เป็นเวลานานแล้วที่เนรูซาเย็นต้องประสบพบเจอกับไฟแห่งสงครามและการฆ่าล้างบางสีเลือด ประชาชนเอลฟ์บางส่วนถูกกวาดต้อนให้ไปอยู่ในค่ายกักกันเพื่อใช้ประโยชน์ในหลายๆกรณีกับจักรวรรดิเทเทรัส ส่วนชาวทวีปมิดการ์ดไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ล้วนรับอิสรภาพตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิเดรัสรุ่นที่ 2 ตัดสินใจสละตำแหน่งแก่เหล่าลูกๆ
พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองมานานแล้วและถึงเวลาที่พระองค์จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแบบที่ตนเองต้องการ แผ่นหลังลาจากเหล่าขุนนางขั้นต่างๆนับไม่ถ้วนจนนั่นก็เป็นเพียงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ชาวเทเทรัสได้พบกับพระองค์
ผลกระทบของสงครามยังตามมาหลายส่วนตั้งแต่โรคระบาด ปัญหาคนยากจนกับคนไร้บ้าน ลามไปถึงความเหลื่อมล้ำซึ่งเพิ่มพูนจนเหลือเพียงแค่สองฐานะระหว่าง คนรวย กับ คนยากจน องค์หญิงคริสเตียน่ารุ่นที่ 27 ผู้นำพาอิสรภาพถูกยกย่องให้กลายเป็นวีรสตรีแห่งทวีปมิดการ์ด แม้เธอจะสิ้นพระชนม์ก็ไม่มีใครจะหยุดตำนานของเธอให้หายตายจากไปได้ เธอเป็นเอลฟ์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน
ยุคสมัยแห่งการฟื้นฟูถือกำเนิดพร้อมกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เรื่องเล่าของเอลฟ์ปริศนา กลุ่มดาร์กเอลฟ์ที่ช่วยเหลือไทแรนต์ และเอลฟ์หนุ่มลึกลับที่ขโมยหอกลองกีนุสมาขายในตลาดมืดด้วยราคาที่ต่ำเตี้ย กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนออกค้นหาโลกภายนอกที่ไม่ได้มีเพียงแค่เนรูซาเย็น ดินแดนอันยักษ์ใหญ่มากไปด้วยอารยธรรมนับล้านจนแม้แต่เม็ดทรายก็เทียบไม่ติด
ในคณะที่เผ่าพันธุ์อื่นๆกำลังเดินหน้าเพื่อเร่งพัฒนาแบบก้าวกระโดด เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นฝ่ายกลางมานานนับพันปีก็ยังคงมีวิทยาการซึ่งตามใครคนอื่นไม่ทันแม้แต่ก้าว ประเทศของพวกเขาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักรเฮโมโดรตุส พื้นที่ที่หนาวเหน็บสุดขั้วลึกของกระดูกจนไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะมิเช่นนั้นจะมีชะตากรรมเดียวกับจักรวรรดิเทเทรัสที่ถูกจำนวนทหารนับล้านเล่นงานไม่พอยังต้องพบกับฤดูหนาวอันแสนโหดร้ายซึ่งยังมีฝนตกเข้ามาซ้ำเติมอีก
เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองตนเองเป็นกลุ่มๆและซื้อขายกับพวกพ่อค้าเผ่าพันธุ์ต่างๆผ่านทางเรือมาตั้งแต่ที่โลกใบนี้ถูกสร้างขึ้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีตและเป็นผู้ปกครองดินแดนเนรูซาเย็นได้เป็นเผ่าพันธุ์แรกของโลก ทว่าปัญหาภายในมากมายเรื่องการเหยียดหยามกันเองและการแบ่งชนชั้นที่สุดโต่งยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ไหนๆก็ทำให้พื้นที่ที่เคยตกเป็นของเผ่าพันธุ์นี้ กลายเป็นดินแดนของสหราชอาณาจักรเฮโมโดรตุสไปในที่สุด
คำสาปยังคงตามหลอกหลอนให้มนุษย์ไม่สามารถใช้พลังเวทย์อะไรได้นอกเสียจากพลังจิต วัฒนธรรมของพวกเขาคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของชาวรัสเซียโบราณผสมกับชาวไวกิ้ง หมวกยูชังก้าเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์นี้โดยเฉพาะและมักใส่ในยามออกมาข้างนอกเสมอ ของที่นำส่งออกก็มักเป็นพวกอวัยวะของอสุรกายทางทะเลที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำหนึ่งก้อน เรือในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะการค้าหรือการรบโดยประดับแผ่นเหล็กเข้าไปให้ดูน่าเกรงขาม กับแร่ธาตุจำนวนกว่าหลายล้านล้านตันที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ
ผู้ใหญ่บ้านบางกลุ่มที่พอจะติดต่อหรืออ่านข่าวสารของโลกภายนอกบ้างก็ตัดสินใจส่งพวกเด็กๆที่มีความสามารถไปเรียนรู้ในต่างประเทศ เด็กพวกนั้นถูกเรียกด้วยชื่อของ ‘ผู้นำพาความรู้’ ตั้งแต่ก้าวแรกของดินแดนภายนอกก็มีความคิดแล่นผ่านมาในหัวทันทีว่า “บ้านเมืองของพวกเราช่างต่ำต้อยและเทียบไม่ได้เลยเสียจริงๆ”
อากาศเย็นบริสุทธิ์พัดผ่านให้ธงบนยอดของสถาปัตยกรรมสูงยักษ์ที่เรียกว่าปราสาทโบกสะบัด หญิงสาวกับชายหนุ่มดูร่าเริงแจ่มใสโดยไม่ต้องเดือดร้อนหรือต้องตามล่าหาทรัพยากรมาประทังชีวิตเหมือนมนุษย์ อาหารสำเร็จรูปถูกจัดเตรียมไว้ในหลายๆพื้นที่จนเห็นแล้วก็ต้องอิจฉา พวกเขาที่นี่ไม่ได้ยากลำบากแบบพวกเรา ทั้งยังยิ้มร่าเริงได้ตลอดเวลาไม่เหมือนกับมนุษย์ที่สีหน้าอมทุกข์ ถนนเส้นตรงถูกเชื่อมต่อเป็นทางยาวด้วยวัตถุดิบในการสร้างอย่างอิฐสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วน การเรียนการสอนก็แสนจะเพลิดเพลินแถมมีอาจารย์ยอดฝีมือประจำแต่ละวิชานั้นๆทำให้ยิ่งเรียนง่ายแถมยังสนุก
ท้ายที่สุด มนุษย์บางกลุ่มซึ่งถูกส่งไปเรียนก็เข้ารับการเปลี่ยนเป็นคนสัญชาติเดียวกับอาณาจักรที่ตนเองมาเยือนไม่ว่าจะอาณาจักรของเอลฟ์หรือคนแคระ พวกเขาตัดสินใจทำงานอยู่ที่นั่นจนสร้างชื่อเสียงมากมายและผลงานล่าสุดก็คือเรือซึ่งไม่ต้องใช้แรงคนในการพายแม้แต่น้อย เรือซึ่งสามารถทะยานบนมหาสมุทรได้ด้วยใบกางขนาดยักษ์และเป็นวิทยาการเดียวกับเหล่ากลุ่มเอลฟ์ต่างชาติที่เคยมาเหยียบที่นี่
พวกมันต่างแล่นทะยานดั่งพวกนกที่สยายปีกบนฟากฟ้าเวหา น่าเกรงขามราวมังกรแห่งโลกาวินาศที่ประดับด้วยปืนใหญ่เต็มบริเวณข้างทาง ทุกคนที่ออกเดินทางล้วนแต่เป็นผู้ที่เตรียมใจมาเป็นอย่างดีหากเส้นทางข้างหน้าคือฝันร้ายโดยจ้าวสมุทร เพียงแค่ผ่านด่านแรกก็ต้องพบกับมรสุมทางทะเลอันไร้จุดจบที่แม้จะไม่ได้โหมแรงมากทว่าก็น่ากลัวใช่ย่อย
เรือบางลำถูกอสุรกายทะเลที่ไม่มีใครเคยพบเข้าโจมตี กายของมันดั่งอสรพิษมีเกล็ดหนาดั่งเกราะที่ปลายฟันเขี้ยวแหลมโค้งจนแทบม้วนอยู่แล้วเรียงกันเหมือนพิมพ์เปียโน อนึ่งจะขับร้องบทเพลงแห่งความาตายแก่เหล่านักเดินเรือก็ไม่ปาน แม่มดขาวกับแม่มดมืดต่างร่ายเวทย์ไล่สังหารสัตว์ประหลาดนี่ด้วยใจที่สั่นเทา นรกสามวันเต็มนี่ช่างยาวนานเหมือนผ่านไปเป็นปีๆ ความเสียหายไม่มากนักแถมทุกคนยังหัวเราะราวกับว่ามันคือเรื่องสนุก สายตาก็หันไปยังหมู่เกาะมากมายที่รายเรียงกันราวรอต้อนรับพวกเขามาตั้งแต่แรก
แต่สิ่งที่ใหญ่กว่าเกาะก็คือแผ่นดินมโหฬารที่อุดมไปด้วยธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน เหล่าสรรพสัตว์นานาชนิดที่ไม่เคยมีใครรู้จักหรือพบเห็นต่างเดินออกมาดูคนแปลกหน้าที่ดูแล้วดูกี่ทีก็ไม่คุ้นหน้า ต้นไม้สูงใหญ่จนทะลุไปถึงสรวงสวรรค์และเดินลึกเข้าไปอีกก็พบกับสัตว์ในตำนานมากมายที่ทุกคนเคยคิดว่าไม่มีอยู่จริงดั่งกับเป็นดินแดนแห่งความฝันด้วยภาพมายาเสมือนจริง แต่นี่คือของแท้
“ที่นี่ช่างงดงามยิ่งนัก ธรรมชาติก็อุดมสมบูรณ์แถมเหล่าสรรพสัตว์นานาชนิดรวมไปถึงพวกสัตว์เทพนิยายก็ยังร่าเริงดูมีชีวิตชีวาเสียอีก” นักผจญภัยท่านหนึ่ง โคลอมบัส มาร์โค โปโล อุทานราวกับเตือนสติให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่กล่าว หากชาวเนรูซาเย็นได้เกิดที่นี่ก็คงไม่มีสงครามหรือความขัดแย้งใดๆเป็นแน่ เมื่อเดินมาได้สักพักก็พบกับเหล่าทหารเอลฟ์ชาวเนราสที่ปรากฏตัวเพราะคิดว่าคนพวกนี้คือผู้รุกราน พวกเขาแม้จะไม่เคยเจอหน้ากันก็รู้ได้ว่าเป็นใครจากสายเลือดของชาวเนรูซาเย็นที่ยังคงแกร่งกล้า
เหล่านักสำรวจต่างถูกนำทางพาเข้าไปยังเมืองแสนศิวิไลซ์ไปด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่ได้เห็นอาวุธซึ่งเหล่าเอลฟ์ชาวเนราสใช้กันแล้ว มันเป็นปืนใหญ่ขนาดพกพายาวที่ยิงกระสุนออกไปได้ทีละนัด สถาปัตยกรรมขนาดมหึมาลอยฟ้าและอาณาจักรที่สูงทะยานเหนือเมฆไปก็คือพื้นที่ที่ถูกเรียกว่า อวกาศ มากไปด้วยดวงดาราทรงกลมจนแม้แต่นักผจญภัยชาวเนรูซาเย็นยังต้องอับอายแก่วิทยาการล่าสุดที่ตนเองกำลังมีตอนนี้
โลกมีลักษณะเป็นทรงกลมอย่างที่นักวิทยาศาสตร์สมัยโบราณกาลเคยตั้งทฤษฎีเอาไว้ การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความรู้แต่ยังได้ค้นพบกับความจริงของโลกและจักรวาลมากมายแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิด ความรู้คือสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเม็ดทองหรือเพชรมรกตราคาร้อยล้าน และก็ไม่มีอะไรที่ล้ำค่าเทียบเท่ากับความรู้ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อัศนีคำรามดั่งสวรรค์เกิดความโกลาหล เสียงครางของหญิงสาวร่างเล็กกำลังถูกกระทำย่ำยีอย่างหนักจากชายสวมชุดผ้าคลุมขนสัตว์ ภายในกระท่อมที่แสนจะสงบสุขแถมห่างไกลออกจากหมู่บ้านจนง่ายที่จะแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ เอลฟ์ชายไม่ค่อยมีความปราณีกับมนุษย์ผู้หญิงคนนี้มากเท่าที่ควรเพราะอาจเป็นเพราะฝั่งเป็นมนุษย์เลยจัดหนักได้ขนาดนี้
“อ่าาา ค..ค..คุณ คุณเอเรนดอร์ ..ช…ช่วยหยุดสักเดี๋ยวจะได้ไหมคะ!? ฉัน..ฉันเจ็บ!!!” หญิงสาวเผ่ามนุษย์ร้องขอความเมตตา แม้นี่จะไม่ใช่การข่มขืนแต่มันก็ทรมานกว่าที่เธอคาดไว้หลายเท่า
“ไม่ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะจัดหนักกับเธอสี่ชั่วโมงหรืออาจจะถึงเช้านู่นเลย ให้เธอเตรียมตัวกินกับเตรียมทุกอย่างอะไรก็ได้ซะเพราะไม่งั้นฉันจะไม่หยุด และถ้าเธอตายฉันจะไม่รับผิดชอบ รู้เรื่องรึยัง??? คาเรน่า ครีเกอร์ ดราเคนเนียร์ และนี่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจำหรือเห็นหน้าเธอแล้วด้วย” เอลฟ์หนุ่มชื่อเอเรนดอร์ตอบกลับ เขาเป็นเอลฟ์ที่ดูสง่าดั่งไฮเอลฟ์ของเผ่าพันธุ์กับเส้นผมสีทองยาวสลวยดูไปก็เด่นตาแม้ยามกลางคืน
“!!” คาเรน่าแทบชะงัก ไม่รู้หรอกว่ากลายมาเป็นมนุษย์กับส่วนสูงที่ลดแบบนี้ได้ยังไง น้ำตาที่ก็ร้องมาตั้งแต่นัดแรกๆคราวนี้ยิ่งร่ำไห้หนักกว่าเดิมคล้ายเด็กไม่รู้จักโต เอาแต่บอกว่ามันเจ็บเหมือนโดนมีดเป็นร้อยๆใบแทงเลย
เสียงฟ้าแลบแทบผ่ามาถึงภาคพื้นพสุธากับจันทราสีเลือดครึ่งเสี้ยวที่เริ่มตกลงไปบนสุดขอบของแผ่นดินกลางน้ำฝนดั่งมฤตยู ณ เวลานี้ได้เริ่มตายหายลาจาก น้ำนมของผู้เป็นแม่หลั่งออกจากรังแห่งความรัก หญิงสาวตัวน้อยอยู่ในสภาพที่แสนจะสะบัดสะบอมจนความงามแทบแปรเปลี่ยนเป็นความเน่าเฟะ ตัวสั่นระริกอยู่บนพื้นไม้แข็งๆคล้ายกับคนที่มีอาการชักกระตุกแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสติของคาเรน่าจะจางหาย
เอลฟ์ผมยาวสีทองหยิบฝิ่นมาสูบอย่างสบายใจ นั่งอยู่ไม่ห่างจากคาเรน่านักและตอนนี้คาเรน่าก็น่าจะเริ่มมีสติกลับมาได้บ้างแล้ว สิ่งแรกที่เธอพูดกับเขาก็คือ
“สิ่งๆนั้นใช่สิ่งที่ซื้อมาจากพวกชาวต่างชาติหรือเปล่าคะ?...”
“ใช่ เห็นเขาบอกว่ามันคือฝิ่น ไอ้ยาตัวนี้
โครตดีกว่าตอนเมาเหล้าหรือสูบบุหรี่ซะอีก เธอจะลองไหม?”
“ฮ่าๆๆ ฉันยังเด็ก..นะคะ ถ้าจะให้พูดว่าหลังจากคุณเปลี่ยนฉันเป็นมนุษย์…ฉันก็มีอายุประ..มาณ สัก 17 ได้น่ะค่ะ”
“อ่อ โอเคๆ โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปไวมากเลยแค่บอก จนตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้การล่าอาณานิคมอะไรนั่นมันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆถ้าไม่มีอะไรฉันก็ไม่ไป”
THE END CHAPTER 2
Herondu World Chapter 2 การสำรวจ (WorldBuilding Story)
พระองค์ทรงปกครองบ้านเมืองมานานแล้วและถึงเวลาที่พระองค์จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแบบที่ตนเองต้องการ แผ่นหลังลาจากเหล่าขุนนางขั้นต่างๆนับไม่ถ้วนจนนั่นก็เป็นเพียงเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ชาวเทเทรัสได้พบกับพระองค์
ผลกระทบของสงครามยังตามมาหลายส่วนตั้งแต่โรคระบาด ปัญหาคนยากจนกับคนไร้บ้าน ลามไปถึงความเหลื่อมล้ำซึ่งเพิ่มพูนจนเหลือเพียงแค่สองฐานะระหว่าง คนรวย กับ คนยากจน องค์หญิงคริสเตียน่ารุ่นที่ 27 ผู้นำพาอิสรภาพถูกยกย่องให้กลายเป็นวีรสตรีแห่งทวีปมิดการ์ด แม้เธอจะสิ้นพระชนม์ก็ไม่มีใครจะหยุดตำนานของเธอให้หายตายจากไปได้ เธอเป็นเอลฟ์ที่สมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน
ยุคสมัยแห่งการฟื้นฟูถือกำเนิดพร้อมกับการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เรื่องเล่าของเอลฟ์ปริศนา กลุ่มดาร์กเอลฟ์ที่ช่วยเหลือไทแรนต์ และเอลฟ์หนุ่มลึกลับที่ขโมยหอกลองกีนุสมาขายในตลาดมืดด้วยราคาที่ต่ำเตี้ย กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนออกค้นหาโลกภายนอกที่ไม่ได้มีเพียงแค่เนรูซาเย็น ดินแดนอันยักษ์ใหญ่มากไปด้วยอารยธรรมนับล้านจนแม้แต่เม็ดทรายก็เทียบไม่ติด
ในคณะที่เผ่าพันธุ์อื่นๆกำลังเดินหน้าเพื่อเร่งพัฒนาแบบก้าวกระโดด เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เป็นฝ่ายกลางมานานนับพันปีก็ยังคงมีวิทยาการซึ่งตามใครคนอื่นไม่ทันแม้แต่ก้าว ประเทศของพวกเขาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักรเฮโมโดรตุส พื้นที่ที่หนาวเหน็บสุดขั้วลึกของกระดูกจนไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะมิเช่นนั้นจะมีชะตากรรมเดียวกับจักรวรรดิเทเทรัสที่ถูกจำนวนทหารนับล้านเล่นงานไม่พอยังต้องพบกับฤดูหนาวอันแสนโหดร้ายซึ่งยังมีฝนตกเข้ามาซ้ำเติมอีก
เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองตนเองเป็นกลุ่มๆและซื้อขายกับพวกพ่อค้าเผ่าพันธุ์ต่างๆผ่านทางเรือมาตั้งแต่ที่โลกใบนี้ถูกสร้างขึ้น ครั้งหนึ่งเคยเป็นเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีตและเป็นผู้ปกครองดินแดนเนรูซาเย็นได้เป็นเผ่าพันธุ์แรกของโลก ทว่าปัญหาภายในมากมายเรื่องการเหยียดหยามกันเองและการแบ่งชนชั้นที่สุดโต่งยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ไหนๆก็ทำให้พื้นที่ที่เคยตกเป็นของเผ่าพันธุ์นี้ กลายเป็นดินแดนของสหราชอาณาจักรเฮโมโดรตุสไปในที่สุด
คำสาปยังคงตามหลอกหลอนให้มนุษย์ไม่สามารถใช้พลังเวทย์อะไรได้นอกเสียจากพลังจิต วัฒนธรรมของพวกเขาคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของชาวรัสเซียโบราณผสมกับชาวไวกิ้ง หมวกยูชังก้าเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธุ์นี้โดยเฉพาะและมักใส่ในยามออกมาข้างนอกเสมอ ของที่นำส่งออกก็มักเป็นพวกอวัยวะของอสุรกายทางทะเลที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำหนึ่งก้อน เรือในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะการค้าหรือการรบโดยประดับแผ่นเหล็กเข้าไปให้ดูน่าเกรงขาม กับแร่ธาตุจำนวนกว่าหลายล้านล้านตันที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ
ผู้ใหญ่บ้านบางกลุ่มที่พอจะติดต่อหรืออ่านข่าวสารของโลกภายนอกบ้างก็ตัดสินใจส่งพวกเด็กๆที่มีความสามารถไปเรียนรู้ในต่างประเทศ เด็กพวกนั้นถูกเรียกด้วยชื่อของ ‘ผู้นำพาความรู้’ ตั้งแต่ก้าวแรกของดินแดนภายนอกก็มีความคิดแล่นผ่านมาในหัวทันทีว่า “บ้านเมืองของพวกเราช่างต่ำต้อยและเทียบไม่ได้เลยเสียจริงๆ”
อากาศเย็นบริสุทธิ์พัดผ่านให้ธงบนยอดของสถาปัตยกรรมสูงยักษ์ที่เรียกว่าปราสาทโบกสะบัด หญิงสาวกับชายหนุ่มดูร่าเริงแจ่มใสโดยไม่ต้องเดือดร้อนหรือต้องตามล่าหาทรัพยากรมาประทังชีวิตเหมือนมนุษย์ อาหารสำเร็จรูปถูกจัดเตรียมไว้ในหลายๆพื้นที่จนเห็นแล้วก็ต้องอิจฉา พวกเขาที่นี่ไม่ได้ยากลำบากแบบพวกเรา ทั้งยังยิ้มร่าเริงได้ตลอดเวลาไม่เหมือนกับมนุษย์ที่สีหน้าอมทุกข์ ถนนเส้นตรงถูกเชื่อมต่อเป็นทางยาวด้วยวัตถุดิบในการสร้างอย่างอิฐสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วน การเรียนการสอนก็แสนจะเพลิดเพลินแถมมีอาจารย์ยอดฝีมือประจำแต่ละวิชานั้นๆทำให้ยิ่งเรียนง่ายแถมยังสนุก
ท้ายที่สุด มนุษย์บางกลุ่มซึ่งถูกส่งไปเรียนก็เข้ารับการเปลี่ยนเป็นคนสัญชาติเดียวกับอาณาจักรที่ตนเองมาเยือนไม่ว่าจะอาณาจักรของเอลฟ์หรือคนแคระ พวกเขาตัดสินใจทำงานอยู่ที่นั่นจนสร้างชื่อเสียงมากมายและผลงานล่าสุดก็คือเรือซึ่งไม่ต้องใช้แรงคนในการพายแม้แต่น้อย เรือซึ่งสามารถทะยานบนมหาสมุทรได้ด้วยใบกางขนาดยักษ์และเป็นวิทยาการเดียวกับเหล่ากลุ่มเอลฟ์ต่างชาติที่เคยมาเหยียบที่นี่
พวกมันต่างแล่นทะยานดั่งพวกนกที่สยายปีกบนฟากฟ้าเวหา น่าเกรงขามราวมังกรแห่งโลกาวินาศที่ประดับด้วยปืนใหญ่เต็มบริเวณข้างทาง ทุกคนที่ออกเดินทางล้วนแต่เป็นผู้ที่เตรียมใจมาเป็นอย่างดีหากเส้นทางข้างหน้าคือฝันร้ายโดยจ้าวสมุทร เพียงแค่ผ่านด่านแรกก็ต้องพบกับมรสุมทางทะเลอันไร้จุดจบที่แม้จะไม่ได้โหมแรงมากทว่าก็น่ากลัวใช่ย่อย
เรือบางลำถูกอสุรกายทะเลที่ไม่มีใครเคยพบเข้าโจมตี กายของมันดั่งอสรพิษมีเกล็ดหนาดั่งเกราะที่ปลายฟันเขี้ยวแหลมโค้งจนแทบม้วนอยู่แล้วเรียงกันเหมือนพิมพ์เปียโน อนึ่งจะขับร้องบทเพลงแห่งความาตายแก่เหล่านักเดินเรือก็ไม่ปาน แม่มดขาวกับแม่มดมืดต่างร่ายเวทย์ไล่สังหารสัตว์ประหลาดนี่ด้วยใจที่สั่นเทา นรกสามวันเต็มนี่ช่างยาวนานเหมือนผ่านไปเป็นปีๆ ความเสียหายไม่มากนักแถมทุกคนยังหัวเราะราวกับว่ามันคือเรื่องสนุก สายตาก็หันไปยังหมู่เกาะมากมายที่รายเรียงกันราวรอต้อนรับพวกเขามาตั้งแต่แรก
แต่สิ่งที่ใหญ่กว่าเกาะก็คือแผ่นดินมโหฬารที่อุดมไปด้วยธรรมชาติมากมายนับไม่ถ้วน เหล่าสรรพสัตว์นานาชนิดที่ไม่เคยมีใครรู้จักหรือพบเห็นต่างเดินออกมาดูคนแปลกหน้าที่ดูแล้วดูกี่ทีก็ไม่คุ้นหน้า ต้นไม้สูงใหญ่จนทะลุไปถึงสรวงสวรรค์และเดินลึกเข้าไปอีกก็พบกับสัตว์ในตำนานมากมายที่ทุกคนเคยคิดว่าไม่มีอยู่จริงดั่งกับเป็นดินแดนแห่งความฝันด้วยภาพมายาเสมือนจริง แต่นี่คือของแท้
“ที่นี่ช่างงดงามยิ่งนัก ธรรมชาติก็อุดมสมบูรณ์แถมเหล่าสรรพสัตว์นานาชนิดรวมไปถึงพวกสัตว์เทพนิยายก็ยังร่าเริงดูมีชีวิตชีวาเสียอีก” นักผจญภัยท่านหนึ่ง โคลอมบัส มาร์โค โปโล อุทานราวกับเตือนสติให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่กล่าว หากชาวเนรูซาเย็นได้เกิดที่นี่ก็คงไม่มีสงครามหรือความขัดแย้งใดๆเป็นแน่ เมื่อเดินมาได้สักพักก็พบกับเหล่าทหารเอลฟ์ชาวเนราสที่ปรากฏตัวเพราะคิดว่าคนพวกนี้คือผู้รุกราน พวกเขาแม้จะไม่เคยเจอหน้ากันก็รู้ได้ว่าเป็นใครจากสายเลือดของชาวเนรูซาเย็นที่ยังคงแกร่งกล้า
เหล่านักสำรวจต่างถูกนำทางพาเข้าไปยังเมืองแสนศิวิไลซ์ไปด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้น ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่ที่ได้เห็นอาวุธซึ่งเหล่าเอลฟ์ชาวเนราสใช้กันแล้ว มันเป็นปืนใหญ่ขนาดพกพายาวที่ยิงกระสุนออกไปได้ทีละนัด สถาปัตยกรรมขนาดมหึมาลอยฟ้าและอาณาจักรที่สูงทะยานเหนือเมฆไปก็คือพื้นที่ที่ถูกเรียกว่า อวกาศ มากไปด้วยดวงดาราทรงกลมจนแม้แต่นักผจญภัยชาวเนรูซาเย็นยังต้องอับอายแก่วิทยาการล่าสุดที่ตนเองกำลังมีตอนนี้
โลกมีลักษณะเป็นทรงกลมอย่างที่นักวิทยาศาสตร์สมัยโบราณกาลเคยตั้งทฤษฎีเอาไว้ การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความรู้แต่ยังได้ค้นพบกับความจริงของโลกและจักรวาลมากมายแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิด ความรู้คือสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเม็ดทองหรือเพชรมรกตราคาร้อยล้าน และก็ไม่มีอะไรที่ล้ำค่าเทียบเท่ากับความรู้ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อัศนีคำรามดั่งสวรรค์เกิดความโกลาหล เสียงครางของหญิงสาวร่างเล็กกำลังถูกกระทำย่ำยีอย่างหนักจากชายสวมชุดผ้าคลุมขนสัตว์ ภายในกระท่อมที่แสนจะสงบสุขแถมห่างไกลออกจากหมู่บ้านจนง่ายที่จะแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ เอลฟ์ชายไม่ค่อยมีความปราณีกับมนุษย์ผู้หญิงคนนี้มากเท่าที่ควรเพราะอาจเป็นเพราะฝั่งเป็นมนุษย์เลยจัดหนักได้ขนาดนี้
“อ่าาา ค..ค..คุณ คุณเอเรนดอร์ ..ช…ช่วยหยุดสักเดี๋ยวจะได้ไหมคะ!? ฉัน..ฉันเจ็บ!!!” หญิงสาวเผ่ามนุษย์ร้องขอความเมตตา แม้นี่จะไม่ใช่การข่มขืนแต่มันก็ทรมานกว่าที่เธอคาดไว้หลายเท่า
“ไม่ ฉันบอกไปแล้วว่าฉันจะจัดหนักกับเธอสี่ชั่วโมงหรืออาจจะถึงเช้านู่นเลย ให้เธอเตรียมตัวกินกับเตรียมทุกอย่างอะไรก็ได้ซะเพราะไม่งั้นฉันจะไม่หยุด และถ้าเธอตายฉันจะไม่รับผิดชอบ รู้เรื่องรึยัง??? คาเรน่า ครีเกอร์ ดราเคนเนียร์ และนี่ก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจำหรือเห็นหน้าเธอแล้วด้วย” เอลฟ์หนุ่มชื่อเอเรนดอร์ตอบกลับ เขาเป็นเอลฟ์ที่ดูสง่าดั่งไฮเอลฟ์ของเผ่าพันธุ์กับเส้นผมสีทองยาวสลวยดูไปก็เด่นตาแม้ยามกลางคืน
“!!” คาเรน่าแทบชะงัก ไม่รู้หรอกว่ากลายมาเป็นมนุษย์กับส่วนสูงที่ลดแบบนี้ได้ยังไง น้ำตาที่ก็ร้องมาตั้งแต่นัดแรกๆคราวนี้ยิ่งร่ำไห้หนักกว่าเดิมคล้ายเด็กไม่รู้จักโต เอาแต่บอกว่ามันเจ็บเหมือนโดนมีดเป็นร้อยๆใบแทงเลย
เสียงฟ้าแลบแทบผ่ามาถึงภาคพื้นพสุธากับจันทราสีเลือดครึ่งเสี้ยวที่เริ่มตกลงไปบนสุดขอบของแผ่นดินกลางน้ำฝนดั่งมฤตยู ณ เวลานี้ได้เริ่มตายหายลาจาก น้ำนมของผู้เป็นแม่หลั่งออกจากรังแห่งความรัก หญิงสาวตัวน้อยอยู่ในสภาพที่แสนจะสะบัดสะบอมจนความงามแทบแปรเปลี่ยนเป็นความเน่าเฟะ ตัวสั่นระริกอยู่บนพื้นไม้แข็งๆคล้ายกับคนที่มีอาการชักกระตุกแต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสติของคาเรน่าจะจางหาย
เอลฟ์ผมยาวสีทองหยิบฝิ่นมาสูบอย่างสบายใจ นั่งอยู่ไม่ห่างจากคาเรน่านักและตอนนี้คาเรน่าก็น่าจะเริ่มมีสติกลับมาได้บ้างแล้ว สิ่งแรกที่เธอพูดกับเขาก็คือ
“สิ่งๆนั้นใช่สิ่งที่ซื้อมาจากพวกชาวต่างชาติหรือเปล่าคะ?...”
“ใช่ เห็นเขาบอกว่ามันคือฝิ่น ไอ้ยาตัวนี้โครตดีกว่าตอนเมาเหล้าหรือสูบบุหรี่ซะอีก เธอจะลองไหม?”
“ฮ่าๆๆ ฉันยังเด็ก..นะคะ ถ้าจะให้พูดว่าหลังจากคุณเปลี่ยนฉันเป็นมนุษย์…ฉันก็มีอายุประ..มาณ สัก 17 ได้น่ะค่ะ”
“อ่อ โอเคๆ โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปไวมากเลยแค่บอก จนตอนนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้การล่าอาณานิคมอะไรนั่นมันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆถ้าไม่มีอะไรฉันก็ไม่ไป”
THE END CHAPTER 2