ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก
จากสถานีรถไฟ JR ฮาโกดาเตะ เดินทางโดย LTD. EXP HOKUTO หรือ LTD. EXP SUPER HOKUTO เพื่อไปลงที่สถานี Noboribetsu ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า
เมื่อมาถึงสถานีโนโบริเบ็ทสึแล้ว ต้องนั่งรถบัสหน้าสถานีเพื่อไปลงป้ายโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นซึ่งรถจะไปที่ป้ายนี้เยอะกว่า แต่จากป้ายโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นไปโรงแรมที่จองในคืนนี้คือ Takimoto Inn ต้องเดินอีกไกลพอสมควร เป็นทางขึ้นเนินด้วยลากกระเป๋าเหนื่อยทีเดียว ความจริงจะนั่งไปลงป้ายโรงแรม Daichi ก็ได้ค่ะ แต่ต้องรอเฉพาะบางคันที่ไปเท่านั้น จองTakimoto Inn ผ่าน Booking.com ราคาอยู่ที่ 3,xxx บาทรวมอาหารเช้า โรงแรมสองดาวแต่ได้คะแนนทำเลดี จุดเด่นของโรงแรมนี้คือตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเดินไปยังหุบเขานรกได้ เป็นโรงแรมในเครือ Daichi ซึ่งมีออนเซนที่เปิด 24 ชั่วโมง ถ้าเข้าพักที่ Takimoto Inn สามารถใช้บริการที่ Daichi ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ฟรีตลอดวัน มีสวนน้ำ สระว่ายน้ำ อ่างน้ำอุ่นนวดตัว ออนเซนในร่มและแบบกลางแจ้ง มีร้านค้า โซนของเล่นเด็ก ให้เพลิดเพลินกันได้ทั้งวัน
ภาพจาก booking.com นะคะ เผื่อหาโรงแรมไม่เจอ เพราะตอนไปก็ต้องใช้ภาพนี้หาเหมือนกัน ป้ายชื่อโรงแรมภาษาอังกฤษเล็ก มองไม่ค่อยเห็นค่ะ ต้องอาศัยเทียบตึกกับรูป
นั่งรถจากฮาโกดาเตะมาตั้งไกลหลังจากเก็บกระเป๋าท้องก็เริ่มหิวต้องแวะทานอาหารกันก่อน วันนี้ทานร้านอาหารโฮมเมดแนวคาเฟ่ จะตั้งอยู่ชั้นสอง ฝั่งตรงข้ามเป็นเอ็มมะโดภายในมีหุ่นกลท่านยมราชซึ่งจะเคลื่อนไหวและมีเสียงตามเวลาทุก 2-3 ชั่วโมงในเวลากลางวันค่ะ
มื้อนี้เป็นอาหารง่ายๆ ไสตล์โฮมเมดของญี่ปุ่น คือข้าวห่อไข่ และยากิโซบะ
หลังจากอิ่มท้องก็ไปตะลุยกันต่อที่หุบเขานรก หรือ จิโกกุดานิ ระหว่างทางเดินไปก็พบกับยักษ์สีแดงและยักษ์สีน้ำเงินตากหิมะอยู่ และรูปปั้นเหล่ายักษ์อันเป็นสัญลักษณ์ของโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นนี้ ยังสามารถพบเห็นได้ในหลายอิริยาบถตามที่ต่างๆในเมืองเช่นหน้าสถานี JR อีกด้วย ยักษ์ที่อาศัยอยู่ในจิโกกุดานิจะถูกเรียกว่ายุคิจิน เป็นยักษ์ดีที่จะนำเอาโชคร้ายไปแล้วขอให้ผู้คนมีแต่ความสุข
เมืองโนโบริเบทสึเป็นแหล่งออนเซ็น มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและมีความแตกต่างกันหลากหลายชนิดซึ่งถูกพ่นออกมาจากหุบเขาจิโกกุดานิและถูกส่งต่อไปยังเรียวกังและโรงแรมแต่ละแห่ง จิโกกุดานิเป็นร่องรอยของปล่องภูเขาไฟระเบิดจากการปะทุของภูเขาไฟคุตตะละ ตามหุบเขาก็จะมีรูพ่นแก๊สหรือพุแก๊สจำนวนมาก เมื่อย่างเข้าไปในจิโกกุดานิ จะมีกลิ่นกำมะถันตลบอบอวล ไอน้ำไอระเหยจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในนรก แต่ในฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็ทำให้เราได้เห็นความสวยงามของวิวธรรมชาติที่แปลกตาไปอีกแบบหนึ่งค่ะ
ตามทางเดินส่วนใหญ่ในจิโกกุดานิก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง อีกทั้งเส้นทางบางเส้นทาง อย่างเช่นบ่อแช่เท้าธรรมชาติโอยุนุมะ ในวันที่เดินทางไปถูกทับถมด้วยหิมะจนทางปิดไม่สามารถเดินเข้าไปได้ค่ะ
สะพานไม้นี้จะเป็นทางเดินลงไปสู่ตรงกลางซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนระอุ สังเกตสองข้างทางของสะพานจะมีควันจากความร้อนลอยขึ้นมาตลอดเวลา สมกับที่บอกว่าเหมือนนรกจริงๆ
นี่คือเท็ตเซ็นอิเคะ เป็นน้ำพุร้อนที่อยู่สุดทางเดินสะพานไม้กลางจิโกกุดานิค่ะ กำลังเดือดปุดๆเลยทีเดียว
บริเวณโดยรอบจะเป็นธารน้ำที่ออกสีเหลืองนี่ คิดว่าน่าจะเป็นส่วนผสมของกำมะถันในน้ำพุร้อนที่ผุดออกมาและไหลไปทั่วบริเวณ
ถ้าใครต้องการเดินเที่ยวในบริเวณรอบๆของโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นก็ตามแผนที่นี้เลยค่ะ
หลังจากเดินชมจิโกกุดานิกันจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาเล่นน้ำและแช่ออนเซ็นในโรงแรมไดอิจิ ก่อนมาได้สอบถามทางโรงแรมทาคิโมโตะ อินน์เรียบร้อยแล้วว่าสามารถเล่นสวนน้ำได้แต่ต้องเตรียมชุดว่ายน้ำมา ภายในมีสระว่ายน้ำในร่มที่เป็นน้ำอุ่นและมีไสลด์เดอร์ขนาดไม่สูงมากที่ปีนขึ้นไปและลื่นลงมาในสระ สนุกดีค่ะ แต่ถ่ายรูปมาไม่ได้ แถมยังมีอ่างน้ำวนเป็นน้ำอุ่นที่ช่วยนวดตัวอีกด้วย หลังจากเล่นในสวนน้ำเสร็จก็ไปต่อที่ออนเซ็นค่ะ
ภายในออนเซ็นมีบ่อมากมายหลายสรรพคุณ แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดเท่าไหร่ เพราะไอน้ำคละคลุ้งไปทั่ว ประกอบกับมีผ้าเช็ดตัวให้ปิดแค่ผืนเดียวเจอบ่อไหนก็ลงไปค่ะ ขึ้นๆลงๆ อยู่สามสี่บ่อก็ออกไปบ่อกลางแจ้ง บรื๋อลมโชยมาสะท้านค่ะ แต่พอได้ลงบ่อแล้วก็สบายมาก แช่ตัวอยู่ในบ่อกลางหิมะโปรย ด้านข้างเป็นภูเขา พูดเลยว่าฟินมาก ได้แช่น้ำแร่จนคุ้มก็ออกมาแต่งตัวกลับเข้าที่พักค่ะ
ช่วงเย็นก็ถึงเวลากินอีกแล้ว อาหารทะเลที่นี่ก็ไม่แพ้ใครนะคะเพราะติดทะเลเหมือนกัน ไคเซนด้งอีกครั้งแกล้มด้วยแซลมอนทอด กับข้าวหน้าแกงกะหรี่ทะเล
กินเสร็จก็ออกเดินหาของแปลกประจำเมืองกันต่อค่ะ เป็นโคล่าในขวดรูปหมี สัญลักษณ์แห่งฟาร์มหมีของที่นี่และก็นมขวดรูปร่างน่ารัก
เข้านอนด้วยความสบายตัวหลังจากได้แช่ออนเซ็นร้อนๆ หายเมื่อยได้ดีทีเดียว
เช้ารุ่งขึ้นพาไปเที่ยวกันที่ ธีมพาร์คของที่นี่ โนโบริเบ็ทสึ ดาเตะ จิไดมุระ ราคาค่าเข้าอยู่ที่ 2,900 เยนต่อคนค่ะ
ดาเตะ จิไดมุระ เป็นธีมพาร์คย้อนยุคไปประมาณเมื่อ 400 ปีก่อน สมัยเอโดะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 250 ปี มีคฤหาสน์นักรบ และร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตามถนนในเมือง อีกทั้งยังมีบ้านนินจาซึ่งเต็มไปด้วยกลไกซับซ้อนมากมาย โรงละครโออิรัน วัดแมวผี กระท่อมสัตว์ประหลาด หอระฆังและจำลองการใช้ชีวิตทั่วไปของชาวบ้าน
ภายในมีการแสดงโชว์ต่างๆมากมาย ยกเว้นการแสดงกลางแจ้งซึ่งจะงดในช่วงฤดูหนาว ส่วนโชว์อื่นๆถ้าใครต้องการดูให้ครบ ต้องเช็คเวลาแสดงดีๆ นะคะ จะได้ดูครบทั้งหมด เพราะถ้าพลาดจะต้องรออีกเป็นชั่วโมงทีเดียว
การแสดงโชว์โออิรันในโรงละครวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีให้ผู้ชมขึ้นไปร่วมแสดงด้วย ตลกดีค่ะ
การแสดงโชว์นินจาในบ้านนินจาคาสุมิ ตื่นเต้นเร้าใจดี มีห้อยโหนจากเพดาน และ กระโดดลงมากลางคนดูด้วยค่ะ
มีโซนลานประลองเพื่อฝึกทักษะนินจาเช่นการปาดาวกระจายและการยิงธนูนะคะ แต่ต้องเสียเงินเพิ่ม เล่นเพื่อให้ได้ตุ๊กตา
เข้าไปในเขาวงกตนินจามีกลไกซับซ้อน อย่างเช่นมีประตูบานเลื่อน เปิดไปมาออกคนละด้าน เข้าไปแล้วพื้นบ้านก็จะเอียงต้องเกาะให้ดีๆนะคะ มีพื้นที่หมุนได้เองและบันไดสาสมิติ
ในหมู่บ้านมีหอระวังไฟไหม้ และแสดงการใช้ชีวิตร่วมกันของชาวบ้าน และบ้านของซามูไร
ส่วนบ้านแมวผี และกระท่อมสัตว์ปะหลาดจะอยู่ใกล้กันค่ะ เตรียมระทึกใจต่อเนื่องได้เลย
อีกทั้งยังมีร้านขายของ ร้านอาหารที่คนขายแต่งกายแบบในสมัยเอโดะอีกด้วย
เดินเที่ยวจนทั่ว ก็ถึงเวลาต้องกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แต่เนื่องจากเที่ยวจนเลยเวลา จะไม่มีรถมาจอดหน้าธีมพาร์คแล้วต้องเดินออกไปเพื่อขึ้นรถตามแผนที่นี้ค่ะ
ขามาขึ้นรถจากหน้าโรงแรมไดอิจิมาลงที่ป้าย Noboribetsu Jidaimura Mae (for JR station) ถ้าขากลับรถที่จะไปโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นโดยผ่านหน้าธีมพาร์คจะมีน้อยกว่า ถ้าไม่ทันก็ต้องเดินไปขึ้นป้าย Sanai Byoin Mae แทนค่ะ ส่วนใครอยากหิ้วกระเป๋ามาเลยในนี้ก็มีตู้ฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญด้วยนะคะ เพิ่งรู้หลังจากมาถึงแล้วเลยต้องกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง
รับกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกจากโนโบริเบ็ทสึนั่งรถบัสมาลงยังสถานีเพื่อต่อรถไฟไปยังอาซาฮิคาวะ เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันในตอนถัดไปค่ะ
ติดตามการกินเที่ยวเพิ่มเติมกันได้ที่
https://www.facebook.com/Bear2Travel/
ตอนที่ 1 Sapporo เมืองแสนหวาน
https://ppantip.com/topic/36807256
ตอนที่ 2 Otaru เมืองแห่งเวลา(โรแมนติก)
https://ppantip.com/topic/36813897
ตอนที่ 3 Hakodate เมืองแห่งแสงสียามค่ำคืน VS ตลาดสดยามเช้า
https://ppantip.com/topic/36834512
ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก
https://ppantip.com/topic/36867555
ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก (จบ)
https://ppantip.com/topic/36898142
[CR] Hokkaido Cold Weather, Warm Heart - ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก
จากสถานีรถไฟ JR ฮาโกดาเตะ เดินทางโดย LTD. EXP HOKUTO หรือ LTD. EXP SUPER HOKUTO เพื่อไปลงที่สถานี Noboribetsu ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่า
เมื่อมาถึงสถานีโนโบริเบ็ทสึแล้ว ต้องนั่งรถบัสหน้าสถานีเพื่อไปลงป้ายโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นซึ่งรถจะไปที่ป้ายนี้เยอะกว่า แต่จากป้ายโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นไปโรงแรมที่จองในคืนนี้คือ Takimoto Inn ต้องเดินอีกไกลพอสมควร เป็นทางขึ้นเนินด้วยลากกระเป๋าเหนื่อยทีเดียว ความจริงจะนั่งไปลงป้ายโรงแรม Daichi ก็ได้ค่ะ แต่ต้องรอเฉพาะบางคันที่ไปเท่านั้น จองTakimoto Inn ผ่าน Booking.com ราคาอยู่ที่ 3,xxx บาทรวมอาหารเช้า โรงแรมสองดาวแต่ได้คะแนนทำเลดี จุดเด่นของโรงแรมนี้คือตั้งอยู่ในจุดที่สามารถเดินไปยังหุบเขานรกได้ เป็นโรงแรมในเครือ Daichi ซึ่งมีออนเซนที่เปิด 24 ชั่วโมง ถ้าเข้าพักที่ Takimoto Inn สามารถใช้บริการที่ Daichi ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ฟรีตลอดวัน มีสวนน้ำ สระว่ายน้ำ อ่างน้ำอุ่นนวดตัว ออนเซนในร่มและแบบกลางแจ้ง มีร้านค้า โซนของเล่นเด็ก ให้เพลิดเพลินกันได้ทั้งวัน
ภาพจาก booking.com นะคะ เผื่อหาโรงแรมไม่เจอ เพราะตอนไปก็ต้องใช้ภาพนี้หาเหมือนกัน ป้ายชื่อโรงแรมภาษาอังกฤษเล็ก มองไม่ค่อยเห็นค่ะ ต้องอาศัยเทียบตึกกับรูป
นั่งรถจากฮาโกดาเตะมาตั้งไกลหลังจากเก็บกระเป๋าท้องก็เริ่มหิวต้องแวะทานอาหารกันก่อน วันนี้ทานร้านอาหารโฮมเมดแนวคาเฟ่ จะตั้งอยู่ชั้นสอง ฝั่งตรงข้ามเป็นเอ็มมะโดภายในมีหุ่นกลท่านยมราชซึ่งจะเคลื่อนไหวและมีเสียงตามเวลาทุก 2-3 ชั่วโมงในเวลากลางวันค่ะ
มื้อนี้เป็นอาหารง่ายๆ ไสตล์โฮมเมดของญี่ปุ่น คือข้าวห่อไข่ และยากิโซบะ
หลังจากอิ่มท้องก็ไปตะลุยกันต่อที่หุบเขานรก หรือ จิโกกุดานิ ระหว่างทางเดินไปก็พบกับยักษ์สีแดงและยักษ์สีน้ำเงินตากหิมะอยู่ และรูปปั้นเหล่ายักษ์อันเป็นสัญลักษณ์ของโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นนี้ ยังสามารถพบเห็นได้ในหลายอิริยาบถตามที่ต่างๆในเมืองเช่นหน้าสถานี JR อีกด้วย ยักษ์ที่อาศัยอยู่ในจิโกกุดานิจะถูกเรียกว่ายุคิจิน เป็นยักษ์ดีที่จะนำเอาโชคร้ายไปแล้วขอให้ผู้คนมีแต่ความสุข
เมืองโนโบริเบทสึเป็นแหล่งออนเซ็น มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงและมีความแตกต่างกันหลากหลายชนิดซึ่งถูกพ่นออกมาจากหุบเขาจิโกกุดานิและถูกส่งต่อไปยังเรียวกังและโรงแรมแต่ละแห่ง จิโกกุดานิเป็นร่องรอยของปล่องภูเขาไฟระเบิดจากการปะทุของภูเขาไฟคุตตะละ ตามหุบเขาก็จะมีรูพ่นแก๊สหรือพุแก๊สจำนวนมาก เมื่อย่างเข้าไปในจิโกกุดานิ จะมีกลิ่นกำมะถันตลบอบอวล ไอน้ำไอระเหยจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในนรก แต่ในฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะก็ทำให้เราได้เห็นความสวยงามของวิวธรรมชาติที่แปลกตาไปอีกแบบหนึ่งค่ะ
ตามทางเดินส่วนใหญ่ในจิโกกุดานิก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง อีกทั้งเส้นทางบางเส้นทาง อย่างเช่นบ่อแช่เท้าธรรมชาติโอยุนุมะ ในวันที่เดินทางไปถูกทับถมด้วยหิมะจนทางปิดไม่สามารถเดินเข้าไปได้ค่ะ
สะพานไม้นี้จะเป็นทางเดินลงไปสู่ตรงกลางซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนระอุ สังเกตสองข้างทางของสะพานจะมีควันจากความร้อนลอยขึ้นมาตลอดเวลา สมกับที่บอกว่าเหมือนนรกจริงๆ
นี่คือเท็ตเซ็นอิเคะ เป็นน้ำพุร้อนที่อยู่สุดทางเดินสะพานไม้กลางจิโกกุดานิค่ะ กำลังเดือดปุดๆเลยทีเดียว
บริเวณโดยรอบจะเป็นธารน้ำที่ออกสีเหลืองนี่ คิดว่าน่าจะเป็นส่วนผสมของกำมะถันในน้ำพุร้อนที่ผุดออกมาและไหลไปทั่วบริเวณ
ถ้าใครต้องการเดินเที่ยวในบริเวณรอบๆของโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นก็ตามแผนที่นี้เลยค่ะ
หลังจากเดินชมจิโกกุดานิกันจนพอใจแล้วก็ถึงเวลาเล่นน้ำและแช่ออนเซ็นในโรงแรมไดอิจิ ก่อนมาได้สอบถามทางโรงแรมทาคิโมโตะ อินน์เรียบร้อยแล้วว่าสามารถเล่นสวนน้ำได้แต่ต้องเตรียมชุดว่ายน้ำมา ภายในมีสระว่ายน้ำในร่มที่เป็นน้ำอุ่นและมีไสลด์เดอร์ขนาดไม่สูงมากที่ปีนขึ้นไปและลื่นลงมาในสระ สนุกดีค่ะ แต่ถ่ายรูปมาไม่ได้ แถมยังมีอ่างน้ำวนเป็นน้ำอุ่นที่ช่วยนวดตัวอีกด้วย หลังจากเล่นในสวนน้ำเสร็จก็ไปต่อที่ออนเซ็นค่ะ
ภายในออนเซ็นมีบ่อมากมายหลายสรรพคุณ แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดเท่าไหร่ เพราะไอน้ำคละคลุ้งไปทั่ว ประกอบกับมีผ้าเช็ดตัวให้ปิดแค่ผืนเดียวเจอบ่อไหนก็ลงไปค่ะ ขึ้นๆลงๆ อยู่สามสี่บ่อก็ออกไปบ่อกลางแจ้ง บรื๋อลมโชยมาสะท้านค่ะ แต่พอได้ลงบ่อแล้วก็สบายมาก แช่ตัวอยู่ในบ่อกลางหิมะโปรย ด้านข้างเป็นภูเขา พูดเลยว่าฟินมาก ได้แช่น้ำแร่จนคุ้มก็ออกมาแต่งตัวกลับเข้าที่พักค่ะ
ช่วงเย็นก็ถึงเวลากินอีกแล้ว อาหารทะเลที่นี่ก็ไม่แพ้ใครนะคะเพราะติดทะเลเหมือนกัน ไคเซนด้งอีกครั้งแกล้มด้วยแซลมอนทอด กับข้าวหน้าแกงกะหรี่ทะเล
กินเสร็จก็ออกเดินหาของแปลกประจำเมืองกันต่อค่ะ เป็นโคล่าในขวดรูปหมี สัญลักษณ์แห่งฟาร์มหมีของที่นี่และก็นมขวดรูปร่างน่ารัก
เข้านอนด้วยความสบายตัวหลังจากได้แช่ออนเซ็นร้อนๆ หายเมื่อยได้ดีทีเดียว
เช้ารุ่งขึ้นพาไปเที่ยวกันที่ ธีมพาร์คของที่นี่ โนโบริเบ็ทสึ ดาเตะ จิไดมุระ ราคาค่าเข้าอยู่ที่ 2,900 เยนต่อคนค่ะ
ดาเตะ จิไดมุระ เป็นธีมพาร์คย้อนยุคไปประมาณเมื่อ 400 ปีก่อน สมัยเอโดะที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 250 ปี มีคฤหาสน์นักรบ และร้านรวงที่ตั้งเรียงรายตามถนนในเมือง อีกทั้งยังมีบ้านนินจาซึ่งเต็มไปด้วยกลไกซับซ้อนมากมาย โรงละครโออิรัน วัดแมวผี กระท่อมสัตว์ประหลาด หอระฆังและจำลองการใช้ชีวิตทั่วไปของชาวบ้าน
ภายในมีการแสดงโชว์ต่างๆมากมาย ยกเว้นการแสดงกลางแจ้งซึ่งจะงดในช่วงฤดูหนาว ส่วนโชว์อื่นๆถ้าใครต้องการดูให้ครบ ต้องเช็คเวลาแสดงดีๆ นะคะ จะได้ดูครบทั้งหมด เพราะถ้าพลาดจะต้องรออีกเป็นชั่วโมงทีเดียว
การแสดงโชว์โออิรันในโรงละครวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีให้ผู้ชมขึ้นไปร่วมแสดงด้วย ตลกดีค่ะ
การแสดงโชว์นินจาในบ้านนินจาคาสุมิ ตื่นเต้นเร้าใจดี มีห้อยโหนจากเพดาน และ กระโดดลงมากลางคนดูด้วยค่ะ
มีโซนลานประลองเพื่อฝึกทักษะนินจาเช่นการปาดาวกระจายและการยิงธนูนะคะ แต่ต้องเสียเงินเพิ่ม เล่นเพื่อให้ได้ตุ๊กตา
เข้าไปในเขาวงกตนินจามีกลไกซับซ้อน อย่างเช่นมีประตูบานเลื่อน เปิดไปมาออกคนละด้าน เข้าไปแล้วพื้นบ้านก็จะเอียงต้องเกาะให้ดีๆนะคะ มีพื้นที่หมุนได้เองและบันไดสาสมิติ
ในหมู่บ้านมีหอระวังไฟไหม้ และแสดงการใช้ชีวิตร่วมกันของชาวบ้าน และบ้านของซามูไร
ส่วนบ้านแมวผี และกระท่อมสัตว์ปะหลาดจะอยู่ใกล้กันค่ะ เตรียมระทึกใจต่อเนื่องได้เลย
อีกทั้งยังมีร้านขายของ ร้านอาหารที่คนขายแต่งกายแบบในสมัยเอโดะอีกด้วย
เดินเที่ยวจนทั่ว ก็ถึงเวลาต้องกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แต่เนื่องจากเที่ยวจนเลยเวลา จะไม่มีรถมาจอดหน้าธีมพาร์คแล้วต้องเดินออกไปเพื่อขึ้นรถตามแผนที่นี้ค่ะ
ขามาขึ้นรถจากหน้าโรงแรมไดอิจิมาลงที่ป้าย Noboribetsu Jidaimura Mae (for JR station) ถ้าขากลับรถที่จะไปโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นโดยผ่านหน้าธีมพาร์คจะมีน้อยกว่า ถ้าไม่ทันก็ต้องเดินไปขึ้นป้าย Sanai Byoin Mae แทนค่ะ ส่วนใครอยากหิ้วกระเป๋ามาเลยในนี้ก็มีตู้ฝากกระเป๋าแบบหยอดเหรียญด้วยนะคะ เพิ่งรู้หลังจากมาถึงแล้วเลยต้องกลับไปที่โรงแรมอีกครั้ง
รับกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกจากโนโบริเบ็ทสึนั่งรถบัสมาลงยังสถานีเพื่อต่อรถไฟไปยังอาซาฮิคาวะ เมืองที่เราจะไปเที่ยวกันในตอนถัดไปค่ะ
ติดตามการกินเที่ยวเพิ่มเติมกันได้ที่ https://www.facebook.com/Bear2Travel/
ตอนที่ 1 Sapporo เมืองแสนหวาน https://ppantip.com/topic/36807256
ตอนที่ 2 Otaru เมืองแห่งเวลา(โรแมนติก) https://ppantip.com/topic/36813897
ตอนที่ 3 Hakodate เมืองแห่งแสงสียามค่ำคืน VS ตลาดสดยามเช้า https://ppantip.com/topic/36834512
ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก https://ppantip.com/topic/36867555
ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก (จบ) https://ppantip.com/topic/36898142
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น