ฌาน อภิญญา หูทิพย์ ตาทิพย์มีจริงหรือไม่???
จากประสบการณ์ส่วนตัว ขอยืนยันว่ามีจริง ผมฝึกสมาธิจริงจังครั้งแรกตอนอายุ 20 เมื่อปี 2550 ตอนไปถือ 8 ปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง 7 วัน โดยเลือกการปฏิบัติกสิณสีแดง เพราะบังเอิญไปฟังเสียงเทศน์ ของหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เรื่องกสิณที่ทางวัดเปิดให้ฟัง ท่านเทศน์ว่าการฝึกกสิณจะทำให้มีฤทธิ์ ทำให้เกิดตาทิพย์ หูทิพย์เห็นนรก สวรรค์จึงนำมาปฏิบัติด้วยตนเอง ด้วยกสิณสีแดงเพราะตรงจริตและอยากเห็นนรก สวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่
วิธีการปฏิบัติโดยการนึกภาพพลอยสีแดงในมโนจิต และดูลมหายใจเข้า-ออก ลมหายใจเข้าภาวนา สี ลมหายใจออก ภาวนา แดง โดยให้เห็นภาพพลอยแดงในมโนจิตตลอดเวลาไม่ให้ภาพหายไปไหน เป็นการใช้สติกำกับจิตให้อยู่กับภาพพลอยแดงและลมหายใจเข้า-ออก
ผมปฏิบัติอย่างนี้ทุกวัน วันละ 3 เวลา เช้า กลาง หัวค่ำ เวลาละ 1.5-2 ชั่วโมง (วันละ 6 ชม.) ทุกวัน 6 วันแรกๆ ไม่ปรากฏผลใดๆ มีแต่ความฟุ้งซ่าน คิดโน่น คิดนี่ ทุกขเวทนา ปวดแข้ง ปวดขาจากการนั่งสมาธินาน (ครั้งละ 2 ชม.) จิตไม่สงบเลยแต่ก็ทนนั่งให้ครบ 2 ชม. ไม่เปลี่ยนอริยาบถ ตลอด 6 วันไม่มีความก้าวหน้าในสมาธิเลย วันที่ 7 เวลากลางวัน นั่งสมาธิอยู่ที่วิหารแก้ว 100 เมตร ได้ประมาณ 1 ชม. เกิดทุกขเวทนา จิตไม่รวมเป็นสมาธิ จึงคิดว่าปฏิบัติมาแล้ว 6 วันไม่ได้อะไร วันนี้จะเห็นหรือไม่เห็นก็ช่างมัน พอจิตคลายจากความอยากก็เกิดอาการปีติ คือ น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยกโคน ตัวพองตัวขยายเหมือนตัวลอยได้ ซาบซ่านไปทั้งตัว ปีติ 5 มาครบ เป็นอาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน อาการทุกขเวทนาหายไปหมด นั่งดูอาการปีติอยู่ 2 ชม. เต็มไม่รู้คืออาการอะไร จนเพื่อนมาเรียกกลับที่พัก
ระหว่างนั่งรถกลับที่พัก บังเอิญไปสนทนาเรื่องสภาวะสมาธิกับพี่ท่านหนึ่ง เค้าบอกว่าเคยปฏิบัติจนได้ฌาน 4 (ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่า ฌาน คืออะไร) แต่เผลอไปกินสุรา จนฌานเสื่อมเข้าฌานไม่ได้อีกเลยติดอยู่อุปจารสมาธิมาหลายปีแล้ว ผมสังเกตุเห็นพี่เค้าตั้งแต่วันแรกที่มาปฏิบัติธรรมแล้ว เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็นเค้าจะตัวโยกโคนเหมือนคลิปครูบาบุญชุ่ม ผมเห็นแล้วไม่รู้ว่าอาการอะไรนึกว่าเค้าเป็นบ้า 555 หรือผีเข้า เหมือนคนไม่เคยปฏิบัติ เห็นครูบาบุญชุ่มตัวโยกโคนจากปีติในสมาธิก็ไปต่อว่าท่านให้เป็นบาปกรรมติดตัว ผมนั่งสนทนาธรรมกับพี่เค้าเกือบชั่วโมง เค้าสอนผมเรื่องอุปจารสมาธิ เรื่องปีติ เรื่องฌานแต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเพราะได้รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก่อนปีติที่ผมเจอจากการปฏิบัติเหมือนที่พี่เค้าเล่าให้ฟังเป๊ะเลย พี่เค้าบอกว่า ถ้าเจออาการปีติอีกไม่ต้องสนใจปีติให้มีสติอยู่กับกรรมฐานที่เรากำหนด คือ ลมหายใจและพลอยแดงจะข้ามปีติได้เอง
ในช่วงเย็นผมและเพื่อนๆมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่วิหารแก้ว 100 เมตร ตามปกติ เมื่อทำวัตรเย็นเสร็จ ทางวัดจะให้ทุกคนนั่งกรรมฐานประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ผมก็กำหนดลมหายใจเข้า-ออกและภาพพลอยสีแดง พร้อมภาวนาลมเข้า สี ลมออก แดง ตามปกติ นั่งไปแปปเดียวอาการปีติ 5 คือ น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยกโคน ตัวพองตัวขยายเหมือนตัวลอยได้ ซาบซ่านไปทั้งตัว ก็เกิดขึ้น ผมจำคำพี่คนนั้นได้ไม่สนใจอาการปีติกับมามีสติที่กรรมฐาน อีกสักแปปเดียวเกิดอาการบรมสุข สุขแบบไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต สุขไปทุกอณูทุกรูขุมขน สุขต้องแต่หัวจรดเท้า เอาสุขทั้งชีวิตมารวมกันก็ไม่เท่าความสุขนี้ ความเครียด ความเศร้าใจมลายหายไปหมด ตอนนั้นจิตทิ้งคำบริกรรม สี-แดง เอง พลอยแดง เปลี่ยนเป็นดวงแก้ว ใสขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแก้วประกายพรึกส่องสว่างระยิบระยับสวยงามมากๆ นั่งดูภาพนิมิตดวงแก้วใสประกายพรึกนั้นแปปเดียวเวลาก็ผ่านไป 1 ชั่วโมง ครึ่ง จนเพื่อนมาปลุกให้ออกออกจากสมาธิเพื่อกลับที่พัก ขณะเดินออกจากศาลา หมาทุกตัวในบริเวณนั้นก็เดินมานั่งล้อมผมเป็นลักษณะทรงกลมจนน่าประหลาดใจ กลับมาที่พักหมาแถวนั้นมาก็มานั่งล้อมผมอีก สงสัยเค้าจะมาขอส่วนบุญ หลังจากนั้นจะเกิดภาพนิมิตดวงแก้วใสอยู่ในมโนจิตตลอดเวลาทุกอริยบถที่มีสติ
ก่อนกลับกรุงเทพเพื่อนๆ ชวนผมไปกราบหลวงพี่สมปอง (ท่านจิตโต) บ้านสบายใจอยู่ข้างๆวัด ในสายวัดท่าซุง เชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ผมและเพื่อนๆ รวมกัน 4 คน ซื้อสังฆทานไปถวายท่านไปถึงที่บ้านสบายใจตอน 12:00 น. ท่านให้เข้ากราบได้ตอน 13:00 น. ผมจึงนั่งกรรมฐาน (กสิณสีแดง) รอท่าน ขณะนั่งปรากฏนิมิตดวงแก้วใสส่องสว่างระยิบระยับ เมื่อครบ 1 ชั่วโมงผมก็ออกจากสมาธิขึ้นไปกราบหลวงพี่สมปองบนศาลาหลวงพี่สมปองมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมาที่กรุงเทพแล้ว ผมและเพื่อนๆ ก็ชวนกันไปกราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศน์เสร็จผมและเพื่อนๆ จึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”
หลังจากที่ผมได้ดวงแก้วก็มาฝึกอยู่เรื่อยๆ และก็ซื้อดวงแก้วใส จากวัดปทุมวนาราม ของหลวงพ่อถาวร มาพกติดตัวตลอดเวลาไว้ปฏิบัติ ช่วงนั้นทำให้ผมเห็น ผี บ่อยมากๆ ตอนเด็กๆ ก่อนอายุ 9 ขวบเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว พออายุเลย 9 ขวบ ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย จนกระทั่งได้นิมิตดวงแก้ว ไปที่ไหนก็เห็น โดยเฉพาะหอพักของผมซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ตรงถนนพญาไท มีผีเยอะๆ มากๆ เห็นภาพในมโนจิต เป็นพวกสัมภเวสี ไม่ได้น่ากลัวอะไร น่าสงสารมากกว่าดูพวกเขาไม่ค่อยสมประกอบ ผอมโซ จะอาศัยอยู่ตามบันไดระหว่างชั้น จะอยู่กันเยอะที่บันไดชั้น 12 และ 13 และจะเห็นดวงวิญญานชุดสีขาวเดินมาที่เตียงรูมเมทผมทุกวัน ซึ่งผมและรูมเมทก็เห็นพร้อมกันและมองหน้ากันว่าเห็นใช่ไหม ต่างคน ต่างบอกว่า ใช่ รูมเมทผม ชาติที่แล้วที่เคยเป็นทหารฆ่าคนมาเยอะมากเลยมีดวงวิญญานตามมาเยอะ
ครั้งหนึ่งตอนปี 4 ผมไปเข้าค่ายที่ เพชรบุรี กับมหาวิทยาลัย ที่ค่ายทหารเห็นหนึ่ง ระว่างเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นโรงนอนรวมขนาดใหญ่ ผมเหลือบขึ้นไปบนต้นไม้เห็น ผู้หญิงสวยใส่ชุดไทย สวมชฎา ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ทหารก็เรียก นิสิตทุกคนมายืมหน้าต้นไม้ใหญ่นั่น แล้วพูดว่า ต้นไม้นี้มีเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่ ให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันแล้วกราบท่านซะแล้วอย่าหลบหลู่ท่านหล่ะ จะได้นอนหลับได้ปกติ ผมถึงบางอ้อเลย ทำไมถึงเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสวยยืนอยู่บนต้นไม้ก่อนเข้าที่พัก
ผลที่ได้จากการสำเร็จกสิณสีแดง
1. ดวงแก้วประกายพรึกจะอยู่ในมโนจิตตลอดเวลา ระยะเวลาประมาณ 1 ปี
2. อยากได้อะไรให้อธิษฐานกับดวงแก้วประกายพรึกจะสำเร็จทุกประการ เช่น ผมไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ เจอหนังสือ อนาคตพุทธวงศ์ ราคา 500 บาท อยากอ่านมากแต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิษฐานขอดวงแก้ว หลังจากกลับมาที่หอพัก เพื่อนเอาหนังสือเล่มดังกล่าวมาวางไว้ที่โต๊ะ บอกว่าอยากให้อ่าน อึ้งมาก
3. บังเกิดตาทิพย์ไปสถานที่ต่างๆ จะเห็นภาพเทวดาและผี (หากมี) อยู่ในมโนจิต ถามว่าสามารถเห็นหวยได้ไหม สำหรับผมยังไม่ได้เพราะภาพที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเองไม่สามารถบังคับได้ ตอนที่ผมบวชครั้งที่ 2 หลังจากเข้าพิธีเสร็จแม่มาถามผมว่าขอหวยพระหน่อย ผมเห็นเลข 63 ขึ้นมาที่มโนจิตก็บอกเลขแม่ไป แม่และเพื่อนๆนำไปซื้อหวยก็ถูกกันทั้งรถตู้ที่มาร่วมงานบวชผมแต่ถ้าตั้งใจจะดูเลขจะไม่เห็นและไม่ถูก ต้องไม่ตั้งใจเห็นแวปแรกก็บอกเลย
4. บังเกิดหูทิพย์สามารถได้ยินความคิดคนอื่นหากเราตั้งจิตถึงเขา
5. สามารถเห็นอดีตชาติตนเองได้ของผมประมาณ 1000 ชาติ
ปี 2551 ผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม ผมถามท่านว่าปฏิบัติถูกไหม ท่านตอบว่า ที่ทำอยู่จิตเป็นฌาน ตายไประวังเป็นพระพรหม (ที่แยกราชประสงค์) นะ
ผมเลิกฝึกกสิณปี 2553 หันมาฝึกอานาปานสติแทน ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ตามคำสอนของพระอาจารย์ผม ตอนบวชครั้งแรกที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว กับพระอาจารย์โสภา สมโน พระอาจารย์โสภาส่งผมไปปฏิบัติบนเขาสลัดไดกลางป่าเป็นเวลา 1 เดือน กับพระ 3 รูป โดยนั่งสมาธิเดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. ขณะนั้นดวงกสิณยังอยู่ บังเกิดหูทิพย์ ตาทิพย์ชัดเจนมาก เห็นเทวดาอยู่เต็มเขาสลัดได (สถานที่บรรลุธรรมพระอาจารย์โสภา) และได้ยินความคิดพระเพื่อน เมื่อปฏิบัติครบ 1 เดือน กลายเป็นวสี สามารถเข้าออกฌาน 4 ได้ภายใน 5 นาที
พระอาจารย์โสภาใช้ญาณตรวจดูบนเขาทุกวัน ท่านรู้ทุกอย่างว่าผมกับเพื่อนทำอะไรบนเขา เมื่อลงจากเขาวันแรก พระอาจารย์โสภากล่าวชมว่า “หลวงพี่ภาวนาดีนะ”
เมื่อเจริญอานาปานสติทำให้ดวงกสิณหายไปความเป็นทิพย์ต่างๆก็หายไปจนหมดสิ้นแต่สิ่งที่ได้จากอานาปานสติ คือ จิตพัฒนาสู่อรูปฌาน ตั้งแต่อากาสานัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ ตามลำดับ เมื่อปี 2556
ปี 2559 มีโอกาสไปบวชรอบที่สองที่วัดถ้ำสหาย กับหลวงปู่จันทร์เรียน เป็นเวลา 3 เดือน ได้ใช้การเจริญอานาปานสติ หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ นั่งสมาธิ เดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. หลวงปู่จันทร์เรียนสั่งให้พระอุปัฏฐากมาบอกผมว่า “หลวงปู่ให้ไปนั่งที่หอธรรมหน้ากุฏิหลวงปู่ทุกวัน” จนจิตพัฒนาจนเห็นโลกธาตุ ร่างกายและขัรธ์ พังทลายลง เกิดจากธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมกัน เกิดขึ้นและแตกสลายลง เหลือแต่ความว่างไร้สมมุติ บัญญัติ ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไร้กว้าง ไร้ยาว ไร้กาลเวลา ไร้ความรู้สึกทางกาย ลมหายใจ และความคิดท่ามกลางความว่างนั้นมีจิตประภัสสรส่องสว่างไสวดุจดวงอาทิตย์ เกิดปัญญาสว่างไสวฃว่า กาย (รูป) เวทนา (ความสุข ความทุกข์) สัญญา (ความจำ) ความคิดปรุงแต่ง (สังขาร) วิญญาณ อาการรู้ของจิต ล้วนไม่ใช่เรา เราและคิดเราเกิดจากอุปทานความหลงของจิตเพราะมีอวิชชาครอบงำทำให้เกิดความคิดปรุงแต่งและรูปกายนี้ทำให้หลงว่าเป็นเรา แท้จริงขันธ์ 5 เกิดจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกัน แล้วจิตไปยึดเป็นเจ้าของเป็นเรา ของเรา ขันธ์ 5 นั้นไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราไม่ใช่จิต จิตเป็นธาตุรู้ที่มีอยู่โดยธรรมชาติไม่ใช่เราเช่นกัน
ผมไม่รู้ว่าสภาวะที่เกิดขึ้นจากการเจริญอานาปานสติ คือ อะไร นำไปเรียนถามครูบาอาจารย์ 3 รูป ท่านตอบตรงกันว่า จิตถึงโครตภูญาน สัมผัสอารมณ์พระนิพพาน โดยที่ผมไม่ได้เล่าอะไรให้ท่านฟัง ท่านใช้ญานส่องดูวาระจิตผม ท่านกล่าวตรงกันว่า ต้องตกกระแสพระนิพพาน 4 ครั้ง ถึงจะบรรลุพระอรหันต์ ผมปรารถนาพุทธภูมิ สามารถถึงโครตภูญาณได้แต่ไม่ข้ามโครตเป็นพระอริยบุคคลเพราะติดในความปรารถนาพุทธภูมิ
ปล.ขอเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติแก่เพื่อนนักปฏิบัติ รูปบนเขาสลัดไดเมื่อปี 2553
ฌาน อภิญญา หูทิพย์ ตาทิพย์มีจริงหรือไม่???
จากประสบการณ์ส่วนตัว ขอยืนยันว่ามีจริง ผมฝึกสมาธิจริงจังครั้งแรกตอนอายุ 20 เมื่อปี 2550 ตอนไปถือ 8 ปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง 7 วัน โดยเลือกการปฏิบัติกสิณสีแดง เพราะบังเอิญไปฟังเสียงเทศน์ ของหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เรื่องกสิณที่ทางวัดเปิดให้ฟัง ท่านเทศน์ว่าการฝึกกสิณจะทำให้มีฤทธิ์ ทำให้เกิดตาทิพย์ หูทิพย์เห็นนรก สวรรค์จึงนำมาปฏิบัติด้วยตนเอง ด้วยกสิณสีแดงเพราะตรงจริตและอยากเห็นนรก สวรรค์ว่ามีจริงหรือไม่
วิธีการปฏิบัติโดยการนึกภาพพลอยสีแดงในมโนจิต และดูลมหายใจเข้า-ออก ลมหายใจเข้าภาวนา สี ลมหายใจออก ภาวนา แดง โดยให้เห็นภาพพลอยแดงในมโนจิตตลอดเวลาไม่ให้ภาพหายไปไหน เป็นการใช้สติกำกับจิตให้อยู่กับภาพพลอยแดงและลมหายใจเข้า-ออก
ผมปฏิบัติอย่างนี้ทุกวัน วันละ 3 เวลา เช้า กลาง หัวค่ำ เวลาละ 1.5-2 ชั่วโมง (วันละ 6 ชม.) ทุกวัน 6 วันแรกๆ ไม่ปรากฏผลใดๆ มีแต่ความฟุ้งซ่าน คิดโน่น คิดนี่ ทุกขเวทนา ปวดแข้ง ปวดขาจากการนั่งสมาธินาน (ครั้งละ 2 ชม.) จิตไม่สงบเลยแต่ก็ทนนั่งให้ครบ 2 ชม. ไม่เปลี่ยนอริยาบถ ตลอด 6 วันไม่มีความก้าวหน้าในสมาธิเลย วันที่ 7 เวลากลางวัน นั่งสมาธิอยู่ที่วิหารแก้ว 100 เมตร ได้ประมาณ 1 ชม. เกิดทุกขเวทนา จิตไม่รวมเป็นสมาธิ จึงคิดว่าปฏิบัติมาแล้ว 6 วันไม่ได้อะไร วันนี้จะเห็นหรือไม่เห็นก็ช่างมัน พอจิตคลายจากความอยากก็เกิดอาการปีติ คือ น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยกโคน ตัวพองตัวขยายเหมือนตัวลอยได้ ซาบซ่านไปทั้งตัว ปีติ 5 มาครบ เป็นอาการที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตมาก่อน อาการทุกขเวทนาหายไปหมด นั่งดูอาการปีติอยู่ 2 ชม. เต็มไม่รู้คืออาการอะไร จนเพื่อนมาเรียกกลับที่พัก
ระหว่างนั่งรถกลับที่พัก บังเอิญไปสนทนาเรื่องสภาวะสมาธิกับพี่ท่านหนึ่ง เค้าบอกว่าเคยปฏิบัติจนได้ฌาน 4 (ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่า ฌาน คืออะไร) แต่เผลอไปกินสุรา จนฌานเสื่อมเข้าฌานไม่ได้อีกเลยติดอยู่อุปจารสมาธิมาหลายปีแล้ว ผมสังเกตุเห็นพี่เค้าตั้งแต่วันแรกที่มาปฏิบัติธรรมแล้ว เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็นเค้าจะตัวโยกโคนเหมือนคลิปครูบาบุญชุ่ม ผมเห็นแล้วไม่รู้ว่าอาการอะไรนึกว่าเค้าเป็นบ้า 555 หรือผีเข้า เหมือนคนไม่เคยปฏิบัติ เห็นครูบาบุญชุ่มตัวโยกโคนจากปีติในสมาธิก็ไปต่อว่าท่านให้เป็นบาปกรรมติดตัว ผมนั่งสนทนาธรรมกับพี่เค้าเกือบชั่วโมง เค้าสอนผมเรื่องอุปจารสมาธิ เรื่องปีติ เรื่องฌานแต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเพราะได้รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก่อนปีติที่ผมเจอจากการปฏิบัติเหมือนที่พี่เค้าเล่าให้ฟังเป๊ะเลย พี่เค้าบอกว่า ถ้าเจออาการปีติอีกไม่ต้องสนใจปีติให้มีสติอยู่กับกรรมฐานที่เรากำหนด คือ ลมหายใจและพลอยแดงจะข้ามปีติได้เอง
ในช่วงเย็นผมและเพื่อนๆมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่วิหารแก้ว 100 เมตร ตามปกติ เมื่อทำวัตรเย็นเสร็จ ทางวัดจะให้ทุกคนนั่งกรรมฐานประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง ผมก็กำหนดลมหายใจเข้า-ออกและภาพพลอยสีแดง พร้อมภาวนาลมเข้า สี ลมออก แดง ตามปกติ นั่งไปแปปเดียวอาการปีติ 5 คือ น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวโยกโคน ตัวพองตัวขยายเหมือนตัวลอยได้ ซาบซ่านไปทั้งตัว ก็เกิดขึ้น ผมจำคำพี่คนนั้นได้ไม่สนใจอาการปีติกับมามีสติที่กรรมฐาน อีกสักแปปเดียวเกิดอาการบรมสุข สุขแบบไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต สุขไปทุกอณูทุกรูขุมขน สุขต้องแต่หัวจรดเท้า เอาสุขทั้งชีวิตมารวมกันก็ไม่เท่าความสุขนี้ ความเครียด ความเศร้าใจมลายหายไปหมด ตอนนั้นจิตทิ้งคำบริกรรม สี-แดง เอง พลอยแดง เปลี่ยนเป็นดวงแก้ว ใสขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นแก้วประกายพรึกส่องสว่างระยิบระยับสวยงามมากๆ นั่งดูภาพนิมิตดวงแก้วใสประกายพรึกนั้นแปปเดียวเวลาก็ผ่านไป 1 ชั่วโมง ครึ่ง จนเพื่อนมาปลุกให้ออกออกจากสมาธิเพื่อกลับที่พัก ขณะเดินออกจากศาลา หมาทุกตัวในบริเวณนั้นก็เดินมานั่งล้อมผมเป็นลักษณะทรงกลมจนน่าประหลาดใจ กลับมาที่พักหมาแถวนั้นมาก็มานั่งล้อมผมอีก สงสัยเค้าจะมาขอส่วนบุญ หลังจากนั้นจะเกิดภาพนิมิตดวงแก้วใสอยู่ในมโนจิตตลอดเวลาทุกอริยบถที่มีสติ
ก่อนกลับกรุงเทพเพื่อนๆ ชวนผมไปกราบหลวงพี่สมปอง (ท่านจิตโต) บ้านสบายใจอยู่ข้างๆวัด ในสายวัดท่าซุง เชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ผมและเพื่อนๆ รวมกัน 4 คน ซื้อสังฆทานไปถวายท่านไปถึงที่บ้านสบายใจตอน 12:00 น. ท่านให้เข้ากราบได้ตอน 13:00 น. ผมจึงนั่งกรรมฐาน (กสิณสีแดง) รอท่าน ขณะนั่งปรากฏนิมิตดวงแก้วใสส่องสว่างระยิบระยับ เมื่อครบ 1 ชั่วโมงผมก็ออกจากสมาธิขึ้นไปกราบหลวงพี่สมปองบนศาลาหลวงพี่สมปองมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ท่านกล่าวว่า “อนุโมทนาบุญกับ ฌาน 2 ด้วย” แล้วท่านก็เมตตาไล่ผลการปฏิบัติของเพื่อนแต่ละคนแบบเรียงคน ทุกคนฟังแล้วอึ้งมาก ท่านรู้นิสัยเราดียิ่งกว่าเรารู้ตัวเองเสียอีก ท่านรู้วาระจิตที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ ขนาดพวกผมครบกันมา 3 ปี ยังไม่เคยรู้มาก่อนและเพื่อนก็ยอมรับว่า หลวงพี่สมปองพูดจริง
หลังจากกลับมาที่กรุงเทพแล้ว ผมและเพื่อนๆ ก็ชวนกันไปกราบหลวงพี่สมปองที่บ้านพุทธภูมิ แถวๆ ตลิ่งชันกับเพื่อนๆ หลวงพี่สมปองได้พูดถึงศิษย์ท่านหนึ่งปฏิบัติกับท่านมาหลายปี สามารถเข้า ฌาน 4 เวลาไหนก็ได้ และพูดติดตลกว่า ดูดวงแม่นนะ หลังจากหลวงพี่สมปองเทศน์เสร็จผมและเพื่อนๆ จึงไปหาพี่ท่านนั้น ผมดูลักษณะพี่คนนั้นแล้วคิดในใจไม่น่าจะนั่งสมาธิได้ ผมจึงอยากลองพิสูจน์ จึงเข้าไปคุยกับพี่คนนั้นว่า “สวัสดีครับพี่ ช่วยดูดวงให้ผมได้ไหมครับ” พร้อมกับยื่นมือไปให้ พี่เค้ามองที่มือผมแปปเดียวแล้วมองหน้าผม พูดว่า “เข้าสมาธิก็เหมือนรถโดยสารจอดที่ป้ายรถ ต้องจอดให้พอดีๆ จอดเร็วไปก็ไม่ถึงป้าย จอดช้าไปก็เลยป้าย น้องต้องไปฝึกจอดให้พอดีๆ ป้าย จะเข้าสมาธิได้ดีและบ่อยขึ้น น้องปฏิบัติได้ดีและเร็วมากๆแปปเดียวก็เข้า ฌานได้แล้ว”
หลังจากที่ผมได้ดวงแก้วก็มาฝึกอยู่เรื่อยๆ และก็ซื้อดวงแก้วใส จากวัดปทุมวนาราม ของหลวงพ่อถาวร มาพกติดตัวตลอดเวลาไว้ปฏิบัติ ช่วงนั้นทำให้ผมเห็น ผี บ่อยมากๆ ตอนเด็กๆ ก่อนอายุ 9 ขวบเห็นเป็นประจำอยู่แล้ว พออายุเลย 9 ขวบ ก็ไม่เคยเห็นอีกเลย จนกระทั่งได้นิมิตดวงแก้ว ไปที่ไหนก็เห็น โดยเฉพาะหอพักของผมซึ่งเป็นหอพักของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ตรงถนนพญาไท มีผีเยอะๆ มากๆ เห็นภาพในมโนจิต เป็นพวกสัมภเวสี ไม่ได้น่ากลัวอะไร น่าสงสารมากกว่าดูพวกเขาไม่ค่อยสมประกอบ ผอมโซ จะอาศัยอยู่ตามบันไดระหว่างชั้น จะอยู่กันเยอะที่บันไดชั้น 12 และ 13 และจะเห็นดวงวิญญานชุดสีขาวเดินมาที่เตียงรูมเมทผมทุกวัน ซึ่งผมและรูมเมทก็เห็นพร้อมกันและมองหน้ากันว่าเห็นใช่ไหม ต่างคน ต่างบอกว่า ใช่ รูมเมทผม ชาติที่แล้วที่เคยเป็นทหารฆ่าคนมาเยอะมากเลยมีดวงวิญญานตามมาเยอะ
ครั้งหนึ่งตอนปี 4 ผมไปเข้าค่ายที่ เพชรบุรี กับมหาวิทยาลัย ที่ค่ายทหารเห็นหนึ่ง ระว่างเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นโรงนอนรวมขนาดใหญ่ ผมเหลือบขึ้นไปบนต้นไม้เห็น ผู้หญิงสวยใส่ชุดไทย สวมชฎา ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ทหารก็เรียก นิสิตทุกคนมายืมหน้าต้นไม้ใหญ่นั่น แล้วพูดว่า ต้นไม้นี้มีเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่ ให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันแล้วกราบท่านซะแล้วอย่าหลบหลู่ท่านหล่ะ จะได้นอนหลับได้ปกติ ผมถึงบางอ้อเลย ทำไมถึงเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสวยยืนอยู่บนต้นไม้ก่อนเข้าที่พัก
ผลที่ได้จากการสำเร็จกสิณสีแดง
1. ดวงแก้วประกายพรึกจะอยู่ในมโนจิตตลอดเวลา ระยะเวลาประมาณ 1 ปี
2. อยากได้อะไรให้อธิษฐานกับดวงแก้วประกายพรึกจะสำเร็จทุกประการ เช่น ผมไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ เจอหนังสือ อนาคตพุทธวงศ์ ราคา 500 บาท อยากอ่านมากแต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิษฐานขอดวงแก้ว หลังจากกลับมาที่หอพัก เพื่อนเอาหนังสือเล่มดังกล่าวมาวางไว้ที่โต๊ะ บอกว่าอยากให้อ่าน อึ้งมาก
3. บังเกิดตาทิพย์ไปสถานที่ต่างๆ จะเห็นภาพเทวดาและผี (หากมี) อยู่ในมโนจิต ถามว่าสามารถเห็นหวยได้ไหม สำหรับผมยังไม่ได้เพราะภาพที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นเองไม่สามารถบังคับได้ ตอนที่ผมบวชครั้งที่ 2 หลังจากเข้าพิธีเสร็จแม่มาถามผมว่าขอหวยพระหน่อย ผมเห็นเลข 63 ขึ้นมาที่มโนจิตก็บอกเลขแม่ไป แม่และเพื่อนๆนำไปซื้อหวยก็ถูกกันทั้งรถตู้ที่มาร่วมงานบวชผมแต่ถ้าตั้งใจจะดูเลขจะไม่เห็นและไม่ถูก ต้องไม่ตั้งใจเห็นแวปแรกก็บอกเลย
4. บังเกิดหูทิพย์สามารถได้ยินความคิดคนอื่นหากเราตั้งจิตถึงเขา
5. สามารถเห็นอดีตชาติตนเองได้ของผมประมาณ 1000 ชาติ
ปี 2551 ผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม ผมถามท่านว่าปฏิบัติถูกไหม ท่านตอบว่า ที่ทำอยู่จิตเป็นฌาน ตายไประวังเป็นพระพรหม (ที่แยกราชประสงค์) นะ
ผมเลิกฝึกกสิณปี 2553 หันมาฝึกอานาปานสติแทน ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ตามคำสอนของพระอาจารย์ผม ตอนบวชครั้งแรกที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว กับพระอาจารย์โสภา สมโน พระอาจารย์โสภาส่งผมไปปฏิบัติบนเขาสลัดไดกลางป่าเป็นเวลา 1 เดือน กับพระ 3 รูป โดยนั่งสมาธิเดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. ขณะนั้นดวงกสิณยังอยู่ บังเกิดหูทิพย์ ตาทิพย์ชัดเจนมาก เห็นเทวดาอยู่เต็มเขาสลัดได (สถานที่บรรลุธรรมพระอาจารย์โสภา) และได้ยินความคิดพระเพื่อน เมื่อปฏิบัติครบ 1 เดือน กลายเป็นวสี สามารถเข้าออกฌาน 4 ได้ภายใน 5 นาที
พระอาจารย์โสภาใช้ญาณตรวจดูบนเขาทุกวัน ท่านรู้ทุกอย่างว่าผมกับเพื่อนทำอะไรบนเขา เมื่อลงจากเขาวันแรก พระอาจารย์โสภากล่าวชมว่า “หลวงพี่ภาวนาดีนะ”
เมื่อเจริญอานาปานสติทำให้ดวงกสิณหายไปความเป็นทิพย์ต่างๆก็หายไปจนหมดสิ้นแต่สิ่งที่ได้จากอานาปานสติ คือ จิตพัฒนาสู่อรูปฌาน ตั้งแต่อากาสานัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ ตามลำดับ เมื่อปี 2556
ปี 2559 มีโอกาสไปบวชรอบที่สองที่วัดถ้ำสหาย กับหลวงปู่จันทร์เรียน เป็นเวลา 3 เดือน ได้ใช้การเจริญอานาปานสติ หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ นั่งสมาธิ เดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. หลวงปู่จันทร์เรียนสั่งให้พระอุปัฏฐากมาบอกผมว่า “หลวงปู่ให้ไปนั่งที่หอธรรมหน้ากุฏิหลวงปู่ทุกวัน” จนจิตพัฒนาจนเห็นโลกธาตุ ร่างกายและขัรธ์ พังทลายลง เกิดจากธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟมาประชุมกัน เกิดขึ้นและแตกสลายลง เหลือแต่ความว่างไร้สมมุติ บัญญัติ ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไร้กว้าง ไร้ยาว ไร้กาลเวลา ไร้ความรู้สึกทางกาย ลมหายใจ และความคิดท่ามกลางความว่างนั้นมีจิตประภัสสรส่องสว่างไสวดุจดวงอาทิตย์ เกิดปัญญาสว่างไสวฃว่า กาย (รูป) เวทนา (ความสุข ความทุกข์) สัญญา (ความจำ) ความคิดปรุงแต่ง (สังขาร) วิญญาณ อาการรู้ของจิต ล้วนไม่ใช่เรา เราและคิดเราเกิดจากอุปทานความหลงของจิตเพราะมีอวิชชาครอบงำทำให้เกิดความคิดปรุงแต่งและรูปกายนี้ทำให้หลงว่าเป็นเรา แท้จริงขันธ์ 5 เกิดจากธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกัน แล้วจิตไปยึดเป็นเจ้าของเป็นเรา ของเรา ขันธ์ 5 นั้นไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เราไม่ใช่จิต จิตเป็นธาตุรู้ที่มีอยู่โดยธรรมชาติไม่ใช่เราเช่นกัน
ผมไม่รู้ว่าสภาวะที่เกิดขึ้นจากการเจริญอานาปานสติ คือ อะไร นำไปเรียนถามครูบาอาจารย์ 3 รูป ท่านตอบตรงกันว่า จิตถึงโครตภูญาน สัมผัสอารมณ์พระนิพพาน โดยที่ผมไม่ได้เล่าอะไรให้ท่านฟัง ท่านใช้ญานส่องดูวาระจิตผม ท่านกล่าวตรงกันว่า ต้องตกกระแสพระนิพพาน 4 ครั้ง ถึงจะบรรลุพระอรหันต์ ผมปรารถนาพุทธภูมิ สามารถถึงโครตภูญาณได้แต่ไม่ข้ามโครตเป็นพระอริยบุคคลเพราะติดในความปรารถนาพุทธภูมิ
ปล.ขอเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติแก่เพื่อนนักปฏิบัติ รูปบนเขาสลัดไดเมื่อปี 2553