ห้องเพลงคนรากหญ้า **พักยกการเมือง** มุมเสียงเพลง ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 22/07/2017 "แรงเหวี่ยงหนีศูนย์"

กระทู้คำถาม
สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ วันนี้เป็นมวยแทนเนื่องจาก MC พี่แอ๊ดคอมเสียกระทันหัน  จึงขอเอาบทความที่เคยเขียนไว้มาให้เพื่อนๆอ่านเล่นๆในค่ำคืนนี้


การเมืองไทยเมื่อเทียบกับเจ้าพัดลมหนึ่งตัว คิดว่าทุกบ้านคงมีเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนี้ติดบ้านกันทุกบ้าน


ภาพประกอบไม่ได้มีเจตนาเพื่อโฆษณา



พัดลมบ้านประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆที่เราพอจะทราบหลักๆนั่นคือ สายไฟ+ปลั๊ก สวิทช์ส่วนควบคุมความเร็วรอบ มอเตอร์+แกนมอเตอร์ที่ผ่านการหา Alignment และ Centering แล้ว และส่วนของใบพัดลม โดยทั่วไปใบพัดลมบ้านจะมีอยู่ 3 ใบ



หลังจากที่สวมใบพัดลมเข้ากับแกนมอเตอร์แล้ว เดินเครื่องด้วยความเร็วรอบต่างๆ ใบพัดลมแต่ละใบจะมีแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ ในทิศทางที่ตั้งฉากกับแนวแกนของมอเตอร์ที่ผ่านการหา Alignment และ Centering แล้ว ทำให้พัดลมเวลาเดินเครื่องมีความนิ่งและสมดุลในการหมุน ไม่เกิดแรงเหวี่ยงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ไม่เกิด Vibration ขึ้นในขณะเดินเครื่อง เนื่องจากความสมดุลกันของใบพัดทั้ง 3 ด้าน

ผมจะลองเขียนอะไรเล่นๆลงในเจ้าพัดลม 3 ใบนี้ แล้วมามองในภาพรวมของการเมืองไทย



เมื่อใบพัดน้ำหนักเท่ากัน การจัดเรียงทิศทาง-องศาที่เท่ากันจะเกิดการถ่วงดุลซึ่งกันและกันของแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ทั้ง 3 ใบพัด ไม่ให้ใบใดมีแรงเหวี่ยงมากเกินไปการหมุนของเจ้าพัดลมตัวนี้ก็จะมีความนิ่ง ไม่เกิดแรงเหวี่ยงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งจนสั่นและล้มค่ำในที่สุด


ประเทศไทยมีการปกครองแบบประชาธิปไตย  อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  หมายความว่า  อำนาจอธิปไตย  หรือ  อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศมาจากปวงชนชาวไทย  อันมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข  ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่านทางรัฐสภา  คณะรัฐมนตรีและศาลตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ  โดยอำนาจขององค์กรทั้ง 3 ฝ่าย  จะต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน  และอยู่ในลักษณะการถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน
    
การแบ่งอำนาจอธิปไตย   อำนาจอธิปไตยทั้งสามฝ่าย  คือ  นิติบัญญัติ  บริหาร  ตุลาการ  มีการถ่วงดุลอำนาจกันไม่ให้อำนาจใดมีอำนาจมากเกินไปหรืออ่อนแอ  เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจจนเกินขอบเขต

คำปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร  “ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

คำปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายตุลาการ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวงเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชน และความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”

    
ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 และได้บัญญัติขึ้นตามมาตรา 35 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 ให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่แทน และมีบทบาทสำคัญต่อการเมืองการปกครองของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ก็ได้ขึ้นปฏิบัติการจากกระบวนการคัดสรรตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร ซึ่งการดำเนินการพิจารณาคดีต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากว่าขัดต่อหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญอยู่เสมอ และขยายขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญออกไปเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด รวมถึงการก้าวก่ายอำนาจของฝ่ายบริการและฝ่ายนิติบัญญัติ

ผลงานในอดีตของศาลรัฐธรรมนูญ

พ.ศ. 2550

ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย จากการจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 5 ปี โดยในภายหลัง นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้น กล่าวถึงการวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรค ณ ขณะนั้นเป็นไปเพื่อรักษาความสงบของบ้านเมือง ซึ่งไม่ได้วินิจฉัยคดีโดยวางอยู่บนพื้นฐานนิติรัฐ นิติธรรม

ตัดสินให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิดในทุกข้อกล่าวหาในกรณีจ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย ซึ่งในภายหลังนายสุขสันต์ ไชยเทศ อดีตผู้อำนวยการพรรคพัฒนาชาติไทย และนายชวการ โตสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพัฒนาชาติไทย ซึ่งเป็นพยานปากเอกคดียุบพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สัญญาว่าจะให้เงินพยานพรรคเล็กคนละ 15 ล้านบาทและช่วยเรื่องคดีแลกกับการที่ให้พยานเหล่านี้ให้การว่าไปพบ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยาเพื่อรับการว่าจ้างให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยที่ความจริงแล้วมิได้มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยในระหว่างการดำเนินคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้นำพยานเหล่านี้ไปเก็บตัวในเซฟเฮาส์ทางภาคใต้ และสุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยเหลือเรื่องคดีกับพยานพรรคเล็กเหล่านี้ดังที่สัญญาไว้แต่อย่างใด

พ.ศ. 2551

วินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากจัดรายการชิมอาหาร ซึ่งในภายหลังนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ได้ยอมรับว่าการวินิจฉัยถอด นายสมัคร สุนทรเวช ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้นผิดพลาด ด้วยการนำข้อกฎหมายมาวางก่อน แล้วค่อยนำข้อเท็จจริงมาพิจารณา

ตัดสินให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌมาธิปไตย และเพิกถอนสิทธิลงเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 5 ปี

ยกคำร้อง กรณีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 ด้วยมติสี่ต่อสองว่า กฎหมายกำหนดให้ผู้ร้องยื่นคำร้องมาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ปรากฏแก่ตนว่าผู้ถูกร้องฝ่าฝืนกฎหมายอันเป็นเหตุให้ถูกยุบได้ มว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องมาล่วงระยะเวลาสิบห้าวันดังกล่าวนี้ จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง

ยกคำร้อง กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่า พรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2548 โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า เนื่องจากกระบวนการยื่นขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ชอบที่จะพิจารณาวินิจฉัยคำร้องสืบไป และให้ยกคำร้อง


พ.ศ. 2556

ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาและคุณสมบัติของ ส.ว.เป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 68 โดยจากกรณีนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากต่อส่วนหนึ่งของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวว่า ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแม้จะให้ถือเอามติฝ่ายเสียงข้างมากเป็น เกณฑ์ก็ตาม แต่หากละเลยหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจกดขี่ข่มเหงฝ่ายเสียงข้างน้อยโดยไม่ฟังเหตุผลและขาดหลักประกันจนทำให้ฝ่ายเสียงข้างน้อยไม่มีที่อยู่ที่ยืนตามสมควรแล้วไซร้ จะถือว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร หากแต่ก็จะกลับกลายเป็นระบอบเผด็จการฝ่ายข้างมาก ขัดแย้งต่อระบอบการปกครองของประเทศไปอย่างชัดแจ้ง


จากบทบาทของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนี้เสมือนว่ามีอีก 1 อำนาจ ที่เข้ามาเพิ่มจาก 3 อำนาจแรกในข้างต้น

ผมจะมาลองเปลี่ยนใบพัดลมดู แล้วลองเขียนอะไรลงในนั้น



หากแม้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่ที่ไร้ครหาเรื่อง 2 มาตรฐานในการตัดสิน เป็นอำนาจที่เป็นอิสระเฉพาะจากการพิจารณาคดีความต่าง ๆ ย่อมต้องเป็นกลางและมิได้มีการถ่วงดุลหรือคานอำนาจกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พัดลมเครื่องนี้ก็จะหมุนไปด้วยความนิ่งเป็นปกติ ไร้ซึ่งครหาในการทำหน้าที่ แต่ความเป็นจริงเป็นเช่นไรแล้วแต่ผู้อ่านจะพิจารณา

และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญยังคงมีอยู่เช่นเคย โดยถูกกำหนดบทบาทหน้าที่ไว้ไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม ยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจํานวน 9 คนนี้ ผู้ได้รับการคัดเลือกหรือสรรหาเพื่อแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา พูดกันง่ายๆก็คือ มาจาก สว. นั่นเอง (สว. ตาม รธน นี้มาจากการแต่งตั้งทั้งหมดจาก คสช)


ผมจะมาลองลงภาพพัดลมใหม่อีกครั้ง ขออภัยที่ภาพนี้ไม่สวยเพราะผมไม่ถนัดวาดภาพ



เมื่อเราให้น้ำหนักกับใบพัดใบใดมากเกินไป จะไม่เกิดสมดุลในการหมุนเพราะแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ของใบพัดนั้นจะมีมากกว่าแรงที่มาจากทิศทางอื่น ทำให้เกิด Vibration ในการเดินเครื่องขึ้นมา  ทำให้เกินการสั่นและเหวี่ยงอย่างไร้ทิศทางจนพัดลมเครื่องนั้นล้มลงและพังเสียหายได้ เปรียบเสมือนกับการถ่วงดุลอำนาจของอธิปไตยที่กล่าวมาข้างต้น หากจะเดินหน้าประเทศไทยต่อไป การถ่วงดุลที่เหมาะสมของอำนาจทั้ง 3 ควรที่จะกันไม่ให้อำนาจใดมีอำนาจมากเกินไปหรืออ่อนแอ  เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพมิให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้อำนาจจนเกินขอบเขต

ในนามประชาชนไทยคนหนึ่ง อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้าด้วยความนิ่ง ไม่เกิดแรงกระเพื่อมไปกับอคติมุมมองในการทำหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่พร้อมจะประหักประหารฝ่ายตรงข้าม หรือตรีตราความชอบธรรมให้กับฝ่ายที่ตนรัก โดยใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่เป็นของปวงชนชาวไทยทั้งแผ่นดิน โดยเฉพาะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พวกท่านต้องแก้ข้อครหาที่ประชาชนมองว่าพวกท่าน 2 มาตรฐานออกไปให้ได้ และทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเมือง-เสถียรภาพทางการเมืองต้องมาแขวนอยุ่บนเส้นด้ายภายใต้อคติในการพิจารณาของพวกท่าน

ประเทศไทยไม่ใช่เครื่องสั่นสลายไขมัน ไม่ใช่เครื่องนวดผ่อนคลายหยอดเหรียญ ไม่ใช่อุปกรณ์ให้ความสุขทางเพศ ที่จะต้องใช้แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ให้เกิดการสั่นสะเทือนในการใช้งาน  ประชาชนบอบช้ำมามากแล้ว จงทำให้ประเทศชาติเดินหน้าด้วยความนิ่งและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เป็นกลางที่สุด  ในวันนี้-วันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป จงสร้างมาตรฐานเดียวในการทำหน้าที่ให้ประชาชนเห็นและหยุดการคลางแคลงใจในการทำหน้าที่  ทุกหน้าในประวัติศาสตร์การเมืองไทยล้วนถูกจารึกไว้ให้อนุชนคนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ยิ่งยุคปัจจุบันแล้วการบันทึกเรื่องราวต่างๆยิ่งเป็นไปได้ง่ายกว่ารุ่นก่อนๆหลายเท่าตัวนัก ไม่มีใครหนีความจริงไปพ้นว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นดีหรือไม่ดี ทุกๆอย่างหนีสายตาประชาชนไปไม่พ้น ทุกเรื่อง


ขอบพระคุณ พัดลมฮาตาริ ฐานข้อมูลประกอบกระทู้จากทรูปลูกปัญญา และวิกิพิเดียร์
and  https://ppantip.com/topic/36641541







ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

พื้นที่เต็ม ไปกันเลยดีกว่า!!

ประชาธิปไตย - คาราบาว  Clip by ทาซานเจ้าป่า

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่