เหยื่อ...ตอนที่ 4

กระทู้สนทนา
ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/36795162
https://ppantip.com/topic/36815263

เหยื่อ




โดย...ล. วิลิศมาหรา


“พอล สมิธ คืออดีตสามีของคุณเหรอ”

เจ้าหน้าที่ข้างหน้าเอี้ยวตัวมาถามเธอที่เบาะหลัง ก่อนเคลื่อนรถออกไปตามเส้นทางลูกรังเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เอมิลี่นึกฉงน...ความจำของเธอหยุดอยู่ตรงที่ตัวเองขับเก๋งสปอร์ตคู่ใจมากับลูกสาวบนถนนลาดยางอย่างดี แต่ดูสภาพถนนตอนนี้สิ มันไม่ต่างอะไรกับทางเกวียนเลยสักนิด

“ใช่ค่ะ เราหย่ากันเมื่อสองปีก่อน”

ตอบแบบประหยัดถ้อยคำ มีอะไรบางอย่างในตัวผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เกิดความกังวลขึ้นมาอย่างประหลาด อาจเป็นนัยน์ตาสีฟ้าวาววับของเขาที่จับจ้องเธอก็ได้ ซึ่งตอนแรกที่เจอกันอย่างไม่ตั้งใจนั้น เธอคิดว่ามันช่างเป็นดวงตาที่สว่างสุกใส บอกถึงความกระตือรือร้น กระหายที่จะกระโจนเข้าไปแก้ไขปัญหายุ่งยากทุกสิ่งอย่างให้กับผู้คนบนโลกนี้ แต่เมื่อได้มาพบกันอีกทีในสถานการณ์ที่เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เธอกลับรู้สึกขัดเขินพิกล มันเหมือนกับเวลาที่เราลอยคออยู่ในน้ำนานๆ จนเกือบหมดแรง แล้วได้เห็นทุ่นลอยน้ำเข้ามาใกล้ แทนที่เราจะรีบคว้ามันไว้ แต่เรากลับสงสัยว่าข้างในนั้นมันจะมีงูอยู่หรือเปล่า

“ผมรู้จักพอล...เขาเป็นคนนิสัยดี เขาเพิ่งแต่งงานกับจีนไม่นาน แต่โชคร้ายไปหน่อยที่เขาเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม ชอบเดินหายออกจากบ้านบ่อยๆ แล้วตอนนี้ก็ยังมาหายตัวไปพร้อมกับพวกคุณอีก” ผู้ชายข้างหน้าเริ่มต้นสนทนา เอมิลี่พยักหน้ามืดๆ ให้เขาทางกระจกมองหลัง

“ใช่ค่ะ เขานิสัยดี แต่ว่า...เขาจะหายไปพร้อมฉันกับลูกหรือเปล่า อันนี้ฉันก็ไม่รู้”

ตอบสั้นๆ แล้วพยายามเบี่ยงเบนความสนใจออกจากอาการวิงเวียนศีรษะ รวมถึงความทรงจำเก่าๆ ระหว่างเธอกับอดีตสามีที่ก่อตัวขึ้นจนอดน้ำตารื้นไม่ได้

จะว่าไปแล้วภาพของพอลยังคมชัดอยู่ในใจเธอเสมอ ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันหน้ามหาวิทยาลัย ครั้งแรกที่ออกเดทด้วยกันในโรงละครเวที พอลผู้ซึ่งทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีของลูกมาตลอดสิบกว่าปี สุดท้ายชีวิตรักของเธอกับเขาก็ไปไม่รอด เหตุผลเดียวที่ทำให้ทั้งสองต้องแยกทางกันก็คือ เขาไม่สามารถเลิกทำงานเซลแมนที่ต้องเดินทางเป็นประจำตามที่เธอขอได้ เขารักงานมากกว่าเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องปล่อยเขาไปแต่โดยดี ไม่มีการทุ่มเถียงทะเลาะอะไรกันมากมาย เธอและเขาจากกันด้วยดี...ทว่าตอนนี้เธอก็ยังอดนึกเป็นห่วงเขาไม่ได้ พอล ตอนนี้คุณกับลูกปลอดภัยดีหรือเปล่านะ

“รู้ไหมตอนแรกที่ได้รับแจ้ง ผมสงสัยว่าพวกคุณพาเขาหนีไป”

แม็คพูดต่อ เอมิลี่เหลือบมองใบหน้ารูปสี่เหลี่ยมของเขาทางกระจกมองหลังอีกครั้ง ซึ่งคนถูกมองก็เหลือบมาสบตาเธอแวบหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะมองเห็นสีหน้าแววตาของเธอหรือไม่ แต่ก็มียิ้มกระตุกตรงมุมปากเขาเล็กน้อย

นาทีนั้นเอมิลี่ก็รู้ว่าเขาแค่พูดเล่นขำๆ หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันควัน ไม่ชอบท่าทีกับคำพูดคล้ายเย้าเล่นของเขาแบบนั้นเลย...คุณเป็นเจ้าหน้าที่และฉันถูกทำร้ายจนสูญเสียความจำมานะโว้ย จากอะไรก็ไม่รู้ซึ่งคุณต้องช่วยฉันสืบให้รู้แน่ ทั้งยังมีคนหายไปอีกตั้งสองคน มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเล่นแบบนี้...รู้สึกโกรธขึ้นมาจนเผลอจิกเล็บลงบนฝ่ามือที่กำแน่น แต่แล้วความจริงข้อหนึ่งก็ทำให้ต้องข่มใจลง

เขาก็ต้องถามไปตามหน้าที่ ซึ่งมันจะดีมากถ้าหากว่าเขาจะสอบถามอย่างจริงจัง ทำไงได้ ก็เหตุการณ์มันชวนให้คิดไปได้ทั้งนั้น จีนกับญาติๆ ของหล่อนก็คงเหมือนกัน ตอนนี้หล่อนจะคิดกับเธอเหมือนนายอำเภอคนนี้คิดไหมนะ เวลาเพียงสองปี บางทีพวกเขาอาจคิดว่าเธอยังตัดใจจากพอลไม่ได้ ซึ่งมันน่าหัวเราะสิ้นดีถ้าพวกเขาจะคิดอะไรแบบนั้น

“ฉันกับพอลไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะ เขาแค่คุยกับลิซ่าบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งมันก็เป็นธรรมดาของพ่อกับลูก คุณคงเข้าใจ”

“ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้พาตัวเขาไป ก็ผมเจอคุณแล้วนี่ สะบักสะบอมเสียขนาดนี้ ว่าแต่ช่วยผมหน่อยซี คุณจำอะไรไม่ได้สักนิดเลยเชียวหรือ อย่างเช่นคุณออกจากที่พักไปได้อย่างไร ออกมากับใคร คุณไปทำอะไรมาหรือถูกใครทำร้ายเอา” คำพูดน่ารังเกียจยังพ่นต่อ เขาซักถามเธอพลางเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัย

เอาอีกแล้ว...มีอะไรบางอย่างในน้ำเสียงทำให้เอมิลี่ไม่เชื่อว่าเขาจะอยากรู้จริงๆ

“ฉันบอกคุณแล้วว่าจำไม่ได้ ฉันคิดว่าตัวเองขับรถอยู่บนถนน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันกลับเจอตัวเองยืนอยู่ในป่า บาดแผลถูกหนามเกี่ยวเต็มตัว เลือดกำเดาไหล ไม่มีรถ ไม่มีถนน แล้วลิซ่าก็หายไป” เธอยืนยันคำเดิม...อย่าถามโง่ๆ แบบนี้อีกได้ไหม ขอร้องล่ะ คิดแล้วสูดหายใจยาว

“แปลกมาก แปลกจริงๆ ผมเสียใจด้วย เอาล่ะ ให้ไปถึงบ้านคุณนายแรนดอมส์เสียก่อน บางทีเราอาจได้เบาะแสอะไรบ้างก่อนจะออกตามหาพอลกับลูกสาวคุณต่อไป ส่วนคุณ เดี๋ยวผมจะเรียกรถพยาบาลมารับ”

ก็ยังดีที่พอมีมารยาทแสดงความเห็นใจในความเจ็บปวดจากเคราะห์ร้ายของเธอออกมาบ้าง นึกไม่ออกว่าชาวเมืองนี้ทนกับพฤติกรรมหยาบคายของนายอำเภอของพวกเขาได้อย่างไร หรือว่าเขาปฏิบัติต่อชาวเมืองกับแขกต่างถิ่นต่างกัน ก็แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะที่ทำแบบนั้น

เอมิลี่ขยับตัวแล้วสูดปากอย่างเจ็บปวด หัวเธอคงกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง มันแรงพอที่จะทำให้เลือดกำเดาไหล และเกิดก้อนเท่าลูกมะนาวตรงไรผมบริเวณหน้าผาก มันคงกระชากความทรงจำไปจากเธอด้วย อาจเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นหรอกน่า เพราะอีกไม่นานเธอก็จะได้รับการตรวจเช็คจากแพทย์ และได้รับการรักษาให้หายดี เอมิลี่มั่นใจว่าความจำของเธอจะต้องกลับมา

รถแล่นกระเด้งกระดอนไปตามทางลูกรังในม่านรัตติกาล เสียงดังกึงกังอย่างน่ากลัวว่าเพลารถจะพัง ดูเหมือนคนขับจะไม่พยายามหลบเลี่ยงแอ่งโคลนน้อยใหญ่ทั้งหลายเอาเสียเลย เอมิลี่นั่งหัวสั่นหัวคลอนกระทั่งเขาพารถมาจอดหน้าบ้านไม้ซีกหลังหนึ่งซึ่งเปิดไฟสว่างโร่

เมื่อลงจากรถ แม็คก็ประคองเธอพาเดินขึ้นบันไดไปบนตัวบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดอ้ารออยู่แล้ว ความมืดของค่ำคืนทำให้เอมิลี่ไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร พอผ่านห้องโถงเข้าไปก็ได้ยินเสียงพูดคุยของคนหลายคนอยู่ในห้องนั่งเล่น เสียงนั้นปนกันทั้งหญิงและชาย จับใจความได้ว่าพวกเขาวิตกถึงการหายตัวไปของคนในบ้านหลังนี้ นี่เธอกับลูกคงมารบกวนความสงบสุขของผู้คนแถวนี้เข้าให้เสียแล้ว เอมิลี่หัวเข่าอ่อนลงอีกครั้งด้วยความละอาย ลากเท้าตามแรงดึงของแม็คอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

มีคนกลุ่มหนึ่งประมาณเกือบสิบคนในห้องนั่งเล่น บ้างก็ยืนคุยกัน บ้างก็กำลังนั่งล้อมวงสนทนากันอยู่ เป็นผู้ชายเสียหกและผู้หญิงอีกสาม หนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิงผมดำท่าทางสวยสง่า ดวงตาคมของหล่อนฉายประกายยินดีเมื่อเห็นเอมิลี่

“คุณพระ...เอมี่ เธอได้รับบาดเจ็บนี่”

หล่อนอุทานอย่างตกใจ รีบลุกจากเก้าอี้เข้ามาช่วยแม็คพยุงคนเจ็บ หญิงสาวสูงผอมบนเก้าอี้อีกตัวที่นั่งอยู่ก่อนรีบลุกให้เธอนั่งแทน ทุกคนกรูกันเข้ามารุมล้อมรอบตัวเธอ

“ท่าทางเธอดูไม่ดีเลย เธอต้องได้รับการปฐมพยาบาล” หญิงมีอายุร่างท้วมอีกคนกุลีกุจอเข้ามาจับเนื้อตัวเธอดู แล้วผละไปคว้าผ้าห่มผืนหนามาห่อตัวให้ ก่อนหายเข้าไปทางด้านหลังบ้าน

เอมิลี่ถอนหายใจเมื่อได้นั่งลง โล่งอกที่พ้นจากในป่ามาเสียที เธอมาถึงในที่ซึ่งอบอุ่นและปลอดภัยแล้ว และตอนนี้เธอคงเข้ามาอยู่ในบ้านป้าของหญิงที่เป็นภรรยาคนใหม่ของพอลเป็นแน่ หญิงสาวสวยผมดำคนที่ประคองเธอนั่งบอกข่าวดีแก่เธอว่า

“ฉันจะไปชงชาร้อนๆ มาให้ดื่ม เราเพิ่งได้ร่องรอยของพอลกับลิซ่า เพื่อนๆ ของเรากำลังช่วยกันตามหาอยู่ คาดว่าจะเจอตัวเร็วๆ นี้แหละ พอลเคยหายไปแบบนี้บ่อยๆ ไม่นึกว่าเธอกับลูกก็เป็นแบบเดียวกันกับเขาด้วย”

หญิงสาวเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วโหย เหลียวมองรอบวงก่อนสะดุ้งน้อยๆ เมื่อสบสายตาของคนอื่นๆ เข้า คนเหล่านั้นเงียบเสียงจากสนทนาลง แล้วพากันจับจ้องมาที่เธออย่างไตร่ตรอง มันคล้ายกับว่าพวกเขากำลังประเมินแขกที่เข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านของพวกเขาอยู่ แววตาสงสัยใคร่ครวญนั้นมันเกือบใกล้เคียงกับประสงค์ร้าย เอมิลี่หลุบตาลงมองพื้น ความรู้สึกปลอดภัยเมื่อครู่สลายไปสิ้น เกิดเสียววาบขึ้นตลอดแนวไขสันหลังแทนเสียอย่างนั้น


จบตอน.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่