เค้กราชปะแตน เค้กที่ในหลวงรัชการที่๙โปรด


ก่อนหน้านี้ได้เห็นเค้กชนิดนี้ผ่านๆตาจากกรุ๊ปเบเกอรี่โซไซตี้ เลยอยากลองทำดู เลยลองเสิร์จหาข้อมูลจากกูเกิ้ล สูตรที่นำมาทดลองทำนั้นเป็นสูตรของอาจารย์ จริยา เดชกุญชร อร่อยมากกกกอไก่ล้านตัว คนที่ได้ชิมถึงกับเพ้อกันไปหลายคน 555 (นี่ก็ว่าไม่ได้ใส่กัญชาลงไปในขนมนะ)

เค้กชนิดนี้ทำไม่ยากค่ะ แต่อาจจะมีเทคนิคตรงการอบนิดหน่อย ซึ่งจะพยายามอธิบายให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าเบื่อที่จะอ่านละกันเนอะ นี่เป็นคนพูดมาก เลยพิมพ์ซะยาวเหยียดดด 555

แปะสูตรเลยละกันนะคะ
เค้กชนิดนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนตัวขนมเค้กและส่วนหน้าเค้ก

ส่วนตัวเค้ก
1.เนยสด 225 กรัม (เราใช้เนยเค็มค่ะ)
2.เนยขาว 50 กรัม
3.น้ำตาลทรายแดง 175 กรัม
4.เกลือป่น 1 ช้อนชา (เราไม่ใส่ค่ะ เพราะใช้เนยเค็มแล้ว ทำออกมาได้รสชาติกำลังพอดี แต่สำหรับคนที่ใช้เนยจืด เราอยากให้ลองพิจารณาปรับลดปริมาณเกลือลงนิดหน่อยน่าจะดี เพราะเราว่าเกลือ 1 ช้อนชานี่ออกจะเยอะไปซักหน่อย เกรงว่าอาจจะเค็มไป เนื่องจากตัวมาการีนที่ทำหน้าเค้กก็มีความเค็มอยู่แล้วค่ะ)
5.ไข่ไก่ 3 ฟอง
6.นมข้นจืด 20 กรัม
7.กาแฟผง 20 กรัม
8.แป้งเค้ก 225 กรัม (ร่อนก่อนซัก 3 รอบก่อนนำมาใช้นะคะ เพื่อที่เราจะได้เนื้อเค้กที่ละเอียด ฟูเบา และเป็นการคัดเอาเศษฝุ่นผงหรือแมลงที่อาจจติดมาออกด้วยค่ะ)
9.ลูกเกดดำ 60 กรัม (ลูกเกดให้นำไปแช่น้ำก่อนซักครึ่งชั่วโมงค่อยนำมาใช้นะคะ เป็นการล้างคราบน้ำตาล ฝุ่น และสิ่งสกปรกที่อาจติดมา และทำให้ตัวลูกเกดมีความชุ่มชื้นมากพอที่จะไม่มาดูดของเหลวในตัวเค้กซึ่งจะทำให้เค้กแห้งกว่าที่ควรจะเป็นได้ค่ะ แช่น้ำเสร็จ ซับให้แห้งแล้วนำมาหั่นครึ่งค่ะ เพื่อแก้ปัญหาที่ลูกเกดอาจจะจมลงไปก้นเค้กได้ถ้าชิ้นใหญ่เกิน)

ส่วนหน้าเค้ก
1.เนยสด 225 กรัม
2.มาการีน 125 กรัม
3.น้ำตาลทรายแดง 175 กรัม
4.แป้งอเนกประสงค์ 25 กรัม
5.อัลมอนด์สไลด์ 100 กรัม

วิธีทำ

ส่วนตัวเค้ก
1.ตีเนยสดกับเนยขาวให้พอเข้ากัน (สำหรับใครที่ใส่เกลือด้วย ใส่ลงไปในขั้นตอนนี้เลยค่ะ) ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ตีด้วยความเร็วกลางจนเนยขึ้นฟู (ที่ใช้ความเร็วกลางเพราะหากใช้ความเร็วต่ำก็จะใช้เวลาในการตีนานเกินไปกว่าจะขึ้นฟูซึ่งเนยอาจจะเริ่มละลายได้ค่ะ ส่วนหากใช้ความเร็วสูงไปเลยก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมจากการตีมากไปซึ่งก็เป็นเหตุให้เนยละลายอีกเช่นกัน วิธีสังเกตว่าเนยขึ้นฟูแล้วรึยังให้ดูที่สีของเนยค่ะ เนยจะเริ่มเปลี่ยนสีอ่อนลงจนเริ่มขาวนวล ฟูเบา แต่เค้กตัวนี้ใช้น้ำตาลทรายแดงก็อาจจะดูยากนิดนึง ต้องสังเกตเอาหน่อยค่ะ)
2.ค่อยๆทะยอยเติมไข่ลงไปค่ะ (ใส่ทีละฟองค่ะ อย่าใส่พรวดเดียวหมดอาจจะเกิดการแยกชั้นได้ แต่สำหรับมือใหม่หรือคนที่ไม่ถนัดทำเค้กแนวๆนี้ แนะนำให้ตีไข่ทั้งหมดรวมกัน ไม่ต้องฟูฟ่องประหนึ่งทำไข่เจียวนะคะ 555 เอาแค่ให้พอเข้ากัน แล้วทะยอยเทเป็นสายๆลงไป)
3.นำกาแฟผงมาละลายให้เข้ากันกับนม
4.เทส่วนผสมของแป้งสลับกับนม+กาแฟ แป้ง-นม-แป้ง-นม-แป้ง ในส่วนนี้ใช้ความเร็วต่ำนะคะ หรือใครถนัดใช้พายยางโฟลด์เอาก็ได้ไม่ว่ากัน พยายามอย่าใช้เวลาในการผสมแป้งเยอะนะคะเพราะจะทำให้เนื้อขนมเหนียวได้
5.เติมลูกเกดลงไป เทใส่พิมพ์แล้วพักไว้ค่ะ (แนะนำให้ใช้พิมพ์ที่ค่อนข้างสูงนิดนึงนะคะ เพราะตรงหน้าเวลาเค้าเดือดเค้าจะพองฟูล้นออกมาพอสมควรเลย นี่พลาดมาแล้วววว สังเกตได้จากร่องรอยอารยธรรมรอบๆถาดแก้ว 555)
6.หันไปวอร์มเตาที่อุณหภูมิ 175 องศาซี

ส่วนหน้าเค้ก
1.ตีเนยสด มาการีน และน้ำตาลทรายแดงจนขึ้นฟู
2.ใส่แป้งเอนกประสงค์ผสมให้เข้ากัน
3.นำส่วนผสมไปเกลี่ยให้ทั่วหน้าเค้ก (อันนี้แนะนำว่าให้นำส่วนผสมใส่ถุงแล้วบีบให้ทั่วแล้วค่อยเกลี่ยจะสะดวกกว่านะคะ ถุงร้อนทั่วๆไปนี่แหล่ะค่ะ เอาส่วนผสมใส่ถุงตัดปลาย แล้วก็บีบๆๆให้ทั่ว)
4.โรยอัลมอนด์สไลด์ให้ทั่ว (อัลมอนด์สไลด์นี่ไม่ต้องเอาไปอบก่อนนะคะ โรยทั้งดิบๆเลยนี่แหล่ะ เพราะเราอบนาน อัลมอนด์สุกพอดีค่ะ)

มาเข้าสู่ขั้นตอนการอบกันค่ะ นี่แหล่ะจุดปราบเซียนกันเลยทีเดียว

เวลาในการอบจะอยู่ที่ประมาณ 45-60 นาทีแล้วแต่เตาและขนาดพิมพ์ของแต่ละคนนะคะ

หลังจากวอร์มเตาไว้เรียบร้อยแล้วที่ 175 องศาซี ไฟบน-ล่าง ก็นำเข้าเตาเลยค่ะ ตั้งเวลาในตอนแรกไว้ 30 นาทีก่อนค่ะ แล้วแว้บมาดูถ้าอัลมอนด์สุกแล้ว และหน้าเค้กเป็นสีน้ำตาลให้เปลี่ยนเป็นไฟล่างแล้วอบต่อจนเนื้อเค้กสุก แต่ถ้ายังให้อบไฟบน-ล่างต่อไปจนกว่าอัลลมอนด์และหน้าเค้กจะเปลี่ยนสี ระวังอย่าให้นานไปนะคะ พอเค้าเริ่มเหลืองได้ที่แล้วให้ปรับไฟทันที เพราะเค้าจะยังสุกต่อไปอีกค่ะ ถ้ารอให้เป็นสีแบบในรูปแล้วค่อยปรับไฟ พอเนื้อเค้กสุกทั้งหมดหน้ากับอัลมอนด์จะไหม้ค่ะ ซึ่งมันยากตรงนี้แหล่ะ ว่าแค่ไหนถึงจะพอมากไปก็ไหม้ น้อยไปก็ไม่กรอบ เพราะเนื้อสัมผัสของหน้าขนมตัวนี้เมื่ออบเสร็จจะต้องออกกรอบๆกรุบๆหน่อย จะไม่เหมือนของทอฟฟี่เค้กที่จะเหนียวๆหยุ่นๆเป็นครีมๆ ก็ต้องลองทำกันดูค่ะ แต่บอกเลยว่า พอเราทำสำเร็จ นี่จะเป็นหนึ่งในเค้กที่เราภาคภูมิใจที่ได้ทำที่สุดเลยหล่ะค่ะ เราเชื่อว่าอย่างนั้นนะ ^___^

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่