ปี พ.ศ. 2530
เสียงเพลง
SMOKE ON THE WATER ดังสุดโวลลุ่มจากวิทยุเทปเครื่องเล็กขนาดเท่าพ็อกเก็ตบุ๊คเก่าจนสีลอกไปมากแล้ว แข่งกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและพายุฝนซึ่งกำลังเทกระหน่ำอยู่ข้างนอกอย่างหนักหน่วงราวกับฟ้ารั่วและดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเมื่อไร นี่ถ้าไม่มีฝนตกฟ้าร้องขนาดนี้ ใครมาเปิดเพลงร็อกแล้วหมุนโวลลุ่มจนสุดแบบนี้มีหวังโดนก้อนอิฐก้อนหินจากบ้านใกล้เรือนเคียงขว้างมาแน่ ถึงวิทยุจะเครื่องเล็กก็เถอะ แต่เล่นเปิดดังสุดก็หนวกหูชาวบ้านเหมือนกัน
เจ้าของวิทยุ นั่งซ้อมเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆวิทยุเทป กีตาร์ที่เขากำลังเล่นอยู่เป็นกีตาร์โปร่ง แต่เขากำลังซ้อมเล่นโซโล่ ด้วยกีตาร์โปร่งกระจอกๆราคาไม่ถึงพันบาท! เขามองกีตาร์ตัวเองหลังจากซ้อมจนเพลงจบพลางนึก...
อยากได้กีตาร์ไฟฟ้าสักตัว แต่ราคาแม่มเป็นพัน...สามพันสี่พัน ขนาดที่ว่าคุณภาพแค่พอเล่นแก้ขัด ยังไม่มีปัญญาหาเงินเก็บไว้ซื้อเลยเพราะเพิ่งเรียนจบ งานการอะไรก็ยังไม่มีทำ มีแต่ขึ้นวงดนตรี "รำวง" เล่นคืนหนึ่งก็เหนื่อยโคตร ยืนเล่นบนเวทีตั้งแต่สองทุ่ม เลิกเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง ตระเวนไปหลายที่หลายแห่ง เล่นจบหัวหน้าวงแบ่งเงินให้ครั้งละ 6 ร้อยเจ็ดร้อย ไม่คุ้มค่าเหนื่อยเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานอะไรให้ทำ ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน มีเงินมาก็แค่พอกิน...งานออกเดินสายอีกทีจะมีมาเมือไรหนอ ? เงินก็จะหมดอยู่มะรอมมะร่อแล้ว
นึกไปจนอิดหนาระอาใจ แล้วก็วางกีตาร์คู่ชีพพิงฝาห้อง นั่งมองมันไปกินเหล้าไป มันเป็นกีตาร์ตัวแรกในชีวิตที่แม่ให้เงินเขาไปซื้อเป็นของที่ระลึกก่อนที่แม่จะบินจากเขาไปเมืองนอก...ไปอเมริกา แม่เลิกกับพ่อตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่ถึงอาทิตย์ คิดต่อไป...
ชีวิตแMงทำไมถึงได้ห่วยแตกแบบนี้ เห็นคนอื่นที่เขามีพ่อมีแม่แล้วก็ให้นึกอิจฉา พ่อก็เสียชีวิตไปแล้ว เวลาถึงวันพ่อหรือวันแม่ ไม่มีหรอกจะมาซาบซึ้งอะไรเหมือนชาวบ้านเค้า
ลุกขึ้นเดินไปเกาะขอบหน้าต่างห้อง มองออกไปข้างนอก
ฝนยังตกหนักอยู่เลย มันจะตกจนน้ำท่วมบ้านท่วมเมืองหรือไงวะ ? ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ออกไปอาบน้ำฝนดีกว่า สะใจดี ฟ้าจะผ่าก็ช่างแม่มเหอะ !! คิดแล้วก็ปีนขอบหน้าต่างโดดออกไป บ้านยกพื้นไม่สูงนักเขาจึงโดดลงถึงพื้นได้สบายๆแล้วออกไปกลางลานดินหน้าบ้าน กางแขนออกรับน้ำฝน
...เย็นสบายดีเหลือเกิน....
เขายืนอยู่กลางสายฝน นานราวครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากในบ้าน
"กริ๊งงงงงงงงง....กริ๊งงงงงงงง......กริ๊งงงงงงง....."
ใครโทรมาตอนนี้วะ ? จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว...เขานึกสงสัย แล้วเดินกลับจะเข้าบ้าน.
..อ้าว SHIP หาย...ประตูบ้านปิดใส่กลอนข้างใน บ้าเอ๊ยย....นึกแล้วก็ทั้งฉิวทั้งขำตัวเอง ออกมาทางไหนก็ต้องกลับเข้าไปทางนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังไม่ยอมหยุด
ไอ้คนที่โทรมาก็อดทนต่อการรอคอยเหลือเกิน รอไปก่อนละกัน...คิดแล้วก็เดินไปทางหลังบ้าน หอบบันไดไม้ซึ่งพาดอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นหนึ่งมาพาดขอบหน้าต่างที่ตนโดดลงมานั่นแหละ ปีนบันไดกลับเข้าไป
พอกลับเข้ามาในห้องได้แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปยกหูโทรศัพท์ ซึ่งก็ยังดังอยู่
โคตรอดทนเลยว่ะ !! นับถือเลย...เขานึกในใจ แล้วเริ่มพูดด้วยเสียงดังจนเป็นตะโกน เพราะฟ้าฝนข้างนอกยังคำรนคำรามอยู่อย่างกับโลกจะแตก
"ฮัลโหล !!! จากไหนครับ ???"
เสียงตามสายตอบมาด้วยการตะโกนเหมือนกัน คาดว่าทางนั้นก็คงฝนฟ้าคะนองดุจเดียวกัน
"
แอ๊ดดี้ !! นี่
พี่พันนะ !!!"
"อ้อ...ครับผม ว่าไงครับพี่ ?" เขาตอบด้วยความลิงโลด
พี่พันคือหัวหน้าคณะดนตรีรำวง โทรมาแบบนี้ต้องมีงานแน่ๆ
"พรุ่งนี้เช้า ไปกำแพงเพชร จะไปรับที่บ้านเวลาตี 5 ไปเล่นสามคืน เตรียมเสื้อผ้าของใช้ลงกระเป๋าเลยนะ แล้วเข้านอนให้ไว ตี 4 ครึ่งก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเลย โอเค้ ???"
"โอเคครับลูกพี่ !!! ขอบคุณครับ"
"โอเค....งั้นแค่นี้ก่อน เจอกันตี 5 กู๊ดไนท์ !!"
"ฝันดีครับลูกพี่ !! "
จบการสนทนาแล้วก็วางสาย ถอนใจเฮือก
เหนื่อยอีกแล้วกู...สามคืน แต่ไปต่างจังหวัด กลับมาก็คงได้เงินเยอะ ซัก 3 พันน่าจะได้อยู่น่ะ เผลอๆ อาจจะได้ซื้อกีตาร์ไฟฟ้าที่อยากได้มานานสมใจเสียที...
**************************************************************************************************************
วันที่ 3 ของการเดินสาย อ.เมือง จังหวัดกำแพงเพชร
แอ๊ดดี้ กับเพื่อนๆชาวคณะวง "หนองกระทิง" เล่นดนตรีรำวงผ่านมาสองคืนแล้ว และคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้าย เล่นเสร็จแล้วก็จะพากันเดินทางกลับ ช่วงกลางวันที่ว่าง ทั้งวงจึงปรึกษากันว่าจะไปเที่ยวในเมือง แต่จะไปไหนกันดี...
"ได้ยินว่า
แหลม มอริสัน มาแสดงคอนเสิร์ตนะ ไปดูกันไหม ?" ยักษ์ มือกลอง เป็นคนชวน เขาเป็นคนตัวไม่ใหญ่ แต่สมส่วน ผิวคล้ำ หน้าตาดุดันและคิ้วมีรูปหยักหักกลาง แถมไว้หนวดอย่างกับมหาโจร สมชื่อยักษ์แท้ๆ
แอ๊ดดี้ทำตาโต หูผึ่ง ...แหลม มอริสัน "กีต้าร์คิง" ของเมืองไทย มาที่นี่ !! โอ้....จะพลาดได้ไงเล่า
"ไปๆๆ เราไป ยักษ์ โอกาสอย่างนี้หายาก...อ๊อด,เก่ง, กร ไปด้วยกันนะ ?"
"ค่าบัตรผ่านประตูเท่าไร ?" อ๊อด มือเบสร่างสูงผอมถาม
"สามร้อย" ยักษ์ตอบ
"แพงเหมือนกันนะ" เก่ง มือคีย์บอร์ดออกความเห็น เขาเป็นคนผิวขาว หน้าตาออกแนวตี๋ๆ สมกับเป็นลูกคนจีน "แต่ว่า...แลกกับการได้ดูโคตรเซียนกีตาร์อย่างเฮียแหลมตัวเป็นๆ เอาก็เอา! นายล่ะ กร ?" เขาหันไปถามนักร้องนำ
"ในเมื่อเพื่อนๆไป เราก็ไปด้วยสิ จะได้เห็นฝีมือเฮียแกแบบจะแจ้ง" นักร้องหนุ่มตอบรับ เขาเป็นคนหน้าตาดี เวลาขึ้นเวทีแล้วจับไมค์ร้องเพลงลูกทุ่งที แม่ยกมากันตรึม
"โอเค ถ้างั้น ก็ไปกันเลย !!" ยักษ์พยักหน้าแล้วก้าวลงมาจากเวที
"อย่ากลับมามืดค่ำนักนะทุกคน" พี่พันหัวหน้าวงตะโกนบอก ขณะที่ทุกคนทั้งวงกำลังเดินออกไปจากบริเวณเวทีรำวง
"ครับ!!" ทุกคนตะโกนตอบพร้อมกัน
*************************************************************************************************************
ในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ใจกลางเมือง
แอ๊ดดี้ และเพื่อนๆในวง เลือกนั่งกันที่เก้าอี้แถวที่ห้าจากด้านหน้า เพื่อจะได้ดูการแสดงใกล้ๆ
ก่อนที่ "กีต้าร์คิง" แหลม มอริสัน จะขึ้นเวที มีวงดนตรีประกอบรายการขึ้นเล่นโชว์ก่อน
และพอแอ๊ดดี้เห็นสมาชิกในวงนั้นขึ้นเวที สีหน้าและแววตาก็แสดงความเศร้าออกมาให้เพื่อนๆได้เห็น
"พวกนั้น มันเพื่อนเก่าของนายนี่ ใช่ไหม แอ๊ดดี้ ?" อ๊อดเอ่ยถาม
"ใช่" เขาพยักหน้า
"ทำไม นายไม่เล่นกับพวกเขา ?" เก่งสงสัย เพราะเขาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรของแอ๊ดดี้มากนัก แต่เพื่อนๆคนอื่นๆในวงรู้
"พวกนั้น สลัดแอ๊ดดี้ทิ้ง" ยักษ์ตอบ พลางหันไปมองคนบนเวทีซึ่งกำลังเล่นเพลง ANGELINA เป็นเพลงแรก
"ไหงทำงั้น ?" เก่งทำหน้าฉงนข้องใจ "เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ?"
"เรามันฝีมือต่ำต้อย กระจอกสำหรับพวกเขาว่ะ เก่ง!" แอ๊ดดี้กล่าวด้วยความขมขื่น
"ไม่น่าเลย เคยได้ยินว่า ตั้งวงแรกด้วยกันมา ทำกันได้ลงคอ"
"ช่างพวกเขาเถอะเก่ง...พวกเขาเจอมือกีต้าร์ที่เก่งกว่าเรา เล่นดีกว่าเรา ก็สมควรแล้วหละ เรามันเล่นแบบบายฮาร์ท โน้ตก็อ่านไม่เป็น ไอ้เขามันครบเครื่อง เพลงยากๆอะไรก็เล่นได้หมด"
"ถึงยังงั้นก็เถอะ ไม่น่าถึงขั้น สลัดเพื่อนทิ้ง ให้เล่นเป็นมือกีตาร์รองก็ยังดี" เก่งวิจารณ์แล้วส่ายหน้า
"เราก็เห็นด้วยกับเก่งนะ แอ๊ดดี้" อ๊อดกล่าวเสริมบ้าง แล้วพยักเพยิดไปที่มือกีต้าร์คนหนึ่งบนเวทีทางซ้ายมือ "ดูนั่นสิ ทางซ้าย...นั่น ไอ้น้อย มือกีตาร์ แม่มโซโล่ห่าไรไม่เป็นเลยได้แต่ตีคอร์ดอย่างเดียว ยังเล่นอยู่กับวงได้ ทิ้งนายได้ไงวะ ? นายเหนือกว่ามันเป็นสิบเท่า"
"ก็พวกเขาสนิทกัน อยู่ละแวกเดียวกัน ไปมาหาสู่กันประจำ บ้านพวกเขาอยู่ใกล้ๆกันหมด" แอ๊ดดี้กล่าวเหมือนแก้ตัวแทนเพื่อนเก่า ทั้งที่เจ็บปวดใจ
"เฮี่ย! แม่มม...บอกเลย" ยักษ์สบถด่า "คนตั้งวงมาด้วยกัน อยู่กินนอนมาด้วยกัน เป็นเราๆทำไม่ได้หรอก ถีบเพื่อนออกจากวงเพราะได้คนเก่งกว่ามาแทนที่เนี่ยนะ ดีนะที่เรายังไม่ได้กินเหล้าเมา ถ้าตอนเมาๆ จะเข้าไปด่าพวกมันให้เละ มีเรื่องก็มีกัน สัสสเอ๊ยย"
"ขอบใจนะ เพื่อนๆ" แอ๊ดดี้กล่าวขอบคุณ รู้สึกขอบตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำตารื้นๆ "ช่างพวกเขาเถอะ ดูดนตรีกันให้สนุกดีกว่า"
"ดูไอ้พวกนั้นน่ะเหรอ ทุเรศนัยน์ตาแล้วว่ะ บอกตรงๆ" เก่งโพล่งออกมาด้วยเสียงอันดังจนหลายคนหันมามอง
ยักษ์ยกนิ้วชี้ขึ้นมาพาดปาก "จุ๊ๆ เบาหน่อยเพื่อน คนเขามองกันแล้ว"
เก่งลุกขึ้นหันไปรอบทิศพลางยกมือไหว้คนที่กำลังมองด้วยความรำคาญ "ขอโทษครับๆๆ" แล้วทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
"เล่นเพลงแม่มกระจอก SHIPหาย!!" เก่งยังไม่วายอดด่าออกมาเบาๆไม่ได้
"เอาน่าเพื่อน อดทนหน่อย" แอ๊ดดี้ปลอบเพื่อน "วงประกอบรายการเล่นไม่กี่เพลงหรอก อย่างมากไม่เกิน 5 เพลงก็ลงจากเวทีแล้วหละ"
เขาพูดด้วยประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
ที่จริงแล้ว เพื่อนๆเหล่านั้นก็ใช่ว่าตั้งใจขับไล่ไสส่ง แต่เป็นเพราะเขาทำผิดพลาดเองในการแสดงบนเวทีครั้งหนึ่ง เป็นงานแสดงบนเวทีในโรงภาพยนตร์อย่างที่เขากับเพื่อนๆกำลังนั่งดูอยู่ในตอนนี้นี่แหละ มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงและน่าอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตสำหรับเขาเลยก็ว่าได้...
ลางร้ายมันมีมาตั้งแต่แรกเริ่มขึ้นไปบนเวที ตอนนั้น แอ๊ดดี้หยิบกีตาร์ไฟฟ้าตัวหนึ่ง ยี่ห้อกิ๊บสัน ราคาเป็นหมื่น ของมือกีตาร์วงดังที่จะขึ้นมาเล่นต่อจากวงของเขา เขาสะพายกีตาร์ตัวน้น แล้วลองซ้อมท่อนโซโล่ของเพลง HOTEL CALIFORNIA ซึ่งเป็นเพลงดังของวง THE EAGLE แต่พอดีดสายไปเพียงสองสามครั้งเท่านั้น สายหนึ่งก็ขาดผึง...เขาถูกต่อว่าจากเจ้าของกีตาร์เป็นอันมาก ก็ได้แต่ขอโทษขอโพย และรู้สึกใจไม่ดีชอบกล...และเมื่อเขากับเพื่อนๆเล่นเพลงผ่านไปสามเพลง HOTEL CALIFORNIA ก็เป็นเพลงสุดท้าย...แอ๊ดดี้ ทั้งเล่นทั้งร้องเอง ในวงไม่มีใครร้องเพลงฝรั่งได้ มีแต่เขาคนเดียว
เมื่อเล่นถึงตอนโซโล่ปิดท้าย ความหายนะก็บังเกิด...เขาสับสนกับเฟร็ดบนคอกีตาร์ วางมือไม่ถูก แต่ดั้นด้นโซโล่ไปดื้อๆ และแน่นอนว่าเสียงที่ออกมาผิดเพี้ยนอย่างอุบาทว์บัดซบ เขาพยายามหาตำแหน่งเฟร็ตที่มันถูกก็ไปไม่ถูกสักที
จนโซโล่จบ เขารู้สึกหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม และเมื่อเดินลงจากเวที เพื่อนๆในวงไม่มีใครพูดคุยด้วยเลย!! และนั่นคือกาลอวสานของวง CONFUSION วงที่เขาก่อตั้งร่วมกับเพื่อนๆเล่นกันมาแรมปี...คอนฟิวชั่น...ความวุ่นวายสับสน ผีห่าซาตานตนใดดลใจให้เขาตั้งชื่อนี้ก็ไม่รู้ มันถึงจุดจบด้วยความสับสนวุ่นวายจริงๆ สมชื่อ...และหลังจากนั้น เพื่อนๆเหล่านั้น ก็พากันเหินห่างเขาไป ไม่มาชวนไปเล่นไปซ้อมดนตรีด้วยกันอีกเลย...เขาว่างเว้นจากการเล่นดนตรีไปเกือบครึ่งปี จนกระทั่งได้มาพบกับวงดนตรีรำวง "หนองกระทิง" ได้มีโอกาสรู้จักกับพี่พัน หัวหน้าวง และเพื่อนๆในวง จึงได้ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันมาจนถึงบัดนี้
แอ๊ดดี้นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วก็ถอนใจ มองบรรดาเพื่อนเก่าบนเวทีอย่างเศร้าใจ จนกระทั่งพวกนั้นเล่นเพลงสุดท้าย ROCK BOTTOM เพลงร็อกสุดโปรดเพลงหนึ่งของเขา เขามองดูมือกีตาร์คนใหม่ซึ่งมาแทนที่เขา...แล้วก็รู้สึก...
ใช่แล้ว...เรามันห่วยแตก...ฝีมืออ่อนด้อยมาก มือกีตาร์คนนี้โซโล่เฉียบขาดจริงๆ เล่นเหมือนไมเคิล เชงเกอร์ ไม่มีผิด!!! สมควรแล้ว...เรามันไม่คู่ควรสำหรับพวกเขาหรอก !!
นึกคิดไปพลาง ดูเขาเล่นไปพลาง แล้วน้ำตาหยาดหนึ่งก็ไหลซึมที่หางตา...เขายกมือขวาขึ้นปาดทิ้ง ไอ้บ้าเอ๋ย...เมิงจะหลั่งน้ำตาออกมาทำเฮี่ยไรวะ...
วงของเพื่อนๆเหล่านั้นจากไปแล้ว และแล้ว "กีตาร์คิง" แหลม มอริสัน กับวง V.I.P. ก็ขึ้นสู่เวที และเริ่มการแสดงคอนเสิร์ตอย่างดุดันด้วยเพลง YOU REALLY GOT ME
ผู้ชมทุกคนในโรงภาพยนตร์สะใจกันทั่วหน้า พากันโยกหัวตามจังหวะเพลง ฝีมือแหลม มอริสัน ช่างร้ายกาจดุจเทพแท้ๆ เพลงแล้วเพลงเล่าที่ร้องและบรรเลง ฟังแล้วอิ่มอกอิ่มใจ รู้สึกว่าราคาตั๋ว 3 ร้อยบาทนั้นคุ้มค่าจริงๆ
⚡️⚡️⚡️ <<< คนขายวิญญาณ >>> ⚡️⚡️⚡️
ปี พ.ศ. 2530
เสียงเพลง SMOKE ON THE WATER ดังสุดโวลลุ่มจากวิทยุเทปเครื่องเล็กขนาดเท่าพ็อกเก็ตบุ๊คเก่าจนสีลอกไปมากแล้ว แข่งกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าและพายุฝนซึ่งกำลังเทกระหน่ำอยู่ข้างนอกอย่างหนักหน่วงราวกับฟ้ารั่วและดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงเมื่อไร นี่ถ้าไม่มีฝนตกฟ้าร้องขนาดนี้ ใครมาเปิดเพลงร็อกแล้วหมุนโวลลุ่มจนสุดแบบนี้มีหวังโดนก้อนอิฐก้อนหินจากบ้านใกล้เรือนเคียงขว้างมาแน่ ถึงวิทยุจะเครื่องเล็กก็เถอะ แต่เล่นเปิดดังสุดก็หนวกหูชาวบ้านเหมือนกัน
เจ้าของวิทยุ นั่งซ้อมเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆวิทยุเทป กีตาร์ที่เขากำลังเล่นอยู่เป็นกีตาร์โปร่ง แต่เขากำลังซ้อมเล่นโซโล่ ด้วยกีตาร์โปร่งกระจอกๆราคาไม่ถึงพันบาท! เขามองกีตาร์ตัวเองหลังจากซ้อมจนเพลงจบพลางนึก...อยากได้กีตาร์ไฟฟ้าสักตัว แต่ราคาแม่มเป็นพัน...สามพันสี่พัน ขนาดที่ว่าคุณภาพแค่พอเล่นแก้ขัด ยังไม่มีปัญญาหาเงินเก็บไว้ซื้อเลยเพราะเพิ่งเรียนจบ งานการอะไรก็ยังไม่มีทำ มีแต่ขึ้นวงดนตรี "รำวง" เล่นคืนหนึ่งก็เหนื่อยโคตร ยืนเล่นบนเวทีตั้งแต่สองทุ่ม เลิกเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง ตระเวนไปหลายที่หลายแห่ง เล่นจบหัวหน้าวงแบ่งเงินให้ครั้งละ 6 ร้อยเจ็ดร้อย ไม่คุ้มค่าเหนื่อยเลย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานอะไรให้ทำ ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน มีเงินมาก็แค่พอกิน...งานออกเดินสายอีกทีจะมีมาเมือไรหนอ ? เงินก็จะหมดอยู่มะรอมมะร่อแล้ว
นึกไปจนอิดหนาระอาใจ แล้วก็วางกีตาร์คู่ชีพพิงฝาห้อง นั่งมองมันไปกินเหล้าไป มันเป็นกีตาร์ตัวแรกในชีวิตที่แม่ให้เงินเขาไปซื้อเป็นของที่ระลึกก่อนที่แม่จะบินจากเขาไปเมืองนอก...ไปอเมริกา แม่เลิกกับพ่อตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่ถึงอาทิตย์ คิดต่อไป...ชีวิตแMงทำไมถึงได้ห่วยแตกแบบนี้ เห็นคนอื่นที่เขามีพ่อมีแม่แล้วก็ให้นึกอิจฉา พ่อก็เสียชีวิตไปแล้ว เวลาถึงวันพ่อหรือวันแม่ ไม่มีหรอกจะมาซาบซึ้งอะไรเหมือนชาวบ้านเค้า
ลุกขึ้นเดินไปเกาะขอบหน้าต่างห้อง มองออกไปข้างนอก ฝนยังตกหนักอยู่เลย มันจะตกจนน้ำท่วมบ้านท่วมเมืองหรือไงวะ ? ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ออกไปอาบน้ำฝนดีกว่า สะใจดี ฟ้าจะผ่าก็ช่างแม่มเหอะ !! คิดแล้วก็ปีนขอบหน้าต่างโดดออกไป บ้านยกพื้นไม่สูงนักเขาจึงโดดลงถึงพื้นได้สบายๆแล้วออกไปกลางลานดินหน้าบ้าน กางแขนออกรับน้ำฝน...เย็นสบายดีเหลือเกิน....
เขายืนอยู่กลางสายฝน นานราวครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากในบ้าน
"กริ๊งงงงงงงงง....กริ๊งงงงงงงง......กริ๊งงงงงงง....."
ใครโทรมาตอนนี้วะ ? จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว...เขานึกสงสัย แล้วเดินกลับจะเข้าบ้าน...อ้าว SHIP หาย...ประตูบ้านปิดใส่กลอนข้างใน บ้าเอ๊ยย....นึกแล้วก็ทั้งฉิวทั้งขำตัวเอง ออกมาทางไหนก็ต้องกลับเข้าไปทางนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังไม่ยอมหยุด ไอ้คนที่โทรมาก็อดทนต่อการรอคอยเหลือเกิน รอไปก่อนละกัน...คิดแล้วก็เดินไปทางหลังบ้าน หอบบันไดไม้ซึ่งพาดอยู่ที่ต้นมะม่วงต้นหนึ่งมาพาดขอบหน้าต่างที่ตนโดดลงมานั่นแหละ ปีนบันไดกลับเข้าไป
พอกลับเข้ามาในห้องได้แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปยกหูโทรศัพท์ ซึ่งก็ยังดังอยู่ โคตรอดทนเลยว่ะ !! นับถือเลย...เขานึกในใจ แล้วเริ่มพูดด้วยเสียงดังจนเป็นตะโกน เพราะฟ้าฝนข้างนอกยังคำรนคำรามอยู่อย่างกับโลกจะแตก
"ฮัลโหล !!! จากไหนครับ ???"
เสียงตามสายตอบมาด้วยการตะโกนเหมือนกัน คาดว่าทางนั้นก็คงฝนฟ้าคะนองดุจเดียวกัน
"แอ๊ดดี้ !! นี่พี่พันนะ !!!"
"อ้อ...ครับผม ว่าไงครับพี่ ?" เขาตอบด้วยความลิงโลด พี่พันคือหัวหน้าคณะดนตรีรำวง โทรมาแบบนี้ต้องมีงานแน่ๆ
"พรุ่งนี้เช้า ไปกำแพงเพชร จะไปรับที่บ้านเวลาตี 5 ไปเล่นสามคืน เตรียมเสื้อผ้าของใช้ลงกระเป๋าเลยนะ แล้วเข้านอนให้ไว ตี 4 ครึ่งก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเลย โอเค้ ???"
"โอเคครับลูกพี่ !!! ขอบคุณครับ"
"โอเค....งั้นแค่นี้ก่อน เจอกันตี 5 กู๊ดไนท์ !!"
"ฝันดีครับลูกพี่ !! "
จบการสนทนาแล้วก็วางสาย ถอนใจเฮือก เหนื่อยอีกแล้วกู...สามคืน แต่ไปต่างจังหวัด กลับมาก็คงได้เงินเยอะ ซัก 3 พันน่าจะได้อยู่น่ะ เผลอๆ อาจจะได้ซื้อกีตาร์ไฟฟ้าที่อยากได้มานานสมใจเสียที...
**************************************************************************************************************
วันที่ 3 ของการเดินสาย อ.เมือง จังหวัดกำแพงเพชร
แอ๊ดดี้ กับเพื่อนๆชาวคณะวง "หนองกระทิง" เล่นดนตรีรำวงผ่านมาสองคืนแล้ว และคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้าย เล่นเสร็จแล้วก็จะพากันเดินทางกลับ ช่วงกลางวันที่ว่าง ทั้งวงจึงปรึกษากันว่าจะไปเที่ยวในเมือง แต่จะไปไหนกันดี...
"ได้ยินว่า แหลม มอริสัน มาแสดงคอนเสิร์ตนะ ไปดูกันไหม ?" ยักษ์ มือกลอง เป็นคนชวน เขาเป็นคนตัวไม่ใหญ่ แต่สมส่วน ผิวคล้ำ หน้าตาดุดันและคิ้วมีรูปหยักหักกลาง แถมไว้หนวดอย่างกับมหาโจร สมชื่อยักษ์แท้ๆ
แอ๊ดดี้ทำตาโต หูผึ่ง ...แหลม มอริสัน "กีต้าร์คิง" ของเมืองไทย มาที่นี่ !! โอ้....จะพลาดได้ไงเล่า
"ไปๆๆ เราไป ยักษ์ โอกาสอย่างนี้หายาก...อ๊อด,เก่ง, กร ไปด้วยกันนะ ?"
"ค่าบัตรผ่านประตูเท่าไร ?" อ๊อด มือเบสร่างสูงผอมถาม
"สามร้อย" ยักษ์ตอบ
"แพงเหมือนกันนะ" เก่ง มือคีย์บอร์ดออกความเห็น เขาเป็นคนผิวขาว หน้าตาออกแนวตี๋ๆ สมกับเป็นลูกคนจีน "แต่ว่า...แลกกับการได้ดูโคตรเซียนกีตาร์อย่างเฮียแหลมตัวเป็นๆ เอาก็เอา! นายล่ะ กร ?" เขาหันไปถามนักร้องนำ
"ในเมื่อเพื่อนๆไป เราก็ไปด้วยสิ จะได้เห็นฝีมือเฮียแกแบบจะแจ้ง" นักร้องหนุ่มตอบรับ เขาเป็นคนหน้าตาดี เวลาขึ้นเวทีแล้วจับไมค์ร้องเพลงลูกทุ่งที แม่ยกมากันตรึม
"โอเค ถ้างั้น ก็ไปกันเลย !!" ยักษ์พยักหน้าแล้วก้าวลงมาจากเวที
"อย่ากลับมามืดค่ำนักนะทุกคน" พี่พันหัวหน้าวงตะโกนบอก ขณะที่ทุกคนทั้งวงกำลังเดินออกไปจากบริเวณเวทีรำวง
"ครับ!!" ทุกคนตะโกนตอบพร้อมกัน
*************************************************************************************************************
ในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ใจกลางเมือง
แอ๊ดดี้ และเพื่อนๆในวง เลือกนั่งกันที่เก้าอี้แถวที่ห้าจากด้านหน้า เพื่อจะได้ดูการแสดงใกล้ๆ
ก่อนที่ "กีต้าร์คิง" แหลม มอริสัน จะขึ้นเวที มีวงดนตรีประกอบรายการขึ้นเล่นโชว์ก่อน และพอแอ๊ดดี้เห็นสมาชิกในวงนั้นขึ้นเวที สีหน้าและแววตาก็แสดงความเศร้าออกมาให้เพื่อนๆได้เห็น
"พวกนั้น มันเพื่อนเก่าของนายนี่ ใช่ไหม แอ๊ดดี้ ?" อ๊อดเอ่ยถาม
"ใช่" เขาพยักหน้า
"ทำไม นายไม่เล่นกับพวกเขา ?" เก่งสงสัย เพราะเขาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรของแอ๊ดดี้มากนัก แต่เพื่อนๆคนอื่นๆในวงรู้
"พวกนั้น สลัดแอ๊ดดี้ทิ้ง" ยักษ์ตอบ พลางหันไปมองคนบนเวทีซึ่งกำลังเล่นเพลง ANGELINA เป็นเพลงแรก
"ไหงทำงั้น ?" เก่งทำหน้าฉงนข้องใจ "เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ?"
"เรามันฝีมือต่ำต้อย กระจอกสำหรับพวกเขาว่ะ เก่ง!" แอ๊ดดี้กล่าวด้วยความขมขื่น
"ไม่น่าเลย เคยได้ยินว่า ตั้งวงแรกด้วยกันมา ทำกันได้ลงคอ"
"ช่างพวกเขาเถอะเก่ง...พวกเขาเจอมือกีต้าร์ที่เก่งกว่าเรา เล่นดีกว่าเรา ก็สมควรแล้วหละ เรามันเล่นแบบบายฮาร์ท โน้ตก็อ่านไม่เป็น ไอ้เขามันครบเครื่อง เพลงยากๆอะไรก็เล่นได้หมด"
"ถึงยังงั้นก็เถอะ ไม่น่าถึงขั้น สลัดเพื่อนทิ้ง ให้เล่นเป็นมือกีตาร์รองก็ยังดี" เก่งวิจารณ์แล้วส่ายหน้า
"เราก็เห็นด้วยกับเก่งนะ แอ๊ดดี้" อ๊อดกล่าวเสริมบ้าง แล้วพยักเพยิดไปที่มือกีต้าร์คนหนึ่งบนเวทีทางซ้ายมือ "ดูนั่นสิ ทางซ้าย...นั่น ไอ้น้อย มือกีตาร์ แม่มโซโล่ห่าไรไม่เป็นเลยได้แต่ตีคอร์ดอย่างเดียว ยังเล่นอยู่กับวงได้ ทิ้งนายได้ไงวะ ? นายเหนือกว่ามันเป็นสิบเท่า"
"ก็พวกเขาสนิทกัน อยู่ละแวกเดียวกัน ไปมาหาสู่กันประจำ บ้านพวกเขาอยู่ใกล้ๆกันหมด" แอ๊ดดี้กล่าวเหมือนแก้ตัวแทนเพื่อนเก่า ทั้งที่เจ็บปวดใจ
"เฮี่ย! แม่มม...บอกเลย" ยักษ์สบถด่า "คนตั้งวงมาด้วยกัน อยู่กินนอนมาด้วยกัน เป็นเราๆทำไม่ได้หรอก ถีบเพื่อนออกจากวงเพราะได้คนเก่งกว่ามาแทนที่เนี่ยนะ ดีนะที่เรายังไม่ได้กินเหล้าเมา ถ้าตอนเมาๆ จะเข้าไปด่าพวกมันให้เละ มีเรื่องก็มีกัน สัสสเอ๊ยย"
"ขอบใจนะ เพื่อนๆ" แอ๊ดดี้กล่าวขอบคุณ รู้สึกขอบตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำตารื้นๆ "ช่างพวกเขาเถอะ ดูดนตรีกันให้สนุกดีกว่า"
"ดูไอ้พวกนั้นน่ะเหรอ ทุเรศนัยน์ตาแล้วว่ะ บอกตรงๆ" เก่งโพล่งออกมาด้วยเสียงอันดังจนหลายคนหันมามอง
ยักษ์ยกนิ้วชี้ขึ้นมาพาดปาก "จุ๊ๆ เบาหน่อยเพื่อน คนเขามองกันแล้ว"
เก่งลุกขึ้นหันไปรอบทิศพลางยกมือไหว้คนที่กำลังมองด้วยความรำคาญ "ขอโทษครับๆๆ" แล้วทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
"เล่นเพลงแม่มกระจอก SHIPหาย!!" เก่งยังไม่วายอดด่าออกมาเบาๆไม่ได้
"เอาน่าเพื่อน อดทนหน่อย" แอ๊ดดี้ปลอบเพื่อน "วงประกอบรายการเล่นไม่กี่เพลงหรอก อย่างมากไม่เกิน 5 เพลงก็ลงจากเวทีแล้วหละ"
เขาพูดด้วยประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
ที่จริงแล้ว เพื่อนๆเหล่านั้นก็ใช่ว่าตั้งใจขับไล่ไสส่ง แต่เป็นเพราะเขาทำผิดพลาดเองในการแสดงบนเวทีครั้งหนึ่ง เป็นงานแสดงบนเวทีในโรงภาพยนตร์อย่างที่เขากับเพื่อนๆกำลังนั่งดูอยู่ในตอนนี้นี่แหละ มันเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงและน่าอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตสำหรับเขาเลยก็ว่าได้...
ลางร้ายมันมีมาตั้งแต่แรกเริ่มขึ้นไปบนเวที ตอนนั้น แอ๊ดดี้หยิบกีตาร์ไฟฟ้าตัวหนึ่ง ยี่ห้อกิ๊บสัน ราคาเป็นหมื่น ของมือกีตาร์วงดังที่จะขึ้นมาเล่นต่อจากวงของเขา เขาสะพายกีตาร์ตัวน้น แล้วลองซ้อมท่อนโซโล่ของเพลง HOTEL CALIFORNIA ซึ่งเป็นเพลงดังของวง THE EAGLE แต่พอดีดสายไปเพียงสองสามครั้งเท่านั้น สายหนึ่งก็ขาดผึง...เขาถูกต่อว่าจากเจ้าของกีตาร์เป็นอันมาก ก็ได้แต่ขอโทษขอโพย และรู้สึกใจไม่ดีชอบกล...และเมื่อเขากับเพื่อนๆเล่นเพลงผ่านไปสามเพลง HOTEL CALIFORNIA ก็เป็นเพลงสุดท้าย...แอ๊ดดี้ ทั้งเล่นทั้งร้องเอง ในวงไม่มีใครร้องเพลงฝรั่งได้ มีแต่เขาคนเดียว เมื่อเล่นถึงตอนโซโล่ปิดท้าย ความหายนะก็บังเกิด...เขาสับสนกับเฟร็ดบนคอกีตาร์ วางมือไม่ถูก แต่ดั้นด้นโซโล่ไปดื้อๆ และแน่นอนว่าเสียงที่ออกมาผิดเพี้ยนอย่างอุบาทว์บัดซบ เขาพยายามหาตำแหน่งเฟร็ตที่มันถูกก็ไปไม่ถูกสักที
จนโซโล่จบ เขารู้สึกหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม และเมื่อเดินลงจากเวที เพื่อนๆในวงไม่มีใครพูดคุยด้วยเลย!! และนั่นคือกาลอวสานของวง CONFUSION วงที่เขาก่อตั้งร่วมกับเพื่อนๆเล่นกันมาแรมปี...คอนฟิวชั่น...ความวุ่นวายสับสน ผีห่าซาตานตนใดดลใจให้เขาตั้งชื่อนี้ก็ไม่รู้ มันถึงจุดจบด้วยความสับสนวุ่นวายจริงๆ สมชื่อ...และหลังจากนั้น เพื่อนๆเหล่านั้น ก็พากันเหินห่างเขาไป ไม่มาชวนไปเล่นไปซ้อมดนตรีด้วยกันอีกเลย...เขาว่างเว้นจากการเล่นดนตรีไปเกือบครึ่งปี จนกระทั่งได้มาพบกับวงดนตรีรำวง "หนองกระทิง" ได้มีโอกาสรู้จักกับพี่พัน หัวหน้าวง และเพื่อนๆในวง จึงได้ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันมาจนถึงบัดนี้
แอ๊ดดี้นึกถึงเรื่องในอดีตแล้วก็ถอนใจ มองบรรดาเพื่อนเก่าบนเวทีอย่างเศร้าใจ จนกระทั่งพวกนั้นเล่นเพลงสุดท้าย ROCK BOTTOM เพลงร็อกสุดโปรดเพลงหนึ่งของเขา เขามองดูมือกีตาร์คนใหม่ซึ่งมาแทนที่เขา...แล้วก็รู้สึก...ใช่แล้ว...เรามันห่วยแตก...ฝีมืออ่อนด้อยมาก มือกีตาร์คนนี้โซโล่เฉียบขาดจริงๆ เล่นเหมือนไมเคิล เชงเกอร์ ไม่มีผิด!!! สมควรแล้ว...เรามันไม่คู่ควรสำหรับพวกเขาหรอก !!
นึกคิดไปพลาง ดูเขาเล่นไปพลาง แล้วน้ำตาหยาดหนึ่งก็ไหลซึมที่หางตา...เขายกมือขวาขึ้นปาดทิ้ง ไอ้บ้าเอ๋ย...เมิงจะหลั่งน้ำตาออกมาทำเฮี่ยไรวะ...
วงของเพื่อนๆเหล่านั้นจากไปแล้ว และแล้ว "กีตาร์คิง" แหลม มอริสัน กับวง V.I.P. ก็ขึ้นสู่เวที และเริ่มการแสดงคอนเสิร์ตอย่างดุดันด้วยเพลง YOU REALLY GOT ME
ผู้ชมทุกคนในโรงภาพยนตร์สะใจกันทั่วหน้า พากันโยกหัวตามจังหวะเพลง ฝีมือแหลม มอริสัน ช่างร้ายกาจดุจเทพแท้ๆ เพลงแล้วเพลงเล่าที่ร้องและบรรเลง ฟังแล้วอิ่มอกอิ่มใจ รู้สึกว่าราคาตั๋ว 3 ร้อยบาทนั้นคุ้มค่าจริงๆ