ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก
อาซาฮิคาวะ อยู่ห่างจากซัปโปโรราว 136 กิโลเมตร และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด ตัวเมืองมีแม่น้ำอิชิคาริและ แม่น้ำชูเบ็ตสึไหลผ่าน นอกจากนั้นอะซาฮิคาวะยังได้ชื่อว่าเป็นหลังคาเกาะฮอกไกโด เนื่องจากมีภูเขาสูงและภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยป่าไม้และธารน้ำ ในฤดูหนาวจึงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาและยังนับเป็นดินแดนสุดหนาวบนเกาะฮอกไกโดด้วย
จากโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นเดินทางมาต่อรถไฟที่ซัปโปโรเพื่อไปอาซาฮิคาวะ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ถึงสถานีรถไฟในเมืองอาซาฮิคาวะก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม กลัวมากว่าจะไม่มีที่ให้กินข้าว เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากข้าวเช้าจากโรงแรม แต่โชคดีที่สถานีนี้เป็นสถานีใหญ่เชื่อมต่อกลับห้างสรรพสินค้าและมีฟู้ดคอร์ทด้วย เลยต้องรีบกินก่อนเข้าโรงแรมเพราะถ้ากลับมาอีกทีร้านอาจจะปิดได้ ที่ญี่ปุ่นร้านปิด-เปิดตรงเวลามากค่ะ ใครที่วางแผนมาอาซาฮิคาวะและหวังจะมาฝากท้องที่นี่แนะนำว่าให้มาถึงก่อนสามทุ่ม
ที่ฟู้ดคอร์ทมีให้เลือกอยู่หลายร้านทีเดียว เช่น ราเมนของขึ้นชื่อของอาซาฮิคาวะ ข้าวห่อไข่ ข้าวหน้าต่างๆ ยากิโซบะ Pepper lunch วันนี้เลือกเป็นราเมนชุด มีข้าวผัด เกี๊ยวซ่าและราเมนชามโตทีเดียว กับข้าวห่อไข่ไก่คาราเกะ กินข้าวห่อไข่ที่เมืองไทยมาหลายร้านรสชาติยังไม่ได้เท่าที่ญี่ปุ่น ไม่รู้เค้าผสมซอสผัดข้าวยังไงถึงเข้มข้นแต่ไม่เปรี้ยวซอสมะเขือเทศเกินไป
กินอิ่มสบายท้องแล้วคราวนี้ออกจากสถานีเดินหาโรงแรมต่อไป คืนนี้พักที่ Hotel Route Inn Grand Asahikawa โรงแรมนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีค่ะ ยืนหน้าสถานีก็เห็นโรงแรมแล้ว จากสถานีข้ามถนนเดินมาโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จุดเด่นของที่นี่คือ มีบ่อออนเซ็นแยกชายหญิงสำหรับผู้เข้าพัก มีอาหารเช้า และชา กาแฟพร้อมตู้กดน้ำแข็งบริการตลอด 24 ชั่วโมง แช่ออนเซ็นเสร็จก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะรุ่งขึ้นต้องตื่นไปสวนสัตว์แต่เช้า
เช้ามาต้องเช็คเอาท์ฝากกระเป๋าก่อนออกเดินทางเพราะคืนนี้จะย้ายไปอีกโรงแรมข้างๆกัน ด้วยเหตุผลเรื่องราคาค่าห้องพักที่สูงกว่าคืนแรกพันกว่าบาท เพราะเปลี่ยนแผนเดินทางทำให้จองล่วงหน้าไม่ทัน
เรียบร้อยก็ออกมายืนรอรถบัสป้ายหน้าสถานีรถไฟJR นั่งไปลงที่ป้ายสุดท้ายสวนสัตว์อาซาฮิยามะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
สวนสัตว์อาซาฮิยามะมีชื่อเสียงและเป็นสวนสัตว์ที่มีจุดเด่นทำให้ต้องแวะชม ก็คือมีสัตว์แปลกๆที่หาดูไม่ได้ง่ายนัก และสัตว์เฉพาะถิ่นที่อาศัยในเมืองหนาว การแสดงโชว์สุดน่ารัก และการจัดการสวนสัตว์ที่ทำให้ผู้เข้าชมมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดต่างๆ ในฤดูหนาวสวนสัตว์จะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนขั้วโลกเหนือเพื่อให้สัตว์ในเขตเมืองหนาวได้ออกมาทำกิจกรรมเป็นพิเศษ ค่าเข้าชมสวนสัตว์คนละ 820 เยน ในฤดูหนาวเปิด 10:30 - 15:30 เฉพาะช่วง snow festival จะเปิด 10:30 - 20:30 ค่ะ แผนที่สวนสัตว์ตามนี้เลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่เจ้าหมีขาวสองตัวนี้เดินสลับกันไปมาทั้งวันค่ะ เหมือนถูกฝึกให้เดินโชว์ตัวเลย
อันนี้ประทับใจที่สุดค่ะ พาเหรดเจ้านกเพนกวินตัวอ้วนป้อมเดินเรียงแถวอวดโฉม เวลาพาเหรดรอบแรกประมาณ 11:00 รอบสอง 14:30 บางวันอาจมีแค่รอบเดียว ไปช่วงเช้าจะดีกว่า ไม่พลาดแน่นอน
เจ้าแพนด้าแดงนี่ก็ไม่แพ้ใครเดินไปมาปีนป่ายตามบ้านไม้หลังเล็กของตัวเอง
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์เมืองหนาวหลากหลายชนิด อย่างจิ้งจอกหิมะ หมาป่า แมวน้ำ นกฮูก นกกระเรียน ทานุกิ และกวางเรนเดียร์
เจ้าเสือลายพาดกลอนสามตัวนี้แสบมาก ตอนแรกก็อยู่ตัวเดียวถ่ายรูปด้วยกันอยู่ดีๆ แป้บเดียวชวนเพื่อนมาอีกสองตรงเข้ามาซะชิดกระจก ตกใจเลยค่ะกลัวกระโจนมาชนกระจกแตกเพราะทั้งสาม ตัวใหญ่มาก แค่ยืนสี่ขาก็ตัวเท่ากับเรายืนสองขาละ
เดินไปเดินมาก็ไปลอดใต้กรงเจ้าเสือจากัวร์ แบบไม่รู้ตัวเงยหน้ามาเห็นกรงเล็บพอดี
เพิ่งรู้ว่ายีราฟคอยาวก็อยู่ในอากาศหนาวขนาดนี้ได้
อ้อในนี้มีร้านขายของที่ระลึกของสวนสัตว์ด้วยนะคะ เที่ยวจนทั่วแล้วก็แวะซะหน่อย เป็นตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า พวงกุญแจ น่ารัก น่ารัก ทั้งนั้นเลย
ขากลับออกจากสวนสัตว์ทางด้านหลังประตูตะวันออก ที่เป็นทางเข้าสำหรับคณะทัวร์ตามแผนที่ด้านบนค่ะ เพื่อไปขึ้นรถบัสฟรีพาไป Snow Festival ของอาซาฮิคาวะกัน ถ้าไปไม่ถูกถามเจ้าหน้าที่ที่ประตูนี้ได้ค่ะ ออกจากประตูด้านหลังเดินมาจะเจอ Snow Village ซึ่งจะมีให้เช่าเล่น snow mobile สกี และ เลื่อนสำหรับหิมะ เดินผ่าน Snow Village ไปหน่อยจะมีรถบัสฟรีจอดอยู่ติดป้ายไป snow festival ขึ้นไปนั่งรอได้เลย รถจะออกตามเวลาค่ะ
โฉมหน้าของงานSnow Festival ที่อาซาฮิคาวะค่ะ ยิ่งใหญ่จริงๆ เทียบกับตัวของคนที่เดินผ่านมาด้านล่างซ้ายเลย ใหญ่มากจริงๆ ด้านข้างเป็นสไลด์เดอร์หิมะสำหรับเด็กด้วยค่ะ
รูปปั้นการ์ตูนต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
กองทัพสโนว์แมนก็มาด้วยนะคะ วิธีการทำตุ๊กตาหิมะพวกนี้ดูง่ายมาก เพียงแค่เอาหิมะที่กองอยู่ใส่แม่พิมพ์อัดให้แน่น คว่ำออกมาก็เป็นสโนว์แมนตัวขาวๆ จากนั้นก็ให้ผู้มาร่วมงานช่วยกันเติมหน้าตาให้ค่ะ
ในงาน snow festival มีซุ้มขายอาหาร และห้องที่นั่งทานอาหารจะอยู่ตรงข้ามร้านค้า
ตามมากินของว่างรองท้องกันค่ะ ที่ซื้อมาเป็นหอยโฮตาเตะย่าง 1ไม้ มี2 ตัว ยากิโทริหรือไก่เสียบไม้ย่าง และหนังไก่ชุบแป้งทอด
เนื่องจากในส่วนจัดงานจะใกล้กับแม่น้ำ อากาศเลยค่อนข้างหนาวมาก เช้าวันนี้ตอนรอรถบัสไปสวนสัตว์หิมะตกก็ -5 องศาแล้ว เริ่มเย็นน่าจะหนาวขึ้นอีก
ขากลับมีรถบัสหน้าทางเข้างานใกล้กลับที่ลงรถบัสขามาไปส่งที่สถานี JR อาซาฮิคาวะฟรี รถออกตามรอบมีป้ายเวลาแถวที่จอดรถค่ะ
กลับมากินข้าวเย็นกันที่ฟู้ดคอร์ทในห้างที่เชื่อมติดกับสถานี วันนี้เลือกกิน Pepper Lunch ค่ะ เป็นข้าวหน้าเนื้อกับสเต๊กจานร้อน
อิ่มท้องก็ออกมาเดินถนนแถวหน้าสถานีซึ่งในช่วงsnow festival นี้จะมีการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงามทีเดียว
งานน่าจะเพิ่งเริ่มวันสองวันนี้ แต่ละคนพยายามทำผลงานกันอย่างขมักเขม้น
ตามมาดูการทำงานของเหล่าศิลปิน ถ้าเสร็จแล้วคงสวยน่าดู
ขนาดยังไม่เสร็จดี ยังอลังการงานสร้างซะขนาดนี้
ชมผลงานแกะสลักน้ำแข็งเรียบร้อยก็เดินเข้าห้างซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตกลับไปกินที่โรงแรมต่อ คืนนี้พักที่ฟูจิตะ คันโค วอชิงตัน โฮเต็ล ราคาพอๆกับที่พักคืนแรก แต่ไม่มีอาหารเช้าและออนเซ็น
เช้าวันถัดมานั่งรถไฟกลับเข้าซัปโปโรแต่เช้าค่ะเพื่อต่อไปยังสนามบินชินชิโตเสะ คืนสุดท้ายพักที่โรงแรมแอร์เทอร์มินัลในสนามบินค่ะ ราคาห้าพันกว่าบาทต่อคืน แต่ต้องยอมจ่ายเพราะเครื่องออกสิบโมงต้องเช็คอินโหลดกระเป๋าตั้งแต่แปดโมงเช้า
ฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกมาช้อปปิ้งที่ Rera Outlet MALL ค่ะ ที่นี่ค่อนข้างใหญ่มีศูนย์อาหารภายในด้วยค่ะ ส่วนรายละเอียดร้านค้าปลอดภาษีติดตามกันที่เว็บนี้ค่ะ
http://www.outlet-rera.com/th/ เพราะเผลอลบรูปที่ถ่ายมาไปแล้ว
ช้อปปิ้งของครบแล้วก็มีภารกิจวิ่งสู้ฟัดซื้อของฝากในสนามบินและไปงาน Sapporo Snow Festival ค่ะ เนื่องจากว่าช้อปปิ้งเพลินจนมีเวลาน้อยต้องรีบไปกลับภายในสามชั่วโมง เพราะรถไฟขากลับที่สามารถจองที่นั่งได้ มีแค่รอบสองทุ่มครึ่งเท่านั้น และคนในงานเยอะมากๆ เดินได้ไม่ทั่วถึงรู้สึกเสียดายมากที่เสียเวลานั่งรถไฟไปกลับไปเกือบสองชั่วโมง ถ้าใครจะมางานนี้แนะนำให้วางแผนดีๆค่ะเพราะช่วงงานโรงแรมจะเต็มหมด ที่เหลือก็ราคาแพงมากๆ
ภารกิจเสร็จแต่ไม่ได้กินข้าว ต้องอาศัยอาหารแช่แข็งจากตู้กดที่มีบริการอยู่หน้าโรงแรมค่ะ
สามกล่องบนเป็นอาหารแช่แข็ง กล่องล่างเป็นข้าวกล่องจากสถานีรถไฟ หน้าตาพอใช้ได้นะแต่ของทอดไม่กรอบเพราะตู้กดอาหารน่าจะอุ่นด้วยไมโครเวฟ
ขอจบทริปฮอกไกโดกันเพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าข้อมูลการท่องเที่ยวที่พยายามเก็บมาจากโบรชัวร์และการเดินทาง หรือความผิดพลาดต่างๆ จะช่วยให้ทุกท่านวางแผนการเดินทางได้อย่างราบรื่นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งถัดไป
ติดตามการกินเที่ยวเพิ่มเติมกันได้ที่
https://www.facebook.com/Bear2Travel/
ติดตามดูรายละเอียดตอนอื่นๆในทริปได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Sapporo เมืองแสนหวาน
https://ppantip.com/topic/36807256
ตอนที่ 2 Otaru เมืองแห่งเวลา(โรแมนติก)
https://ppantip.com/topic/36813897
ตอนที่ 3 Hakodate เมืองแห่งแสงสียามค่ำคืน VS ตลาดสดยามเช้า
https://ppantip.com/topic/36834512
ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก
https://ppantip.com/topic/36867555
ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก (จบ)
https://ppantip.com/topic/36898142
[CR] Hokkaido Cold Weather, Warm Heart - ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก (จบ)
อาซาฮิคาวะ อยู่ห่างจากซัปโปโรราว 136 กิโลเมตร และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเกาะฮอกไกโด ตัวเมืองมีแม่น้ำอิชิคาริและ แม่น้ำชูเบ็ตสึไหลผ่าน นอกจากนั้นอะซาฮิคาวะยังได้ชื่อว่าเป็นหลังคาเกาะฮอกไกโด เนื่องจากมีภูเขาสูงและภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยป่าไม้และธารน้ำ ในฤดูหนาวจึงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาและยังนับเป็นดินแดนสุดหนาวบนเกาะฮอกไกโดด้วย
จากโนโบริเบ็ทสึออนเซ็นเดินทางมาต่อรถไฟที่ซัปโปโรเพื่อไปอาซาฮิคาวะ ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ถึงสถานีรถไฟในเมืองอาซาฮิคาวะก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม กลัวมากว่าจะไม่มีที่ให้กินข้าว เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลย นอกจากข้าวเช้าจากโรงแรม แต่โชคดีที่สถานีนี้เป็นสถานีใหญ่เชื่อมต่อกลับห้างสรรพสินค้าและมีฟู้ดคอร์ทด้วย เลยต้องรีบกินก่อนเข้าโรงแรมเพราะถ้ากลับมาอีกทีร้านอาจจะปิดได้ ที่ญี่ปุ่นร้านปิด-เปิดตรงเวลามากค่ะ ใครที่วางแผนมาอาซาฮิคาวะและหวังจะมาฝากท้องที่นี่แนะนำว่าให้มาถึงก่อนสามทุ่ม
ที่ฟู้ดคอร์ทมีให้เลือกอยู่หลายร้านทีเดียว เช่น ราเมนของขึ้นชื่อของอาซาฮิคาวะ ข้าวห่อไข่ ข้าวหน้าต่างๆ ยากิโซบะ Pepper lunch วันนี้เลือกเป็นราเมนชุด มีข้าวผัด เกี๊ยวซ่าและราเมนชามโตทีเดียว กับข้าวห่อไข่ไก่คาราเกะ กินข้าวห่อไข่ที่เมืองไทยมาหลายร้านรสชาติยังไม่ได้เท่าที่ญี่ปุ่น ไม่รู้เค้าผสมซอสผัดข้าวยังไงถึงเข้มข้นแต่ไม่เปรี้ยวซอสมะเขือเทศเกินไป
กินอิ่มสบายท้องแล้วคราวนี้ออกจากสถานีเดินหาโรงแรมต่อไป คืนนี้พักที่ Hotel Route Inn Grand Asahikawa โรงแรมนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีค่ะ ยืนหน้าสถานีก็เห็นโรงแรมแล้ว จากสถานีข้ามถนนเดินมาโรงแรมอยู่ทางซ้ายมือค่ะ จุดเด่นของที่นี่คือ มีบ่อออนเซ็นแยกชายหญิงสำหรับผู้เข้าพัก มีอาหารเช้า และชา กาแฟพร้อมตู้กดน้ำแข็งบริการตลอด 24 ชั่วโมง แช่ออนเซ็นเสร็จก็รีบอาบน้ำเข้านอนเพราะรุ่งขึ้นต้องตื่นไปสวนสัตว์แต่เช้า
เช้ามาต้องเช็คเอาท์ฝากกระเป๋าก่อนออกเดินทางเพราะคืนนี้จะย้ายไปอีกโรงแรมข้างๆกัน ด้วยเหตุผลเรื่องราคาค่าห้องพักที่สูงกว่าคืนแรกพันกว่าบาท เพราะเปลี่ยนแผนเดินทางทำให้จองล่วงหน้าไม่ทัน
เรียบร้อยก็ออกมายืนรอรถบัสป้ายหน้าสถานีรถไฟJR นั่งไปลงที่ป้ายสุดท้ายสวนสัตว์อาซาฮิยามะ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
สวนสัตว์อาซาฮิยามะมีชื่อเสียงและเป็นสวนสัตว์ที่มีจุดเด่นทำให้ต้องแวะชม ก็คือมีสัตว์แปลกๆที่หาดูไม่ได้ง่ายนัก และสัตว์เฉพาะถิ่นที่อาศัยในเมืองหนาว การแสดงโชว์สุดน่ารัก และการจัดการสวนสัตว์ที่ทำให้ผู้เข้าชมมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสัตว์ชนิดต่างๆ ในฤดูหนาวสวนสัตว์จะถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนขั้วโลกเหนือเพื่อให้สัตว์ในเขตเมืองหนาวได้ออกมาทำกิจกรรมเป็นพิเศษ ค่าเข้าชมสวนสัตว์คนละ 820 เยน ในฤดูหนาวเปิด 10:30 - 15:30 เฉพาะช่วง snow festival จะเปิด 10:30 - 20:30 ค่ะ แผนที่สวนสัตว์ตามนี้เลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่เจ้าหมีขาวสองตัวนี้เดินสลับกันไปมาทั้งวันค่ะ เหมือนถูกฝึกให้เดินโชว์ตัวเลย
อันนี้ประทับใจที่สุดค่ะ พาเหรดเจ้านกเพนกวินตัวอ้วนป้อมเดินเรียงแถวอวดโฉม เวลาพาเหรดรอบแรกประมาณ 11:00 รอบสอง 14:30 บางวันอาจมีแค่รอบเดียว ไปช่วงเช้าจะดีกว่า ไม่พลาดแน่นอน
เจ้าแพนด้าแดงนี่ก็ไม่แพ้ใครเดินไปมาปีนป่ายตามบ้านไม้หลังเล็กของตัวเอง
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัตว์เมืองหนาวหลากหลายชนิด อย่างจิ้งจอกหิมะ หมาป่า แมวน้ำ นกฮูก นกกระเรียน ทานุกิ และกวางเรนเดียร์
เจ้าเสือลายพาดกลอนสามตัวนี้แสบมาก ตอนแรกก็อยู่ตัวเดียวถ่ายรูปด้วยกันอยู่ดีๆ แป้บเดียวชวนเพื่อนมาอีกสองตรงเข้ามาซะชิดกระจก ตกใจเลยค่ะกลัวกระโจนมาชนกระจกแตกเพราะทั้งสาม ตัวใหญ่มาก แค่ยืนสี่ขาก็ตัวเท่ากับเรายืนสองขาละ
เดินไปเดินมาก็ไปลอดใต้กรงเจ้าเสือจากัวร์ แบบไม่รู้ตัวเงยหน้ามาเห็นกรงเล็บพอดี
เพิ่งรู้ว่ายีราฟคอยาวก็อยู่ในอากาศหนาวขนาดนี้ได้
อ้อในนี้มีร้านขายของที่ระลึกของสวนสัตว์ด้วยนะคะ เที่ยวจนทั่วแล้วก็แวะซะหน่อย เป็นตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า พวงกุญแจ น่ารัก น่ารัก ทั้งนั้นเลย
ขากลับออกจากสวนสัตว์ทางด้านหลังประตูตะวันออก ที่เป็นทางเข้าสำหรับคณะทัวร์ตามแผนที่ด้านบนค่ะ เพื่อไปขึ้นรถบัสฟรีพาไป Snow Festival ของอาซาฮิคาวะกัน ถ้าไปไม่ถูกถามเจ้าหน้าที่ที่ประตูนี้ได้ค่ะ ออกจากประตูด้านหลังเดินมาจะเจอ Snow Village ซึ่งจะมีให้เช่าเล่น snow mobile สกี และ เลื่อนสำหรับหิมะ เดินผ่าน Snow Village ไปหน่อยจะมีรถบัสฟรีจอดอยู่ติดป้ายไป snow festival ขึ้นไปนั่งรอได้เลย รถจะออกตามเวลาค่ะ
โฉมหน้าของงานSnow Festival ที่อาซาฮิคาวะค่ะ ยิ่งใหญ่จริงๆ เทียบกับตัวของคนที่เดินผ่านมาด้านล่างซ้ายเลย ใหญ่มากจริงๆ ด้านข้างเป็นสไลด์เดอร์หิมะสำหรับเด็กด้วยค่ะ
รูปปั้นการ์ตูนต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
กองทัพสโนว์แมนก็มาด้วยนะคะ วิธีการทำตุ๊กตาหิมะพวกนี้ดูง่ายมาก เพียงแค่เอาหิมะที่กองอยู่ใส่แม่พิมพ์อัดให้แน่น คว่ำออกมาก็เป็นสโนว์แมนตัวขาวๆ จากนั้นก็ให้ผู้มาร่วมงานช่วยกันเติมหน้าตาให้ค่ะ
ในงาน snow festival มีซุ้มขายอาหาร และห้องที่นั่งทานอาหารจะอยู่ตรงข้ามร้านค้า
ตามมากินของว่างรองท้องกันค่ะ ที่ซื้อมาเป็นหอยโฮตาเตะย่าง 1ไม้ มี2 ตัว ยากิโทริหรือไก่เสียบไม้ย่าง และหนังไก่ชุบแป้งทอด
เนื่องจากในส่วนจัดงานจะใกล้กับแม่น้ำ อากาศเลยค่อนข้างหนาวมาก เช้าวันนี้ตอนรอรถบัสไปสวนสัตว์หิมะตกก็ -5 องศาแล้ว เริ่มเย็นน่าจะหนาวขึ้นอีก
ขากลับมีรถบัสหน้าทางเข้างานใกล้กลับที่ลงรถบัสขามาไปส่งที่สถานี JR อาซาฮิคาวะฟรี รถออกตามรอบมีป้ายเวลาแถวที่จอดรถค่ะ
กลับมากินข้าวเย็นกันที่ฟู้ดคอร์ทในห้างที่เชื่อมติดกับสถานี วันนี้เลือกกิน Pepper Lunch ค่ะ เป็นข้าวหน้าเนื้อกับสเต๊กจานร้อน
อิ่มท้องก็ออกมาเดินถนนแถวหน้าสถานีซึ่งในช่วงsnow festival นี้จะมีการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงามทีเดียว
งานน่าจะเพิ่งเริ่มวันสองวันนี้ แต่ละคนพยายามทำผลงานกันอย่างขมักเขม้น
ตามมาดูการทำงานของเหล่าศิลปิน ถ้าเสร็จแล้วคงสวยน่าดู
ขนาดยังไม่เสร็จดี ยังอลังการงานสร้างซะขนาดนี้
ชมผลงานแกะสลักน้ำแข็งเรียบร้อยก็เดินเข้าห้างซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตกลับไปกินที่โรงแรมต่อ คืนนี้พักที่ฟูจิตะ คันโค วอชิงตัน โฮเต็ล ราคาพอๆกับที่พักคืนแรก แต่ไม่มีอาหารเช้าและออนเซ็น
เช้าวันถัดมานั่งรถไฟกลับเข้าซัปโปโรแต่เช้าค่ะเพื่อต่อไปยังสนามบินชินชิโตเสะ คืนสุดท้ายพักที่โรงแรมแอร์เทอร์มินัลในสนามบินค่ะ ราคาห้าพันกว่าบาทต่อคืน แต่ต้องยอมจ่ายเพราะเครื่องออกสิบโมงต้องเช็คอินโหลดกระเป๋าตั้งแต่แปดโมงเช้า
ฝากกระเป๋าเรียบร้อยก็ออกมาช้อปปิ้งที่ Rera Outlet MALL ค่ะ ที่นี่ค่อนข้างใหญ่มีศูนย์อาหารภายในด้วยค่ะ ส่วนรายละเอียดร้านค้าปลอดภาษีติดตามกันที่เว็บนี้ค่ะ
http://www.outlet-rera.com/th/ เพราะเผลอลบรูปที่ถ่ายมาไปแล้ว
ช้อปปิ้งของครบแล้วก็มีภารกิจวิ่งสู้ฟัดซื้อของฝากในสนามบินและไปงาน Sapporo Snow Festival ค่ะ เนื่องจากว่าช้อปปิ้งเพลินจนมีเวลาน้อยต้องรีบไปกลับภายในสามชั่วโมง เพราะรถไฟขากลับที่สามารถจองที่นั่งได้ มีแค่รอบสองทุ่มครึ่งเท่านั้น และคนในงานเยอะมากๆ เดินได้ไม่ทั่วถึงรู้สึกเสียดายมากที่เสียเวลานั่งรถไฟไปกลับไปเกือบสองชั่วโมง ถ้าใครจะมางานนี้แนะนำให้วางแผนดีๆค่ะเพราะช่วงงานโรงแรมจะเต็มหมด ที่เหลือก็ราคาแพงมากๆ
ภารกิจเสร็จแต่ไม่ได้กินข้าว ต้องอาศัยอาหารแช่แข็งจากตู้กดที่มีบริการอยู่หน้าโรงแรมค่ะ
สามกล่องบนเป็นอาหารแช่แข็ง กล่องล่างเป็นข้าวกล่องจากสถานีรถไฟ หน้าตาพอใช้ได้นะแต่ของทอดไม่กรอบเพราะตู้กดอาหารน่าจะอุ่นด้วยไมโครเวฟ
ขอจบทริปฮอกไกโดกันเพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าข้อมูลการท่องเที่ยวที่พยายามเก็บมาจากโบรชัวร์และการเดินทาง หรือความผิดพลาดต่างๆ จะช่วยให้ทุกท่านวางแผนการเดินทางได้อย่างราบรื่นนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ แล้วพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งถัดไป
ติดตามการกินเที่ยวเพิ่มเติมกันได้ที่ https://www.facebook.com/Bear2Travel/
ติดตามดูรายละเอียดตอนอื่นๆในทริปได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Sapporo เมืองแสนหวาน https://ppantip.com/topic/36807256
ตอนที่ 2 Otaru เมืองแห่งเวลา(โรแมนติก) https://ppantip.com/topic/36813897
ตอนที่ 3 Hakodate เมืองแห่งแสงสียามค่ำคืน VS ตลาดสดยามเช้า https://ppantip.com/topic/36834512
ตอนที่ 4 Noboribetsu เมืองแห่งหุบเขานรก https://ppantip.com/topic/36867555
ตอนที่ 5 Asahikawa สวนสัตว์สุดน่ารัก กะ เทศกาลหิมะแสนสนุก (จบ) https://ppantip.com/topic/36898142
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น