กระผมซึ่งเป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องของกฎหมายเท่าที่ควร แต่อย่างน้อยกระผมก็เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยคนหนึ่งตามระบอบประชาธิปไตย กระผมจึงคิดว่า ตัวเองน่าจะมีสิทธิที่จะรับรู้และขอความกระจ่างจากการวินิจฉัยของพวกท่าน ดังนั้นกรผมจึงอยากขอคำอธิบายและแนะนำจากพวกท่านในหลายเรื่องครับ

กระผมคงไม่ต้องการให้พวกท่านมาอธิบายถึงเรื่องผิดมาตราโน้น มาตรานี้หรอกครับ เพราะยิ่งฟังยิ่งรับรู้แล้วยิ่งปวดหัว แต่กระผมอยากทราบแค่ คำวินิจฉัยที่บอกว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคำร้องไว้วินิจฉัยได้

แต่ที่กระผมยังข้องใจอยู่ กลับเป็นเรื่องผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ที่จะต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน แต่ พวกท่านกลับวินิจฉัยที่ให้คำว่า “หรือ” กับ “และ” มีความหมายเดียวกัน แล้วก็วินิจฉัยว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะรับเรื่องร้องเรียนได้โดยตรง

ตรงนี้ต่างหากครับที่กระผมไม่เข้าใจ เพราะถ้าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้ยื่นผ่านศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงได้ คงไม่จำเป็นต้องเขียนให้ยื่นต่ออัยการสูงสุดให้สับสน เพราะถ้ายื่นโดยตรงได้ คงไม่มีใครปัญญาอ่อน จนนำไปยื่นให้กับอัยการสูงสุดให้เสียเวลา ใช่ไหมครับท่าน ตลก.

ประเด็นต่อมา พวกท่านวินิจฉัยเรื่องการตัดสิทธิการอภิปรายของผู้ที่สงวนคำแปรญัตติถึง 51 คนที่ยังไม่มีการฟังการอภิปรายเลย แม้ประธานสภาจะมีอำนาจในการสั่งให้ปิดการอภิปราย แต่ถือเป็นการใช้อำนาจไม่ชอบ เอื้อประโยชน์ฝ่ายเสียงข้างมากอย่างไม่เป็นธรรม เรื่องนี้กระผมก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง

เพียงแต่เรื่องที่กระผมไม่แน่ใจว่า พอจะเทียบเคียงกับการยุบพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมอีกหลายพรรค ทั้งๆที่ยังเหลือสอบพยานอีกเป็นร้อยปาก แม้ทางศาลจะมีอำนาจในการสั่งหยุดสอบพยานได้ แต่จะถือว่าเป็นการใช้อำนาจไม่ชอบได้หรือเปล่าครับ และอย่างนี้จะถือว่าใช้เสียงข้างมากอย่างไม่เป็นธรรม และเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคคู่กรณีได้หรือไม่ครับ ท่าน ตลก.ทั้งหลาย

สำหรับเรื่องที่สมาชิกเสียบบัตรแทน กระผมไม่ได้ติดใจสักเท่าไรนัก แม้จะรู้สึกว่า เมื่อยังไม่ได้ตัดสิน แล้วอาศัยหลักฐานจากวีดิทัศน์ ก็นำมาเป็นข้อวินิจฉัยว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงขัดต่อความซื่อสัตย์ของสมาชิกรัฐสภาที่ได้ปฏิญาณตนไว้เมื่อครั้งเข้ารับหน้าที่

เพียงแต่เรื่องนี้ทำให้กระผมรำลึกย้อนเหตุการณ์กลับไปครั้งที่ได้เห็นคลิปที่มีความพยายามจะช่วยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งให้รอดจากการยุบพรรค และสุดท้ายก็รอดจริงๆ จากการหมดอายุความหรือนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่แสดงความคิดเห็น กระผมก็อยากทราบว่าอย่างนี้มันขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ มันขัดต่อความซื่อสัตย์ที่ได้ปฏิญาณตนไว้หรือไม่อย่างไร

ส่วนเรื่องการแก้ สว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด พวกท่านวินิจฉัยว่าเป็นการแก้ไขแบบถอยหลังเข้าคลอง ทำให้กระผมงงเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับท่าน ตลก.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด มันน่าจะเป็นความก้าวหน้าทางประชาธิปไตยมากกว่าไม่ใช่หรือครับท่าน ตลก.

กระผมไม่เข้าใจเลยจริงๆครับ ไม่รู้ว่าพวกท่านอาศัยอำนาจอะไรมาคิดแทนประชาชนทั้งประเทศ ให้ทำอย่างนี้ดีกว่าอย่างนั้นครับท่าน

ข้อสำคัญนะครับท่าน ตลก.ทั้งหลายครับ ที่พวกท่านบอกว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการให้มี สว.สำหรับถ่วงดุล โดยมองว่า สว.จากการเลือกตั้ง จะกลายเป็นสภาผัวเมีย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องคงไว้ซึ่ง สว.สรรหา เพื่อถ่วงดุลการทำหน้าที่ในรัฐสภา

แต่ที่กระผมเห็นมาตลอดนั้น กลับมี สว.สรรหารวมกลุ่มกันขึ้นเป็นกลุ่มก้อน แล้วสุมหัวกันมาต่อต้านรัฐบาลจากเสียงส่วนใหญ่เกินกว่าคำว่าถ่วงดุลไปไหนๆ แต่ถ้าฝ่ายเดียวกันเป็นรัฐบาล สว.สรรหากลุ่มนี้ก็จะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แบบนี้กระผมคิดว่า มันเลวร้ายกว่า สภาผัวเมียนะครับท่าน

เพราะอย่างน้อย สภาผัวเมียถ้าไม่สามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับประชาชน ก็จะไม่ได้รับการเลือกจากประชาชนให้เข้ามาทำหน้าที่ แต่ถ้ามาจากการลากตั้งนี่สิครับ จะทำอะไร ประชาชนก็ได้แต่มองตาปริบๆ

นี่จึงเป็นปัญหาของฝ่ายนิติบัญญัติที่จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญทีดีที่สุดไม่ใช่หรือครับ ซึ่งแม้แต่องค์กรอิสระต่างๆ กระผมยังอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุดเสียด้วยซ้ำไป เพื่อไม่ต้องการให้มีองค์กรอิสระเลือกข้าง จนประเทศไปไหนไม่ได้อย่างทุกวันนี้เลยครับท่าน ตลก.

ประเด็นสุดท้ายที่กระผมอยากถามเพื่อความกระจ่างก็คือ

ตลก.ที่วินิจฉัยเรื่องนี้นั้น อย่างน้อยมี 3 คนที่เคยเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมา แล้วมารับวินิจฉัยในคำร้องนี้ จะไม่ถือว่า มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างนั้นหรือครับ

ตลก.ที่วินิจฉัยเรื่องนี้นั้น อย่างน้อยมีหนึ่งคนที่บอกให้รับๆไปก่อน ถ้ามีปัญหาค่อยมาแก้ทีหลัง การแก้รัฐธรรมนูญมันง่ายนิดเดียว แต่ทำไมรัฐบาลหนึ่งถึงแก้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนอีกรัฐบาลกลับยากเย็นยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาล่ะครับ

สุดท้ายอยากถามท่าน ตลก.ทั้งหลายว่า ถ้าต้องการให้ประเทศเดินหน้าอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องมาสะดุดที่พวกท่านอย่างนี้ ทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ควรมาขอความกรุณาจากพวกท่านคอยชี้แนวทาง วางแผนนโยบายต่างๆ เพื่อนำไปบริหารประเทศ อย่างนี้ดีหรือเปล่าครับท่าน ตลก.ทั้งหลาย