ่งแป้งใส่ภาชนะเฉลี่ยแป้งไปให้เท่าๆ กัน น้ำเชื่อมถ้าราดทีหลัง ราดแบบกระจายๆ นะคะ อย่าไปเทพรวดกระจุกเดียว เสร็จแล้วให้หาฝามาปิดภาชนะไว้ค่ะ ปิดทิ้งไว้ 25-30 นาที ระหว่างนี้ขนมจะดูดน้ำเชื่อมและเริ่มฟู พอครบเวลาเปิดฝา ขั้นตอนต่อมาเราต้องเตรียมอาวุธ ส้อมค่ะตั้งท่าให้เหมาะแล้วเริ่มตะกุยได้เลยค่ะ ออกแรงเบาๆ พอนะคร้าาา อันนี้มีภาพค่ะ มาชมกัน
ตะกุยไปเรื่อยๆ ฟูแล้วววว จะบอกว่า จขกท.ใจงี้ฟูตามขนมเลยค่ะ5555 ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว แหะๆ แต่สีขนมอ่อนไปอ่าาา
เสร็จแล้วจ้า คืออออ ความจริงต้องอบควันเทียนด้วย ซื้อมาซะอย่างดิบดี แต่ไม่ทันคนจะทานบอกอย่าเลยจะทานแล้ว อ่ะๆ ตามนั้นไม่ขัดใจกัน555 จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้แล้วจ้าาา จะกดใส่พิมพ์ให้แลดูสวยๆ งามๆ สักนิดก็ได้เช่นกัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดด้วยนะคะ
ตอนกำลังจัดจาน เสียงแม่จขกท. ถามขึ้นมาว่า "ไม่ห่อใบตองด้วยหรอ" หันไปสบตาด้วยอาการ งงๆ และได้ความว่าาา แต่ก่อนเจ้าขนมขี้หนูต้องห่อใบตอง เวลาจะทานก็แกะไม้กลัดใบตองออก แล้วบีบให้ขนมเกาะตัวกันถึงทาน ขนมก็จะมีกลิ่นหอมของใบตอง ว่าแล้วเพื่อความสุขในการทานของแม่กับป๋า เหมือนได้ย้อนวัยกันโน้ะ จขกท.ก็กระดุ๊กกระดิ๊กไปท้ายสวน และออกมาพร้อมกับใบตอง จัดแจงทำความสะอาดผึ่งใบตองสักนิด แล้วฉีกเจียนหัวท้าย มาค่ะ ห่อก็ห่อ
บอกได้เลย งานยากชัดๆ ฮื้อออ
ไม่ถนัดห่อยากแท้น้อ เลยต้องหันไปต่อรองคนอยากจะย้อนวัย "แม่ๆ หนูว่าเอางี้ดีกว่า หนูเจียนใบตองให้ แล้วเดี๋ยวแม่กับป๋าตักขนมใส่ใบตอง บีบแล้วใส่ปากเลยนะๆ ถ้าให้หนูห่อน่ะได้ แต่พรุ่งนี้นะได้กิน"5555 การเจรจาต่อลองพบกันครึ่งทางได้ผลตามนั้น จขกท.ก็ทันแต่ตอนที่มีป้าหาบมาขายใส่ถุงพลาสติกใบเล็กๆ ขายอยู่ 3 บาท 5 บาท ในตอนนั้นไม่ทันรุ่นห่อด้วยใบตอง แต่พอลองแล้วดีจริงๆ ค่ะ ขนมมีกลิ่นหอมจากใบตอง ถ้าได้อบควันเทียนซะหน่อยจะดีกว่านี้เชียวล่ะ
และแล้วเราก็มาห่อๆ กำๆ บีบๆ กันดีกว่าค่ะ
สุดท้ายขอจบกระทู้ด้วยน้ำใบเตยหอมเย็นชื่นใจ วันนี้ไม่ค่อยหนาวแล้วโน้ะดื่มเย็นๆ ชื่นใจๆ ได้
ความสุขของคนทำ อยู่ที่รอยยิ้มของคนทาน
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาชมกระทู้แรกนี้กันนะคะ
ขอบคุณค่ะ ย่อเข่าสวยๆ
ปล. คลิปวีดีโอนี้ เป็นสูตรของคุณพล ตัณฑเสถียรที่ จขกท.ได้นำมาหัดทำ และได้ทำตามขั้นตอนดังกล่าวในคลิปนี้ค่ะ วางคลิปไว้ให้เผื่อมีผู้สนใจอยากชมเป็นภาพเคลื่อนไหว แสดงถึงขั้นตอนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขนมทราย (ขนมขี้หนู) มาลองลงมือทำกันเถอะค่ะ
สวัสดีค่ะ ได้ฤกษ์งามยามดีมีโอกาสตั้งกระทู้เป็นของตัวเองซักที หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่พักเล็กๆ เปิดกระทู้แรกก็ต้อนรับคริสต์มาส พร้อมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่กันเลยทีเดียว ขอออกตัวกล่าวคำขออภัยหากมีข้อผิดพลาด พิมพ์ตกหล่น ใช้คำไม่เหมาะสม หรือแท็กผิดก็ต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
สูตรนี้ได้จากการสอนทำขนมของคุณพล ตัณฑเสถียร ขอแสดงความขอบคุณ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
มาค่ะมาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่าาาา ขนมไทยส่วนผสมไม่เยอะค่ะ เจ้าขนมขี้หนูมีส่วนประกอบดังนี้
แป้งข้าวเจ้า 400 กรัม
หัวกะทิ (แบบกล่อง หรือแบบคั้นสดก็ได้ค่ะ) 260 กรัม
น้ำลอยดอกมะลิ (ไม่มีดอกมะลิ น้ำเปล่าได้เลยค่ะ) 300 กรัม
น้ำตาลทราย 320 กรัม
น้ำคั้นใบเตยเข้มข้น (สำหรับใส่ให้เป็นสี ต้องการสีเข้มสามารถเพิ่มใบเตยได้ค่ะ) 20 กรัม
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ลูก
*ถ้าต้องการสีอื่นๆ เพิ่ม สามารถแบ่งน้ำเชื่อมแยกภาชนะตามจำนวนสีที่การได้ค่ะ แต่จขกท.สีเดียวรวดเลย แหะๆ
อันดับแรก เรามาทำน้ำเชื่อมกันก่อนค่ะ น้ำลอยดอกมะลิ+น้ำตาลทราย ตั้งไฟคน เอาแค่น้ำตาลละลายเป็นน้ำเชื่อมใสแจ๋วพอค่ะ ไม่ต้องเคี่ยว เสร็จแล้วยกขึ้นพักให้เย็น พักให้น้ำเชื่อมเย็นตัวดีแล้วค่อยใส่น้ำใบเตยคั้นเข้มข้นลงไปนะคะ ใครทำหลายสีก็แบ่งน้ำเชื่อเท่าๆ กันแล้วใส่สีไปตามชอบ ระหว่างที่เรารอน้ำเชื่อมเย็น มาทำตัวแป้งกันค่ะ
ให้นำแป้งข้าวเจ้าใส่ภาชนะ แล้วค่อยๆ เติมหัวกะทิลงไปค่ะ เติมไปก็คนผสมแป้งให้เข้ากันกับหัวกะทิ ลักษณะแป้งที่ได้หลังผสมเสร็จแล้ว จะคล้ายดินหมาดๆ แบบนี้ค่ะ
เสร็จแล้วก่อนที่เราจะยี่แป้งในกระชอน ให้เอาลังถึงใส่น้ำขึ้นตั้งเตารอไว้ก่อนค่ะ เพราะตอนเอาแป้งขึ้นนึ่งน้ำต้องเดือด กลับมาต่อแป้งที่เราผสมกะทิไว้แล้ว ใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆ ปูลงในชั้นลังถึง เสร็จแล้วเอาแป้งใส่กระชอนลงมือยีแป้ง บอกเลยขั้นตอนนี้มีความเมื่อยแขนข้างถือกระชอนพอสมควร มีพักเป็นระยะ5555
แบบนี้โน้ะ ข้างใต้ผ้าขาวบางคือชั้นลังถึงนะคะ ตอนยีแป้งลืมเก็บภาพมาฝาก ตื่นเต้นจนลืมซะงั้น ต่อกันค่ะ หลังจากออกกำลังแขน กำลังมือยีแป้งจนหมดเกลี้ยง ให้ตลบผ้าขาวบางขึ้นมาคลุมแป้งไว้หลวมๆ จากนั้นปิดฝานำขึ้นตั้งบนน้ำเดือด 25 นาทีค่ะ ใครกลัวแป้งไม่สุกให้บวกได้อีก 5 นาทีพอนะคะ
พอครบเวลาปุ๊บยกชั้นลังถึงลงเปิดฝา ตักตัวแป้งใส่ภาชนะที่เราทำน้ำเชื่อมผสมน้ำใบเตยเข้มข้นไว้ได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ใครไม่ถนัด จะตักแป้งใส่ภาชนะก่อน แล้วค่อยเอาน้ำเชื่อมมาราดลงบนแป้งทีหลังก็ได้ค่ะ และถ้าใครทำหลายสี ก็แบ่งแป้งใส่ภาชนะเฉลี่ยแป้งไปให้เท่าๆ กัน น้ำเชื่อมถ้าราดทีหลัง ราดแบบกระจายๆ นะคะ อย่าไปเทพรวดกระจุกเดียว เสร็จแล้วให้หาฝามาปิดภาชนะไว้ค่ะ ปิดทิ้งไว้ 25-30 นาที ระหว่างนี้ขนมจะดูดน้ำเชื่อมและเริ่มฟู พอครบเวลาเปิดฝา ขั้นตอนต่อมาเราต้องเตรียมอาวุธ ส้อมค่ะตั้งท่าให้เหมาะแล้วเริ่มตะกุยได้เลยค่ะ ออกแรงเบาๆ พอนะคร้าาา อันนี้มีภาพค่ะ มาชมกัน
ตะกุยไปเรื่อยๆ ฟูแล้วววว จะบอกว่า จขกท.ใจงี้ฟูตามขนมเลยค่ะ5555 ตอนแรกคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว แหะๆ แต่สีขนมอ่อนไปอ่าาา
เสร็จแล้วจ้า คืออออ ความจริงต้องอบควันเทียนด้วย ซื้อมาซะอย่างดิบดี แต่ไม่ทันคนจะทานบอกอย่าเลยจะทานแล้ว อ่ะๆ ตามนั้นไม่ขัดใจกัน555 จัดใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้แล้วจ้าาา จะกดใส่พิมพ์ให้แลดูสวยๆ งามๆ สักนิดก็ได้เช่นกัน โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดด้วยนะคะ
ตอนกำลังจัดจาน เสียงแม่จขกท. ถามขึ้นมาว่า "ไม่ห่อใบตองด้วยหรอ" หันไปสบตาด้วยอาการ งงๆ และได้ความว่าาา แต่ก่อนเจ้าขนมขี้หนูต้องห่อใบตอง เวลาจะทานก็แกะไม้กลัดใบตองออก แล้วบีบให้ขนมเกาะตัวกันถึงทาน ขนมก็จะมีกลิ่นหอมของใบตอง ว่าแล้วเพื่อความสุขในการทานของแม่กับป๋า เหมือนได้ย้อนวัยกันโน้ะ จขกท.ก็กระดุ๊กกระดิ๊กไปท้ายสวน และออกมาพร้อมกับใบตอง จัดแจงทำความสะอาดผึ่งใบตองสักนิด แล้วฉีกเจียนหัวท้าย มาค่ะ ห่อก็ห่อ
บอกได้เลย งานยากชัดๆ ฮื้อออ ไม่ถนัดห่อยากแท้น้อ เลยต้องหันไปต่อรองคนอยากจะย้อนวัย "แม่ๆ หนูว่าเอางี้ดีกว่า หนูเจียนใบตองให้ แล้วเดี๋ยวแม่กับป๋าตักขนมใส่ใบตอง บีบแล้วใส่ปากเลยนะๆ ถ้าให้หนูห่อน่ะได้ แต่พรุ่งนี้นะได้กิน"5555 การเจรจาต่อลองพบกันครึ่งทางได้ผลตามนั้น จขกท.ก็ทันแต่ตอนที่มีป้าหาบมาขายใส่ถุงพลาสติกใบเล็กๆ ขายอยู่ 3 บาท 5 บาท ในตอนนั้นไม่ทันรุ่นห่อด้วยใบตอง แต่พอลองแล้วดีจริงๆ ค่ะ ขนมมีกลิ่นหอมจากใบตอง ถ้าได้อบควันเทียนซะหน่อยจะดีกว่านี้เชียวล่ะ
และแล้วเราก็มาห่อๆ กำๆ บีบๆ กันดีกว่าค่ะ
สุดท้ายขอจบกระทู้ด้วยน้ำใบเตยหอมเย็นชื่นใจ วันนี้ไม่ค่อยหนาวแล้วโน้ะดื่มเย็นๆ ชื่นใจๆ ได้
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน เข้ามาชมกระทู้แรกนี้กันนะคะ ขอบคุณค่ะ ย่อเข่าสวยๆ
ปล. คลิปวีดีโอนี้ เป็นสูตรของคุณพล ตัณฑเสถียรที่ จขกท.ได้นำมาหัดทำ และได้ทำตามขั้นตอนดังกล่าวในคลิปนี้ค่ะ วางคลิปไว้ให้เผื่อมีผู้สนใจอยากชมเป็นภาพเคลื่อนไหว แสดงถึงขั้นตอนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้