ตอนที่แล้ว =
https://ppantip.com/topic/36826773
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 ทุ่มตรง
แอ๊ดดี้และเพื่อนๆในวง ตรวจเช็คเครื่องดนตรีของตนๆ พร้อม ไมค์ทุกตัวพร้อม บนเวทีซึ่งยกสูงประมาณสองช่วงตัวคน เบื้องล่างด้านหน้าเวที เหล่าน้องๆสาวรำวงพากันมานั่งเรียงรายบนเก้าอี้ซึ่งฝ่ายจัดงานได้จัดเรียงเป็นแถวไว้แล้ว บางคนก็ยังแต่งหน้าตัวเองอยู่ แต่ละคนใส่เสื้อแขนสั้นมีลวดลายแตกต่างกันไป แต่ใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยสีแดงเหมือนกันหมด ในที่สุด ทุกคนก็พร้อมแล้ว...
ยักษ์ มือกลอง จับไม้ตีกลองข้างขวาขึ้นมาเคาะฉาบคู่ทางด้านซ้าย เป็นสัญญาณให้เพื่อนๆเตรียมเริ่มบรรเลง หนึ่ง...สอง...หนึ่งสองสามสี่ !
พอปลายไม้ลงฉาบครั้งที่ 4 ก็หยุด และแอ๊ดดี้ก็เริ่มพรมปลายนิ้วซ้ายบนเฟร็ตกีตาร์ มือขวาดีดสายโซโล่เพลง MOON FLOWER เพลงบรรเลงจังหวะสามช่าของวงซานตาน่า เป็นเพลงเปิดวง
บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แก่ก็มี กรูกันก้าวเหยียบบันไดซึ่งมีไม่กี่ขั้น ขึ้นมาบนฟลอร์ แล้วแต่ละคนก็เข้าไปโค้งสาวรำวงที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่อยู่ข้างล่าง ซึ่งสาวๆแต่ละคนที่ได้รับการโค้งขอเต้นรำด้วยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวออกมาวาดลวดลายเต้นด้วย รอบแรกซึ่งเต้นกับเพลงเปิดวงนี้เป็นรอบฟรี ไม่ต้องซื้อบัตร การซื้อขายบัตรจะเริ่มตั้งแต่เพลงที่ 2 เป็นต้นไป แต่หนุ่มๆบางคนก็ได้ซื้อบัตรหลายๆใบ ตุนไว้ก่อนแล้ว เพื่อจับจองสาวคนที่ตนพึงพอใจให้เต้นคู่กับตนเองอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเพลงจบ "พี่พัน" หัวหน้าวงก็จะเป่านกหวีดยาว ปรี๊ดดดดดด เป็นอันว่าหมดรอบ สาวๆก็จะพากันกลับไปนั่งที่เดิม รอเพลงรอบใหม่และชายคนใหม่ หรือไม่ก็คนเดิม เข้ามาโค้งยื่นบัตรให้อีกครั้ง
แอ๊ดดี้และเพื่อนๆ บนเวทีเหนือฟลอร์ บรรเลงเพลงแล้ว เพลงเล่า เพลงไทยเป็นหน้าที่ของกร เพลงฝรั่งแอ๊ดดี้รับเหมาคนเดียว เล่นกีตาร์ด้วยร้องไปด้วย เมื่อเล่นและร้องไปสักสองสามเพลงก็เริ่มมีเหล้าผสมโซดาชงส่งมาให้ดื่มเป็นระยะๆ
เมื่อเวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยงคืน ทุกคนก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนๆ มองออกไปจากเวทีรำวง บนท้องฟ้าเริ่มมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ส่งสัญญาณว่าฝนทำท่าจะตกแล้ว แต่ไม่มีใครหวั่น เหนือฟลอร์กางกั้นผืนผ้าเป็นกระโจมขนาดยักษ์ป้องกันฝนเอาไว้แล้ว ความสนุกสนานบันเทิงจึงดำเนินต่อไป
จนถึงเพลง "พารานอยน์" เพลงร็อกของวง แบล๊ค ซับบาธซึ่งจังหวะสุดมันส์เร้าใจ แค่แอ๊ดดี้กระแทกปิ๊กลงบนสายกีตาร์ เริ่มโซโล่ท่อนอินโทร หลายคนก็หูผึ่งแล้ว ท่อนแรกโซโล่ไป 2 รอบ พอรอบที่ 3 ยักษ์ก็กระทืบกระเดื่องตามด้วยฟาดไม้ทั้งสองลงสแนร์เสียงดังสะท้อนสะท้านใจ และบทเพลงพารานอยน์ก็บรรเลงอย่างดุเดือดสะใจทั้งคนเล่นคนร้องและคนเต้นทั้งหลาย
ขณะที่แอ๊ดดี้กำลังโซโล่ท่อนกลางของเพลง เขาเหลือบตามองดูท้องฟ้าไกลออกไป และเห็นฟ้าแลบถี่ๆ ....ช่วงเสี้ยววินาทีหนึ่ง เงาดำรูปร่างหนึ่งก็ปรากฏให้เห็นหลังแสงฟ้าแลบฉาบทาท้องฟ้าตามมาด้วยเสียงฟ้าคำรนครืนๆ
"แว่บบ..."
แอ๊ดดี้ขนลุก !!!
มันเป็นร่างเงาดำ มีปีกสยายออกทั้งซ้ายและขวา ศีรษะมีเขาเหมือนแพะ รูปหน้าเรียวผอม และเหมือนยื่นมือขวากวักเรียกเขา...
"ซาตาน...จอมปีศาจ !!!"
เขานึกในใจอย่างประหวั่นพรั่นพรึง....
แล้วภาพนั้นก็หายไป เหลือแต่ภาพสายฟ้าแลบเป็นระยะๆ กับหมู่เมฆดำ
และเพลง พารานอยน์ ก็บรรเลงจบพอดี ได้ยินเสียงพี่พันเป่านกหวีด.....ปรี๊ดดดดด หมดรอบ!
แอ๊ดดี้รู้สึกขนลุกขนพอง หันไปยังแก้วเหล้าที่มีคนชงมาให้แล้วยกดื่มหนักๆ หมดแก้ว! แล้วสะบัดหน้าสองสามที
"เราตาฝาดไปหรือเปล่าวะ ??? ทำไมมันชัดขนาดนั้น ???" เขานึก...
"หรือว่า ซาตาน รับรู้ความปรารถนาของเราแล้ว และชักชวนให้ไปทำสัญญา ?"
คิดแล้วก็หันไปถามอ๊อด มือเบสซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ "เฮ้ยอ๊อด...เมื่อกี้ นายได้มองเห็นอะไรแปลกๆบนฟ้าทางโน้นไหม ?" ถามพลางชี้มือไปบนฟ้าทางทิศนั้น
"ไม่เห็นมีอะไรนี่แอ๊ดดี้" อ๊อดสั่นศีรษะตอบ "มีแต่ฟ้าแลบ ก้อนเมฆดำ เดี๋ยวฝนคงจะตกแล้ว นายเห็นอะไร ?" ลงท้ายด้วยการย้อนถาม
"เอ้อ...ไม่รู้สิ" เขาตอบเพื่อนแบบเลี่ยงๆ "ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ะ ช่างมันเถอะ! เล่นดนตรีต่อๆ"
"อะไรต่อดีแอ๊ดดี้ ?" เสียงยักษ์ตะโกนถามมา ขณะที่กำลังโซโล่กลองคั่นรายการ
แอ๊ดดี้คิดอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนตอบ "MY SHARONA !!"
ยักษ์พยักหน้า เริ่มกระทืบกระเดื่องและหวดสแนร์ตามอินโทรเพลงนั้นทันที
"ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่ก...."
MY SHARONA อันร้อนแรง สร้างความคันแข้งคันขาให้หลายๆคน จึงถูกบรรเลงเป็นเพลงถัดไป
และแอ๊ดดี้ก็ไม่เห็นภาพประหลาดใดๆ อีก หลังจากนั้น
คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย พี่พันจึงสั่งให้เล่นจนถึงตีหนึ่ง...เพลงสุดท้าย เป็นเพลงไทย จังหวะสามช่า ซึ่งใช้เป็นเพลงอำลาเสมอคือ "ลาก่อน สำหรับวันนี้"
ลา ก่อน สำหรับวันนี้
ขอลาที ทั้งที่อาลัย
จน กว่า จะพบกันใหม่
ถึงจากไป ฝากใจมา
ลา ก่อน แล้วอย่าโศกศัลย์
คิดถึงกัน ทุกวันดีกว่า
จำ จาก ไปเพราะเวลา
หวังว่าคุณคงเห็นใจ
ให้อายุยืน หมื่นปี ให้ราศรี งาม แจ่มใส
ให้คนรัก ทั่วทั่วไป
ให้โพยภัย พินาศพลัน
ลา ก่อน สำหรับวันนี้
ขอลาที ทั้งที่ตื้นตัน
จน กว่า จะถึงวันนั้น
หวังเจอะกัน วันนั้นเอย
และปิดท้ายด้วยการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทุกคนข้างล่างยืนสงบนิ่ง
ครั้นเพลงจบ ชายหนุ่มและแก่ทั้งหลาย ก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
ส่วนบนเวที ทุกคนในวงเริ่มเก็บข้าวของ เตรียมเดินทางกลับ
การเดินสายครั้งนี้ จบลงแล้วด้วยดี
**************************************************************************************************************
แอ๊ดดี้ กลับถึงบ้าน ตอนบ่าย หลังจากกลับไปพร้อมกับทุกคนในวงถึงบ้านพี่พันในเวลาตี 5 แล้วพากันนอน ตื่นตอนสายโด่ง กินข้าวกินปลากันเสร็จ พี่หนิงแฟนพี่พันธ์ก็หอบเงินซึ่งแบ่งเป็นส่วนๆ ใส่ซองเรียบร้อยแล้วมาแจกให้กับทุกคน
กลับถึงบ้านแล้วก็เปิดซองนับเงินดู....สามพันห้า โอเค...น่าจะหาซื้อกีตาร์ไฟฟ้าราคาถูกๆได้ซักตัว คิดแล้วก็เก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์ กะว่าตอนเย็น ซักสี่ห้าโมง ค่อยขี่จักรยานเข้าไปในเมือง ไปดูกีตาร์ที่ร้านขายเครื่องดนตรีสักหน่อย
ถึงเวลา 4 โมงเย็น แอ๊ดดี้จูงจักรยานคู่ชีพออกจากบ้าน ขึ้นคร่อมแล้วขี่เข้าเมืองอย่างที่ได้ตั้งใจไว้
ปั่นจักรยานไปจนถึงในเมือง แล้วก็สะดุดตา หยุดปั่น มองไปข้างหน้า
ตรงนั้น เป็น 4 แยก ใกล้ตลาดสด !!
แอ๊ดดี้รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา ทั้งๆที่อากาศร้อนอบอ้าว แดดยังแผดเปรี้ยงแม้จะ 4 โมงกว่าแล้วก็ตาม
เขานึกถึงคำพูดที่กร เพื่อนนักร้องคนหล่อบอกเล่า...เรื่องของ โรเบิร์ต จอห์นสัน !
"เขาไปที่สี่แยกแห่งหนึ่ง ตอนเที่ยงคืน และเมื่อเจอซาตานแล้ว ก็ทำสัญญาซื้อขายกัน คาดว่าซาตานคงมาในรูปมนุษย์ แล้วยื่นแผ่นกระดาษสัญญาให้ลงนาม ด้วยเลือดของตัวเอง"
และคำพูดหยอกล้อของยักษ์มือกลอง กับกรซึ่งตอบทันควัน...
"แล้วจะไป 4 แยกตอนเที่ยงคืนเมื่อไรบอกนะ เราจะไปด้วย"
"เขาให้ไปคนเดียวเว้ย !! ไม่ให้มีเพื่อนไปด้วยหรอก ..."
แล้วก็นึก....ถ้าจะเอาจริง ก็ที่นี่แหละเหมาะ !! เอาไว้ค่อยตัดสินใจทีหลังก็แล้วกัน ไปหาดูกีตาร์ก่อน...
ปั่นจักรยานมาถึงหน้าร้านขายเครื่องดนตรีแห่งหนึ่งแอ๊ดดี้ก็หยุด จอดจักรยานไว้หน้าร้านแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ หน้ากระจก มองเข้าไปข้างในซึ่งมีกีตาร์หลายตัวตั้งโชว์อยู่พร้อมป้ายบอกราคา.....
กีตาร์ไฟฟ้า ต่ำสุดที่มองเห็น ห้าพันเก้าร้อยบาท ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรด้วย ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ ครั้นมองไปที่กิ๊บสัน เฟนเดอร์ หลักหมื่นทั้งนั้น...ปีไหนชาติไหนจะมีวาสนามีไว้ในครอบครองและเล่นมันวะเนี่ย ??? คิดแล้วก็ท้อใจ...
ดูไปสักพัก แอ๊ดดี้ก็หันหลังกลับ เดินไปหาจักรยานคู่ชีพ ขึ้นคร่อมแล้วก็ปั่นออกไป มุ่งหน้าจะกลับบ้าน มองไปข้างหน้าบ้าง ซ้ายขวาข้างทางบ้างด้วยจิตใจเหม่อลอย
แล้วก็สะดุดตากับป้ายประกาศป้ายหนึ่ง หน้าโรงแรม "สุวรรณนคร" ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว
"ประชันฝีมือลีดส์กีตาร์ ผู้ชนะเลิศจะได้ร่วมวงดนตรี เดอะร็อกเกอร์ ที่กรุงเทพ ฯ และโอกาสออกเทปสังกัด ซีจีเอ็ม ค่ายเพลงใหม่ที่กำลังมาแรง สนใจสมัครด่วน ปิดรับสมัครสิ้นเดือนกันยายนนี้"
แอ๊ดดี้ใจเต้น...นึกอยากจะสมัคร ณ บัดเดี๋ยวนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่จนใจ กีตาร์ไฟฟ้าไม่มี จะอาศัยซ้อมกับกีตาร์โปร่งตัวเก่าคอใหญ่แถมเฟร็ตก็มีจำนวนน้อยไม่เท่ากีตาร์ไฟฟ้า คงไม่เพียงพอแน่ ดีไม่มีจะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าคนอื่นเขา โดยเฉพาะ เพื่อนเก่าๆพวกนั้น ต้องไปดูการประชันฝีมือในครั้งนี้แน่นอน และนักกีตาร์ที่เข้าประกวดก็ต้องมีเป็นจำนวนมาก ....
เราจะเอาอะไรไปสู้พวกเขาได้....แค่ได้เห็นมือกีตาร์คนใหม่เล่นในวงเพื่อนเก่าในวันสุดท้ายที่กำแพงเพชรก่อนแหลมมอริสันจะขึ้นเวทีนั่น ก็เห็นว่าเขามีฝีมือดีมากๆแล้ว
คิดแล้วก็ตัดใจ ปั่นจักรยานต่อไป จนมาถึง 4 แยกตลาดสด ไฟแดงติดพอดี จึงหยุดตรงกลาง 4 แยก ชิดซ้ายเข้ามาหน่อย ขณะรอสัญญาณไฟเขียวก็คิดต่อไปอีก...
.วันมะรืนนี้ หวยจะออกแล้ว เงินเป็นหมื่นเพื่อกีตาร์ดีๆสักตัว ต้องได้มาจากการถูกหวยรางวัลใหญ่เท่านั้น จะถูกได้อย่างไร ? ยังไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ๆมาก่อนเลย แค่เลขท้ายสามตัว หรือแม้กระทั่งสองตัว ก็ถูกยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว ไหนจะฝีมือกีตาร์กระจอกงอกง่อยของเราอีกล่ะ ? พระเจ้าจะช่วยได้ไหม ?
สัญญาณไฟเขียวมาแล้ว แอ๊ดดี้ปั่นจักรยานไปต่อ...และคิดต่อไป...
เราไปเข้าโบสถ์เป็นคริสเตียนมาสองสามปีแล้ว เรื่องโชคลาภอะไรแบบนี้ พระเจ้าไม่ช่วยหรอก บางคนบอกด้วยซ้ำว่าโชคลาภมาจากมาร !! มันจริงหรือ ? แล้ว "มาร" ที่เขาว่า หมายถึง ซาตาน ใช่หรือไม่ ???
พอแอ๊ดดี้กลับถึงบ้าน ก็มืดค่ำพอดี เขายกรถจักรยานขึ้นไปบนบ้าน ตั้งขาตั้งจอดไว้ข้างประตู แล้วคว้าผ้านุ่งผ้าเช็ดตัวลงกระไดไปอาบน้ำที่ห้องน้ำหลังบ้าน
เขาตัดสินใจแล้ว...คืนนี้ ก่อนเที่ยงคืน จะปั่นจักรยานออกจากบ้านไปที่ 4 แยกตลาดสดในเมืองตรงนั้น
************************************************************************************************************
ห้าทุ่มครึ่ง...
แอ๊ดดี้ลุกจากเก้าอี้ บนโต๊ะมีขวดเบียร์ตั้งอยู่ห้าขวดซึ่งเขาดื่มหมดแล้ว เขาดื่มเพื่อย้อมใจให้คลายความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจซึ่งบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ตนเองกำลังจะออกไปพบกับปีศาจ...จอมปีศาจเสียด้วย !!
เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองรูปพระเยซูคริสต์ซึ่งตนเอาใส่กรอบแขวนไว้เหนือหัวนอน ทอดถอนใจ และกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
"ข้าแต่พระเจ้า ยกโทษให้ลูกด้วย !!!"
จากนั้นก็หันหลังให้กับภาพแห่งพระบุตร เดินมาที่ประตูบ้าน เปิดประตูแง้มเบาๆ ค่อยๆยกจักรยานหิ้วลงบันได วางขาตั้งจอดบนพื้น กลับขึ้นไปปิดประตูบ้านแล้วลงมา จูงจักรยานขึ้นมาบนถนน แล้วปั่นออกไปทันที มุ่งหน้าสู่ 4 แยกตลาดสดกลางเมืองที่หมาย
เส้นทางจากบ้าน ต้องผ่านป่าช้าใกล้วัด ปกติแม้ในยามเย็น ตะวันยังไม่ทันตกดินก็น่ากลัวอยู่แล้ว นี่เป็นยามดึกห้าทุ่มครึ่ง ยิ่งวังเวงน่ากลัวมากกว่าเป็นสิบเท่า แอ๊ดดี้แข็งใจปั่นจักรยานด้วยความเร็วสุดเท่าที่จะปั่นไปได้เพื่อให้พ้นเขตป่าช้าไปให้ไวที่สุด
พอพ้นเขตป่าช้าได้ก็โล่งอก ไม่มีอะไร ไม่ได้ยินอะไร ไม่ได้เห็นอะไร...
ปั่นจักรยานไป ก็ยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ เวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว อีกสิบนาที ถนนโล่ง นานๆ จะมีรถสวนมา หรือรถวิ่งมาจากข้างหลังแซงจักรยานเขาไป...
เขามองเห็น 4 แยกนั้นอยู่ข้างหน้าแล้ว และที่ตลาดสดห่างออกไปไม่มากก็เริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าขนของมากันบ้างประปราย
ถึงจุดทางแยก แอ๊ดดี้หยุดจักรยาน ลงจากอานตั้งขาจอดจักรยานไว้ข้างฟุตปาทแล้วขึ้นมายืนบนฟุตปาท มองไปทั่วทั้ง 4 เส้นทาง นึกสงสัย
ถ้าซาตานจะมาจริงๆ จะมาในรูปแบบใด ? คงจะแปลงตัวมาเป็นคนอย่างที่เพื่อนเล่าให้ฟังกระมัง ?
(มีต่อครับ)
⚡️⚡️⚡️ <<< คนขายวิญญาณ ตอนที่ 2 >>> ⚡️⚡️⚡️
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 ทุ่มตรง
แอ๊ดดี้และเพื่อนๆในวง ตรวจเช็คเครื่องดนตรีของตนๆ พร้อม ไมค์ทุกตัวพร้อม บนเวทีซึ่งยกสูงประมาณสองช่วงตัวคน เบื้องล่างด้านหน้าเวที เหล่าน้องๆสาวรำวงพากันมานั่งเรียงรายบนเก้าอี้ซึ่งฝ่ายจัดงานได้จัดเรียงเป็นแถวไว้แล้ว บางคนก็ยังแต่งหน้าตัวเองอยู่ แต่ละคนใส่เสื้อแขนสั้นมีลวดลายแตกต่างกันไป แต่ใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อยสีแดงเหมือนกันหมด ในที่สุด ทุกคนก็พร้อมแล้ว...
ยักษ์ มือกลอง จับไม้ตีกลองข้างขวาขึ้นมาเคาะฉาบคู่ทางด้านซ้าย เป็นสัญญาณให้เพื่อนๆเตรียมเริ่มบรรเลง หนึ่ง...สอง...หนึ่งสองสามสี่ !
พอปลายไม้ลงฉาบครั้งที่ 4 ก็หยุด และแอ๊ดดี้ก็เริ่มพรมปลายนิ้วซ้ายบนเฟร็ตกีตาร์ มือขวาดีดสายโซโล่เพลง MOON FLOWER เพลงบรรเลงจังหวะสามช่าของวงซานตาน่า เป็นเพลงเปิดวง
บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แก่ก็มี กรูกันก้าวเหยียบบันไดซึ่งมีไม่กี่ขั้น ขึ้นมาบนฟลอร์ แล้วแต่ละคนก็เข้าไปโค้งสาวรำวงที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่อยู่ข้างล่าง ซึ่งสาวๆแต่ละคนที่ได้รับการโค้งขอเต้นรำด้วยก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก้าวออกมาวาดลวดลายเต้นด้วย รอบแรกซึ่งเต้นกับเพลงเปิดวงนี้เป็นรอบฟรี ไม่ต้องซื้อบัตร การซื้อขายบัตรจะเริ่มตั้งแต่เพลงที่ 2 เป็นต้นไป แต่หนุ่มๆบางคนก็ได้ซื้อบัตรหลายๆใบ ตุนไว้ก่อนแล้ว เพื่อจับจองสาวคนที่ตนพึงพอใจให้เต้นคู่กับตนเองอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเพลงจบ "พี่พัน" หัวหน้าวงก็จะเป่านกหวีดยาว ปรี๊ดดดดดด เป็นอันว่าหมดรอบ สาวๆก็จะพากันกลับไปนั่งที่เดิม รอเพลงรอบใหม่และชายคนใหม่ หรือไม่ก็คนเดิม เข้ามาโค้งยื่นบัตรให้อีกครั้ง
แอ๊ดดี้และเพื่อนๆ บนเวทีเหนือฟลอร์ บรรเลงเพลงแล้ว เพลงเล่า เพลงไทยเป็นหน้าที่ของกร เพลงฝรั่งแอ๊ดดี้รับเหมาคนเดียว เล่นกีตาร์ด้วยร้องไปด้วย เมื่อเล่นและร้องไปสักสองสามเพลงก็เริ่มมีเหล้าผสมโซดาชงส่งมาให้ดื่มเป็นระยะๆ
เมื่อเวลาผ่านไปจนใกล้เที่ยงคืน ทุกคนก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนๆ มองออกไปจากเวทีรำวง บนท้องฟ้าเริ่มมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ ส่งสัญญาณว่าฝนทำท่าจะตกแล้ว แต่ไม่มีใครหวั่น เหนือฟลอร์กางกั้นผืนผ้าเป็นกระโจมขนาดยักษ์ป้องกันฝนเอาไว้แล้ว ความสนุกสนานบันเทิงจึงดำเนินต่อไป
จนถึงเพลง "พารานอยน์" เพลงร็อกของวง แบล๊ค ซับบาธซึ่งจังหวะสุดมันส์เร้าใจ แค่แอ๊ดดี้กระแทกปิ๊กลงบนสายกีตาร์ เริ่มโซโล่ท่อนอินโทร หลายคนก็หูผึ่งแล้ว ท่อนแรกโซโล่ไป 2 รอบ พอรอบที่ 3 ยักษ์ก็กระทืบกระเดื่องตามด้วยฟาดไม้ทั้งสองลงสแนร์เสียงดังสะท้อนสะท้านใจ และบทเพลงพารานอยน์ก็บรรเลงอย่างดุเดือดสะใจทั้งคนเล่นคนร้องและคนเต้นทั้งหลาย
ขณะที่แอ๊ดดี้กำลังโซโล่ท่อนกลางของเพลง เขาเหลือบตามองดูท้องฟ้าไกลออกไป และเห็นฟ้าแลบถี่ๆ ....ช่วงเสี้ยววินาทีหนึ่ง เงาดำรูปร่างหนึ่งก็ปรากฏให้เห็นหลังแสงฟ้าแลบฉาบทาท้องฟ้าตามมาด้วยเสียงฟ้าคำรนครืนๆ
"แว่บบ..."
แอ๊ดดี้ขนลุก !!!
มันเป็นร่างเงาดำ มีปีกสยายออกทั้งซ้ายและขวา ศีรษะมีเขาเหมือนแพะ รูปหน้าเรียวผอม และเหมือนยื่นมือขวากวักเรียกเขา...
"ซาตาน...จอมปีศาจ !!!"
เขานึกในใจอย่างประหวั่นพรั่นพรึง....
แล้วภาพนั้นก็หายไป เหลือแต่ภาพสายฟ้าแลบเป็นระยะๆ กับหมู่เมฆดำ
และเพลง พารานอยน์ ก็บรรเลงจบพอดี ได้ยินเสียงพี่พันเป่านกหวีด.....ปรี๊ดดดดด หมดรอบ!
แอ๊ดดี้รู้สึกขนลุกขนพอง หันไปยังแก้วเหล้าที่มีคนชงมาให้แล้วยกดื่มหนักๆ หมดแก้ว! แล้วสะบัดหน้าสองสามที
"เราตาฝาดไปหรือเปล่าวะ ??? ทำไมมันชัดขนาดนั้น ???" เขานึก..."หรือว่า ซาตาน รับรู้ความปรารถนาของเราแล้ว และชักชวนให้ไปทำสัญญา ?"
คิดแล้วก็หันไปถามอ๊อด มือเบสซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ "เฮ้ยอ๊อด...เมื่อกี้ นายได้มองเห็นอะไรแปลกๆบนฟ้าทางโน้นไหม ?" ถามพลางชี้มือไปบนฟ้าทางทิศนั้น
"ไม่เห็นมีอะไรนี่แอ๊ดดี้" อ๊อดสั่นศีรษะตอบ "มีแต่ฟ้าแลบ ก้อนเมฆดำ เดี๋ยวฝนคงจะตกแล้ว นายเห็นอะไร ?" ลงท้ายด้วยการย้อนถาม
"เอ้อ...ไม่รู้สิ" เขาตอบเพื่อนแบบเลี่ยงๆ "ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ะ ช่างมันเถอะ! เล่นดนตรีต่อๆ"
"อะไรต่อดีแอ๊ดดี้ ?" เสียงยักษ์ตะโกนถามมา ขณะที่กำลังโซโล่กลองคั่นรายการ
แอ๊ดดี้คิดอย่างรวดเร็วแล้วตะโกนตอบ "MY SHARONA !!"
ยักษ์พยักหน้า เริ่มกระทืบกระเดื่องและหวดสแนร์ตามอินโทรเพลงนั้นทันที
"ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่กตึ่ก โป๊ะ ตึ่ก...."
MY SHARONA อันร้อนแรง สร้างความคันแข้งคันขาให้หลายๆคน จึงถูกบรรเลงเป็นเพลงถัดไป
และแอ๊ดดี้ก็ไม่เห็นภาพประหลาดใดๆ อีก หลังจากนั้น
คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย พี่พันจึงสั่งให้เล่นจนถึงตีหนึ่ง...เพลงสุดท้าย เป็นเพลงไทย จังหวะสามช่า ซึ่งใช้เป็นเพลงอำลาเสมอคือ "ลาก่อน สำหรับวันนี้"
ลา ก่อน สำหรับวันนี้
ขอลาที ทั้งที่อาลัย
จน กว่า จะพบกันใหม่
ถึงจากไป ฝากใจมา
ลา ก่อน แล้วอย่าโศกศัลย์
คิดถึงกัน ทุกวันดีกว่า
จำ จาก ไปเพราะเวลา
หวังว่าคุณคงเห็นใจ
ให้อายุยืน หมื่นปี ให้ราศรี งาม แจ่มใส
ให้คนรัก ทั่วทั่วไป
ให้โพยภัย พินาศพลัน
ลา ก่อน สำหรับวันนี้
ขอลาที ทั้งที่ตื้นตัน
จน กว่า จะถึงวันนั้น
หวังเจอะกัน วันนั้นเอย
และปิดท้ายด้วยการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทุกคนข้างล่างยืนสงบนิ่ง
ครั้นเพลงจบ ชายหนุ่มและแก่ทั้งหลาย ก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน
ส่วนบนเวที ทุกคนในวงเริ่มเก็บข้าวของ เตรียมเดินทางกลับ
การเดินสายครั้งนี้ จบลงแล้วด้วยดี
**************************************************************************************************************
แอ๊ดดี้ กลับถึงบ้าน ตอนบ่าย หลังจากกลับไปพร้อมกับทุกคนในวงถึงบ้านพี่พันในเวลาตี 5 แล้วพากันนอน ตื่นตอนสายโด่ง กินข้าวกินปลากันเสร็จ พี่หนิงแฟนพี่พันธ์ก็หอบเงินซึ่งแบ่งเป็นส่วนๆ ใส่ซองเรียบร้อยแล้วมาแจกให้กับทุกคน
กลับถึงบ้านแล้วก็เปิดซองนับเงินดู....สามพันห้า โอเค...น่าจะหาซื้อกีตาร์ไฟฟ้าราคาถูกๆได้ซักตัว คิดแล้วก็เก็บเงินใส่กระเป๋าสตางค์ กะว่าตอนเย็น ซักสี่ห้าโมง ค่อยขี่จักรยานเข้าไปในเมือง ไปดูกีตาร์ที่ร้านขายเครื่องดนตรีสักหน่อย
ถึงเวลา 4 โมงเย็น แอ๊ดดี้จูงจักรยานคู่ชีพออกจากบ้าน ขึ้นคร่อมแล้วขี่เข้าเมืองอย่างที่ได้ตั้งใจไว้
ปั่นจักรยานไปจนถึงในเมือง แล้วก็สะดุดตา หยุดปั่น มองไปข้างหน้า
ตรงนั้น เป็น 4 แยก ใกล้ตลาดสด !!
แอ๊ดดี้รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมา ทั้งๆที่อากาศร้อนอบอ้าว แดดยังแผดเปรี้ยงแม้จะ 4 โมงกว่าแล้วก็ตาม
เขานึกถึงคำพูดที่กร เพื่อนนักร้องคนหล่อบอกเล่า...เรื่องของ โรเบิร์ต จอห์นสัน !
"เขาไปที่สี่แยกแห่งหนึ่ง ตอนเที่ยงคืน และเมื่อเจอซาตานแล้ว ก็ทำสัญญาซื้อขายกัน คาดว่าซาตานคงมาในรูปมนุษย์ แล้วยื่นแผ่นกระดาษสัญญาให้ลงนาม ด้วยเลือดของตัวเอง"
และคำพูดหยอกล้อของยักษ์มือกลอง กับกรซึ่งตอบทันควัน...
"แล้วจะไป 4 แยกตอนเที่ยงคืนเมื่อไรบอกนะ เราจะไปด้วย"
"เขาให้ไปคนเดียวเว้ย !! ไม่ให้มีเพื่อนไปด้วยหรอก ..."
แล้วก็นึก....ถ้าจะเอาจริง ก็ที่นี่แหละเหมาะ !! เอาไว้ค่อยตัดสินใจทีหลังก็แล้วกัน ไปหาดูกีตาร์ก่อน...
ปั่นจักรยานมาถึงหน้าร้านขายเครื่องดนตรีแห่งหนึ่งแอ๊ดดี้ก็หยุด จอดจักรยานไว้หน้าร้านแล้วเดินเข้าไปดูใกล้ๆ หน้ากระจก มองเข้าไปข้างในซึ่งมีกีตาร์หลายตัวตั้งโชว์อยู่พร้อมป้ายบอกราคา.....กีตาร์ไฟฟ้า ต่ำสุดที่มองเห็น ห้าพันเก้าร้อยบาท ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรด้วย ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ ครั้นมองไปที่กิ๊บสัน เฟนเดอร์ หลักหมื่นทั้งนั้น...ปีไหนชาติไหนจะมีวาสนามีไว้ในครอบครองและเล่นมันวะเนี่ย ??? คิดแล้วก็ท้อใจ...
ดูไปสักพัก แอ๊ดดี้ก็หันหลังกลับ เดินไปหาจักรยานคู่ชีพ ขึ้นคร่อมแล้วก็ปั่นออกไป มุ่งหน้าจะกลับบ้าน มองไปข้างหน้าบ้าง ซ้ายขวาข้างทางบ้างด้วยจิตใจเหม่อลอย
แล้วก็สะดุดตากับป้ายประกาศป้ายหนึ่ง หน้าโรงแรม "สุวรรณนคร" ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว
"ประชันฝีมือลีดส์กีตาร์ ผู้ชนะเลิศจะได้ร่วมวงดนตรี เดอะร็อกเกอร์ ที่กรุงเทพ ฯ และโอกาสออกเทปสังกัด ซีจีเอ็ม ค่ายเพลงใหม่ที่กำลังมาแรง สนใจสมัครด่วน ปิดรับสมัครสิ้นเดือนกันยายนนี้"
แอ๊ดดี้ใจเต้น...นึกอยากจะสมัคร ณ บัดเดี๋ยวนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่จนใจ กีตาร์ไฟฟ้าไม่มี จะอาศัยซ้อมกับกีตาร์โปร่งตัวเก่าคอใหญ่แถมเฟร็ตก็มีจำนวนน้อยไม่เท่ากีตาร์ไฟฟ้า คงไม่เพียงพอแน่ ดีไม่มีจะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าคนอื่นเขา โดยเฉพาะ เพื่อนเก่าๆพวกนั้น ต้องไปดูการประชันฝีมือในครั้งนี้แน่นอน และนักกีตาร์ที่เข้าประกวดก็ต้องมีเป็นจำนวนมาก ....เราจะเอาอะไรไปสู้พวกเขาได้....แค่ได้เห็นมือกีตาร์คนใหม่เล่นในวงเพื่อนเก่าในวันสุดท้ายที่กำแพงเพชรก่อนแหลมมอริสันจะขึ้นเวทีนั่น ก็เห็นว่าเขามีฝีมือดีมากๆแล้ว
คิดแล้วก็ตัดใจ ปั่นจักรยานต่อไป จนมาถึง 4 แยกตลาดสด ไฟแดงติดพอดี จึงหยุดตรงกลาง 4 แยก ชิดซ้ายเข้ามาหน่อย ขณะรอสัญญาณไฟเขียวก็คิดต่อไปอีก....วันมะรืนนี้ หวยจะออกแล้ว เงินเป็นหมื่นเพื่อกีตาร์ดีๆสักตัว ต้องได้มาจากการถูกหวยรางวัลใหญ่เท่านั้น จะถูกได้อย่างไร ? ยังไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ๆมาก่อนเลย แค่เลขท้ายสามตัว หรือแม้กระทั่งสองตัว ก็ถูกยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว ไหนจะฝีมือกีตาร์กระจอกงอกง่อยของเราอีกล่ะ ? พระเจ้าจะช่วยได้ไหม ?
สัญญาณไฟเขียวมาแล้ว แอ๊ดดี้ปั่นจักรยานไปต่อ...และคิดต่อไป...เราไปเข้าโบสถ์เป็นคริสเตียนมาสองสามปีแล้ว เรื่องโชคลาภอะไรแบบนี้ พระเจ้าไม่ช่วยหรอก บางคนบอกด้วยซ้ำว่าโชคลาภมาจากมาร !! มันจริงหรือ ? แล้ว "มาร" ที่เขาว่า หมายถึง ซาตาน ใช่หรือไม่ ???
พอแอ๊ดดี้กลับถึงบ้าน ก็มืดค่ำพอดี เขายกรถจักรยานขึ้นไปบนบ้าน ตั้งขาตั้งจอดไว้ข้างประตู แล้วคว้าผ้านุ่งผ้าเช็ดตัวลงกระไดไปอาบน้ำที่ห้องน้ำหลังบ้าน
เขาตัดสินใจแล้ว...คืนนี้ ก่อนเที่ยงคืน จะปั่นจักรยานออกจากบ้านไปที่ 4 แยกตลาดสดในเมืองตรงนั้น
************************************************************************************************************
ห้าทุ่มครึ่ง...
แอ๊ดดี้ลุกจากเก้าอี้ บนโต๊ะมีขวดเบียร์ตั้งอยู่ห้าขวดซึ่งเขาดื่มหมดแล้ว เขาดื่มเพื่อย้อมใจให้คลายความหวาดกลัวที่มีอยู่ในใจซึ่งบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ตนเองกำลังจะออกไปพบกับปีศาจ...จอมปีศาจเสียด้วย !!
เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองรูปพระเยซูคริสต์ซึ่งตนเอาใส่กรอบแขวนไว้เหนือหัวนอน ทอดถอนใจ และกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
"ข้าแต่พระเจ้า ยกโทษให้ลูกด้วย !!!"
จากนั้นก็หันหลังให้กับภาพแห่งพระบุตร เดินมาที่ประตูบ้าน เปิดประตูแง้มเบาๆ ค่อยๆยกจักรยานหิ้วลงบันได วางขาตั้งจอดบนพื้น กลับขึ้นไปปิดประตูบ้านแล้วลงมา จูงจักรยานขึ้นมาบนถนน แล้วปั่นออกไปทันที มุ่งหน้าสู่ 4 แยกตลาดสดกลางเมืองที่หมาย
เส้นทางจากบ้าน ต้องผ่านป่าช้าใกล้วัด ปกติแม้ในยามเย็น ตะวันยังไม่ทันตกดินก็น่ากลัวอยู่แล้ว นี่เป็นยามดึกห้าทุ่มครึ่ง ยิ่งวังเวงน่ากลัวมากกว่าเป็นสิบเท่า แอ๊ดดี้แข็งใจปั่นจักรยานด้วยความเร็วสุดเท่าที่จะปั่นไปได้เพื่อให้พ้นเขตป่าช้าไปให้ไวที่สุด
พอพ้นเขตป่าช้าได้ก็โล่งอก ไม่มีอะไร ไม่ได้ยินอะไร ไม่ได้เห็นอะไร...
ปั่นจักรยานไป ก็ยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาข้อมือ เวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว อีกสิบนาที ถนนโล่ง นานๆ จะมีรถสวนมา หรือรถวิ่งมาจากข้างหลังแซงจักรยานเขาไป...
เขามองเห็น 4 แยกนั้นอยู่ข้างหน้าแล้ว และที่ตลาดสดห่างออกไปไม่มากก็เริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าขนของมากันบ้างประปราย
ถึงจุดทางแยก แอ๊ดดี้หยุดจักรยาน ลงจากอานตั้งขาจอดจักรยานไว้ข้างฟุตปาทแล้วขึ้นมายืนบนฟุตปาท มองไปทั่วทั้ง 4 เส้นทาง นึกสงสัย ถ้าซาตานจะมาจริงๆ จะมาในรูปแบบใด ? คงจะแปลงตัวมาเป็นคนอย่างที่เพื่อนเล่าให้ฟังกระมัง ?
(มีต่อครับ)