พระเถระผู้ใหญ่สายปฏิบัติตามแนววัดป่าหลวงปู่ชาบรรยายธรรมปฏิบัติและการเจริญจิตภาวนาแก่กลุ่มผู้นำทางความคิดในกรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่สมิธโซเนียนสนใจเข้าร่วมฝึกปฏิบัติสมาธิเป็นจำนวนมาก
ช่วงท้ายมีสมาชิกและคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐสภานำโดยนายโทนี คาร์เดนาส (แคลิฟอร์เนีย) นายทิม ไรอัน (โอไฮโอ) นายโทมัส ซูโอซซี (นิวยอร์ก) สนใจสอบถามประเด็นต่าง ๆ และพระอาจารย์ตอบด้วยความกระจ่างชัด และออท. พิศาล มาณวพัฒน์ ยังได้แนะนำผู้สนใจให้ศึกษาเพิ่มเติมผ่านสารคดีเรื่อง The Buddha comes to Sussex ของสถานีข่าวบีบีซีว่าด้วยการเดินทางของไปเผยแผ่พุทธศาสนาที่สหราชอาณาจักรของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) และนำไปสู่การเผยแผ่และฝังรากลึกพระพุทธศาสนาสายปฏิบัติตามแนววัดป่าในโลกตะวันตกรวมทั้งที่สหรัฐฯ ด้วย
นอกจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ แล้ว ยังมีกำหนดบรรยายธรรมที่ศูนย์ริพลีย์ของสถาบันสมิธโซเนียน ในวันที่ 30 มิถุนายน โดยสถานทูตไทยร่วมกับสถาบันสมิธโซเนียนจัดบรรยายธรรมและปฏิบัติสมาธิเจริญจิตภาวนาโดยพระเถระสายปฏิบัติตามแนววัดป่าของหลวงพ่อชา 4 รูป นำโดยพระอาจารย์ปสันโน เจ้าอาวาสวัดอภัยคีรี แคลิฟอร์เนีย โดยมี ออท. พิศาล มาณวพัฒน์ คณะเจ้าหน้าที่ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันสมิธโซเนียนนับร้อยคนเข้าร่วม
นายมาร์ตี อาร์เธอร์ ผู้แทนสถาบันสมิธโซเนียนกล่าวนำถึงพุทธศาสนานิกายเถรวาทและการทำสมาธิซึ่งส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและการใช้ชีวิต และนิมนต์พระอาจารย์ปสันโน พระอาจารย์วีระธัมโม พระอาจารย์ชยันโต และพระอาจารย์โมเช่บรรยายธรรม
พระอาจารย์ปสันโนกล่าวถึงทุกข์และสุขว่าเป็นสภาวะที่เกิดคู่กัน กล่าวคือทุกข์เป็นสภาวะที่ไม่ปกติ ไม่สบายแต่สุขนั้นเป็นสภาวะตรงกันข้าม ซึ่งทุกคนล้วนต้องการหาความสุขทั้งสิ้น แต่การทำสมาธิไม่ใช่การหาความสุข หากแต่เป็นการรับรู้ทุกข์และสุขอย่างมีสติโดยไม่ไหลตามกับสภาวะเหล่านั้น
พระอาจารย์ปสันโนยังกล่าวถึงการทำสมาธิว่า หลายคนเข้าใจว่า เวลาฝึกสมาธิจะต้องควบคุมไม่ให้ความคิดทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเพราะต้องการควบคุมจิตใจ ซึ่งไม่ควร เพราะเป็นการเคร่งตึงเกินไป ความสงบของจิตเป็นสภาวะที่ไม่ควรถูกควบคุม หากแต่ควรระลึกรู้และมองเห็นวงเวียนของความคิดว่าจิตนั้นเป็นอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นแล้ว จิตรู้สึกอย่างไร และเลือกที่จะกระทำออกไปอย่างไร เมื่อมีสติเราจึงจะรับรู้ได้ว่า มันมีทางเลือกอื่นก่อนที่เราจะกระทำเสมอ ทั้งนี้ เพราะความคิดเป็นสิ่งหมุนวนตลอดเวลา ในการเพ่งดูความคิดนั้นหากเรามองดูสิ่งสวยงาม ความคิดเราก็จะลุ่มหลง หากเรามองสิ่งน่าเกลียด ก็จะรู้สึกขยะขแยง การดูลมหายใจจึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด เพราะลมหายใจนั้นเป็นกลาง และไหลเวียนตลอดเวลา การดูลมหายใจจึงเป็นการปรับสภาพจิตให้สงบลง ซึ่งทำให้การมองวงเวียนความคิดง่ายขึ้น
ภายหลังการแสดงธรรม ผู้เข้าร่วมได้ทดลองนั่งสมาธิประมาณ 10 นาที เกิดบรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบเงียบ หลังจากนั้น ผู้สนใจสอบถามเรื่องสมาธิ อาทิ หากไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนไม่มีใครสอนจึงไม่เริ่ม หรือควรฝึกเป็นกลุ่มที่มีคนนำ การฝึกสมาธิที่ดีควรเป็นแบบไหน พระอาจารย์ปสันโนแนะนำให้เริ่มปฎิบัติและหัดนั่งมองจิตไปเรื่อย ๆ เพื่อเข้าใจวงเวียนของความคิด ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งเท่านั้นตามแต่ละวิธีที่มีความถนัด แต่ต้องไม่พยายามมาก ต้องปล่อยไปเรื่อย ๆ ตามทางสายกลาง
ชาวตะวันตกสนใจพระพุทธศาสนา เมื่อความเจริญวัตถุก้าวหน้าแต่มีทุกข์ ลองปล่อยวางแล้วหันมาดูจิตใจของเราดูบ้าง??
ช่วงท้ายมีสมาชิกและคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐสภานำโดยนายโทนี คาร์เดนาส (แคลิฟอร์เนีย) นายทิม ไรอัน (โอไฮโอ) นายโทมัส ซูโอซซี (นิวยอร์ก) สนใจสอบถามประเด็นต่าง ๆ และพระอาจารย์ตอบด้วยความกระจ่างชัด และออท. พิศาล มาณวพัฒน์ ยังได้แนะนำผู้สนใจให้ศึกษาเพิ่มเติมผ่านสารคดีเรื่อง The Buddha comes to Sussex ของสถานีข่าวบีบีซีว่าด้วยการเดินทางของไปเผยแผ่พุทธศาสนาที่สหราชอาณาจักรของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) และนำไปสู่การเผยแผ่และฝังรากลึกพระพุทธศาสนาสายปฏิบัติตามแนววัดป่าในโลกตะวันตกรวมทั้งที่สหรัฐฯ ด้วย
นอกจากที่รัฐสภาสหรัฐฯ แล้ว ยังมีกำหนดบรรยายธรรมที่ศูนย์ริพลีย์ของสถาบันสมิธโซเนียน ในวันที่ 30 มิถุนายน โดยสถานทูตไทยร่วมกับสถาบันสมิธโซเนียนจัดบรรยายธรรมและปฏิบัติสมาธิเจริญจิตภาวนาโดยพระเถระสายปฏิบัติตามแนววัดป่าของหลวงพ่อชา 4 รูป นำโดยพระอาจารย์ปสันโน เจ้าอาวาสวัดอภัยคีรี แคลิฟอร์เนีย โดยมี ออท. พิศาล มาณวพัฒน์ คณะเจ้าหน้าที่ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันสมิธโซเนียนนับร้อยคนเข้าร่วม
นายมาร์ตี อาร์เธอร์ ผู้แทนสถาบันสมิธโซเนียนกล่าวนำถึงพุทธศาสนานิกายเถรวาทและการทำสมาธิซึ่งส่งผลดีต่อสภาพจิตใจและการใช้ชีวิต และนิมนต์พระอาจารย์ปสันโน พระอาจารย์วีระธัมโม พระอาจารย์ชยันโต และพระอาจารย์โมเช่บรรยายธรรม
พระอาจารย์ปสันโนกล่าวถึงทุกข์และสุขว่าเป็นสภาวะที่เกิดคู่กัน กล่าวคือทุกข์เป็นสภาวะที่ไม่ปกติ ไม่สบายแต่สุขนั้นเป็นสภาวะตรงกันข้าม ซึ่งทุกคนล้วนต้องการหาความสุขทั้งสิ้น แต่การทำสมาธิไม่ใช่การหาความสุข หากแต่เป็นการรับรู้ทุกข์และสุขอย่างมีสติโดยไม่ไหลตามกับสภาวะเหล่านั้น
พระอาจารย์ปสันโนยังกล่าวถึงการทำสมาธิว่า หลายคนเข้าใจว่า เวลาฝึกสมาธิจะต้องควบคุมไม่ให้ความคิดทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเพราะต้องการควบคุมจิตใจ ซึ่งไม่ควร เพราะเป็นการเคร่งตึงเกินไป ความสงบของจิตเป็นสภาวะที่ไม่ควรถูกควบคุม หากแต่ควรระลึกรู้และมองเห็นวงเวียนของความคิดว่าจิตนั้นเป็นอย่างไร เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นแล้ว จิตรู้สึกอย่างไร และเลือกที่จะกระทำออกไปอย่างไร เมื่อมีสติเราจึงจะรับรู้ได้ว่า มันมีทางเลือกอื่นก่อนที่เราจะกระทำเสมอ ทั้งนี้ เพราะความคิดเป็นสิ่งหมุนวนตลอดเวลา ในการเพ่งดูความคิดนั้นหากเรามองดูสิ่งสวยงาม ความคิดเราก็จะลุ่มหลง หากเรามองสิ่งน่าเกลียด ก็จะรู้สึกขยะขแยง การดูลมหายใจจึงเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด เพราะลมหายใจนั้นเป็นกลาง และไหลเวียนตลอดเวลา การดูลมหายใจจึงเป็นการปรับสภาพจิตให้สงบลง ซึ่งทำให้การมองวงเวียนความคิดง่ายขึ้น
ภายหลังการแสดงธรรม ผู้เข้าร่วมได้ทดลองนั่งสมาธิประมาณ 10 นาที เกิดบรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบเงียบ หลังจากนั้น ผู้สนใจสอบถามเรื่องสมาธิ อาทิ หากไม่เคยฝึกสมาธิมาก่อนไม่มีใครสอนจึงไม่เริ่ม หรือควรฝึกเป็นกลุ่มที่มีคนนำ การฝึกสมาธิที่ดีควรเป็นแบบไหน พระอาจารย์ปสันโนแนะนำให้เริ่มปฎิบัติและหัดนั่งมองจิตไปเรื่อย ๆ เพื่อเข้าใจวงเวียนของความคิด ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งเท่านั้นตามแต่ละวิธีที่มีความถนัด แต่ต้องไม่พยายามมาก ต้องปล่อยไปเรื่อย ๆ ตามทางสายกลาง