บางคนนั่งสมาธิแล้วเห็นนิมิต เห็นนรก สวรรค์ เทวดา ฑูต ผี ปีศาล มิมานสวยสดอลังการ
เหตุเพราะจิตของท่านเข้าสู่อุปจารสมาธิ คือ สมาธิขั้นเฉียดฌาน ขาดแต่เอกัคตาจิตท่านจะเป็นอัปนาสมาธิ หรือ ฌาน 1 แล้ว แต่อุปจารสมาธินี่แหละทำให้คนติด ทำให้คนหลง ทำให้วิปลาสมามาก
องค์หลวงปู่มั่น เคยกล่าวว่า คนหลงในนิมิต อุปมาเหมือน คนจมกองมูลเน่า กลิ่นตัวเหม็นเน่า 3 วัน 3 คืน ผู้มีบุญมาก คือ ปฏิบัติสมาธิแล้วไม่เกิกนิมิต คือ จิตดำดิ่งเข้าสู่อัปนาสมาธิ คือ ฌาน 1 2 3 4 และอรูปฌานเลย
มีหลายท่านถามว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นนิมิตอะไรเลย ตอบได้ 2 กรณี คือ
1.จิตท่านยังสงบไม่เพียงพอเป็นเพียงขณิกสมาธิ ยังมีนิวรณ์ 5 ความคิดฟุ้งซ่านอยู่มาก บางคนไม่เคยพบความสงบในสมาธิจริงๆ คือ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคตาจริงๆ คิดว่าความสงบเล็กๆ น้อยๆ คือ สมาธิแล้ว
2.ท่านเป็นผู้มีบุญมาก มีของเก่าในอดีตชาติมาก ใกล้พระนิพพานแล้ว เมื่อปฏิบัติจะข้ามอุปจารสมาธิเข้าสู่อัปนาสมาธิ คือ ฌาน 1 อย่างรวดเร็ว ซึ่งฌาน 1 ที่เป็นสัมมาสมาธิ ต้องประกอบด้วย วิตก (อารมณ์นึกถึง) วิจารย์ (ความใคร่ครวญ) ปีติ (ความสุขที่แผ่ออกทางกาย เช่น น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยก ตัวขยาย ซาบซ่านทั้งตัว) สุข (ความสุขที่ใจ) เอกัคตา (อารมณ์รวมรวมเป็นหนึ่ง) ถ้าท่านมีองค์ฌานครบ 5 องค์ถึงจะเป็นสัมมาสมาธิ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เหมาะแก่การใช้ในการวิปัสสนา เพื่อละสังโยชน์เพื่อถึงพระนิพพานที่สุด
ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นนิมิตอะไรเลย
เหตุเพราะจิตของท่านเข้าสู่อุปจารสมาธิ คือ สมาธิขั้นเฉียดฌาน ขาดแต่เอกัคตาจิตท่านจะเป็นอัปนาสมาธิ หรือ ฌาน 1 แล้ว แต่อุปจารสมาธินี่แหละทำให้คนติด ทำให้คนหลง ทำให้วิปลาสมามาก
องค์หลวงปู่มั่น เคยกล่าวว่า คนหลงในนิมิต อุปมาเหมือน คนจมกองมูลเน่า กลิ่นตัวเหม็นเน่า 3 วัน 3 คืน ผู้มีบุญมาก คือ ปฏิบัติสมาธิแล้วไม่เกิกนิมิต คือ จิตดำดิ่งเข้าสู่อัปนาสมาธิ คือ ฌาน 1 2 3 4 และอรูปฌานเลย
มีหลายท่านถามว่า ทำไมนั่งสมาธิแล้วไม่เห็นนิมิตอะไรเลย ตอบได้ 2 กรณี คือ
1.จิตท่านยังสงบไม่เพียงพอเป็นเพียงขณิกสมาธิ ยังมีนิวรณ์ 5 ความคิดฟุ้งซ่านอยู่มาก บางคนไม่เคยพบความสงบในสมาธิจริงๆ คือ วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคตาจริงๆ คิดว่าความสงบเล็กๆ น้อยๆ คือ สมาธิแล้ว
2.ท่านเป็นผู้มีบุญมาก มีของเก่าในอดีตชาติมาก ใกล้พระนิพพานแล้ว เมื่อปฏิบัติจะข้ามอุปจารสมาธิเข้าสู่อัปนาสมาธิ คือ ฌาน 1 อย่างรวดเร็ว ซึ่งฌาน 1 ที่เป็นสัมมาสมาธิ ต้องประกอบด้วย วิตก (อารมณ์นึกถึง) วิจารย์ (ความใคร่ครวญ) ปีติ (ความสุขที่แผ่ออกทางกาย เช่น น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยก ตัวขยาย ซาบซ่านทั้งตัว) สุข (ความสุขที่ใจ) เอกัคตา (อารมณ์รวมรวมเป็นหนึ่ง) ถ้าท่านมีองค์ฌานครบ 5 องค์ถึงจะเป็นสัมมาสมาธิ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เหมาะแก่การใช้ในการวิปัสสนา เพื่อละสังโยชน์เพื่อถึงพระนิพพานที่สุด