เขียนมาตรงนี้เพื่อให้ SME และรายย่อยเห็นว่า ทุกธุรกิจมีปัญหาให้ต้องปรับตัว เมื่อแนวโน้มมันไม่ดี ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กก็ร่วงได้
หากเราจำยุครุ่งเรื่องของชาได้ ยี่ห้อนึงที่เราคงคุ้นตาคือ อิชิตัน แน่นอนว่าตลาดชายุคนั้นรุ่งเรื่องมาก แต่เมื่อเกิดสงครามราคา และความนิยมชาลดลง
ลองมาดู กำไรของบริษัทอิชิตันย้อนหลังเป็นดังนี้
ปี 2557 อิชิตันมีกำไร 1,078 ล้านบาท
ปี 2558 อิชิตันมีกำไร 813 ล้านบาท
ปี 2559 อิชิตันมีกำไร 369 ล้านบาท
ปี 2560 ไตรมาสแรก อิชิตันมีกำไรลดลง -75% จากปี 2559

ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความถดถอยของอิชิตัน โดยบริษัทให้เหตุผลไว้ว่าตลาดชาไม่เติบโต และมีการแข่งขันทางด้านราคาสูงมาก

กลับมาดู SME และเกษตรกรรากหญ้า เวลาเราเกิดปัญหา เรามักเรียกร้องให้รัฐบาลหรือคนอื่นมาช่วยแบกรับ ประกันราคา มาช่วยรับซื้อ หรือช่วยมาอุ้ม
แต่ความจริงนั้น โลกนี้มันอยู่ที่กลไกตลาด คุณต้องรู้ว่าแนวโน้มตลาดเป็นอย่างไร แล้วปรับตัว

วันนี้เกษตรกรไทย ปลูกข้าว ปลูกพืช ไม่เคยคำนึงถึงตลาด ปลูกอะไรก็ปลูกอย่างนั้น

ส่วน SME ก็ไม่เคยปรับตัว พอเทคโนโลยัใหม่เข้ามา ก็ร้องแร่แห่กระเชิง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเอานวัตกรรม และเทคโนโลยีมาพัฒนาตัวเอง

กรณีอิชิตัน เค้าก็ต้องปรับตัว เช่น

จนอิชิตันต้องหันไปหาตลาดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งตอนนี้ก็ยังขาดทุนที่ตลาดนี้อยู่
อิชิตันไปซื้อ Bireley มา ก็ดูเหมือนจะเหนื่อยกับแบรนด์นี้เช่นกัน
ล่าสุดอิชิตันออกเครื่องดื่มชูกำลัง T247 ก็คงต้องเอาใจช่วยว่าเครื่องดื่มนี้จะมีคนดื่มกันมากน้อยแค่ไหน

แต่คุณจะเห็นได้ว่า เราต้องยืนบนขาตัวเอง หาทางสู้ทุกวัน เพื่ออยู่รอด อย่าปฏิเสธกลไกตลาด อย่าหลอกตัวเอง อย่ามัวแต่เรียกให้คนอื่นมาช่วย เพราะทุกคนทำได้ คนไทยเก่งมาก การพัฒนาตัวเองทุกวันนั่นแหละ ยั่งยืน ที่สุดแล้ว