ประสบการณ์หลังจากสำเร็จกสิณสีแดง (ฌาน 4)

ประสบการณ์หลังจากสำเร็จกสิณสีแดง (ฌาน 4)
หลังจากกระผมสำเร็จกสิณสีแดง โดยบังเอิญจากการฝึกตามเทปบรรยายธรรม โดยหลวงพ่อฤาษี ลิงดำ เมื่อไปปฏิบัติธรรมวัดท่าซุง เป็นเวลา 7 วัน 7 คืน เมื่อปี พ.ศ. 2550 ตอนนั้นอายุ 20 ปีทำกสิณเพราะอยากเห็นนรก สวรรค์

โดยใช้วิธีสร้างมโนภาพ พลอยสีแดง เป็นดวงกสิณให้เห็นต่อเนื่องในมโนจิตตลอดเวลา เมื่อหายใจเข้า ภาวนา “สี” หายใจออก ภาวนา “แดง” โดยใช้สติ 70% อยู่ที่มโนภาพ พลอยสีแดง 30% อยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออกและคำภาวนา สีแดง

ใช้เวลานั่งสมาธิต่อเนื่องครั้งละ 1.5 ชม. ถึง 2 ชม. เป็นอย่างน้อยวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน หัวค่ำ

6 วันแรกไม่มีผลใดๆเกิดขึ้น มีแต่เวทนา ปวดเนื้อปวดตัว ปวดขา ฟุ้งซ่าน แต่ใช้ฉันทะและวิริยะนั่งให้ครบ 1.5-2 ชม. โดยไม่ลุกไปไหน

วันที่ 7 ช่วงกลางวัน ปล่อยความคิดว่า วันสุดท้ายแล้วไม่เห็นนรกสวรรค์ก็ช่างมัน เกิดอาการปีติ (ฌาน2) คือ น้ำตาไหล ขนลุกขนพอง ตัวขยายใหญ่ และซาบซ่านไปทั้งกาย เป็นอาการที่แปลกมากไม่เคยเจอมาเลยในชีวิต

ช่วงหัวค่ำนั่งที่วิหารแก้ว 100 เมตร เกิดปีติอีกครั้ง แต่ไม่สนใจกลับมาที่ ดวงกสิณพลอยสีแดง จึงเกิดสุข (ฌาน 3) เป็นสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต เอาสุขทั้งชีวิตมารวมกันก็ไม่เท่าสุขในสมาธิ เอาสมบัติจักรพรรดิ์มาแลกก็ไม่ยอม แต่ไม่ยึดมั่นในสุขกลับมาที่ดวงกสิณพลอยสีแดง เมื่อข้ามสุข จิตจะทิ้งกายและลมหายใจ ลมหายใจดับสนิท ดวงกสิณพลอยสีแดง เปลี่ยนเป็นแก้วประกายพรึกระยิบระยับส่องสว่างไสวท่ามกลางความว่าง (ฌาน4) ผลที่ได้จากการสำเร็จกสิณสีแดง

1.ก่อนกลับกรุงเทพ ไปกราบพระอาจารย์สมปอง (ท่านจิตโต) ท่านหันมายิ้มให้แล้วพูดว่า อนุโมทนากับฌาน ด้วย (ตอนนั้นผมไม่รู้ฌาน คือ อะไร)
2.สุนัขทุกตัวที่วิหารแก้ว 100 เมตร และที่กุฏิมายืนล้อมผมเป็นวงกลม เป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนมาอนุโมทนาบุญ
3.ดวงแก้วประกายพรึกจะอยู่ในมโนภาพตลอดเวลา ระยะเวลาประมาณ 1 ปี
4.อยากได้อะไรให้อธิษฐานกับดวงแก้วประกายพรึกจะสำเร็จทุกประการ เช่น ผมไปเดินที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ เจอหนังสือ อนาคตพุทธวงศ์ ราคา 500 บาท อยากอ่านมากแต่ไม่มีเงินซื้อ จึงอธิษฐานขอดวงแก้ว หลังจากกลับมาที่หอพัก เพื่อนเอาหนังสือเล่มดังกล่าวมาวางไว้ที่โต๊ะ บอกว่าอยากให้อ่าน อึ้งมาก
5.บังเกิดตาทิพย์ไปสถานที่ต่างๆ จะเห็นภาพเทวดาและผี (หากมี) อยู่ในมโนจิต เช่น หอพักนิสิตผีเยอะมาก ครั้งหนึ่งตอนปี 4 ผมไปเข้าค่ายที่ เพชรบุรี กับมหาวิทยาลัย ที่ค่ายทหารเห็นหนึ่ง ระว่างเดินเข้าที่พักซึ่งเป็นโรงนอนรวมขนาดใหญ่ ผมเหลือบขึ้นไปบนต้นไม้เห็น ผู้หญิงสวยใส่ชุดไทย สวมชฎา ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ผมไม่ได้พูดอะไร หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ทหารก็เรียก นิสิตทุกคนมายืมหน้าต้นไม้ใหญ่นั่น แล้วพูดว่า ต้นไม้นี้มีเจ้าแม่ตะเคียนทองอยู่ ให้ทุกคนสวดมนต์พร้อมกันแล้วกราบท่านซะแล้วอย่าหลบหลู่ท่านหล่ะ จะได้นอนหลับได้ปกติ ผมถึงบางอ้อเลย ทำไมถึงเห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสวยยืนอยู่บนต้นไม้ก่อนเข้าที่พัก
หรือเห็นวิญญาณผีพราย ภาพที่เห็นในมโนจิตไม่ได้น่ากลัวอะไร สงสารเขามากกว่า
6.บังเกิดหูทิพย์สามารถได้ยินความคิดคนอื่นหากเราตั้งจิตถึงเขา
7.สามารถเห็นอดีตชาติตนเองได้ของผมประมาณ 1000 ชาติ
8. ปี 2551 ผมไปกราบพระอาจารย์ปราโมทย์ ที่สวนสันติธรรม ผมถามท่านว่าปฏิบัติถูกไหม ท่านตอบว่า ที่ทำอยู่จิตเป็นฌาน ตายไประวังเป็นพระพรหม (ที่แยกราชประสงค์) นะ

ผมเลิกฝึกกสิณปี 2553 หันมาฝึกอานาปานสติแทน ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ตามคำสอนของพระอาจารย์ผม ตอนบวชครั้งแรกที่วัดแสงธรรมวังเขาเขียว กับพระอาจารย์โสภา สมโน พระอาจารย์โสภาส่งผมไปปฏิบัติบนเขาสลัดไดกลางป่าเป็นเวลา 1 เดือน กับพระ 3 รูป โดยนั่งสมาธิเดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. ขณะนั้นดวงกสิณยังอยู่ บังเกิดหูทิพย์ ตาทิพย์ชัดเจนมาก เห็นเทวดาอยู่เต็มเขาสลัดได (สถานที่บรรลุธรรมพระอาจารย์โสภา) และได้ยินความคิดพระเพื่อน เมื่อปฏิบัติครบ 1 เดือน กลายเป็นวสี สามารถเข้าออกฌาน 4 ได้ภายใน 5 นาที
พระอาจารย์โสภาใช้ญาณตรวจดูบนเขาทุกวัน ท่านรู้ทุกอย่างว่าผมกับเพื่อนทำอะไรบนเขา เมื่อลงจากเขาวันแรก พระอาจารย์โสภากล่าวชมว่า “หลวงพี่ภาวนาดีนะ”

เมื่อเจริญอานาปานสติทำให้ดวงกสิณหายไปความเป็นทิพย์ต่างๆก็หายไปจนหมดสิ้นแต่สิ่งที่ได้จากอานาปานสติ คือ จิตพัฒนาสู่อรูปฌาน ตั้งแต่อากาสานัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ ตามลำดับ เมื่อปี 2556

ปี 2559 มีโอกาสไปบวชรอบที่สองที่วัดถ้ำสหาย กับหลวงปู่จันทร์เรียน เป็นเวลา 3 เดือน ได้ใช้การเจริญอานาปานสติ หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ นั่งสมาธิ เดินจงกรมทุกวัน วันละ 12 ชม. หลวงปู่จันทร์เรียนสั่งให้พระอุปัฏฐากมาบอกผมว่า “หลวงปู่ให้ไปนั่งที่หอธรรมหน้ากุฏิหลวงปู่ทุกวัน” จนจิตพัฒนาจนเห็นโลกธาตุพังทลายลงมา เหลือแต่ความว่างไร้สมมุติ บัญญัติ ไร้สุข ไร้ทุกข์ ไร้กว้าง ไร้ยาว ไร้กาลเวลา ไร้ความรู้สึกทางกาย ลมหายใจ และความคิดท่ามกลางความว่างนั้นมีจิตประภัสสรส่องไสวดุจดวงอาทิตย์ เกิดปัญญาสว่างไสวเกิดปัญญา กายนี้ ความคิดนี้และจิตนี้ล้วนไม่ใช่เรา เราและคิดเกิดจากอุปทานความหลงของจิตเพราะมีอวิชชาครอบงำทำให้เกิดความคิดปรุงแต่งและรูปกายทำให้หลงว่าเป็นเรา

ผมไม่รู้ว่าสภาวะที่เกิดขึ้นจากการเจริญอานาปานสติ คือ อะไร ครูบาอาจารย์ 3 รูป กล่าวตรงกันว่า จิตถึงโครตภูญาน สัมผัสอารมณ์พระนิพพาน โดยที่ผมไม่ได้เล่าอะไรให้ท่านฟัง ท่านใช้ญานส่องดูวาระจิตผม ท่านกล่าวตรงกันว่า ต้องตกกระแสพระนิพพาน 4 ครั้ง ถึงจะบรรลุพระอรหันต์ ผมปรารถนาพุทธภูมิ สามารถถึงโครตภูญาณได้แต่ไม่ข้ามโครตเป็นพระอริยบุคคลเพราะติดในความปรารถนา

ปล.ขอเล่าเป็นวิทยาทานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติแก่เพื่อนนักปฏิบัติ รูปบนเขาสลัดไดเมื่อปี 2553
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่