⚡️⚡️⚡️ <<< คนขายวิญญาณ - ตอนที่ 7 >>> ⚡️⚡️⚡️

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่าน ๆ มา = [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


บนถนนสายเปลี่ยว ในค่ำคืนอันดึกสงัด

แอ๊ดดี้ กำลังขับรถ "สติงเรย์" เชฟโรเล่ท์โพรเว็ตต์สีแดงเข้มซึ่งตนเพิ่งถอยมาใหม่ๆ ด้วยความเร็วราวร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปข้างหน้าเรื่อยๆ พลางนึกสงสัยอยู่ว่า ทำไมตนเองถึงได้ออกมาจากบ้านในยามวิกาลแบบนี้ และตนเองกำลังจะไปไหน ไปทำอะไร ? แต่คิดอย่างไรก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ จึงได้แต่ขับไปเรื่อยๆ...

และมันน่าแปลกมากที่ว่า บนท้องถนนสายนี้ ขณะนี้ มีแต่รถของเขาเพียงคันเดียวที่กำลังแล่นอยู่ ไม่เห็นมีรถคันอื่นๆ ตามมาข้างหลัง หรือรถที่จะสวนทางมาจากข้างหน้าเลย...ถนนหนทางก็หาเสาไฟฟ้าแทบจะไม่เจอ ขับไปนานๆ จึงจะเจอซักต้น แล้วก็ต้องขับต่อไปอีกนานกว่าจะได้เห็นเสาไฟฟ้าต้นใหม่ ซึ่งมีดวงไฟแค่สลัวๆ ไม่ได้เจิดจ้าอะไรมากมายเลย...

"นี่มันที่ไหนกันวะเนี่ย ?" แอ๊ดดี้พูดกับตัวเองเพื่อทำลายความเงียบซึ่งกำลังบีบคั้นจิตใจ "รถรามันหายไปไหนกันหมด ? ถนนทั้งสาย เป็นของเราคนเดียวหรือไง ?"

รู้สึกแสนจะอึดอัด และหวาดหวั่นกับความเงียบ จึงเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดเพลงจากเครื่องเสียงด้านนหน้า ตั้งใจกดฟังเพลง LET IT ROLL ของวง UFO...

แต่พอกดปุ่มไปแล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกพร้อมทั้งอุทานสบถอย่างลืมตัว

" เอ๊ยยย.......SHIP หายย !!! "

เพราะเสียงเพลงที่ดังแผดออกมา มันไม่ใช่เพลง LET IT ROLL ไม่ใช่เพลงของวง UFO ด้วย !! แต่มันเป็นอีกเพลงหนึ่ง ของอีกวงหนึ่ง ที่สำคัญ มันไม่ได้มีอยู่ในเทปม้วนนั้นด้วยซ้ำ !!! แถมตัดเข้าหาท่อนฮุกกลางเพลงอีกต่างหาก เหมือนมีมือปีศาจมาทำให้อย่างนั้นแหละ !! และแม้ว่าเพลงนั้นจะมีจังหวะดนตรีสุดมันส์ แต่เนื้อเพลงท่อนฮุกนั้น มันทำให้แอ๊ดดี้ขนลุก รู้สึกเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง !!!
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
" I'm on the highway to hell, on the highway to hell

Highway to hell, I'm on the highway to hell !!! "


"ไอ้สัสส มาได้ไงวะ ???" แอ๊ดดี้ร้องตะโกน เอื้อมมือซ้ายไปกดปุ่มหยุดเล่น กดลงไป !!

มันกดไม่ลง !! เพลงยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ เสียงก็ดังขึ้นกว่าเดิม แอ๊ดดี้มองเห็นโวลลุ่มถูกมือลึกลับบิดเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นๆ จนสุดโวลลุ่ม เสียงเพลง "ถนนหลวงสู่นรก" ดังจนลำโพงแทบระเบิด เสียงกีตาร์เบสและกลองดังกระหน่ำไปทั่วทั้งคันรถ !!

แอ๊ดดี้ไม่สามารถปิดเพลงได้ จึงจำใจปล่อยให้มันเล่นไป รถก็วิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ อยากจะหยุดรถก็หยุดไม่ได้ เขาควบคุมรถไม่ได้โดยสิ้นเชิง !!!

"เราจะตายตอนนี้เหรอวะ ???" เขานึกในใจ...

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่ได้เข้าโบสถ์เป็นคริสเตียน เจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาก็คงต้องสวดมนต์สารพัดพุทธมนต์คาถาแล้ว โดยเฉพาะชินบัญชรซึ่งเป็นคาถาที่ตนเคยท่องจำได้สวดได้คล่องเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพุทธศาสนิกชนอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นคริสเตียน แถมยังเป็นคริสเตียนนอกคอกด้วย เพราะดันไปขายวิญญาณให้กับซาตาน !!! จะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าก็ไม่ได้แล้ว !!!

สติงเรย์สีแดงเข้มวิ่งไปตามถนนประหลาดสายนั้น แล้วฉับพลัน ก็ค่อยๆลดความเร็วลง ช้าลง ช้าลง โดยที่แอ๊ดดี้ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งจับพวงมาลัยอยู่เฉยๆ ปล่อยให้มันวิ่งไปตามยถากรรม....

แล้วมันก็หยุด จอดนิ่งสนิทอยู่กลางถนน !!

ทันใดนั้น เพลงอีกเพลงหนึ่ง ก็ดังขึ้น และอีกครั้ง เพลงนี้ไม่มีในเทปม้วนนั้นเช่นกัน !!!

มันเป็นเพลงที่เริ่มต้นด้วยบทพูดบรรยาย....
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
" Woe to you, oh Earth and Sea, for the Devil sends the beast with wrath, because he knows the time is short...

Let him who hath understanding reckon the number of the beast !

For it is a human number. Its number is Six hundred and sixty six !!! "


จากนั้น เสียงกีตาร์ก็แผดก้องขึ้น ตามมาด้วยเสียงคนขับร้อง !!!

"I left alone,  my mind was blank, I needed time to think, to get the memories from my mind.

What did I see ? Can I believe that what I saw that night was real and not just fantasy ??...."


"หมายเลขสัตว์ร้าย !!!" แอ๊ดดี้อุทานคำแปลของชื่อเพลง แล้วถอนใจ ก่อนจะโพล่งออกมาอย่างเหลืออด

"จะเอาชีวิตกูแล้วใช่ไหม ??? มาเลย ไอ้สัสสนรก !!! มา !!!  "

เขาลองบิดกุญแจสตาร์ท....เครื่องยนต์ติด !!!

มองไปข้างหน้า แล้วก็ใจหายวาบ....

มีเงาร่างสูงใหญ่ของสุนัข 3 ตัว ยืนจังก้าขวางถนนอยู่ ดวงตาของพวกมันแดงจัดส่งแสงเป็นประกาย น้ำลายยืดตลอดเวลา ขนรุงรังกระเซอะกระเซิง หน้าตาของพวกมันทั้งน่าเกลียดทั้งน่ากลัวจนรู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว และถ้าแอ๊ดดี้ออกมาจากรถ จะได้ยินเสียงพวกมันขู่คำรามอย่างน่ากลัวที่สุด เสียงคำรามของพวกมันฟังดูไม่เหมือนเสียงของสัตว์ร้ายใดๆในโลก เพราะแค่ได้ยิน คนบางคนอาจถึงกับกลัวจนช็อกตายไปได้เลยไม่ต้องรอให้พวกมันเข้าจู่โจมเลยด้วยซ้ำ !!

"มากันแล้วเหรอวะ ไอ้พวกหมานรก !!!"

แอ๊ดดี้คำราม...ความกลัวกลับกลายเป็นความกล้าบ้าระห่ำ เข้าเกียร์แล้วออกรถพุ่งเข้าไปหาพวกมันทั้งสามตัว !!!

ฉับพลัน สุนัขอเวจีทั้งสามต่างพากันกระโดดขึ้นสูงจากพื้น ราวกับว่ามีวิชาตัวเบา กางกงเล็บลงมาจากเบื้องสูง ตะปบสติงเรย์คันงามซึ่งกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงอยู่หมัด ตัวหนึ่งเกาะหน้ากะโปรงรถ ตัวหนึ่งเกาะติดบนหลังคา และอีกตัวหนึ่งเกาะอยู่ที่ท้ายรถ เล็บของพวกมันฉีกกระชากเหล็กขาดกระจุยแล้วเกาะไม่ยอมปล่อย !!! และไอ้ตัวที่เกาะอยู่บนกะโปรงข้างหน้า กำลังคืบคลานเข้ามาหา...

แอ๊ดดี้แตะเบรคและบังคับรถหมุนปัด 360 องศาอย่างฉับพลัน รถหมุนคว้างเซถลา สุนัขนรกสองตัวถูกสะบัดปลิวพ้นไปจากรถ แต่ตัวที่อยู่ข้างหน้าเกาะติดไม่ยอมปล่อยและส่งเสียงขู่กรรโชกไม่หยุด...

สุดท้าย รถกระแทกเข้ากับโขดหินข้างทางริมเหวสูงชันแล้วพุ่งตกลงไปสู่สายน้ำเบื้องล่าง ขณะที่กำลังร่วงลงไป เจ้าหมานรกยังคืบคลานเข้ามาจนถึงระยะประชิด ยื่นหน้าลอดช่องกระจกหน้ารถซึ่งแตกเป็นช่องโหว่เข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วขย้ำเข้าที่คอเจ้าของรถ !!!

"อ๊ากกกกกกก....."

แอ๊ดดี้ร้องตะโกนเสียงหลง แล้วทะลึ่งพรวดสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่ง หอบหายใจ เหงื่อไหลท่วมตัว !!!

"อื้มม......" เสียงคนนอนอยู่ข้างๆ ดังขึ้นมา เรียกสติเขาให้ค่อยๆกลับคืนมา

"ฝันร้ายอีกแล้วเหรอพี่แอ๊ดดี้...?"

คนถูกถามพยักหน้า และเมื่อคนถามลุกขึ้นมาเปิดไฟก็พบว่าหน้าตาเขามีแต่เหงื่อเป็นเม็ดๆเต็มไปหมด

"ทำไมฝันร้ายทุกคืนเลยคะพี่แอ๊ดดี้ ? พี่เป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะ"

แอ๊ดดี้อ้ำอึ้ง...ใช่แล้ว เขาโดนฝันร้ายเล่นงานมาหลายคืน 5 คืนเข้าไปแล้ว ! อีก 2 คืนก็จะครบ 1 สัปดาห์แล้ว และเดือนนี้ก็คือ กันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่เขาได้ทำสัญญากับปีศาจเมื่อสองปีที่แล้ว !! และเข้าสู่ช่วงกลางเดือนแล้วด้วย...

นั่นหมายความว่า จอมปีศาจ จะมาเอาชีวิตเขาวันไหนก็ได้ ที่เหลืออยู่นี้ !!!

แอ๊ดดี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากบอกแฟนสาว

"ติ๊ก...ไปเปิดเบียร์มาให้พี่หน่อยปะ เดี๋ยวพี่มีอะไรจะบอก..."

"ค่ะ...แป๊บนึงนะ"

หล่อนมองหน้าเขาอย่างฉงน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดเบียร์ออกมาเปิดรินใส่แก้วแล้วเดินกลับมาที่เตียง ยื่นแก้วเบียร์ส่งให้

แอ๊ดดี้ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มไปครึ่งแก้ว หยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วดื่มต่อจนหมด ส่งแก้วเบียร์ให้แฟนสาวแล้วเริ่มเปิดเผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัว

"ติ๊ก...จำได้ไหม ที่พี่เคยถามติ๊กวันหนึ่งว่า ถ้าพี่ไม่อยู่ ติ๊กจะอยู่ได้ไหมน่ะ ?"

"จำได้ค่ะ..." หล่อนตอบเสียงเบาหวิว "ติ๊กยังบอกพี่แอ๊ดดี้เลยว่าถ้าไม่มีพี่ ติ๊กกับลูกที่จะเกิดมา จะอยู่ยังไง ??" แล้วก็เริ่มทำหน้าเศร้าสลด

แอ๊ดดี้มองหน้าหล่อนแล้วถอนใจออกมาหนักๆ

"ติ๊กฟังให้ดีๆ นะ เรื่องที่พี่กำลังจะเล่าให้น้องฟังต่อไปนี้ มันอาจจะฟังดูบ้าๆบอๆ เหลือเชื่อ...แต่มันเป็นความจริง!"

"เล่ามาเถอะค่ะ"

"ขอเบียร์อีกแก้วซิ"

ติ๊กรินเบียร์ส่งให้เขาดื่มอีกแก้ว เขารับไปดื่มจนหมด แล้วเริ่มเล่าเรื่อง

"เมื่อก่อนนี้ ไม่นาน แค่สองปีที่ผ่านมานี้เอง ปี 30 พี่ยังเป็นแค่นักดนตรีบ้านนอก ร่วมเล่นวงดนตรีรำวง ฝีมือแค่ธรรมดาๆ ไม่ได้เล่นได้แพรวพราวเหมือนอย่างตอนนี้ ฝีมืออ่อนจนถึงกับถูกเพื่อนๆวงดนตรีเก่า ซึ่งเป็นวงที่พี่ตั้งขึ้นมาเองด้วยซ้ำ ถีบออกมา..."

"พี่แอ๊ดดี้เนี่ยนะ ??? !!!" หล่อนทำตาโต

"ใช่จ้ะ" เขาพยักหน้า และยิ้มอย่างขมขื่น "สาเหตุเพราะครั้งหนึ่งพี่ขึ้นเวทีแล้วเล่นผิด เล่นพลาดแบบเละเทะ ไปไม่ถูกเลย จนจบเพลงนั้น ลงมาจากเวที หลังจากนั้น ไม่มีใครคุยกับพี่อีกเลย ไม่มีการติดต่ออะไรกับพี่อีกเลย"

"แค่เรื่องเล่นโซโล่ผิดเพลงเดียวเอง พวกเขาถึงกับตัดขาดจากพี่แอ๊ดดี้เลยเหรอคะ ? "

"เพลงเดียว แต่พี่ทำให้อับอายขายหน้ากันหมดทั้งวง มันก็สมควรอยู่จ้ะ"

"ยังไงก็ใจร้ายเกินไปอยู่ดี..." หล่อนเบะปาก แล้วถามต่อ " จากนั้น เป็นไงต่อคะ ?"

"พี่พักงานดนตรีไปช่วงหนึ่ง แล้วก็ได้งานใหม่ ร่วมวงดนตรีรำวงอย่างที่บอกตะกี้นี้ เพื่อนทุกคนในวงนี้ดีมากๆ ดีกับพี่ทุกคน"

"อืม...อย่างนั้น พี่แอ๊ดดี้ก็น่าจะมีความสุข เล่นดนตรีรำวงกับพวกเค้าไปเรื่อยๆ แล้วพี่แอ๊ดดี้มากรุงเทพฯ ได้ไงคะ ?"

"พี่มาได้ด้วยการชนะการประกวดเล่นกีตาร์โซโล่ จึงได้เข้าสู่วงการ..."

"ฟังดูไม่เห็นน่าจะมีปัญหาอะไรเลยนี่คะ ?" หล่อนทำหน้าตาสงสัย

"ปัญหามันเริ่มต้น ก่อนหน้าที่พี่จะชนะการประกวดจ้ะ..."

"ยังไงอ้ะ..???"

"ตอนที่พี่กับเพื่อนๆ ไปเล่นดนตรีรำวงกันที่นครสวรรค์ เรามีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตแหลม มอริสัน ในเมือง พอดูคอนเสิร์ตจบ เราก็เดินกลับเวทีรำวงซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อนพี่สองคนเล่าเรื่องของ โรเบิร์ต จอห์นสัน ให้พี่ฟัง พี่เลยเกิดความคิดจะทำตามเขา"

"ใครคะ โรเบิร์ต จอห์นสัน ???"

"นักกีตาร์เพลงบลูส์ ชาวอเมริกันผิวดำจ้ะ"

"เขาทำอะไรคะ ที่พี่แอ๊ดดี้ว่าจะทำตาม ???" หล่อนถามโดยจ้องหน้าแอ๊ดดี้เขม็งด้วยความตื่นเต้นว่ากำลังจะได้รู้ความลับซึ่งจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงได้ถามคำถามแปลกๆซึ่งทำให้ตนเองต้องน้ำตาร่วงในวันนั้น

แอ๊ดดี้หยุดถอนหายใจ แล้วพูดช้าๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ

"เขา....ทำสัญญากับปีศาจ...ขายวิญญาณให้ซาตาน !!!"


ติ๊กยกสองมือปิดปาก เบิกตากว้าง แล้วถามต่อไปสั้นๆ " ทำไมคะ ? "

"เพื่อแลกกับฝีมือกีตาร์อันฉกาจ ยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน!!"

"พระเจ้า..." หล่อนร้องคราง "แล้ว...มันได้ผลเหรอคะ ?"

"ใช่จ้ะ..." แอ๊ดดี้พยักหน้าตอบ " มันได้ผล เพราะหลังจากนั้น หลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากบาร์ที่เคยเล่นเคยร้อง เขาหายตัวไปประมาณสองเดือน แล้วกลับมาที่บาร์แห่งเดิม โชว์ฝีมือเพลงบลูส์ชั้นเซียนให้ทุกคนในร้านได้ดูได้ฟัง นักดนตรีสองคนผู้เฒ่าซึ่งอยู่ในบาร์ถึงกับตกตะลึง เพราะเขากลายเป็นคนละคนกับเมื่อสองเดือนก่อน"

"แล่วไงต่อคะ ?"

"หมายถึง เรื่องของใคร ? ของเค้า หรือของพี่ ?"

"ทั้งสองคนนั่นแหละค่ะ !!"

แอ๊ดดี้ถอนใจอีกครั้ง ก่อนจะเล่าต่อ...

"โรเบิร์ต ต่อมาได้เป็นศิลปิน อัดแผ่นเสียง มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการเพลงบลูส์ แต่งเพลงไว้ทั้งหมด 29 เพลง แล้วก็ตาย ภายในเวลาแค่ 2 ปี !!!"

ติ๊กทำตาโต เอามือปิดปากอีกครั้ง ครู่หนึ่งจึงเอามือลง ถามต่อไป

"เขาตายยังไงคะ ?"

"ดื่มเหล้าผสมยาพิษจ้ะ"

"ทำไมต้อง ฆ่าตัวตาย ???"

แอ๊ดดี้ทำหน้าเครียดทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้


"เพราะ ต้องการหนีให้พ้นความทรมาณ จากการฆ่าโดยปีศาจ !!! "

"ทรมาณ...ยังไงคะ ?"

"ซาตาน...จะส่ง หมานรก มาขย้ำเป็นชิ้นๆ !!!"

หล่อนยกมือปิดปาก ทำตาโต เป็นคำรบสาม

(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่