เหยื่อ...ตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/36795162
https://ppantip.com/topic/36815263
https://ppantip.com/topic/36819926
https://ppantip.com/topic/36829151
https://ppantip.com/topic/36841457

เหยื่อ




โดย...ล. วิลิศมาหรา


เอมิลี่ฝันเห็นเลือด!

มันไหลนองและเปียกชุ่มไปทั้งตัวเธอที่นั่งคุกเข่าอยู่ในกองเลือดนั้น ชุดนอนของเธอชุ่มไปด้วยเลือด มันไหลแผ่ออกไปบนพื้นไม้เรื่อยๆ

หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนนั้นเอง ก่อนพบว่าตัวเองได้ตื่นขึ้นมาแล้วในห้องนอน ชั่วขณะหนึ่งเธอนอนนิ่ง ปล่อยให้หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก

...อืม มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้นเอมิลี่...

พ่นลมหายใจออกทางปากยาวเหยียดอย่างโล่งอก...แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ในห้องนอนเหรอ...มันคือห้องนอนที่บ้านของเธอใช่ไหม หรือเป็นห้องนอนที่ไหนกันแน่ หญิงสาวจ้องมองเพดานสีเขียวอ่อนแปลกตา กะพริบตาสองสามครั้งให้แน่ใจ รู้สึกตกใจที่สมองว่างเปล่าราวกับว่ามันกลวงโบ๋ พอเค้นความจำว่าที่นี่คือที่ไหนกลับนึกอะไรไม่ออก

เดี๋ยวนะลองนึกดูอีกที ฉัน...เอมิลี่ ไรน์ ทำงานอยู่ที่บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พ่อกับแม่ฉันตายหมดแล้ว ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง ฉันแต่งงานกับพอลและหย่าแล้ว ฉันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อลิซ่า

ลองลำดับไล่ความคิดไปเรื่อยๆ พักหนึ่ง แล้วในที่สุดเธอก็เริ่มนึกออก อ้อ พอนึกออกบ้างละ พอลป่วย จีนภรรยาของเขาขอให้เธอกับลิซ่ามาเยี่ยมที่อัลบัลคาล เอ แล้วยังไงต่อนะ...โอย ตายแล้ว ทำไมในสมองมันถึงได้มืดตื๋อทึบตันไปหมดแบบนี้ คิดสิคิด เอมิลี่ คิดเร็วเข้า!

บอกตัวเองแล้วกระเด้งลุกขึ้นนั่ง จ้องผ้าปูสีขาวสะอาดบนเตียงสี่เสาแบบโบราณอย่างฉงน เห็นผ้านวมสีหวานลายดอกไม้เครือเถาคลุมท่อนล่างตัวเองอยู่ ก้มลงมองชุดนอนสีหวานพอกันที่สวมด้วยความงุนงง...นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแน่นอนเพราะไม่คุ้นเคยกับอะไรในนี้สักอย่าง เธอไม่ซื้อเครื่องนอนอ่อนหวานราวเจ้าหญิงในเทพนิยายแบบนี้มาใช้แน่ๆ มันไม่ใช่รสนิยมของเธอ

เหลียวมองโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ยๆ ตัวหนึ่ง กับตู้เสื้อผ้ารูปทรงกระด้างอีกหลัง ผนังห้องไม้สีโอ๊คแขวนภาพวาดสไตล์วิกตอเรียเอาไว้ภาพเดียวโดดๆ ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งประหลาด เหมือนจับเอาเจ้าหญิงราพันเชลให้มานั่งควบม้าดวลปืนอยู่ในหมู่บ้านคาวบอย นอกจากนั้นทั้งห้องก็โล่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นอีก

แลเลยไปที่หน้าต่างบานกระจกแบบเลื่อนขึ้นบน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันกับเตียง แสงตะวันอบอุ่นส่องทะลุเข้ามาในห้อง ทิศทางของแสงบอกให้รู้ว่าเป็นยามสายๆ ของวัน เธอเห็นต้นสนขึ้นเบียดเสียดหนาแน่นอยู่บนเนินลาดเอียง สูงๆ ต่ำๆ ไกลจนสุดสายตา พวกมันถูกหิมะเกาะดูขาวโพลนไปทั่ว เนินหิมะแทบจะอยู่ชิดกับบานหน้าต่างเลยทีเดียว

...คุณพระช่วย เรากำลังอยู่ในบ้านกลางป่าสนอย่างนั้นเหรอ เป็นบ้านพักตากอากาศของใครหรือเปล่า ฉันไม่มีบ้านแบบนี้นี่นา...ลิซ่าล่ะ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของตัวเอง แล้วตอนนี้ลิซ่าอยู่ที่ไหน หญิงสาวนึกเป็นห่วงถึงลูกขึ้นมาทันที

ผลุนผลันลงจากเตียงทันใด แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกเมื่อรู้สึกว่าทั้งห้องหมุนคว้าง เซไปยึดเสาปลายเตียงไว้มั่น เธอหลับตาลงแล้วพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนอาการวิงเวียนค่อยยังชั่วจึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองดูใหม่ พลันรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ อาการทึบตันในหัวยังหน่วงหนัก เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลำก็พบเข้ากับก้อนบวมขนาดลูกมะนาวบนหน้าผาก พร้อมกับความปวดร้าวที่แล่นซ่านไปตามเนื้อตัวแขนขา

เอมิลี่ใจหายวาบ ใช้ฝ่ามือลูบตามใบหน้าและลำตัว ครั้นพบว่าพวกมันยังเป็นปกติดีอยู่ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย แล้วจึงเลื่อนแขนเสื้อเลิกชายชุดนอนขึ้นดู เธอเห็นมีรอยแผลบาดกับรอยขีดข่วนเต็มไปหมดทั้งแขนและขา เท้าทั้งคู่ถลอกปอกเปิกราวกับไปเดินไปวิ่งอยู่บนทางวิบากมา...เราได้รับบาดเจ็บนี่...ครางบอกตัวเอง บาดแผลพวกนี้เกิดจากอะไร ถูกใครทำร้ายเอาหรือเปล่า หญิงสาวทรุดนั่งลงกับขอบเตียงใหม่แล้วเริ่มพยายามประมวลความทรงจำ

‘ใต้เตียง’ ทันใดนั้นเสียงและภาพผ่านแวบเข้ามาในหัว เสียงของลิซ่ากับใบหน้าตื่นตระหนกของแกแวบขึ้นชั่ววินาที เอมิลี่สะท้านขึ้นเฮือก เกิดอะไรขึ้นกับเธอและลูกกันแน่ แล้วที่นี่ใช่บ้านของพอลกับภรรยาหรือไม่

ใต้เตียงเหรอ มีอะไรอยู่ใต้เตียงหรือเปล่า ลิซ่าอาจบังเอิญไปเห็นบางสิ่งที่เจ้าของบ้านซ่อนเอาไว้ใต้เตียงเข้า ทางเดียวที่จะรู้ก็คือต้องพิสูจน์...เอมิลี่ตัดสินใจค่อยๆ หมอบลงแล้วมุดศีรษะเข้าไปดูใต้ผ้าคลุมเตียงให้หายสงสัย ทว่าใต้เตียงกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรบนพื้นบ้านไม้นั่น

หญิงสาวถอนศีรษะจากใต้เตียงมานั่งเป่าลมหายใจออกจากปากอย่างผิดหวัง ครุ่นคิดใคร่ครวญถึงคำพูดของลิซ่าอีกครั้ง ถ้าที่ใต้เตียงไม่มีอะไร แล้วทำไมลิซ่าถึงพูดคำนั้น

ด้วยความสงสัยไม่หาย เธอมุดกลับเข้าไปดูใต้เตียงใหม่อีกที...หรือจะเป็นที่ตัวเตียง ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเลื่อนสายตามองไปที่ใต้ตัวเตียง ไม่ใช่ที่พื้นห้องเหมือนครั้งแรก ฉับพลันเธอก็เห็นอะไรบางอย่างขาวๆ สะดุดตาติดอยู่ใต้พื้นเตียงจริงๆ เขม้นมองดูก็พบว่ามันเป็นเศษกระดาษ ถูกแปะติดด้วยสก็อตเทปแบบหมิ่นๆ หญิงสาวเอื้อมไปดึงมันออกมาดูทันที

‘อย่ากินยาพวกนั้น’ เอมิลี่ลืมตาโพลง ตัวอักษรแบบนี้มันเป็นลายมือของลิซ่าลูกสาวเธอชัดๆ เธอจำลายมือลูกได้ ทำไมแกถึงเขียนข้อความนี้ใส่กระดาษแปะไว้ใต้เตียงนี้ล่ะ แล้วนี่ลูกเธอไปอยู่เสียที่ไหน เริ่มแตกตื่นกับความผิดปกติที่เผชิญ หญิงสาวเหงื่อกาฬซึม ขยับตัวชันกายลุกขึ้นยืน รู้สึกแขนขาอ่อนเปลี้ยไปหมด ลางสังหรณ์บอกว่าต้องเกิดบางอย่างที่ไม่สู้ดีนักขึ้นกับเธอและลูกแน่ๆ แต่จะเป็นอะไรนั้นตัวเธอเองก็ยังไม่รู้

ผละจากเตียงเดินโผเผมาที่ตู้เสื้อผ้า คว้าเอาเสื้อคลุมในนั้นมาสวมทับชุดนอน ซุกเก็บเศษกระดาษชิ้นนั้นไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุม แล้วจึงตัดสินใจก้าวไปที่ประตูก่อนเปิดมันออก เธอต้องการคำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและลูกจากใครสักคน



เอมิลี่เดินออกจากห้องนอนมาตามโถงทางเดินที่ตีโล่งตลอดความสูงของบ้าน แปลกมากที่ไม่มีใครในบ้านโผล่ออกมาให้เห็นแม้แต่คนเดียว เธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น ผ่านห้องโถงจนมาหยุดอยู่ที่ประตูห้องครัว  มีเสียงใครบางคนกุกกักอยู่ข้างในนั่นทำให้ใจชื้นขึ้น อีกเดี๋ยวเรื่องราวดำมืดทั้งหลายก็คงกระจ่าง

“หวัดดี”

ชะโงกหน้าเข้าไปทักทายผู้หญิงคนหนึ่งในครัว หล่อนทำหน้าตกใจเมื่อหันมาเห็นเธอเข้า รีบวางถาดอาหารลงบนโต๊ะทานข้าวแล้วปรี่เข้ามาหา

“โอ้ ดูเธอสิ ทำไมถึงรีบลุกขึ้นล่ะ ฉันกำลังเตรียมมื้อเช้าจะเอาเข้าไปให้เธอที่เตียงพอดี” ใบหน้าชราของหญิงร่างท้วมในครัวคุ้นตา เอมิลี่มองหน้าหล่อนแล้วพยายามนึก

“คุณคือ...”


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่