6.
เอมิลี่ฝันเห็นเลือด!
มันไหลนองและเปียกชุ่มไปทั้งตัวเธอที่นั่งคุกเข่าอยู่ในกองเลือดนั้น ชุดนอนของเธอชุ่มไปด้วยเลือด มันไหลแผ่ออกไปบนพื้นไม้เรื่อย ๆ
หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนนั้นเอง ก่อนพบว่าตัวเองได้ตื่นขึ้นมาแล้วในห้องนอน ชั่วขณะหนึ่งเธอนอนนิ่ง ปล่อยให้หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก
...โอ มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้นเอมิลี่...
พ่นลมหายใจออกทางปากยาวเหยียดอย่างโล่งอก...แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ในห้องนอนเหรอ...มันคือห้องนอนที่บ้านของเธอใช่ไหม หรือเป็นห้องนอนที่ไหนกันแน่ หญิงสาวจ้องมองเพดานสีเขียวอ่อนแปลกตา กะพริบตาสองสามครั้งให้แน่ใจ รู้สึกตกใจที่สมองว่างเปล่าราวกับว่ามันกลวงโบ๋ พอเค้นความจำว่าที่นี่คือที่ไหนกลับนึกอะไรไม่ออก
เดี๋ยวนะลองนึกดูอีกที ฉัน...เอมิลี่ ไรน์ ทำงานอยู่ที่บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พ่อกับแม่ฉันตายหมดแล้ว ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง ฉันแต่งงานกับพอลและหย่าแล้ว ฉันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อลิซ่า
ลองลำดับไล่ความคิดไปเรื่อย ๆ พักหนึ่ง แล้วในที่สุดเธอก็เริ่มนึกออก อ้อ...พอนึกออกบ้างล่ะ พอลป่วย จีนภรรยาของเขาขอให้เธอกับลิซ่ามาเยี่ยมที่อัลบัลคาล เอ...แล้วยังไงต่อนะ...โอย ตายแล้ว ทำไมในสมองมันถึงได้มืดตื๋อทึบตันไปหมดแบบนี้ คิดสิคิด เอมิลี่ คิดเร็วเข้า!
บอกตัวเองแล้วกระเด้งลุกขึ้นนั่ง จ้องผ้าปูสีขาวสะอาดบนเตียงสี่เสาแบบโบราณอย่างฉงน เห็นผ้านวมสีหวานลายดอกไม้เครือเถางดงาม คลุมท่อนล่างตัวเองอยู่ ก้มลงมองชุดนอนสีหวานพอกันที่สวมอยู่ด้วยความงุนงง...นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแน่นอน เพราะไม่คุ้นเคยกับอะไรในนี้สักอย่าง เธอไม่ซื้อเครื่องนอนอ่อนหวานราวเจ้าหญิงในเทพนิยายแบบนี้มาใช้แน่ ๆ มันไม่ใช่รสนิยมของเธอ
เหลียวมองโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ย ๆ ตัวหนึ่ง กับตู้เสื้อผ้ารูปทรงกระด้างอีกหลัง ผนังห้องไม้สีโอ๊คแขวนภาพวาดสไตล์วิกตอเรียเอาไว้ภาพเดียวโดด ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งประหลาด เหมือนจับเอาเจ้าหญิงราพันเชลให้มานั่งควบม้าดวลปืนอยู่ในหมู่บ้านคาวบอย จากนั้นทั้งห้องก็โล่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นอีก
แลเลยไปที่หน้าต่างบานกระจกแบบเลื่อนขึ้นบน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันกับเตียง แสงตะวันอบอุ่นส่องทะลุเข้ามาในห้อง ทิศทางของแสงบอกให้รู้ว่าเป็นยามสายของวัน เธอเห็นต้นสนขึ้นเบียดเสียดหนาแน่นอยู่บนเนินลาดเอียง สูง ๆ ต่ำ ๆ ยาวไกลจนสุดสายตา พวกมันถูกหิมะปกคลุมจนดูขาวโพลน เนินหิมะแทบจะอยู่ชิดกับบานหน้าต่างเลยทีเดียว
พระเจ้า...เรากำลังอยู่ในบ้านกลางป่าสนอย่างนั้นเหรอ เป็นบ้านพักตากอากาศของใครหรือเปล่า ฉันไม่มีบ้านแบบนี้นี่นา...ลิซ่าล่ะ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของตัวเอง แล้วตอนนี้ลิซ่าอยู่ที่ไหน หญิงสาวนึกเป็นห่วงถึงลูกขึ้นมาทันที
ผลุนผลันลงจากเตียงในทันใด แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกอยู่กับที่ เมื่อรู้สึกว่าทั้งห้องหมุนคว้าง เซไปยึดเสาปลายเตียงไว้มั่น หลับตาลงแล้วพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จนอาการวิงเวียนค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว จึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองใหม่ พลันก็รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ อาการทึบตันในหัวยังหน่วงหนัก เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลำก็พบเข้ากับก้อนบวมขนาดลูกมะนาวบนหน้าผากตัวเอง พร้อมกับความปวดร้าวที่แล่นซ่านไปตามเนื้อตัวแขนขา
(มีต่อ)
ลวง...อำมหิต ตอนที่ 6
เอมิลี่ฝันเห็นเลือด!
มันไหลนองและเปียกชุ่มไปทั้งตัวเธอที่นั่งคุกเข่าอยู่ในกองเลือดนั้น ชุดนอนของเธอชุ่มไปด้วยเลือด มันไหลแผ่ออกไปบนพื้นไม้เรื่อย ๆ
หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนนั้นเอง ก่อนพบว่าตัวเองได้ตื่นขึ้นมาแล้วในห้องนอน ชั่วขณะหนึ่งเธอนอนนิ่ง ปล่อยให้หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก
...โอ มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้นเอมิลี่...
พ่นลมหายใจออกทางปากยาวเหยียดอย่างโล่งอก...แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ในห้องนอนเหรอ...มันคือห้องนอนที่บ้านของเธอใช่ไหม หรือเป็นห้องนอนที่ไหนกันแน่ หญิงสาวจ้องมองเพดานสีเขียวอ่อนแปลกตา กะพริบตาสองสามครั้งให้แน่ใจ รู้สึกตกใจที่สมองว่างเปล่าราวกับว่ามันกลวงโบ๋ พอเค้นความจำว่าที่นี่คือที่ไหนกลับนึกอะไรไม่ออก
เดี๋ยวนะลองนึกดูอีกที ฉัน...เอมิลี่ ไรน์ ทำงานอยู่ที่บริษัทขายเครื่องใช้ไฟฟ้า พ่อกับแม่ฉันตายหมดแล้ว ฉันเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง ฉันแต่งงานกับพอลและหย่าแล้ว ฉันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อลิซ่า
ลองลำดับไล่ความคิดไปเรื่อย ๆ พักหนึ่ง แล้วในที่สุดเธอก็เริ่มนึกออก อ้อ...พอนึกออกบ้างล่ะ พอลป่วย จีนภรรยาของเขาขอให้เธอกับลิซ่ามาเยี่ยมที่อัลบัลคาล เอ...แล้วยังไงต่อนะ...โอย ตายแล้ว ทำไมในสมองมันถึงได้มืดตื๋อทึบตันไปหมดแบบนี้ คิดสิคิด เอมิลี่ คิดเร็วเข้า!
บอกตัวเองแล้วกระเด้งลุกขึ้นนั่ง จ้องผ้าปูสีขาวสะอาดบนเตียงสี่เสาแบบโบราณอย่างฉงน เห็นผ้านวมสีหวานลายดอกไม้เครือเถางดงาม คลุมท่อนล่างตัวเองอยู่ ก้มลงมองชุดนอนสีหวานพอกันที่สวมอยู่ด้วยความงุนงง...นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแน่นอน เพราะไม่คุ้นเคยกับอะไรในนี้สักอย่าง เธอไม่ซื้อเครื่องนอนอ่อนหวานราวเจ้าหญิงในเทพนิยายแบบนี้มาใช้แน่ ๆ มันไม่ใช่รสนิยมของเธอ
เหลียวมองโต๊ะเครื่องแป้งเตี้ย ๆ ตัวหนึ่ง กับตู้เสื้อผ้ารูปทรงกระด้างอีกหลัง ผนังห้องไม้สีโอ๊คแขวนภาพวาดสไตล์วิกตอเรียเอาไว้ภาพเดียวโดด ๆ ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งประหลาด เหมือนจับเอาเจ้าหญิงราพันเชลให้มานั่งควบม้าดวลปืนอยู่ในหมู่บ้านคาวบอย จากนั้นทั้งห้องก็โล่ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นอีก
แลเลยไปที่หน้าต่างบานกระจกแบบเลื่อนขึ้นบน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันกับเตียง แสงตะวันอบอุ่นส่องทะลุเข้ามาในห้อง ทิศทางของแสงบอกให้รู้ว่าเป็นยามสายของวัน เธอเห็นต้นสนขึ้นเบียดเสียดหนาแน่นอยู่บนเนินลาดเอียง สูง ๆ ต่ำ ๆ ยาวไกลจนสุดสายตา พวกมันถูกหิมะปกคลุมจนดูขาวโพลน เนินหิมะแทบจะอยู่ชิดกับบานหน้าต่างเลยทีเดียว
พระเจ้า...เรากำลังอยู่ในบ้านกลางป่าสนอย่างนั้นเหรอ เป็นบ้านพักตากอากาศของใครหรือเปล่า ฉันไม่มีบ้านแบบนี้นี่นา...ลิซ่าล่ะ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ที่บ้านของตัวเอง แล้วตอนนี้ลิซ่าอยู่ที่ไหน หญิงสาวนึกเป็นห่วงถึงลูกขึ้นมาทันที
ผลุนผลันลงจากเตียงในทันใด แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกอยู่กับที่ เมื่อรู้สึกว่าทั้งห้องหมุนคว้าง เซไปยึดเสาปลายเตียงไว้มั่น หลับตาลงแล้วพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จนอาการวิงเวียนค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว จึงเปิดเปลือกตาขึ้นมองใหม่ พลันก็รู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ อาการทึบตันในหัวยังหน่วงหนัก เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลำก็พบเข้ากับก้อนบวมขนาดลูกมะนาวบนหน้าผากตัวเอง พร้อมกับความปวดร้าวที่แล่นซ่านไปตามเนื้อตัวแขนขา
(มีต่อ)