หลงรูปฌาน ติดอยู่ในรูปราคะ ไปเกิดที่รูปภพ
ปุถุชน ก็ไป รูปพรหม มี11ชั้นภูมิ
อนาคา ก็ไปสุทธาวาส
สุทธาวาส มี5ชั้น
วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีศรัทธินทรีย์ คือมี ศรัทธาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อวิหาสุทธาวาสภูมิ
วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีวิริยินทรีย์ คือมี วิริยะแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อตัปปาสุทธาวาสภูมิ
เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีสตินทรีย์ คือมี สติแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ
เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มี สมาธินทรีย์ คือมีสมาธิแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ
เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์ คือมี ปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ
อนาคาก็หลงใน รูปฌาน ติดในรูปราคะ ก็ไปสู่รูปภพ
ปุถุชนที่หลงอรูปฌาน ติดอยู่ในอรูปราคะ ก็ไปอรูปภพ เป็นอรูปพรหม
อรูปพรหม หรือ อรูปาวจรภูมิ สมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนา บรรดาโยคี ฤๅษี ชีไพรดาบส ที่บำเพ็ญตบะเดชะภาวนา รำพึงว่าอันว่าตัวตน กล่าวคืออัตภาพร่างกายนี้ไม่ดีเป็นนักหนา กอปรไปด้วย ทุกข์โทษหาประมาณมิได้ ควรที่ตูจะปรารถนากระทำตัว ให้หายไปเสียเถิด แล้วก็เกิดความพอใจเป็นนักหนา ในภาวะที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปกาย ปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูป
มี4ชั้นภูมิ
อากาสานัญจายตนภูมิ
วิญญาณัญจายตนภูมิ
อากิญจัญญายตนภูมิ
เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
หลงฌานเป็นแบบนี้
ปุถุชน ก็ไป รูปพรหม มี11ชั้นภูมิ
อนาคา ก็ไปสุทธาวาส
สุทธาวาส มี5ชั้น
วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีศรัทธินทรีย์ คือมี ศรัทธาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อวิหาสุทธาวาสภูมิ
วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีวิริยินทรีย์ คือมี วิริยะแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อตัปปาสุทธาวาสภูมิ
เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีสตินทรีย์ คือมี สติแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ
เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มี สมาธินทรีย์ คือมีสมาธิแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ
เจริญ วิปัสสนากรรมฐาน ปรากฏว่าเป็นผู้มีปัญญินทรีย์ คือมี ปัญญาแก่กล้ากว่าอินทรีย์อย่างอื่น ไปเกิด ที่ อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ
อนาคาก็หลงใน รูปฌาน ติดในรูปราคะ ก็ไปสู่รูปภพ
ปุถุชนที่หลงอรูปฌาน ติดอยู่ในอรูปราคะ ก็ไปอรูปภพ เป็นอรูปพรหม
อรูปพรหม หรือ อรูปาวจรภูมิ สมัยที่โลกยังว่างจากพระพุทธศาสนา บรรดาโยคี ฤๅษี ชีไพรดาบส ที่บำเพ็ญตบะเดชะภาวนา รำพึงว่าอันว่าตัวตน กล่าวคืออัตภาพร่างกายนี้ไม่ดีเป็นนักหนา กอปรไปด้วย ทุกข์โทษหาประมาณมิได้ ควรที่ตูจะปรารถนากระทำตัว ให้หายไปเสียเถิด แล้วก็เกิดความพอใจเป็นนักหนา ในภาวะที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปกาย ปรารถนาอยู่แต่ในความไม่มีรูป
มี4ชั้นภูมิ
อากาสานัญจายตนภูมิ
วิญญาณัญจายตนภูมิ
อากิญจัญญายตนภูมิ
เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ