[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/36795162
https://ppantip.com/topic/36815263
https://ppantip.com/topic/36819926
https://ppantip.com/topic/36829151
https://ppantip.com/topic/36841457
https://ppantip.com/topic/36850268
https://ppantip.com/topic/36863915
https://ppantip.com/topic/36909449
https://ppantip.com/topic/36935879
https://ppantip.com/topic/36982621
ลวงอำมหิต
โดย...ล. วิลิศมาหรา
“บอกกับฉันก่อน” เอมิลี่ยุดแขนหญิงชราไว้มั่น
“บอกฉัน มาร์ธา...ในเลือดของฉันกับลูกมีอะไร พอลเกี่ยวข้องกับพวกคุณยังไง ทำไมจีนถึงต้องการตัวพวกเรา”
หญิงสาวไม่ยอมลุกขึ้น กระซิบถามเสียงสูงแตกพร่า เธอจะต้องได้รู้ทุกเรื่องที่ยังคาใจเดี๋ยวนี้ เธออาจไม่รอดชีวิตไปจากที่นี่ก็ได้ แต่จะต้องไม่ตายไปโดยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้
มาร์ธายืดตัวขึ้นมองดูเหตุการณ์ข้างนอกหน้าต่าง...ยังพอมีเวลาหายใจหายคอ...ทีแรกหล่อนคิดว่าจะรอให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้เสียก่อน จนกว่ามีแสงตะวันสาดส่อง และความจำของหญิงสาวกลับคืนมาได้ครบถ้วน หล่อนถึงค่อยพาเธอหนีไปสมทบกับพอลและลิซ่าในที่ซ่อน จากนั้นค่อยหาทางหนีไปจากที่นี่กันอีกที แม้ไม่แน่ใจเลยว่าพวกตนทั้งหมดจะฝ่าฝูงคนพวกนี้หนีรอดไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนกลางคืนมีพวกนักล่ารัตติกาลออกเพ่นพ่านล่าเหยื่อ ตอนกลางวันก็มีพวกแม็คและโรเบิร์ตกับลูกสมุนออกไล่ล่าตามหา แต่ถึงยังไงก็ต้องเสี่ยงเอา เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับตัวหล่อนเองและของพวกเขาทั้งหมด แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแบบนี้ เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่
หญิงชราตัดสินใจจะพาเอมิลี่หนีไปในคืนนี้เสียเลย เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว มาร์ธาไม่มั่นใจว่าจีนจะหยุดยั้งกลุ่มคนบ้าคลั่งพวกนั้นไว้ได้ พวกเขาจะต้องดึงดันเข้ามาเอาตัวเอมิลี่ไปกำจัดอย่างแน่นอน แล้วทุกอย่างที่อุตส่าห์อดทนรอก็จะจบสิ้น พังพินาศลงไปหมด แต่ตอนนี้เห็นทีต้องทำความเข้าใจกับคนที่เป็นเป้าหมายเสียก่อน หล่อนหันมามองหญิงสาว แล้วจับมือเธอดึงให้ลุกขึ้นยืนใหม่ พยายามพูดปลุกปลอบ
“ลุกขึ้นดูนั่นสิ เราอาจยังพอมีทางรอดนะเอมี่ ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะแบ่งเป็นสองพวก”
มีทางรอดเหรอ...คำบอกของหญิงชราได้ผลมันกระตุ้นให้เอมิลี่ตื่นตัวขึ้น เธอจ้องมองอย่างเซ่อๆ มาร์ธาจึงพยักหน้าให้เธอมองออกไปข้างนอก หญิงสาวรีบลุกขึ้นแนบใบหน้าส่องสายตามองไปนอกกระจกหน้าต่างอีกครั้ง ครั้นแล้วเธอก็เห็นว่าจีนลงมายืนตัวตรงแน่วอยู่หน้าลานแล้ว หล่อนยังคงเจรจากับกลุ่มคนด้วยท่าทางเคร่งเครียด ขณะที่แอนนายืนตัวสั่นงันงกอยู่ที่เดิม แม่ของหนุ่มฝาแฝดร่ำไห้สะอึกสะอื้น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาพลางตะเบ็งเสียงร้องตะโกน เสียงร้องแหลมเล็กของหล่อนดังทะลุเข้ามาถึงในห้องนี้
และคล้ายกับว่าจีนจะเจรจาได้ผลอยู่บ้าง ซึ่งน่าจะมีคนเห็นด้วย เพราะผู้ชายหลายคนขยับตัวก้าวออกมายืนเคียงข้างสาวผมดำ
“เรามีโอกาสรอดแล้ว มีคนเห็นด้วยกับจีน คนตัดผมสั้น ไถด้านข้างชื่อโคล คนแก่หน่อยถัดมาคือแฮงก์ ผู้ชายไว้เคราแพะชื่อแอนดี้ คนที่เพิ่งก้าวออกมาคือจอห์นกับฮิลล์ พวกเขาแสดงตัวว่าอยู่ข้างจีน หล่อนอาจยับยั้งเรื่องร้ายๆ คืนนี้ไว้ได้ชั่วคราว อย่างน้อยก็พอมีเวลาให้เราหนี” มาร์ธากระซิบ
“คุณยังไม่ได้ตอบที่ฉันถาม” เอมิลี่ใจจดจ่ออยู่กับคำถามเดิม
“เอาล่ะๆ ฉันจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าแต่เธอจำอะไรได้บ้างหรือยัง ฉันหวังว่าความจำของเธอจะกลับมาทันเวลานะเอมี่”
มาร์ธาบ่นแล้วถอนหายใจใหญ่
“เธอน่าจะจำอะไรได้มากขึ้นแล้วนี่นา”
“ไม่รู้...ฉันยังนึกอะไรไม่ออกมากไปกว่าที่เป็นอยู่”
เอมิลี่ยืนยัน มาร์ธานิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ ถ้าจะพากันหนีไปให้ราบรื่น หญิงผู้มีความทรงจำขาดวิ่นก็ต้องจำทุกอย่างให้ได้เสียก่อน แต่ในที่สุดคนสูงวัยกว่าก็โพล่งออกมา
“พอลไม่ใช่มนุษย์” เฮือก! เอมิลี่สะดุ้งไหวเยือกไปทั้งตัว เธอปากอ้าตาค้าง
“คุณว่าไงนะ” แล้วย้อนถามเสียงหลง พระเจ้า! ยังมีเรื่องช็อคโลกอะไรเหลืออยู่ให้ตกใจอีกไหมนี่
“ตั้งใจฟังให้ดี เรื่องมันน่าตกใจอยู่หรอก แต่อย่าสติแตกไปเสียก่อน”
มาร์ธาปรามเมื่อเห็นเอมิลี่เริ่มตัวสั่นอีกครั้ง หล่อนโอบไหล่หญิงสาวไว้ เล่าพลางจับจ้องเหตุการณ์ข้างนอกไม่ละสายตา ตอนนี้ดูเหมือนจีนกำลังปะทะคารมอยู่กับชายสูงวัยร่างอ้วน ผมหงอกขาวหรอมแหรม ไว้หนวดเคราเฟิ้มคนหนึ่ง เจสัน เจ้าอ้วนงี่เง่านี่อยากเป็นผู้นำแทนจีนมานาน
พวกชาวบ้านที่สนับสนุนฝ่ายเจสันเริ่มขยับมารวมกลุ่มกัน โรเบิร์ตเดินไปอยู่ข้างแม็คที่รถสายตรวจ สองคนนี้นกรู้เสมอ พวกเขากำลังรอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบที่สุด แล้วจึงจะตัดสินใจไปทำงานให้กับฝ่ายนั้น...พวกบูชาเงินเป็นพระเจ้า ตอนนี้คงกำลังประเมินสถานการณ์อยู่แบบเดียวกับตน
“พอลเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ฉันกับเขาและโรเบิร์ต...เราสามคนทำงานวิจัยให้กับพวกของจีน ใช่ พวกหล่อนไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ไม่มีวิวัฒนาการและใกล้จะสูญพันธุ์ พอลเป็นคนหนุ่มที่เก่ง ฉลาด สติปัญญาดี...ดีกว่าฉันกับโรเบิร์ตมาก เรารู้ว่าจีนกับชาวบ้านคือใคร หล่อนต้องการให้เราสามคนค้นคว้าหาวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันหลายอย่างให้ หนึ่งในนั้นก็คือให้พวกหล่อนสามารถทนทานต่อแสงแดดได้”
“พวกคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์?”
เอมิลี่มองตามสายตามาร์ธาแล้วหันมาถาม พอจะเดาได้ไม่ยาก เธอรู้แล้วว่าทำไมพอลถึงสนใจแต่พวกหนังสืองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และทำไมเขาเลือกทำงานเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งที่เขาต้องออกเดินทางอยู่ตลอดนั่นด้วย สงสัยว่าเขาจะดื่มเลือดเป็นอาหารด้วยหรือเปล่าเท่านั้น
จริงดังคาด มาร์ธาเหลือบมองสบตา หล่อนพยักหน้าเคร่งขรึม มองกลับไปทางนอกหน้าต่างอีกแล้วเล่ารัวเร็ว
“พอลทำสำเร็จ เขาค้นพบวัคซีนที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตประหลาดแบบพวกจีนทนต่อแสงแดดได้ และเขายังทุ่มเททดลองไม่ให้พวกนั้นกินเลือดเป็นอาหารอีกด้วย แต่น่าเสียดาย...” มาร์ธาสะดุดคำพูดตัวเองอีกครั้ง
“น่าเสียดายเรื่องอะไร” คนใจร้อนเร่งให้เล่าต่อ
“เพราะอยากช่วยพวกเขาให้ใช้ชีวิตได้เหมือนมนุษย์มากที่สุด พอลถึงกับใช้ตัวเองทดลองทุกขั้นตอน เขาให้จีนแพร่เชื้อเข้าสู่ร่างกายด้วยการกัด เมื่อเชื้อจากคมเขี้ยวของเธอติดต่อสู่เขา พอลก็กลายเป็นพวกนั้น”
“ผมเป็นมนุษย์แค่ครึ่งเดียว...”
ขณะกำลังเบิ่งตาจ้องพลางฟังเสียงกระซิบกระซาบจากมาร์ธา ฉับพลันภาพหนึ่งก็ฉายแวบเข้ามาในสมอง พร้อมๆ กับอาการเสียวแปล๊บขึ้นในศีรษะ สายตาที่กำลังจ้องภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน แต่ภาพและเสียงของผู้ชายคนหนึ่งกลับชัดเจนอยู่ในสมองแทน...พอล
เอมิลี่หลับตาปี๋ สองมือยกขึ้นกุมขมับร้องครางออกมา มาร์ธาอุทาน แต่แล้วก็ถามอย่างยินดี
“เริ่มมีสัญญาณแล้วซี ฉันรู้ๆ...ไม่นานเธอจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้”
(มีต่อ)
เหยื่อ...ตอนที่ 11 (ต่อไปจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "ลวงอำมหิต" นะคะ)
โดย...ล. วิลิศมาหรา
“บอกกับฉันก่อน” เอมิลี่ยุดแขนหญิงชราไว้มั่น
“บอกฉัน มาร์ธา...ในเลือดของฉันกับลูกมีอะไร พอลเกี่ยวข้องกับพวกคุณยังไง ทำไมจีนถึงต้องการตัวพวกเรา”
หญิงสาวไม่ยอมลุกขึ้น กระซิบถามเสียงสูงแตกพร่า เธอจะต้องได้รู้ทุกเรื่องที่ยังคาใจเดี๋ยวนี้ เธออาจไม่รอดชีวิตไปจากที่นี่ก็ได้ แต่จะต้องไม่ตายไปโดยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้
มาร์ธายืดตัวขึ้นมองดูเหตุการณ์ข้างนอกหน้าต่าง...ยังพอมีเวลาหายใจหายคอ...ทีแรกหล่อนคิดว่าจะรอให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้เสียก่อน จนกว่ามีแสงตะวันสาดส่อง และความจำของหญิงสาวกลับคืนมาได้ครบถ้วน หล่อนถึงค่อยพาเธอหนีไปสมทบกับพอลและลิซ่าในที่ซ่อน จากนั้นค่อยหาทางหนีไปจากที่นี่กันอีกที แม้ไม่แน่ใจเลยว่าพวกตนทั้งหมดจะฝ่าฝูงคนพวกนี้หนีรอดไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนกลางคืนมีพวกนักล่ารัตติกาลออกเพ่นพ่านล่าเหยื่อ ตอนกลางวันก็มีพวกแม็คและโรเบิร์ตกับลูกสมุนออกไล่ล่าตามหา แต่ถึงยังไงก็ต้องเสี่ยงเอา เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวสำหรับตัวหล่อนเองและของพวกเขาทั้งหมด แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นแบบนี้ เห็นทีคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่
หญิงชราตัดสินใจจะพาเอมิลี่หนีไปในคืนนี้เสียเลย เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว มาร์ธาไม่มั่นใจว่าจีนจะหยุดยั้งกลุ่มคนบ้าคลั่งพวกนั้นไว้ได้ พวกเขาจะต้องดึงดันเข้ามาเอาตัวเอมิลี่ไปกำจัดอย่างแน่นอน แล้วทุกอย่างที่อุตส่าห์อดทนรอก็จะจบสิ้น พังพินาศลงไปหมด แต่ตอนนี้เห็นทีต้องทำความเข้าใจกับคนที่เป็นเป้าหมายเสียก่อน หล่อนหันมามองหญิงสาว แล้วจับมือเธอดึงให้ลุกขึ้นยืนใหม่ พยายามพูดปลุกปลอบ
“ลุกขึ้นดูนั่นสิ เราอาจยังพอมีทางรอดนะเอมี่ ดูเหมือนว่าชาวบ้านจะแบ่งเป็นสองพวก”
มีทางรอดเหรอ...คำบอกของหญิงชราได้ผลมันกระตุ้นให้เอมิลี่ตื่นตัวขึ้น เธอจ้องมองอย่างเซ่อๆ มาร์ธาจึงพยักหน้าให้เธอมองออกไปข้างนอก หญิงสาวรีบลุกขึ้นแนบใบหน้าส่องสายตามองไปนอกกระจกหน้าต่างอีกครั้ง ครั้นแล้วเธอก็เห็นว่าจีนลงมายืนตัวตรงแน่วอยู่หน้าลานแล้ว หล่อนยังคงเจรจากับกลุ่มคนด้วยท่าทางเคร่งเครียด ขณะที่แอนนายืนตัวสั่นงันงกอยู่ที่เดิม แม่ของหนุ่มฝาแฝดร่ำไห้สะอึกสะอื้น ศีรษะเล็กๆ ส่ายไปมาพลางตะเบ็งเสียงร้องตะโกน เสียงร้องแหลมเล็กของหล่อนดังทะลุเข้ามาถึงในห้องนี้
และคล้ายกับว่าจีนจะเจรจาได้ผลอยู่บ้าง ซึ่งน่าจะมีคนเห็นด้วย เพราะผู้ชายหลายคนขยับตัวก้าวออกมายืนเคียงข้างสาวผมดำ
“เรามีโอกาสรอดแล้ว มีคนเห็นด้วยกับจีน คนตัดผมสั้น ไถด้านข้างชื่อโคล คนแก่หน่อยถัดมาคือแฮงก์ ผู้ชายไว้เคราแพะชื่อแอนดี้ คนที่เพิ่งก้าวออกมาคือจอห์นกับฮิลล์ พวกเขาแสดงตัวว่าอยู่ข้างจีน หล่อนอาจยับยั้งเรื่องร้ายๆ คืนนี้ไว้ได้ชั่วคราว อย่างน้อยก็พอมีเวลาให้เราหนี” มาร์ธากระซิบ
“คุณยังไม่ได้ตอบที่ฉันถาม” เอมิลี่ใจจดจ่ออยู่กับคำถามเดิม
“เอาล่ะๆ ฉันจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าแต่เธอจำอะไรได้บ้างหรือยัง ฉันหวังว่าความจำของเธอจะกลับมาทันเวลานะเอมี่”
มาร์ธาบ่นแล้วถอนหายใจใหญ่
“เธอน่าจะจำอะไรได้มากขึ้นแล้วนี่นา”
“ไม่รู้...ฉันยังนึกอะไรไม่ออกมากไปกว่าที่เป็นอยู่”
เอมิลี่ยืนยัน มาร์ธานิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ ถ้าจะพากันหนีไปให้ราบรื่น หญิงผู้มีความทรงจำขาดวิ่นก็ต้องจำทุกอย่างให้ได้เสียก่อน แต่ในที่สุดคนสูงวัยกว่าก็โพล่งออกมา
“พอลไม่ใช่มนุษย์” เฮือก! เอมิลี่สะดุ้งไหวเยือกไปทั้งตัว เธอปากอ้าตาค้าง
“คุณว่าไงนะ” แล้วย้อนถามเสียงหลง พระเจ้า! ยังมีเรื่องช็อคโลกอะไรเหลืออยู่ให้ตกใจอีกไหมนี่
“ตั้งใจฟังให้ดี เรื่องมันน่าตกใจอยู่หรอก แต่อย่าสติแตกไปเสียก่อน”
มาร์ธาปรามเมื่อเห็นเอมิลี่เริ่มตัวสั่นอีกครั้ง หล่อนโอบไหล่หญิงสาวไว้ เล่าพลางจับจ้องเหตุการณ์ข้างนอกไม่ละสายตา ตอนนี้ดูเหมือนจีนกำลังปะทะคารมอยู่กับชายสูงวัยร่างอ้วน ผมหงอกขาวหรอมแหรม ไว้หนวดเคราเฟิ้มคนหนึ่ง เจสัน เจ้าอ้วนงี่เง่านี่อยากเป็นผู้นำแทนจีนมานาน
พวกชาวบ้านที่สนับสนุนฝ่ายเจสันเริ่มขยับมารวมกลุ่มกัน โรเบิร์ตเดินไปอยู่ข้างแม็คที่รถสายตรวจ สองคนนี้นกรู้เสมอ พวกเขากำลังรอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายได้เปรียบที่สุด แล้วจึงจะตัดสินใจไปทำงานให้กับฝ่ายนั้น...พวกบูชาเงินเป็นพระเจ้า ตอนนี้คงกำลังประเมินสถานการณ์อยู่แบบเดียวกับตน
“พอลเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ฉันกับเขาและโรเบิร์ต...เราสามคนทำงานวิจัยให้กับพวกของจีน ใช่ พวกหล่อนไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ไม่มีวิวัฒนาการและใกล้จะสูญพันธุ์ พอลเป็นคนหนุ่มที่เก่ง ฉลาด สติปัญญาดี...ดีกว่าฉันกับโรเบิร์ตมาก เรารู้ว่าจีนกับชาวบ้านคือใคร หล่อนต้องการให้เราสามคนค้นคว้าหาวัคซีนที่สร้างภูมิคุ้มกันหลายอย่างให้ หนึ่งในนั้นก็คือให้พวกหล่อนสามารถทนทานต่อแสงแดดได้”
“พวกคุณเป็นนักวิทยาศาสตร์?”
เอมิลี่มองตามสายตามาร์ธาแล้วหันมาถาม พอจะเดาได้ไม่ยาก เธอรู้แล้วว่าทำไมพอลถึงสนใจแต่พวกหนังสืองานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และทำไมเขาเลือกทำงานเกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งที่เขาต้องออกเดินทางอยู่ตลอดนั่นด้วย สงสัยว่าเขาจะดื่มเลือดเป็นอาหารด้วยหรือเปล่าเท่านั้น
จริงดังคาด มาร์ธาเหลือบมองสบตา หล่อนพยักหน้าเคร่งขรึม มองกลับไปทางนอกหน้าต่างอีกแล้วเล่ารัวเร็ว
“พอลทำสำเร็จ เขาค้นพบวัคซีนที่ช่วยให้สิ่งมีชีวิตประหลาดแบบพวกจีนทนต่อแสงแดดได้ และเขายังทุ่มเททดลองไม่ให้พวกนั้นกินเลือดเป็นอาหารอีกด้วย แต่น่าเสียดาย...” มาร์ธาสะดุดคำพูดตัวเองอีกครั้ง
“น่าเสียดายเรื่องอะไร” คนใจร้อนเร่งให้เล่าต่อ
“เพราะอยากช่วยพวกเขาให้ใช้ชีวิตได้เหมือนมนุษย์มากที่สุด พอลถึงกับใช้ตัวเองทดลองทุกขั้นตอน เขาให้จีนแพร่เชื้อเข้าสู่ร่างกายด้วยการกัด เมื่อเชื้อจากคมเขี้ยวของเธอติดต่อสู่เขา พอลก็กลายเป็นพวกนั้น”
“ผมเป็นมนุษย์แค่ครึ่งเดียว...”
ขณะกำลังเบิ่งตาจ้องพลางฟังเสียงกระซิบกระซาบจากมาร์ธา ฉับพลันภาพหนึ่งก็ฉายแวบเข้ามาในสมอง พร้อมๆ กับอาการเสียวแปล๊บขึ้นในศีรษะ สายตาที่กำลังจ้องภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน แต่ภาพและเสียงของผู้ชายคนหนึ่งกลับชัดเจนอยู่ในสมองแทน...พอล
เอมิลี่หลับตาปี๋ สองมือยกขึ้นกุมขมับร้องครางออกมา มาร์ธาอุทาน แต่แล้วก็ถามอย่างยินดี
“เริ่มมีสัญญาณแล้วซี ฉันรู้ๆ...ไม่นานเธอจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้”
(มีต่อ)