[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/36795162
https://ppantip.com/topic/36815263
https://ppantip.com/topic/36819926
https://ppantip.com/topic/36829151
https://ppantip.com/topic/36841457
https://ppantip.com/topic/36850268
https://ppantip.com/topic/36863915
https://ppantip.com/topic/36909449
https://ppantip.com/topic/36935879
เหยื่อ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
มันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น....
เอมิลี่จ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านช่องผ้าม่านหน้าต่างห้องนอน ร่างสั่นน้อยๆ จากความหวาดวิตกของเธอชิดอยู่กับมาร์ธาที่ส่องตามองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ห้องนอนนี้อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ถัดไปคือเนินดินลาดชันข้างบ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งตอนนี้โปรยปรายลงมาเกาะตัวเป็นน้ำแข็งจนพื้นดินเป็นโคลนเปียกแฉะ มองเลยไปอีกก็เห็นเพียงป่าสนยืนทะมึนเหมือนเงาปีศาจ
ในแสงสีเหลืองซีดของเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ผู้หญิงและผู้ชายหลายสิบคนเหล่านั้นมีทุกวัย พวกเขามากับพาหนะต่างๆ ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์หลากยี่ห้อ บางคนก็ปั่นจักรยานมา ซึ่งยานพาหนะทุกคันจอดรอไว้นอกรั้วบ้านทั้งสิ้น ก่อนที่ผู้คนจะพากันเดินถือคบไฟเข้ามาในบริเวณลานหน้าบ้านของจีน พวกเขาต้องเป็นผู้คนในหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้แน่ๆ และขณะนี้กำลังจะมาชุมนุมกันที่นี่ด้วยเรื่องเร่งด่วนอะไรบางอย่าง...นึกแปลกใจที่พวกเขาจุดคบไฟเดินเข้ามาทำไม ในเมื่อสามารถใช้แสงสว่างจากโคมไฟฟ้าสนามหน้าบ้านก็ได้
เรื่องนั้นยังเป็นปริศนา ทว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าให้นึกอยากรู้ นั่นก็คือจีนเป็นใครกันแน่...หล่อนคงเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ที่ถูกแต่งตั้งจากทางการ หรือไม่ก็เป็นโดยธรรมชาติจากการโหวตเลือกของชาวบ้าน การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นดูเหมือนจีนก็เพิ่งจะรู้ และคล้ายดังว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจนัก รวมทั้งไม่อยากให้เธอได้รับรู้ด้วย ถึงเข้ามากำชับไม่ให้เอมิลี่ออกไปข้างนอกห้อง
“พวกนั้นเป็นใคร เขาพากันมาทำไมคะ” ก็ต้องซักถามเอาจากคนใกล้ตัวตอนนี้นี่แหละ มาร์ธาเหลือบตาเป็นกังวลมองคนถาม ก่อนตอบด้วยเสียงแตกพร่า
“คนในหมู่บ้านที่นี่ พวกเขามาประชุมกัน”
เป็นไปตามคาด ถ้าเช่นนั้นสาวผมดำก็คงเป็นผู้นำชุมชนที่นี่จริงๆ ดูจากท่าทีที่เธอก้าวออกไปยืนเด่นรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านก็ยิ่งมั่นใจ แต่แล้วความสงสัยอย่างใหม่ก็พลุ่งขึ้นมาอีก ทำไมพวกเขาไม่เข้ามานั่งประชุมกันข้างในบ้านที่มีทั้งไฟฟ้าและความอบอุ่นล่ะ ไปยืนล้อมกันเป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่ท่ามกลางละอองหิมะให้หนาวเย็นแบบนั้นทำไม
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เอมิลี่ประหลาดใจมากเท่ากับเห็นว่า มีบางคนเริ่มขนท่อนไม้กิ่งไม้มากองสุมไว้กลางลาน จนตอนนี้กองฟืนสูงประมาณระดับเอวแล้ว และทันใดนั้นเธอก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างเล็กบอบบางคนหนึ่งถูกผลักให้ออกมายืนอยู่ข้างกองฟืน หล่อนถูกพันธนาการด้วยการจับมัดมือไพล่หลัง!
เอมิลี่จ้องมองตะลึงลาน พวกนั้นกำลังจะทำอะไรกับผู้หญิงร่างเล็กคนนั้น ดูไปแล้วคล้ายกับว่าหล่อนเป็นนักโทษที่ทำความผิด และพวกคนที่รายล้อมหล่อนอยู่กำลังจะพิพากษาลงโทษหล่อนด้วยกฎหมู่อย่างนั้นแหละ ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนั้นจริง ที่นี่ก็เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ตั้งตนอยู่นอกเหนือกฎหมายบ้านเมืองน่ะสิ...พระเจ้าช่วย
ขณะนึกสงสัย สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เขายืนพิงรถที่ติดตราสัญลักษณ์ของตำรวจเมืองบัลคาลอยู่ข้างนอกรั้วบ้าน จ้องมองเหตุการณ์ด้วยท่าทางซึ่งดูไม่วิตกทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หรือเขาคนนี้ก็คือนายอำเภอแม็คที่เอมิลี่มักได้ยินชื่อจากมาร์ธาและจีนบ่อยๆ นายอำเภอที่ตกเป็นทาสน้ำเงินของจีนและช่วยทำอะไรบางอย่างให้หล่อน โดยไม่ใยดีต่อหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่ยืนแอบมองไปข้างนอกด้วยกัน ซึ่งหล่อนก็หันมาสบตาด้วย
“เหตุการณ์ชักไม่ค่อยดี แม็คกับโรเบิร์ตคงไปชวนชาวบ้านมา ผู้หญิงคนนั้นคือแอนนาแม่ของเดวิดกับเควิน แม็คคงไปเจอพิรุธอะไรเข้า แล้วก็คงเค้นถามเอาจากแอนนา แต่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก ตอนนี้ฉันคิดว่าชาวบ้านคงโดนแม็คเป่าหูให้จับตัวแอนนามาเพื่อเค้นเอาความจริง พวกเขาต้องการล่อให้ลูกชายเธอปรากฏตัว” มาร์ธาเล่าเสียงเบาเร็ว
“เดวิดกับเควินเป็นลูกชายของแอนนางั้นเหรอคะ ตอนนี้เขาอยู่กับลิซและพอลใช่ไหม”
ใจชื้นที่ได้ยินแบบนั้น เพราะถ้าหากที่มาร์ธาบอกเป็นเรื่องจริง มันก็หมายถึงว่าลูกสาวเธอและพอลมีคนดูแลอยู่บ้างเหมือนกัน และสองคนนั้นคงปลอดภัยดี ซึ่งมาร์ธาก็พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“ใช่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ด้วยกัน พอลยังไม่แข็งแรงพอ และทั้งเขากับลูกสาวเธอต้องการอาหารกับเสื้อผ้ากันหนาว ทีแรกเดวิดจะให้เควินอยู่ด้วยกับสองคนนั่นเท่านั้น แล้วตัวเองจะคอยส่งเสบียงกับคอยติดต่อฉัน แต่ทำไปทำมาก็ต้องหนีไปอยู่ด้วยกันทั้งหมด คงเพราะเทียวไปกลับระหว่างบ้านกับที่ซ่อนไม่ได้ พรรคพวกของแม็คคอยเฝ้าดูอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ต้องเผยพิรุธออกมา จนแอนนาโดนจับมาแบบนี้ ”
“แล้วพวกนั้นกำลังจะทำอะไรกับแอนนา”
พยักหน้าไปทางนอกหน้าต่าง แล้วถามรัวเร็วเท่ากับในใจที่เริ่มร้อนรุ่ม รู้สึกใจคอไม่ดีเมื่อทราบว่าแม่ของคนที่ช่วยเหลือพวกเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน และอาจมีอันตรายถึงชีวิต อยากรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะมีใครเข้ามาช่วยผู้หญิงคนนั้นได้บ้างไหมนะ โอ้ย นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ!
“มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังเร็วเข้าเถอะมาร์ธา นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันจะเป็นประสาทตายอยู่แล้ว”
ร้องถามคร่ำครวญในขณะที่ฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ พระจันทร์เกือบเต็มดวงลอยเคว้งอยู่บนฟ้า ต้นไม้รอบบ้านเห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ใต้แสงไฟจากคบเพลิง แสงจันทร์สีซีดส่องลงมากระทบร่างเพรียวที่ยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น ดูเหมือนหญิงเจ้าของบ้านจะเริ่มต้นเจรจา หล่อนทำไม้ทำมือประกอบคำพูดที่เอมิลี่ไม่สามารถได้ยินผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา เธอจึงพยายามตั้งคำถามเอากับมาร์ธา ซึ่งหวังว่าคืนนี้หล่อนคงจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังเสียที
“ฉันคิดว่า....” มาร์ธาอ้ำอึ้ง คำพูดของหล่อนสะดุดลงอีกแล้ว และเมื่อพูดขึ้นใหม่ก็เหมือนจะพูดปลอบใจตัวเองมากกว่า
“แต่...แต่ว่าจีนน่าจะหยุดพวกเขาได้”
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะมาร์ธา พวกเขาคิดจะทำอะไรกับแอนนา บอกความจริงทั้งหมดให้ฉันได้รู้ด้วยเถอะ ขอร้องล่ะ”
ซักถามคาดคั้น ทั้งอ้อนวอนขอร้องหญิงสูงวัยด้วยหัวอกหัวใจที่เต้นโครมคราม เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวสยองขวัญของพวกชาวบ้านวิกลจริตในข่าว หรือในภาพยนตร์ที่เคยผ่านตา พวกนั้นมักทารุณกรรมต่อคนที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเหยื่อก็มักจะถูกทรมานด้วยกรรมวิธีต่างๆ อันแสนโหดร้าย ก่อนจะสิ้นใจตายอย่างทรมาน
“ก็ได้” หล่อนตอบ สูดลมหายใจเข้าปอดยาวก่อนเรียบเรียงคำพูด มาร์ธายอมเล่าแม้จะมีความลังเลในน้ำเสียง
“ฉันจะเล่าให้เธอฟัง แอนนากับลูกจะถูกลงทัณฑ์ด้วยข้อหาร้ายแรงว่าเป็นกบฏต่อเผ่าพันธุ์ตัวเอง โทษของเธอถึงตาย”
มาร์ธาโพล่งบอก ซึ่งมันทำให้คนฟังแทบช็อค
“กะ...กบฏต่อเผ่าพันธุ์...เผ่าพันธุ์อะไรกัน คุณพูดถึงเรื่องอะไร”
“เผ่าพันธุ์พิเศษ เอมี่ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนพวกเรา”
“เผ่าพันธุ์พิเศษ...คุณหมายความว่าพวกข้างนอกนั่นเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาดอย่างนั้นเหรอ แล้ว...แล้วแอนนาจะถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของพวกเขา โอ คุณพระช่วย พวกเขาจะทำไปได้ยังไง ในเมื่อนายอำเภอก็ยืนอยู่ตรงนั้น”
(มีต่อ)
เหยื่อ...ตอนที่ 10
โดย...ล. วิลิศมาหรา
มันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น....
เอมิลี่จ้องมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านช่องผ้าม่านหน้าต่างห้องนอน ร่างสั่นน้อยๆ จากความหวาดวิตกของเธอชิดอยู่กับมาร์ธาที่ส่องตามองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ห้องนอนนี้อยู่ทางปีกซ้ายของตัวบ้าน ถัดไปคือเนินดินลาดชันข้างบ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งตอนนี้โปรยปรายลงมาเกาะตัวเป็นน้ำแข็งจนพื้นดินเป็นโคลนเปียกแฉะ มองเลยไปอีกก็เห็นเพียงป่าสนยืนทะมึนเหมือนเงาปีศาจ
ในแสงสีเหลืองซีดของเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ผู้หญิงและผู้ชายหลายสิบคนเหล่านั้นมีทุกวัย พวกเขามากับพาหนะต่างๆ ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์หลากยี่ห้อ บางคนก็ปั่นจักรยานมา ซึ่งยานพาหนะทุกคันจอดรอไว้นอกรั้วบ้านทั้งสิ้น ก่อนที่ผู้คนจะพากันเดินถือคบไฟเข้ามาในบริเวณลานหน้าบ้านของจีน พวกเขาต้องเป็นผู้คนในหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้แน่ๆ และขณะนี้กำลังจะมาชุมนุมกันที่นี่ด้วยเรื่องเร่งด่วนอะไรบางอย่าง...นึกแปลกใจที่พวกเขาจุดคบไฟเดินเข้ามาทำไม ในเมื่อสามารถใช้แสงสว่างจากโคมไฟฟ้าสนามหน้าบ้านก็ได้
เรื่องนั้นยังเป็นปริศนา ทว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งใหญ่กว่าให้นึกอยากรู้ นั่นก็คือจีนเป็นใครกันแน่...หล่อนคงเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ที่ถูกแต่งตั้งจากทางการ หรือไม่ก็เป็นโดยธรรมชาติจากการโหวตเลือกของชาวบ้าน การประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้นดูเหมือนจีนก็เพิ่งจะรู้ และคล้ายดังว่าหล่อนไม่ค่อยเต็มใจนัก รวมทั้งไม่อยากให้เธอได้รับรู้ด้วย ถึงเข้ามากำชับไม่ให้เอมิลี่ออกไปข้างนอกห้อง
“พวกนั้นเป็นใคร เขาพากันมาทำไมคะ” ก็ต้องซักถามเอาจากคนใกล้ตัวตอนนี้นี่แหละ มาร์ธาเหลือบตาเป็นกังวลมองคนถาม ก่อนตอบด้วยเสียงแตกพร่า
“คนในหมู่บ้านที่นี่ พวกเขามาประชุมกัน”
เป็นไปตามคาด ถ้าเช่นนั้นสาวผมดำก็คงเป็นผู้นำชุมชนที่นี่จริงๆ ดูจากท่าทีที่เธอก้าวออกไปยืนเด่นรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านก็ยิ่งมั่นใจ แต่แล้วความสงสัยอย่างใหม่ก็พลุ่งขึ้นมาอีก ทำไมพวกเขาไม่เข้ามานั่งประชุมกันข้างในบ้านที่มีทั้งไฟฟ้าและความอบอุ่นล่ะ ไปยืนล้อมกันเป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่ท่ามกลางละอองหิมะให้หนาวเย็นแบบนั้นทำไม
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เอมิลี่ประหลาดใจมากเท่ากับเห็นว่า มีบางคนเริ่มขนท่อนไม้กิ่งไม้มากองสุมไว้กลางลาน จนตอนนี้กองฟืนสูงประมาณระดับเอวแล้ว และทันใดนั้นเธอก็ต้องเบิกตากว้างขึ้น เมื่อเห็นผู้หญิงวัยกลางคนรูปร่างเล็กบอบบางคนหนึ่งถูกผลักให้ออกมายืนอยู่ข้างกองฟืน หล่อนถูกพันธนาการด้วยการจับมัดมือไพล่หลัง!
เอมิลี่จ้องมองตะลึงลาน พวกนั้นกำลังจะทำอะไรกับผู้หญิงร่างเล็กคนนั้น ดูไปแล้วคล้ายกับว่าหล่อนเป็นนักโทษที่ทำความผิด และพวกคนที่รายล้อมหล่อนอยู่กำลังจะพิพากษาลงโทษหล่อนด้วยกฎหมู่อย่างนั้นแหละ ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนั้นจริง ที่นี่ก็เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ตั้งตนอยู่นอกเหนือกฎหมายบ้านเมืองน่ะสิ...พระเจ้าช่วย
ขณะนึกสงสัย สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เขายืนพิงรถที่ติดตราสัญลักษณ์ของตำรวจเมืองบัลคาลอยู่ข้างนอกรั้วบ้าน จ้องมองเหตุการณ์ด้วยท่าทางซึ่งดูไม่วิตกทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หรือเขาคนนี้ก็คือนายอำเภอแม็คที่เอมิลี่มักได้ยินชื่อจากมาร์ธาและจีนบ่อยๆ นายอำเภอที่ตกเป็นทาสน้ำเงินของจีนและช่วยทำอะไรบางอย่างให้หล่อน โดยไม่ใยดีต่อหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง หญิงสาวหันไปมองหน้าคนที่ยืนแอบมองไปข้างนอกด้วยกัน ซึ่งหล่อนก็หันมาสบตาด้วย
“เหตุการณ์ชักไม่ค่อยดี แม็คกับโรเบิร์ตคงไปชวนชาวบ้านมา ผู้หญิงคนนั้นคือแอนนาแม่ของเดวิดกับเควิน แม็คคงไปเจอพิรุธอะไรเข้า แล้วก็คงเค้นถามเอาจากแอนนา แต่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก ตอนนี้ฉันคิดว่าชาวบ้านคงโดนแม็คเป่าหูให้จับตัวแอนนามาเพื่อเค้นเอาความจริง พวกเขาต้องการล่อให้ลูกชายเธอปรากฏตัว” มาร์ธาเล่าเสียงเบาเร็ว
“เดวิดกับเควินเป็นลูกชายของแอนนางั้นเหรอคะ ตอนนี้เขาอยู่กับลิซและพอลใช่ไหม”
ใจชื้นที่ได้ยินแบบนั้น เพราะถ้าหากที่มาร์ธาบอกเป็นเรื่องจริง มันก็หมายถึงว่าลูกสาวเธอและพอลมีคนดูแลอยู่บ้างเหมือนกัน และสองคนนั้นคงปลอดภัยดี ซึ่งมาร์ธาก็พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“ใช่ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ด้วยกัน พอลยังไม่แข็งแรงพอ และทั้งเขากับลูกสาวเธอต้องการอาหารกับเสื้อผ้ากันหนาว ทีแรกเดวิดจะให้เควินอยู่ด้วยกับสองคนนั่นเท่านั้น แล้วตัวเองจะคอยส่งเสบียงกับคอยติดต่อฉัน แต่ทำไปทำมาก็ต้องหนีไปอยู่ด้วยกันทั้งหมด คงเพราะเทียวไปกลับระหว่างบ้านกับที่ซ่อนไม่ได้ พรรคพวกของแม็คคอยเฝ้าดูอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ต้องเผยพิรุธออกมา จนแอนนาโดนจับมาแบบนี้ ”
“แล้วพวกนั้นกำลังจะทำอะไรกับแอนนา”
พยักหน้าไปทางนอกหน้าต่าง แล้วถามรัวเร็วเท่ากับในใจที่เริ่มร้อนรุ่ม รู้สึกใจคอไม่ดีเมื่อทราบว่าแม่ของคนที่ช่วยเหลือพวกเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน และอาจมีอันตรายถึงชีวิต อยากรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จะมีใครเข้ามาช่วยผู้หญิงคนนั้นได้บ้างไหมนะ โอ้ย นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ!
“มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังเร็วเข้าเถอะมาร์ธา นี่มันคือเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันจะเป็นประสาทตายอยู่แล้ว”
ร้องถามคร่ำครวญในขณะที่ฟ้าเริ่มมืดลงทุกขณะ พระจันทร์เกือบเต็มดวงลอยเคว้งอยู่บนฟ้า ต้นไม้รอบบ้านเห็นเป็นเงาตะคุ่มอยู่ใต้แสงไฟจากคบเพลิง แสงจันทร์สีซีดส่องลงมากระทบร่างเพรียวที่ยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น ดูเหมือนหญิงเจ้าของบ้านจะเริ่มต้นเจรจา หล่อนทำไม้ทำมือประกอบคำพูดที่เอมิลี่ไม่สามารถได้ยินผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา เธอจึงพยายามตั้งคำถามเอากับมาร์ธา ซึ่งหวังว่าคืนนี้หล่อนคงจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังเสียที
“ฉันคิดว่า....” มาร์ธาอ้ำอึ้ง คำพูดของหล่อนสะดุดลงอีกแล้ว และเมื่อพูดขึ้นใหม่ก็เหมือนจะพูดปลอบใจตัวเองมากกว่า
“แต่...แต่ว่าจีนน่าจะหยุดพวกเขาได้”
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะมาร์ธา พวกเขาคิดจะทำอะไรกับแอนนา บอกความจริงทั้งหมดให้ฉันได้รู้ด้วยเถอะ ขอร้องล่ะ”
ซักถามคาดคั้น ทั้งอ้อนวอนขอร้องหญิงสูงวัยด้วยหัวอกหัวใจที่เต้นโครมคราม เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวสยองขวัญของพวกชาวบ้านวิกลจริตในข่าว หรือในภาพยนตร์ที่เคยผ่านตา พวกนั้นมักทารุณกรรมต่อคนที่ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งเหยื่อก็มักจะถูกทรมานด้วยกรรมวิธีต่างๆ อันแสนโหดร้าย ก่อนจะสิ้นใจตายอย่างทรมาน
“ก็ได้” หล่อนตอบ สูดลมหายใจเข้าปอดยาวก่อนเรียบเรียงคำพูด มาร์ธายอมเล่าแม้จะมีความลังเลในน้ำเสียง
“ฉันจะเล่าให้เธอฟัง แอนนากับลูกจะถูกลงทัณฑ์ด้วยข้อหาร้ายแรงว่าเป็นกบฏต่อเผ่าพันธุ์ตัวเอง โทษของเธอถึงตาย”
มาร์ธาโพล่งบอก ซึ่งมันทำให้คนฟังแทบช็อค
“กะ...กบฏต่อเผ่าพันธุ์...เผ่าพันธุ์อะไรกัน คุณพูดถึงเรื่องอะไร”
“เผ่าพันธุ์พิเศษ เอมี่ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนพวกเรา”
“เผ่าพันธุ์พิเศษ...คุณหมายความว่าพวกข้างนอกนั่นเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ประหลาดอย่างนั้นเหรอ แล้ว...แล้วแอนนาจะถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของพวกเขา โอ คุณพระช่วย พวกเขาจะทำไปได้ยังไง ในเมื่อนายอำเภอก็ยืนอยู่ตรงนั้น”
(มีต่อ)